DC Extended Universe บทที่ 1 (ตำนานเทพเจ้า)

หมวดหมู่ DC ผู้เขียน

7,000 ล้านปี ก่อนคริสตกาล ณ จักวาลอันไกลโพ้น..ห่างไกลจากกาแล็กซี่ทางช้างเผือก 8.7 พันล้านปีแสง ณ ดวงดาวที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ Rao ดาวดวงนี้มีชื่อว่า ดาว Krypton อยู่ในอาณาเขตกาแล็กซี่ Xano ก็เริ่มกำเนิดอารยธรรมกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยบนดาวดวงนี้ นั่นคือชาว Kryptonian (คริปโตเนี่ยน)

ณ มิติเทพเจ้า มหาเทพเจ้าผู้มีนามว่า Zeus (ซุส) ผู้ปกครองเขา Olympus (โอลิมปัส) ซึ่งอยู่ในมิติสรวงสวรรค์แห่ง Olympian God (โอลิมเปี้ยน ก้อด) ซึ่งเทพเจ้าเหล่านี้คือโอลด์ก้อดที่กำเนิดมาพร้อมๆจักรวาลเกิดใหม่

 

198,000 ปี ก่อนคริสตกาล ซุสได้ใช้อำนาจของตนเองสร้างมนุษย์ขึ้นมายังดาวเคราะห์ดวงหนึ่งของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก ดาวเคราะห์นั้นคือ โลก โดยซุสบันดาลให้มนุษย์มีรูปร่างเฉกเช่น Olympian God (เหล่าเทพเจ้าและเทพสตรีแห่งโอลิมปัส)  นี่จึงถือว่า คือจุดกำเนิดของมนุษย์ชายหญิงทั้งมวล..

ซุสสร้างมนุษย์ (Wonder Women)

 

หนึ่งในบุตรแห่งซุสนามว่า แอรีส เทพเจ้าแห่งสงคราม ไม่ค่อยชอบใจที่พ่อรักในตัวเหล่ามนุษย์ผู้แสนอ่อนแอและรวนเรเหล่านี้ แอรีสรู้ว่าธรรมชาติมนุษย์มีความเลวร้ายแฝงอยู่ทุกคน แอรีสจึงเริ่มกระตุ้นความเลวร้ายต่างๆภายในจิตใจมนุษย์ให้ตื่นขึ้น

มนุษย์ที่มีทั้งความหวาดระแวง ความทะเยอทะยาน แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น อิจฉาริษยาอาฆาต ฯลฯ มนุษย์นั้นจึงเริ่มรบราฆ่าฟันทำสงครามกันเองอย่างที่แอรีสต้องการ เทพแอรีสแค่กระตุ้นให้มันเกิดเร็วขึ้นเท่านั้น

แอรีสกระตุ้นมนุษย์ที่เลวร้ายอยู่แล้ว (Wonder Women)

 

ซุสเห็นว่ามนุษย์เริ่มคิดร้ายๆ สร้างความรุนแรง ซุสจึงสร้างเหล่านักรบหญิงอมตะชาวเผ่า Amazon (อเมซอน) ขึ้นมาจาก “ความรัก” เพื่อให้ชาวอเมซอนเริ่มสร้างสันติและความสงบสุขให้กับเหล่ามวลมนุษย์ เมื่อกาลเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ชาวอเมซอนก็เริ่มเห็นความเลวร้ายในตัวมนุษย์เช่นเดียวกับที่แอรีสเห็น

กำเนิดชาวอเมซอน (Wonder Women)

 

ในขณะที่ซุสสร้างชาวอเมซอน เทพเจ้าโพไซดอน หนึ่งในโอลิมเปี้ยนก้อดแห่งเขาโอลิมปัส ก็ได้สร้างทวีปแอตแลนติสขึ้นมาบนโลกเช่นกัน ครอบครองพื้นที่ไปถึง 7 คาบสมุทรบนโลก และให้เหล่าสายเลือดของพระองค์ปกครองทั้ง 7 อาณาจักรแห่งทวีปแอตแลนติส

ทวีปแอตแลนติส (Aquaman)

 

คิงแอตแลน กษัตริย์คนแรกของแอตแลนติส ผู้ครอบครองตรีศูลแห่งแอตแลน ซึ่งถูกสร้างมาจากเหล็กกล้าโพไซดอน จัดเป็นศาตราวุธในมิติเทพเจ้า ตรีศูลแอตแลนมีอำนาจมากมายควบคุมได้ทั้งท้องทะเล คิงแอตแลนรวบรวมทั้ง 7 อาณาจักรแห่งทวีปแอตแลนติสไว้เป็นหนึ่งเดียวได้

คิงแอตแลน (Aquaman)

 

 

98,000 ปี ก่อนคริสตกาล ที่ดาวคริปตอน ผู้อาวุโสชาวคริปโตเนี่ยน ส่งยานอวกาศออกไปหลายพันลำ เพื่อออกไปสืบเสาะหาดวงดาว ที่มีระบบนิเวศฯใกล้เคียงกับการดำรงชีวิตของเผ่าพันธุ์คริปโตเนี่ยนไปทั่วทั้งจักรวาลทุกๆระบบกาแล๊กซี่ และยานทุกๆลำของชาวคริปโตเนี่ยนมีเครื่องจักรสร้างโลก ซึ่งเป็นเครื่องที่มีเทคโนโลยีสูงถึงขนาดปรับสภาพภูมิอากาศและระบบนิเวศได้ทั้งดวงดาว และจะแปรเปลี่ยนดวงดาวนั้นๆให้มีระบบนิเวศฯเหมาะสมกับการดำรงชีวิตของชาวคริปตอนให้สมบูรณ์100% เพื่อที่จะก่อตั้งอาณานิคมบนดวงดาวเหล่านั้น

Kryptonian Law Council สภาสูงคริปโตเนี่ยน (Man of Steel)

 

ที่โลก ในยุคที่มนุษย์ทั่วไปยังไร้ซึ่งเทคโนโลยี แต่คิงแอตแลนกลับนำพาชาวแอตแลนเธี่ยนให้เจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด ซึ่งมันคงเร็วจนเกินไป คิงแอตแลนนำพลังงานของตรีศูลมาทดลอง ทำให้มหานครแอตแลนติสทั้งทวีปต้องจมลงสู่ใต้สมุทรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..

หลังจากทวีปแอตแลนติสจมสู่ก้นทะเล หากแต่ชาวแอตแลนเธี่ยนที่เหลือรอดชีวิต ก็เริ่มวิวัฒนาการมีความสามารถพิเศษอาศัยอยู่ใต้น้ำได้ แถมแข็งแกร่งขึ้นด้วย เนื่องจากสายเลือดมหาเทพโพไซดอน และเริ่มมีความหลากหลายในเผ่าพันธุ์ที่ผสมผสานกับผืนทะเล..

แอตแลนติสจมสู่ใต้สมุทร (Aquaman)

 

หลักจากช่วงเวลาที่ทวีปแอตแลนติสนั้นจมหายไปจากแผ่นดินโลก ความเลวร้ายในตัวมนุษย์ก็เริ่มคุมคามชาวอเมซอน เมื่อมนุษย์จับเหล่าชาวอเมซอนไปเป็นทาสเพื่อเสพสมข่มขืนบำเรอกามารมณ์

ราชินี Hippolyta (ฮิปโปลีต้า) แห่งอเมซอน และแม่ทัพคู่ใจ Antiope (แอนทิโอพี) ซึ่งเป็นน้องสาวของฮิปโปลีต้า จึงนำชาวอเมซอนที่เหลือลุกฮือปลดแอกพวกของตนจากการเป็นทาสมนุษย์ได้สำเร็จ และหันหลังให้มนุษย์นับตั้งแต่นั้น แต่ชาวอเมซอน ก็ยังคงรักษาความสงบให้โลกเรื่อยมา ซุสสร้างเกาะ Themyscira (เทอมีสคีร่า) ขึ้นมาบนโลก เพื่อให้เหล่านักรบสตรีชาวอเมโซเนี่ยนที่ตนรักอาศัย

ควีนฮิบโปลีต้ากอบกู้ชาวอเมซอน (Wonder Women)

 

28,000  ก่อนคริสตกาล ที่โลก ขณะที่ชาวคริปโตเนี่ยนล่าอาณานิคมไปทั่วจักรวาล แต่ที่โลก Steppenwolf (สเตฟเพ่นวูล์ฟ) เอเลี่ยนพละกำลังสูงส่งระดับนิวก้อด นำของวิเศษแห่งจักรวาล 3 ชิ้น ที่เรียกขานว่า Mother Box (มาเธอร์บ็อกซ์) รุกรานโลกเพื่อยึดครอง โดยนำเหล่าปีศาจเอเลี่ยน Parademons (พาราเดม่อน) มาด้วย

สเตฟเพ่นวูล์ฟและนักบวชอโพโคลิปส์ (Justice League)

 

สเตฟเพ่นวูล์ฟจะใช้มาเธอร์บ็อกซ์ทั้งสามเปลี่ยนโลกให้มีสภาพเหมือนอาณาจักร อโพโคลิปส์ ของตน เพื่อนำโลกมนุษย์ถวายให้หัวหน้าตนเองนามว่า Darkseid (ดาร์คไซด์) นิวก็อดผู้ทรงอำนาจยิ่งกว่าตน

สเตฟเพ่นวูล์ฟคิดไปเองว่า โลกมนุษย์ยึดครองโดยง่าย จึงไม่ใช้มาเธอร์บ็อกซ์ทั้งสามใบเปลี่ยนสภาพโลกทันที หากแต่คิดจะทำการเข่นฆ่ามนุษย์ไปให้หมดสิ้นด้วยอิเล็กโตร-แอ๊กซ์ อาวุธคู่ใจของตนเสียก่อน มนุษย์ที่ตายไปหลายชีวิตด้วยคมขวานอิเล็กโตร-แอ๊กซ์ จึงคืนชีพขึ้นมาเป็นปีศาจเอเลี่ยนพาราเดมอนมากมาย กลายเป็นกองทัพให้สเตฟเพ่นวูล์ฟเพิ่มเติมเรื่อยๆ

พาราเดมอน (Justice League)

 

หากแต่มนุษย์โลก มิยอมให้สเตฟเพ่นวูล์ฟและพาราเดมอนย่ำยีโลกง่ายๆ ซุสจึงนำเหล่าโอลด์ก็อดแห่งโอลิมปัส เช่น อาธีมิส ซุส ลงมาช่วยมนุษย์สู้ ชาวอเมโซเนี่ยนก็มาร่วมสู้ ชาวแอตแลนเธี่ยนก็มาร่วมสู้

รวมถึง Yalan Gur กรีนแลนเทิร์นที่ปกป้องเซคเตอร์บริเวณโลก ก็มาร่วมสู้ด้วย แต่ยาเลน แห่งแลนเทิร์นคอร์ป ถูกสเตฟเพ่นวูล์ฟฆ่าตายไปในเหตุการณ์นี้ พร้อมกับที่แหวนแลนเทิร์นของยาเลนลอยออกนอกจักรวาลไป เพื่อค้นหาผู้ปกป้องเขตโลกคนใหม่ 

ยาเลนพลีชีพปกป้องโลก (Justice League)

 

ในศึกนี้ สเตฟเพ่นวูล์ฟกำลังจะใช้มาเธอร์บ๊อกซ์ทั้ง 3 ชิ้นหลอมรวมกันและเปลี่ยนโลกกลายเป็นอโพโคลิปส์ได้อยู่แล้ว แต่ทุกฝ่ายที่ร่วมปกป้องโลกก็ช่วยกันทำลายขั้นตอนนั้น

ซุสใช้สายฟ้าแยกมาเธอร์บ็อกซ์ทั้ง 3 ชิ้นออกจากกัน และขับไล่สเตฟเพ่นวูล์ฟกับพาราเดมอนขึ้นยานอวกาศล่าถอยหนีออกจากโลกไปได้สำเร็จ หลังจากนั้นสเตฟเพ่นวูล์ฟก็ถูกพวกพ้องนิวก็อดเนรเทศ โทษฐานที่ยึดโลกไม่สำเร็จ

ซุส โอลด์ก็อด ลงมาสู้กับสเตฟเพ่นวูล์ฟ นิวก็อด (Justice League)

 

สเตฟเพ่นวูล์ฟ จึงถูกเหล่าพาราเดมอนฉุดกระชากให้ขึ้นยานล่าถอยไปด้วยความคับแค้นใจและเสียศักดิ์ศรี แต่ก็ต้องหนีไปก่อน เพราะมิอาจต้านทานพันธมิตรอันแข็งแกร่งทั้ง 5 กองทัพที่ปกป้องโลกไว้ได้ (มนุษย์,เทพเจ้าโอลิมปัส,แอตแลนติส,อเมซอน,กรีนแลนเทิร์นคอร์ป) รวมถึงสูญเสียมาเธอร์บ็อกซ์ทั้ง 3 ชิ้นไว้บนโลกมนุษย์ด้วย

มาเธอร์บ็อกซ์ทั้งสามกล่อง แยกย้ายไปเก็บรักษาอยู่กับสามเผ่าพันธุ์ อยู่กับคิงแอตแลนแห่งแอตแลนเธี่ยนหนึ่งกล่อง อยู่กับควีนฮิปโปลีต้าแห่งอเมโซเนี่ยนหนึ่งกล่อง อยู่กับกษัตริย์แห่งมนุษย์หนึ่งกล่อง เพื่อป้องกันการรุกรานจากผู้มาเยือนจากต่างดาว ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอีก

คิงแอตแลนนำมาเธอร์บ๊อกซ์ไปเก็บที่แอตแลนติส (Justice League)

 

16,000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวคริปโตเนี่ยนฝ่ายสรรหาอาณานิคมเดินทางมาจนถึง โลก ดวงดาวในระบบกาแล็กซี่ทางช้างเผือก หนึ่งในดวงดาวเป้าหมายที่เหมาะสมกับการดำรงเผ่าพันธุ์คริปโตเนี่ยน และยานก็จอดสงบนิ่งอยู่ที่นั่นเรื่อยมา..

ยานสำรวจอวกาศของคริปโตเนี่ยนลงจอดบนโลกเมื่อ 16,000 ปีก่อนคริสตกาล (Man of Steel)

 

เมื่อโลกสงบสุขมานานเกินไป ไม่มีสงครามอย่างที่แอรีสต้องการให้มี แอรีสจึงลงมาบู๊แหลกกับเหล่านักรบสตรีอเมซอนที่ซุสรักนักรักหนา โทษฐานมาทำให้โลกมีสันติ ซุสก็รู้ ถึงแม้ว่าเหล่านักรบสตรีอเมซอนนั้นสู้รบเก่งและมีอายุยืนยาวเป็นอมตะก็จริง หากแต่ร่างกายก็ยังคงอ่อนแอเฉกเช่นมนุษย์ธรรมดา และตายได้

ซุสจึงส่งเหล่าเทพเจ้าบนเขาโอลิมปัสลงมาสู้กับแอรีส ผลทำให้เหล่าเทพเจ้าที่ซุสส่งลงมาตายไปมากมาย รวมถึงโพไซดอนผู้สร้างแอตแลนติสก็โดนแอรีสกำจัดเช่นกัน

สงครามทวยเทพ (Wonder Women)

 

ซุสจึงลงมาสู้กับลูกชายด้วยตนเอง แต่พลังอำนาจของแอรีสนั้นสูสีกับซุส ซุสจึงใช้พลังแทบทั้งหมดของตนโจมตีแอรีส ผลทำให้แอรีสสูญเสียพลังอำนาจของตนเองไปมากมาย และตกลงมาอยู่บนโลก กลับขึ้นสวรรค์แห่งเขาโอลิมปัสไม่ได้อีกเลย แอรีสจึงอาศัยปะปนกับเหล่ามนุษย์ที่แอรีสจงเกลียดจงชังนับตั้งแต่นั้น

หากแต่ซุสก็สูญเสียพลังไปมากมายเช่นกันในการโจมตีแอรีสครั้งนั้น ซุสจึงใช้พลังสุดท้ายที่เหลือของตนใช้เวทย์ฉาบเกาะเทอมีสคีร่าแห่งชาวอเมซอนไว้ ไม่ให้มนุษย์หรือแอรีสค้นพบ

ซุสปะทะกับแอรีส (Wonder Women)

 

เรื่องราวของเหล่าเทพเจ้าแห่งเขาโอลิมปัส กลายเป็นตำนานเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่น มีโบราณสถานมากมายที่ซึ่งมนุษย์เชื่อว่า เทพเจ้าของพวกเขาอยู่ที่แห่งนั้น และมีการสร้างเทวรูปรวมถึงสถานที่บูชาเทพเจ้าโอลิมปัสกระจัดกระจายไปทั่วยุโรป

ที่ทวีปแอตแลนติส คิงแอตแลน ใช้ช่วงบั้นปลายในชีวิตตนเองปลีกวิเวก และนำตรีศูลของตนไปซ่อนเร้นไว้ ณ อาณาจักรร่องสมุทร 1 ใน 7 อาณาจักรแห่งทวีปแอตแลนติส ณ สถานที่ลึกลับของอาณาจักรนี้ คิงแอตแลนก็สิ้นอายุขัย หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครพบศพคิงแอตแลนกับตรีศูลอีกเลย..

วาระสุดท้ายของคิงแอตแลน (Aquaman)

 

ชาวแอตแลนเธี่ยน ก็กระจัดกระจายแบ่งเป็น 7 อาณาจักรใต้สมุทร ปกครองด้วยกษัตริย์ทุกอาณาจักร บางอาณาจักรก็วิวัฒนาการทางสรีระและปัญญาสูงขึ้น บางอาณาจักรก็วิวัฒนาการถดถอยจนเกือบจะเป็นสัตว์น้ำ

ราชาทั้ง 7 อาณาจักรแห่งทวีปแอตแลนติส (Aquaman)

 

 

ณ Rock of Eternity สถานที่ซึ่งอยู่ต่างมิติ กลุ่มผู้วิเศษที่มีพลังแกร่งกล้า 7 คน ที่มีเวทย์อัญเชิญพลังจากเหล่าเทพเจ้ามาใช้ได้ ทั้ง 7 คือผู้ดูแลรักษามิติแห่งเวทย์ที่เรียกขานว่า Rock of Eternity (อัคนีแห่งนิรันดร์) เค้าทั้ง 7 ถูกเรียกขานว่า Shazam (ชาแซม)

5,000 ปี + ก่อนคริสตกาล อยู่มาเนิ่นนาน จนกระทั่งชาแซมทั้ง 7 ได้ทำการคัดเลือดแชมเปี้ยนจากมนุษย์ เพื่อมอบพลังชาแซมให้กับคนผู้นั้น ซึ่งตัวอักษรของคำว่า Shazam 6 ตัว คือตัวอักษรแรกของเทพและผู้มีความสามารถสูงล้ำ ดังนี้

S ย่อมาจาก Solomon มีปัญญา

H ย่อมาจาก  Hercules พละกำลัง

A ย่อมาจาก Atlas ความอดทน

Z ย่อมาจาก Zeus สายฟ้าและอำนาจ

A ย่อมาจาก Achiles ความกล้าหาญ

M ย่อมาจาก Mercury ว่องไว

แต่แชมเปี้ยนผู้ที่ถูกเลือกให้ได้พลังชาแซมนามว่า Teth-Adam (เทธ อดัม) ใช้พลังชาแซมของตนเองทำการปลดปล่อย Seven Deadly Enemies of Man (บาปทั้ง 7 ศัตรูของมนุษยชาติ) ออกมาจากอัคนีแห่งนิรันดร์เพื่อล้างแค้น   ชาแซมแชมเปี้ยนคนนี้จึงกลายเป็น Black Adam (แบล็ค อดัม) ซึ่งเมื่อได้รับการปลดปล่อย บาปทั้ง 7 ทำให้มนุษย์ล้มตายไปนับล้านชีวิต

ชาแซมดั้งเดิมอีก 7 คน พยายามกักขังแบล็คอดัมไว้ และพยายามจับบาปทั้ง 7 กักขังไว้เช่นกัน แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้ชาแซมถูกกำจัดไป 6 คน คงเหลือซาแชมคนสุดท้ายที่ยังดูแลมิติอัคนีแห่งนิรันดร์ นำพลังของซาแชมพวกพ้องและของตนใส่คฑา อยู่เฝ้ารูปปั้นที่กักขังบาปทั้ง 7 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้วิเศษชาแซมคนสุดท้าย จะไม่ยอมยกพลังชาแซมให้ใครง่ายๆอีกแล้ว ถ้าคนผู้นั้นไม่ใฝ่ดีพอ

ชาแซมคนสุดท้าย (Shazam)

 

4,000 ปี + ก่อนคริสตกาล แต่ที่โลกมนุษย์ มิได้มีเพียงแค่เทพตกสวรรค์อย่างแอรีส หรือนักรบเผ่าอมตะอย่างชาวอเมโซเนี่ยน หรือชนเผ่าเทพเจ้าอย่างชาวแอตแลนติส หรือผู้วิเศษอย่างซาแชม หรือการมาเยือนของชาวคริปโตเนี่ยน หากแต่ยังมีสิ่งเร้นลับและทรงพลังมากมายเข้ามาในโลก หนึ่งในสิ่งเร้นลับนั้น คือพ่อมดแม่มดจากต่างมิติ

พ่อมดผู้พี่ Incubus (อินคิวบัส) และแม่มดผู้น้อง Enchahtress (เอนชานเทรส) ทั้งสองนั้นไม่ระบุชัดเจนว่าก่อนหน้านี้อยู่ในมิติใด แต่เมื่ออยู่บนโลกบริเวณทวีปอเมริกาตอนใต้ ทั้งสองที่มีพลังเหลือคณา จึงถูกสักการะโดยชนเผ่ามายัน

มหาพ่อมด อินคิวบัส (Suicide Squad)

 

เหล่ามนุษย์ต่างยกให้อินคิวบัสและเอนชานเทรสเป็นเทพเจ้าของพวกเขา เนื่องด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์และเวทย์มนต์ของทั้งสอง ทำให้มนุษย์เกรงกลัวความชั่วร้ายของทั้งคู่

แต่เหล่าหมอผีกลุ่มนึง ก็ใช้วิชาทั้งหมดของพวกตนหาทางจับอินคิวบัสและเอนชานเทรสกักขังให้จงได้ และก็เป็นผลสำเร็จ พลังงานอันแสนทรงอานุภาพคล้ายวิญญาณของทั้งคู่จึงถูกจองจำไว้ในตุ๊กตาดินเผา

มหาแม่มด เอนชานเทรส (Suicide Squad)

 

ตุ๊กตาดินเผาที่เก็บวิญญาณของทั้งคู่ ถูกนำไปซ่อนไว้ยังสุสานลับใต้ดินของปิรามิดชนเผ่ามายันบริเวณอเมริกาใต้นับตั้งแต่นั้น ซึ่งหัวใจของเอนชานเทรส เธอควักออกไปเก็บแยกไว้อีกที่แห่งนึงก่อนถูกจับ เพราะนางร้ายกาจกว่าพี่ชายมากนัก

 

3,000 ปี + ก่อนคริสตกาล ฮิปโปลิต้าให้กำเนิดลูกสาวหนึ่งคนชื่อ Diana (ไดอาน่า) ฮิปโปลิต้าพยายามไม่ให้ไดอาน่าจับอาวุธสู้รบเฉกเช่นชาวอเมซอนคนอื่น หากแต่สายเลือดนักรบในตัวไดอาน่ามันเข้มข้น ไดอาน่าจึงมักมาแอบดูท่านน้าเอนทิโอพีฝึกสอนเหล่านักรบอเมซอนตั้งแต่เด็กๆ

ไดอาน่าในวัยเด็ก (Wonder Woman)

 

และน้าของไดอาน่าคือแม่ทัพแอนทิโอพีก็สังเกตุเห็นเช่นกันว่า หลานของตนใฝ่รู้การสู้รบ แอนทิโอพีจึงแอบสอนไดอาน่าฝึกฝนนับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา จนย่างเข้าสู่วัยรุ่น ราชินีฮิปโปลีต้าก็จับได้ว่า น้องสาวของตนแอบสอนการต่อสู้ให้ลูกของตน

ในเมื่อห้ามกันไม่ฟัง ฮิปโปลีต้าจึงสั่งให้แอนทิโอพีฝึกสอนไดอาน่าให้หนักกว่าผู้อื่นสิบเท่า ไดอาน่าจะได้แข็งแกร่งที่สุดในเกาะเทอมีสคีร่า ฮิปโปลิต้ามอบกำไลสนับแขนให้ไดอาน่าใส่นับตั้งแต่นั้น ซึ่งมันคืออาวุธของมิติเทพเจ้าโอลิมปัส

แอนทิโอพี แม่ทัพแห่งชาวอเมซอน (Wonder Woman)

 

คริสตศักราชที่ 1500 โดยประมาณ ที่ดาวคริปตอน ผู้อาวุโสก็ยกเลิกการสร้างอาณานิคมบนดาวดวงอื่น และเริ่มควบคุมประชากรคริปโตเนี่ยนไม่ให้สืบพันธุ์แบบร่วมเพศอีกต่อไป หากแต่สร้างตัวอ่อนขึ้นมาทดแทนประชากรที่ตายลงไป ไม่ให้เพิ่มมากเกินควรนั่นเอง แถมยังระบุในพันธุกรรมชัดเจนถึงสถานะทางสังคม ว่าใครควรเป็นทหาร เป็นแรงงาน เช่นนี้เป็นต้น ทำให้จำกัดสิทธิ์ในการเลือกเส้นทางชีวิตของประชากรของชาวคริปโตเนี่ยนที่เกิดขึ้นใหม่

สภาผู้อาวุโสชาวคริปตอนสร้าง Codex ไว้ เพื่อให้เป็นแหล่งเก็บข้อมูลทางวิศวพันธุกรรมของเผ่าพันธุ์ตนเองนับล้านชีวิต และนำไปเก็บไว้ยังถ้ำนิรภัยใต้น้ำที่อยู่ใต้สภาผู้อาสุโสอีกที หากวันใดที่ต้องอพยพย้ายเผ่าพันธุ์ ผู้ถูกเลือกจะได้นำโคเด๊กซ์ไปสร้างอารยธรรมของชาวคริปตอนบนดาวดวงใหม่ได้

โคเด๊กซ์ (Man of Steel)

 

ชาวคริปโตเนี่ยนยังได้เริ่มนำพลังงานจากแกนดาวคลิปตอนมาใช้อย่างมากมาย ซึ่งชาวคริปโตเนี่ยนก็รู้อยู่แก่ใจว่า การที่เผ่าพันธุ์ตนเองนั้นสูบพลังงานในดาวคริปตอนออกมาใช้เรื่อยๆอย่างนี้ ซักวันดวงดาวคริปตอนต้องตายแน่นอน..

 

คริสตศักราชที่ 1918 ที่โลก บนเกาะเทอมีสคีร่า ไดอาน่าเจริญเติบโตเต็มวัยสาว (และมีอายุเกือบๆ 5,000 ปี) ฝึกสู้รบจนเก่งกาจกว่าสตรีนักรบอเมซอนทั่วไปแล้ว ควบคู่กับการเรียนประวัติศาสตร์มนุษย์และภาษาต่างๆของโลกภายนอก และก็มาถึงวันที่เป็นจุดเปลี่ยนชะตาชีวิตของไดอาน่า..

ไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งอเมซอน (Wonder Woman)

 

เมื่อระหว่างการฝึกสู้รบกับแอนทิโอพีในวันหนึ่ง ไดอาน่าเผลอนำกำไลคล้องแขนทั้งสองข้างฟาดใส่กัน กำเนิดเป็นพลังสายฟ้าระเบิดออกมาจากกำไล ทำให้แอนทิโอพีน้าของตนโดนพลังนี้เข้าเต็มๆจนบาดเจ็บหนัก

ไดอาน่าได้แต่ขอโทษ และเสียใจวิ่งหนีเตลิดไป ท่ามกลางสายตาของชาวอเมซอนที่จับจ้อง และแววตาความกังวลอย่างชัดเจนของฮิปโปลีต้า ไดอาน่าไม่รู้ว่าตนเองทำให้เกิดสายฟ้าได้เช่นไร และกำลังยืนเหม่อครุ่นคิดอยู่ที่หน้าผา ทันใดนั้นก็มีเครื่องบินรบของเยอรมันแหวกช่องว่างมิติมา และตกลงที่อ่าวของเกาะเทอมีสคีร่า

ไดอาน่ารับรู้ถึงพลังสร้างสายฟ้าของตนเองครั้งแรก (Wonder Woman)

 

ไดอาน่ากระโดดลงไปเพื่อช่วยเหลือเครื่องบินลำนั้น และดึงตัวนักบินผู้ขับออกมาจากเครื่องที่กำลังจมลงทะเล ไดอาน่าลากชายผู้นั้นขึ้นไปบนชายหาด

และนี่ คือการพบกับมนุษย์เพศชายตัวเป็นๆครั้งแรกของไดอาน่า เพราะที่ผ่านมารู้จักเพียงในตำราเท่านั้น และชายผู้นี้ก็คือ Steve Trevor (สตีฟ เทรเวอร์) นายทหารที่สวมเครื่องแบบทหารเยอรมัน

สตีฟ เทรเวอร์ ชายคนแรกที่ไดอาน่าพบ (Wonder Woman)

 

สตีฟฟื้นขึ้นมางงๆเพียงครู่เดียว เรือรบเยอรมันลำนึงก็ตามเข้ามาในมิติของเกาะเทอมีสคีร่าเช่นกัน เหล่าทหารเยอรมันนั่งเรือบดยกพลขึ้นบกเกาะเทอมีสคีร่าทันที ซึ่งเหล่านักรบสตรีชาวอเมซอนก็ออกมาปะทะเช่นกัน การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่ชายฝั่ง

การต่อสู้บนหาดเทอมีสคีร่า (Wonder Woman)

 

การสู้รบนี้จบลงด้วยชัยชนะของชาวอเมซอน แต่แอนทิโอพีใช้ตัวบังกระสุนให้ไดอาน่า ทำให้แอนทิโอพีตายลงไปด้วย ราชินีฮิปโปลิต้ากำลังจะฆ่าสตีฟ แต่ไดอาน่ามาขวางไว้ และบอกว่าสตีฟช่วยพวกเราสู้กับทหารเยอรมัน ฮิปโปลิต้าจึงจับสตีฟเข้าไปในวังเพื่อสอบสวน

ที่โถงประชุมในวังของเทอมีสคีร่า (Wonder Woman)

 

สตีฟถูกบ่วงบาศก์แห่งความจริงมัดร่างเอาไว้ ทำให้สตีฟพูดความลับของตนเองทุกอย่างว่า ขณะนี้โลกเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 มีคนตายไปนับล้านคนแล้ว ซึ่งตนคือสายลับอังกฤษที่แฝงตัวเข้าไปในกองทัพเยอรมันเพื่อล้วงข้อมูล จนกระทั่งได้รู้ว่านายพล Erich Ludendorff (อีริซ ลูเดนดอล์ฟ) นั้นกำลังจะสร้างอาวุธชีวภาพสุดอันตราย

สตีฟต้องพูดความจริง ปิดบังไม่ได้ (Wonder Woman)

 

โดยมี Dr. Maru (ด็อกเตอร์ มารู) นักวิทยาศาสตร์สาวใจอำมหิตเป็นผู้ผลิต ซึ่งเหล่าทหารเยอรมันและผู้คนในแวดวงสงครามต่างขนานนามด็อกเตอร์มารูว่า Doctor Poison (ด็อกเตอร์ พ้อยซั่น) เพราะเธอเชี่ยวชาญด้านแก้สพิษเป็นพิเศษ

สตีฟนั้นควรจะกลับมารายงานฝ่ายพันธมิตรที่อังกฤษอย่างเงียบๆ แต่สตีฟทนปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้ สตีฟจึงขโมยตำราของดร.มารูออกมาเพื่อถ่วงเวลาได้สักพัก และเพื่อนำหลักฐานนี้กลับอังกฤษด้วย แต่ดร.มารูไหวตัวว่าตำราพิษของตนเองหาย จึงสั่งทหารเยอรมันตามไล่จับสตีฟที่เห็นเพียงหลังไวๆกำลังหนี

สตีฟขับเครื่องบินมุ่งหน้าไปอังกฤษ ทหารเยอรมันนำเรือรบไล่ตามมา การไล่ล่าจึงมาจบลงที่เกาะเทอมีสคีร่า สตีฟขอให้ฮิปโปลิต้าปล่อยตนเองกลับอังกฤษไปรายงานเรื่องการทดลองของดร.มารูโดยด่วน มิเช่นนั้นจะมีคนตายไปอีกหลายล้านคนแน่นอน

ด็อกเตอร์มารู (Wonder Woman)

 

เมื่อไดอาน่าฟังจบ จึงฟันธงทันทีว่า สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้มีเทพเจ้าแห่งสงครามอย่างแอรีสอยู่เบื้องหลังแน่นอน มิเช่นนั้นมนุษย์คงไม่เข่นฆ่ากันเองไปมากมายอย่างที่สตีฟเล่า ไดอาน่าอยากไปที่ศูนย์กลางสงครามนี้กับสตีฟ แต่ฮิปโปลีต้านั้นเห็นว่า ธรรมชาติมนุษย์มีพื้นฐานเลวร้ายอยู่ตั้งแต่ต้น ไม่ได้เกี่ยวกับแอรีสมากนัก จึงไม่คิดปล่อยสตีฟกลับไป

ในคืนนั้นเอง ไดอาน่าจึงแอบเข้าไปในหอเก็บอาวุธเทพเจ้า และนำเอาดาบฆ่าเทพเจ้าออกมา เพราะฮิปโปลีต้าเล่าให้ไดอาน่าฟังเสมอว่า ดาบเล่มนี้ผู้แข็งแกร่งที่สุดในเกาะเท่านั้นที่คู่ควร และดาบมีอำนาจสังหารเทพเจ้าอย่างแอรีสได้ ไดอาน่ารู้ตอนนี้เองว่าตนแข็งแกร่งทรงพลังและกระโดดไกล ไดอาน่านำทั้งโล่ทั้งบ่วงบาศก์แห่งความจริงและชุดเกราะมาด้วย

ไดอาน่ากับชุดเกราะของเธอ (Wonder Woman)

 

เมื่อได้ทุกอย่างครบ ไดอาน่าก็แอบพาสตีฟหนีไปขึ้นเรือใบลำเล็กที่จอดอยู่ปากอ่าว ฮิปโปลีต้ากับทหารคุ้มกันขี่ม้าตามมาก่อนที่ไดอาน่าจะขึ้นเรือ ซึ่งในเมื่อขัดขวางไม่ได้ ฮิปโปลีต้าจึงมาส่งดีๆ และมอบรัดเกล้าของแอนทิโอพีให้ไดอาน่าใส่ เพื่อรำลึกถึงน้าตนเองผู้เป็นแม่ทัพที่เก่งกาจ

ที่ประเทศอังกฤษ เพียงคืนเดียวสตีฟและไดอาน่าก็มาถึงเกาะอังกฤษ แต่ไดอาน่าอยากไปที่กลางสมรภูมิรบเลยเพื่อฆ่าแอรีส สตีฟพอมีความรู้บ้างว่า แอรีสคือเทพเจ้าแห่งสงครามในความเชื่อของกรีก และคงไม่มีอยู่จริง แต่ก็ไม่อยากขัดใจไดอาน่า สตีฟจึงกล่อมให้ไดอาน่านำตำราของดร.มารูไปมอบให้หัวหน้าตนเองก่อน หลังจากนั้นสตีฟจะพาไดอาน่าไปที่กลางสนามรบ

สตีฟพาไดอาน่าไปเปลี่ยนชุด และฝากโล่กับดาบฆ่าเทพเจ้าไว้กับเลขาของสตีฟที่ชื่อ Etta (เอทต้า) เป็นการชั่วคราว หลังจากนั้นสตีฟก็พาไดอาน่าไปที่ประชุมของเหล่าผู้นำฝ่ายพันธมิตร

เอทต้า (Wonder Woman)

 

สตีฟสั่งให้ไดอาน่ารออยู่นอกห้องประชุม แต่ไดอาน่านั้นไม่ฟัง และเดินดุ่มๆเข้าไปในที่ประชุม ทำให้เหล่าผู้ชายแตกตื่น เพราะยุคสมัยนั้นผู้หญิงไม่มีสิทธิ์มีเสียงเรื่องการบ้านการเมือง

ในขณะที่ไดอาน่าเดินดุ่มๆเข้าไปนั้น Sir Patrick Morgan (เซอร์แพททริค มอร์แกน) ทูตสันติภาพของอังกฤษกำลังพยายามอธิบายให้เกิดการลงนามสงบศึกกัน เพราะนั่นคือทางออกที่ดีที่สุด แต่เซอร์แพททริคก็อึ้งเช่นกันที่เห็นไดอาน่าเดินเข้ามา หลังจากนั้นสตีฟจึงรีบพาไดอาน่าออกไปจากห้อง

เซอร์แพททริค (Wonder Woman)

 

เมื่อผู้บังคับบัญชาของสตีฟและเซอร์แพททริคเห็นตำราของดร.มารู ก็เรียกให้นักภาษามาแกะทันที แต่ก็ไม่มีใครอ่านที่ดร.มารูเขียนออก ยกเว้นไดอาน่าที่ศึกษาภาษาต่างๆของมนุษย์มาทั้งโลกที่อ่านออก และนั่นคือนายพลลูเดนดอล์ฟจะปล่อยอาวุธชีวภาพในอีกไม่กี่วัน ไม่ได้คิดจะเซ็นสัญญาสงบศึกอย่างที่เซอร์แพททริคคาดไว้

สตีฟถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้อยู่เฉยๆ ห้ามขัดขวางการลงนามสงบศึกเด็ดขาด ไดอาน่าจึงโวยวายว่าต้องหยุดนายพลลูเดนดอล์ฟ มิเช่นนั้นคนตายมากมายแน่นอน สตีฟต้องรีบพาไดอาน่าออกมาจากห้องประชุมโดยด่วน และสัญญาว่าจะแอบพาไดอาน่าไปถล่มฐานที่มั่นของนายพลลูเดนดอล์ฟที่เก็บอาวุธชีวภาพ ซึ่งอยู่กลางสนามรบในประเทศเบลเยี่ยม

ไดอาน่าอยู่ในเครื่องแต่งกายสาวอังกฤษ (Wonder Woman)

 

ซึ่งตอนนี้ไดอาน่าคิดว่า นายพลลูเดนดอล์ฟคือเทพเจ้าแอรีสแน่ๆ เพราะนายพลคนนี้ทำให้เกิดสงครามโลก แต่สตีฟไม่อยากขัดเรื่องไม่เดียงสาและเพ้อฝันของไดอาน่า จึงทำเป็นเออออไปด้วยก่อน

ภารกิจหลักคือ ทำลายโรงงานอาวุธชีวภาพเท่านั้น และห้ามฆ่านายพลลูเดนดอล์ฟ เนื่องจากอาจจะทำให้การลงนามสงบศึกไม่เป็นผล สตีฟจึงพาไดอาน่าไปหาเพื่อนๆทหารรับจ้างสองคนคือ Sameer และ Charlie (ซาเมียกับชาร์ลี) ในผับขณะที่ชาร์ลีกำลังมีเรื่อง เพื่อนำสองคนนี้ไปด้วย

นักเลงกำลังถือปืนมาหาเรื่องชาร์ลี (Wonder Woman)

 

โดยที่เซอร์แพททริคตามมาในผับที่ทุกคนคุยกัน เพื่อให้เงินสนับสนุนภารกิจนี้ หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เดินทางไปที่ใจกลางสมรภูมิการปะทะกันในเบลเยี่ยม ระหว่างทหารฝ่ายสัมพันธมิตรนำโดยอังกฤษ กับ ฝ่ายไตรพันธมิตรนำโดยเยอรมัน

ที่ประเทศเบลเยี่ยม สตีฟพาทุกคนมาสมทบกับ Chief นายพรานอินเดียนแดงฝีมือเยี่ยม ที่เชี่ยวชาญในพื้นที่แห่งนี้ดี และไดอาน่าก็พบกับความโหดร้าย ความหดหู่ ผู้คนบาดเจ็บมากมายในสงคราม ไดอาน่ายิ่งตอกย้ำความคิดที่ว่า มนุษย์โหดร้ายใส่กันเช่นนี้เพราะแอรีส

สตีฟพาไดอาน่ามาที่สมรภูมิรบกลางยุโรป (Wonder Woman)

 

ไดอาน่าไปกลางสนามรบ และได้ข้อมูลจากชาวบ้านว่า หมู่บ้านของที่นี่ถูกเยอรมันยึด และยังมีผู้คนติดอยู่ในหมู่บ้าน ไดอาน่าจึงคิดจะฝ่าทหารเยอรมันบุกไปยึดหมู่บ้านคืน สตีฟกับเพื่อนๆลุยตามไปด้วย ในที่สุดไดอาน่าก็ยึดหมู่บ้านนี้ได้สำเร็จ ปลดปล่อยชาวบ้านได้ทั้งหมด ช่างถ่ายรูปจึงขอถ่ายภาพฮีโร่ของพวกเขาเก็บไว้เป็นที่ระลึก

รูปถ่ายสำคัญในประวัติศาสตร์ ซาเมีย/สตีฟ/ไดอาน่า/ชีฟ/ชาร์ลี (Wonder Woman)

 

เมื่อยึดหมู่บ้านได้ สตีฟก็โทรไปหาเอทต้า เพราะทางเอทต้านั้นทำงานประสานงานอยู่ในออฟฟิศเซอร์แพททริค เอทต้ารายงานสตีฟว่า นายพลลูเดนดอล์ฟจะจัดงานเลี้ยงในวันรุ่งขึ้น เซอร์แพททริคย้ำอีกครั้งว่าห้ามสตีฟฆ่านายพลลูเดนดอล์ฟเด็ดขาด หลังจากนั้นสายลับทั้ง 5 คนก็ดื่มกินพักผ่อนกันที่หมู่บ้านนี้ทั้งคืน

สตีฟกับไดอาน่า เกิดอารมณ์โรแมนติคเต้นรำกัน และมีเซ็กส์กันในคืนนั้น (Wonder Woman)

 

พอรุ่งเช้า คณะสายลับสงครามทั้ง 5 คนก็ลอบไปที่งานเลี้ยงของนายพลลูเดนดอล์ฟ ไดอาน่าพยายามจะฆ่านายพลลูเดนดอล์ฟ แต่สตีฟมาห้ามทัน และนายพลลูเดนดอล์ฟก็ออกจากงานเลี้ยงไป

ซึ่งแท้จริงแล้ว งานเลี้ยงนี้มีเพื่อให้เหล่าชนชั้นสูงและนายทหารเยอรมันชมการทดลองอาวุธชีวภาพที่ดร.มารูคิดค้นขึ้น โดยยิงอาวุธชีวภาพนี้ใส่หมู่บ้านที่ไดอาน่าไปช่วยไว้เมื่อวานนั่นเอง

ไดอาน่ารีบขี่ม้ากลับไปที่หมู่บ้านก็ไม่ทันเสียแล้ว คนทั้งหมู่บ้านตายหมดทั้งเด็กคนแก่และผู้หญิง ไดอาน่าโทษว่า เป็นเพราะสตีฟที่ห้ามไม่ให้ไดอาน่าฆ่านายพลลูเดนดอล์ฟ ที่ไดอาน่าคิดว่าเป็นแอรีส เรื่องโหดร้ายนี้จึงเกิดขึ้น

ไดอาน่าเดินท่ามกลางแก้สพิษ (Wonder Woman)

 

สตีฟไม่มีปัญญาห้ามไดอาน่า จึงทำได้เพียงบอกทางที่นายพลลูเดนดอล์ฟมุ่งหน้าไป เพราะชีฟสะกดรอยตามนายพลลูเดนดอล์ฟไปก่อนหน้านี้ และชีฟก็ส่งสัญญาณควันให้เพื่อนๆรู้

ไดอาน่าขี่ม้าตามสัญญาณควันของชีฟไปจนถึงฐานผลิตอาวุธชีวภาพ และบุกเข้าไปถึงตัวนายพลลูเดนดอล์ฟอย่างรวดเร็ว ไดอาน่าใช้ดาบสังหารเทพเจ้าปักเข้าไปกลางหัวใจของนายพลลูเดนดอล์ฟตายทันที

นายพลลูเดนดอล์ฟก่อนตาย (Wonder Woman)

 

แต่.. เหล่าทหารเยอรมันก็ยังคงเคลื่อนย้ายอาวุธชีวภาพขึ้นเครื่องบินไปโจมตีศัตรูเช่นเดิม ทำให้ไดอาน่ารับความจริงไม่ได้ว่ามนุษย์ยังไม่หยุดคิดชั่วร้าย จังหวะเดียวกับที่สตีฟตามมาพอดี สตีฟพยายามบอกไดอาน่าว่า มนุษย์นั้นชั่วร้ายอยู่ในสายเลือด ไม่เกี่ยวกับแอรีส

สตีฟได้แต่คิดสงสารไดอาน่า ที่ความเชื่อของเธอนั้นไม่เป็นจริง และนายพลลูเดนดอล์ฟไม่ใช่แอรีสอย่างที่เธอคิด แต่สตีฟยังมีหน้าที่ต้องหยุดยั้งเครื่องบินบรรทุกระเบิดอาวุธชีวภาพมากมายเหล่านั้น สตีฟจึงต้องปล่อยให้ไดอาน่าเคว้งคว้างเช่นนั้นคนเดียว

เมื่อสตีฟไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆสายลับหาวิธีหยุดเครื่องบิน เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเซอร์แพททริคมาปรากฎตัวที่ฐานเยอรมันเช่นกัน และบอกความจริงกับไดอาน่าว่า เค้าคือเทพเจ้าแห่งสงครามแอรีสนั่นเอง และแอรีสก็เริ่มเล่าทุกอย่างให้ไดอาน่าฟัง..

ไดอาน่ากำลังฟังแอรีส (Wonder Woman)

 

แอรีสนั้นเป่าหูบอกแนวทางการสร้างสูตรอาวุธชีวภาพให้ดร.มารู และพยายามให้มีการเซ็นสัญญาสงบศึกขึ้น เพราะแอรีสรู้ว่าลูเดนดอล์ฟต้องใช้จังหวะนี้ที่ทั้งสองฝ่ายกำลังอ่อนท่าทีโจมตีอังกฤษอย่างสายฟ้าแล่บ และสงครามจะไม่มีวันจบไปอีกนานแสนนานจนกว่าโลกจะล่มสลาย

แอรีสเล่าให้ไดอาน่าฟังต่อไปว่า เมื่อแอรีสเห็นไดอาน่าในห้องประชุมที่อังกฤษ แอรีสรู้ทันทีว่า ไดอาน่าคือชาวอเมซอนลูกสาวของฮิปโปลีต้า เบื้องต้นแอรีสคิดอยากจะฆ่าไดอาน่า แต่คิดไปคิดมา แอรีสอยากชักชวนไดอาน่ามาเป็นพรรคพวกมากกว่า

ไดอาน่าฟังดังนั้นก็ใช้ดาบสังหารเทพเจ้าแทงร่างแอรีสทันที แต่แอรีสใช้มือบังดาบไว้และดาบก็แตกละเอียดเป็นผุยผง เพราะอาวุธที่สังหารเทพเจ้ามิใช่ดาบเล่มนี้ หากแต่เป็นตัวไดอาน่าเองต่างหากที่เป็นลูกของซุสกับฮิปโปลีต้าคืออาวุธฆ่าเทพเจ้า

เซอร์แพททริคคือเทพแห่งสงครามแอรีส (Wonder Woman)

 

ไดอาน่าไม่หลงกลแอรีส ไดอาน่าอยากปกป้องโลกไม่ใช่ทำลายโลก สองพี่น้องจึงสู้กันโครมครามระเบิดระเบ้อ ทำให้สตีฟแทบไม่เชื่อสายตาตนเองว่าเทพแอรีสมีจริงอย่างที่ไดอาน่าบอก และสตีฟก็ตัดสินใจขึ้นไปบนเครื่องบินเพื่อทำลายระเบิดด้วยตนเอง

ไดอาน่าคุยกับสตีฟแว่บนึง ซึ่งสตีฟบอกรักไดอาน่า และให้นาฬิกาของตนเองกับไดอาน่า ก่อนจะขึ้นเครื่องบินบรรทุกระเบิดชีวภาพไป หลังจากนั้น ไดอาน่าก็เพลี่ยงพล้ำแอรีสเพราะสู้ไม่ไหว จังหวะเดียวกับที่เห็นเครื่องบินของสตีฟระเบิดต่อหน้าต่อตา เพราะสตีฟยอมตายไปพร้อมกับอาวุธชีวภาพ

สตีฟสั่งเสียไดอาน่า (Wonder Woman)

 

ไดอาน่าดึงพลังแฝงของตนออกมาได้เกือบเต็มที่ และใช้กำไลรับสายฟ้าที่แอรีสโจมตีใส่ ก่อนจะปล่อยสายฟ้านั้นโจมตีแอรีสกลับ ผลทำให้แอรีสถูกทำลายไปในตอนนั้นนั่นเอง

หลายวันต่อมา.. ฝ่ายสัมพันธมิตรนำโดยอังกฤษ มีชัยชนะเหนือฝ่ายไตรพันธมิตรนำโดยเยอรมัน สงครามโลกครั้งที่ 1 จึงสิ้นสุดลง ฝ่ายผู้แพ้อย่างเยอรมันนั้น ถูกคว่ำบาตรในทุกๆด้าน ต้องอยู่อย่างแร้นแค้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..

ที่อังกฤษ หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารอังกฤษคนหนึ่งที่เป็นต้นตระกูล Stone ก็ได้ขุดค้นพบมาเธอร์บ๊อกซ์ในกลางป่าประเทศอังกฤษ โดยไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แค่ว่ามันปล่อยคลื่นพลังบางอย่างออกมา หลังจากนั้น มิสเตอร์สโตนก็ย้ายมาอยู่ที่อเมริกา และเริ่มวิจัยสิ่งนี้..

มาเธอร์บ๊อกซ์ที่มนุษย์เก็บรักษาไว้ถูกค้นพบแล้ว   (Justice League)

 

 

จบบทที่ 1

 

ผู้เขียน หลวงจีนหอไตร

Hello! Every one. จุดเริ่มต้นงานเขียนของผมก็คือ ผมเป็นนักอ่านก่อนครับ และที่ผ่านมาผมก็หาอ่านงานเขียนแนวสรุปภาพยนตร์ยากเย็นเหลือเกิน ผมจึงเริ่มเขียนบทความเองและสร้างเว็บไซต์เองซะเลย

ดูโพสท์ทั้งหมด

Tags: