เนื้อเรื่อง Insidious Chapter 1,2,3,4

หมวดหมู่ FILM ผู้เขียน

Spoiler Alert !! บทความนี้ เขียนเรียงตามไทม์ไลน์นะครับ ว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อนหลัง ผมจะเขียนกำกับไว้ที่รูปประกอบ ว่าเนื้อหาช่วงนั้นเกิดขึ้นในภาคใด รวมมา 4 ภาคเลยนะครับ สปอยล์แน่นอน ไปเริ่มกันเลยครับ..

.

สิ่งที่ควรรู้ในจักรวาลอินซิเดียส

ปรภพ คือ มิติที่ทับซ้อนในโลกความเป็นจริง ถิ่นที่อยู่ของปีศาจและวิญญาณที่ยังไม่ไปผุดไปเกิด เป็นทางผ่านไปสู่ภพภูมิอื่น ปรภพห้วงลึกๆนั้นอยู๋เหนือกาลเวลาอีกด้วย

ประตูสีแดง คือ ทางเข้าของอาณาเขตต่างๆภายในปรภพ ซึ่งมักจะมีปีศาจและวิญญาณร้ายอยู่หลังประตูนั้น  และมีมากมายหลายประตู

ปีศาจ คือ สิ่งที่จุติขึ้นมาจากความชั่วร้าย ไม่เคยเป็นวิญญาณหรือเคยเป็นมนุษย์มาก่อน ออกมาจากปรภพได้ช่วงสั้นๆ เป็นครั้งคราว เพื่อล่อลวงมนุษย์

วิญญาณ หรือ ผี คือ สิ่งที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่ตายไปแล้ว มีทั้งดี และ ร้าย ออกมาจากปรภพหรือภพภูมิอื่นให้มนุษย์ได้เห็นและสัมผัสได้เป็นครั้งคราวเช่นกัน

กายทิพย์ คือ ดวงจิตของมนุษย์ที่ยังไม่ตาย ซึ่งการถอดกายทิพย์นั้นต้องเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษแฝงในตัว มนุษย์เหล่านี้มีพลังดึงดูดเสริมให้ปีศาจและวิญญาณปรากฏตัวในโลกมนุษย์ได้นานขึ้นด้วย

กายหยาบ คือ ร่างของมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ เป็นที่หมายปองของวิญญาณร้ายและปีศาจ เพราะมันจ้องจะสิงสู่กายหยาบมนุษย์เพื่อมาอยู่บนโลกความเป็นจริงได้ยาวนาน โดยการล่อลวงให้มนุษย์ผู้นั้นถอดกายทิพย์ออกจากร่าง

 

เข้าสู่เนื้อหา

ในจักรวาลภาพยนตร์

อินซิเดียส

 

ค.ศ. 1920 ที่รัฐแคลิฟอเนีย Michelle Crane หญิงที่มีปัญหาทางจิต ได้ให้กำเนิดบุตรชายที่ชื่อ Parker Crane ขึ้นมา แต่มิเชลนั้นอยากได้ลูกสาวมากกว่า ด้วยความจิตของนาง มิเชลจึงจับปาร์คเกอร์แต่งหญิง และบังคับให้ปาร์คเกอร์ใช้ชีวิตแบบผู้หญิงตั้งแต่เด็ก

มิเชลมักทารุณกรรมทุบตีปาร์คเกอร์เสมอ เมื่อปาร์คเกอร์ทำไม่ได้ดังใจ เด็กน้อยผู้น่าสงสารอย่างปาร์คเกอร์ จึงถูกหล่อหลอมขึ้นมาเป็นบุคคลที่มีปัญหาทางจิตรุนแรงเช่นเดียวกันกับมิเชลแม่ของเขา

ปาร์คเกอร์และมิเชล (Insidious 2)

 

ค.ศ. 1953 ผ่านมา 30 กว่าปี ขณะที่ปาร์คเกอร์เติบโตกลายเป็นหนุ่มใหญ่โรคจิต อีกฟากนึงของประเทศ ที่รัฐนิวแม็กซิโก เมืองไฟว์คีย์ สาวน้อยนามว่า Elise Rainier ในวัย 11 ขวบ ลูกสาวคนโตของครอบครัวเรนเนียร์ ก็เริ่มรับรู้ว่าตนเองมีความสามารถพิเศษที่สื่อสารกับโลกหลังความตายได้ แต่พ่อของเอลลิสคือ Gerald Rainier ซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำ ปฎิเสธความสามารถนี้ของเอลลิส

เจอรัลด์ เรนเนียร์ (Insidious 4)

 

เจอรัลด์มักใช้ไม้เท้าตนเองเฆี่ยนตีเอลลิส ถ้าเอลลิสแสดงออกถึงความสามารถพิเศษนี้ หากแต่แม่ของเอลลิสคือ Audrey Rainier ก็พยายามจะปกป้องลูกสาว ออดรีย์เข้าใจว่าเอลลิสเกิดมาพิเศษ จึงคอยเตือนไม่ให้เอลลิสแสดงออกถึงความสามารถนี้ให้พ่อเห็น

ออดรีย์ เรนเนียร์ (Insidious 4)

 

ด้านทาง Christian Rainier น้องชายของเอลลิส ก็รู้สึกไม่ดีเช่นกันที่เอลลิสชอบทำท่าทางว่าเห็นวิญญาณ ออดรีย์จึงให้นกหวีดไว้กับคริสเตียน และบอกคริสเตียนว่า ถ้าหวาดกลัวหรือมีปัญหา เป่านกหวีดนี้ ไม่ว่าแม่จะอยู่ที่ใด แม่จะรีบมาช่วยลูกๆทันที

คริสเตียนกับนกหวีดของเขา (Insidious 4)

 

และแล้ว.. ก็เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น เมื่อเอลลิสสัมผัสถึงวิญญาณอีกครั้ง ในเหตุการณ์นี้คริสเตียนทำนกหวีดหาย ส่วนทางด้านเจอรัลด์นั้นโมโหมาก จึงใช้ไม้เท้าคู่ใจเฆี่ยนตีเอลลิส และจับเอลลิสไปขังไว้ในห้องใต้ดินของบ้าน ที่นี่เองที่เอลลิสถูกปีศาจของเมืองไฟว์คีย์นามว่า KeyFace ล่อลวง

คีย์เฟซสัมผัสได้ว่าเอลลิสมีพลังที่จะเปิดประตูปรภพ หรือ ประตูสีแดง จึงล่อลวงให้เอลลิสใช้ความสามารถของเธอเปิดประตูมิติปรภพสีแดงของตนเอง เพื่อปลดปล่อยมันออกมาสู่มิติโลกมนุษย์

เอลลิส สาวน้อยจิตสัมผัส (Insidious 4)

 

ในระหว่างที่กายทิพย์เอลลิสหลุดสู่โลกปรภพนี้เอง กายทิพย์ของเอลลิสในวัยชราก็เข้ามาแนะนำกายทิพย์เอลลิสในวัยเด็ก ว่า  อย่าทิ้งความสามารถพิเศษนี้ไปเด็ดขาด และเอลลิสในวัยชรากับเอลลิสในวัยเด็กก็แยกกัน เพราะเอลลิสวัยชราโดยคีย์เฟซจับไป โดยเอลลิสในวัยเด็กไม่รู้ว่า นั่นคือตัวเธอในอนาคต (ปรภพข้ามมิติเวลาได้)

เอลลิสเด็กกับเอลลิสชราเจอกันในปรภพ (Insidious 4)

 

แต่ในโลกความจริงในห้องใต้ดินเวลาเดียวกัน ออดรีย์แม่ของเอลลิสก็ถูกคีย์เฟซใช้เชือกรัดคอจนตายต่อหน้าต่อตาเจอรัลด์ เมื่อเอลลิสหลุดออกมาสู่มิติปกติ จึงพบเพียงพ่อที่ร่ำไห้กอดร่างไร้วิญญาณของแม่

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจอรัลด์ก็เริ่มกลายเป็นคนโมโหร้าย และเริ่มทุบตีเอลลิสกับคริสเตียนบ่อยขึ้น หนักขึ้น โดยที่เด็กๆทั้งสองก็เพียงคิดว่า พ่อคงเสียใจเรื่องแม่ที่ตายไป

เจอรัลด์กอดศพออดรีย์ (Insidious 4)

 

หากแต่มันมีอะไรมากกว่านั้น เพราะแท้จริงแล้ว เจอรัลด์ถูกคีย์เฟซล่อลวงให้กลายเป็นคนเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ เพราะคีย์เฟซมันดำรงอยู่และแข็งแกร่งด้วยการเสพความหวาดกลัวความเจ็บปวดของมนุษย์

ผ่านมาหลายปี.. และเจอรัลด์ ก็กลายเป็นคนโฉดถึงขนาดจับผู้หญิงคนหนึ่งนามว่า Anna มาขังไว้เพื่อทรมานในห้องใต้ดิน โดยที่ลูกๆทั้งสองไม่รู้ เอลลิสในวัย 16 ปี ก็บังเอิญพบกับแอนนาในห้องซักผ้า เพราะแอนนาพยายามหนี แต่เอลลิสคิดว่าแอนนาคือวิญญาณหรือผี จึงบอกน้องชายและพ่อว่าเธอเห็นผู้หญิงในห้องซักผ้า เจอรัลด์พยายามจะเฆี่ยนตีเอลลิสอีกครั้ง แต่คราวนี้เอลลิสทนไม่ไหวแล้ว จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านทันทีในตอนนั้น

เอลลิสและคริสเตียนในวัยรุ่น (Insidious 4)

 

เจอรัลด์โมโหแอนนามาก และกลับไปฆ่าแอนนาในห้องซักผ้า วิญญาณของแอนนา จึงวนเวียนอยู่ภายในบ้านตระกูลเรนเนียร์ไม่ไปไหนอีกเลย หลังจากนั้นคริสเตียนน้องชายเอลลิสก็โดนเจอรัลด์พ่อตนทำร้ายบ่อยครั้ง คริสเตียนจึงโกรธเอลลิสมากที่ทิ้งตนไว้เผชิญความโหดร้ายจากพ่อเพียงลำพัง

แอนนาถูกเจอรัลด์ใช้ไม้เท้าทุบจนตาย (Insidious 4)

 

หลายปีผ่านไป.. หลังจากที่เจอรัลด์ในวัยชราตายลงไป เจอรัลด์ก็กลายเป็นหนึ่งในดวงวิญญาณที่ถูกคีย์เฟซจับขังไว้ในปรภพหลังประตูสีแดงอาณาเขตของคีย์เฟซ ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ต้องอยู่กับความทรมานเช่นนั้นไปตลอด แต่คีย์เฟซไม่สามารถออกไปไกลมากกว่าห้องใต้ดินได้ ทำได้เพียงรอคอยที่จะล่อลวงผู้อยู่อาศัยในบ้านตระกูลเรนเนียร์ ให้เข้าสู่ด้านมืด

เจอรัลด์กลายเป็นวิญญาณบาปในปรภพของคีย์เฟซ (Insidious 4)

 

ด้านทางเอลลิสนั้นก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัมผัสถึงวิญญาณ และออกเดินทางช่วยเหลือผู้คนที่ถูกวิญญาณผีร้ายรังควาน ในการเดินทางไปทั่วอเมริกา เอลลิสก็ได้พบกับเพื่อนนักปราบผีผู้มีนามว่า Carl เอลลิสและคาลจึงมักจับมือร่วมภารกิจช่วยผู้คนกันเป็นครั้งคราว..

เอลลิสและคาล (Insidious 2)

 

ที่รัฐแคลิฟอเนีย ปาร์คเกอร์ในวัยชรา ก็เริ่มฆาตกรรมหญิงสาวเพื่อชดเชยปมในอดีตที่ถูกแม่ทารุณ เค้ามักเห็นภาพหลอนและได้ยินเสียงมิเชลแม่ผู้ล่วงลับของเค้าเสมอ ปาร์คเกอร์มักแต่งเป็นหญิงชราในชุดแต่งงานสีดำเพื่อทำการฆาตกรรม จึงกำเนิดเป็นฆาตกรต่อเนื่องในนามว่า “Bride in Black” ปาร์คเกอร์นำร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายนับหลายสิบศพ ไปเก็บไว้ยังห้องชั้นใต้ดินบ้านของเขา

ปาร์คเกอร์กับเหยื่อของเขา (Insidious 2)

 

ต่อมา ปาร์คเกอร์ในวัยชรา ก็คลุ้มคลั่งและตัดอัณฑะตนเองจนเสียเลือดมาก มีผู้พบร่างอันสูญเสียเลือดของปาร์คเกอร์ จึงนำเค้าไปส่งโรงพยาบาลในเมืองลอสแองเจิลลิสที่ชื่อว่า โรงพยาบาล Our Lady of Angels โดยไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าชายแก่ผู้นี้นั้น แท้จริงก็คือฆาตกรต่อเนื่องไบรด์อินแบล็คผู้แสนวิปริตที่ทางการต้องการตัวที่สุด

ปาร์คเกอร์ หรือ ไบรด์อินแบล็ค “เจ้าสาวในชุดดำ” (Insidious 2)

 

ค.ศ. 1986 ที่เมืองลอสแองเจิลลิส Lorraine Lambert ทำงานเป็นแพทย์หญิงอยู่ที่โรงพยาบาล อาว เลดี้ แองเจิ้ล ลอเรนหย่าร้างกับสามีและมีลูกชายเพียงคนเดียวคือ Josh Lambert โดยที่จอชนั้นมีความสามารถพิเศษคือ ถอดกายทิพย์อย่างลืมตัวได้ในขณะหลับ โดยที่ตัวจอชเองก็ไม่เคยรับรู้ถึงพรสวรรค์นี้ และลอเรนแม่ของเขาก็ไม่รู้เช่นกัน

จอชและลอเรน (Insidious 2)

 

วันหนึ่ง ขณะที่ลอเรนกำลังเดินตรวจคนไข้ที่วอร์ดผู้ป่วยไอซียูในโรงพยาบาล เธอก็นำจอชผู้เป็นลูกชายมาด้วย และลอเรนก็พาจอชเข้าไปในห้อง 104 ซึ่งปาร์คเกอร์ฆาตกรต่อเนื่องผู้แสนชั่วร้ายกำลังนอนโคม่าไม่ได้สติอยู่ ลอเรนกำลังขอดูแฟ้มประวัติคนไข้ของปาร์คเกอร์จากนางพยาบาล จอซก็กำลังดูเครื่องช่วยหายใจตามประสาเด็กๆ ขณะที่ทุกคนกำลังเผลอ ปาร์คเกอร์ก็ลุกขึ้นมาจู่โจมจอช ทั้งหมอและพยาบาลต่างพากันช่วยจอชจากการถูกปาร์คเกอร์จับตัวกันชุลมุน

ปาร์คเกอร์พุ่งเข้าหาจอช (Insidious 2)

 

ไม่กี่วันต่อมา.. กลางดึกคืนหนึ่ง ขณะที่ลอเรนกำลังจะออกเวร ลอเรนก็ได้พบกับคนไข้ไอซียูอย่างปาร์คเกอร์อีกครั้งในลิฟท์โรงพยาบาล ลอเรนพยายามชวนปาร์คเกอร์คุย และเตือนปาร์คเกอร์ว่าควรนอนพัก เธอขอโทษแทนลูกชายที่เข้าไปรุ่มร่ามในห้องคนไข้ของปาร์คเกอร์ แต่เค้าก็ไม่พูดจาใดๆตอบโต้กลับมาทั้งสิ้น

กระทั่งลิฟท์ถึงชั้นล่าง ปาร์คเกอร์ก็เดินออกไปจากลิฟท์ทันที เมื่อลอเรนมาพูดคุยกับนางพยาบาลที่เข้าเวรอยู่ เธอก็ตำหนิว่าทำไมถึงปล่อยให้คนไข้ห้อง 104 อย่าง ปาร์คเกอร์ เครน ออกมาจากห้องไอซียูได้

ลอเรนพบปาร์คเกอร์ในลิฟท์ (Insidious 2)

 

นางพยาบาลคนนั้นจึงบอกกับลอเรนว่า คุณคงจะเข้าใจผิด เพราะคนไข้ไอซียูห้อง 104 ที่ชื่อปาร์คเกอร์นั้น กระโดดตึกตายไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าแล้ว!! แล้วที่ลอเรนเจอในลิฟท์คืออะไร???

ปาร์คเกอร์ เครน กลายเป็นผีร้ายที่ยังไม่ไปผุดไปเกิด วนเวียนอยู่ในปรภพ และผีปาร์คเกอร์มีหนทางเข้ามาในมิติโลกมนุษย์ได้เป็นครั้งคราว และเนื่องจากมันสัมผัสได้ว่าเด็กน้อยที่ชื่อจอช เปิดประตูปรภพได้โดยการถอดกายทิพย์

ผีร้ายปาร์คเกอร์ จึงเฝ้าติดตามหนูน้อยจอชนับตั้งแต่นั้น ปาร์คเกอร์มักจะล่อลวงจอชขณะถอดกายทิพย์ตอนหลับ และแสร้งมาตีสนิทกับจอช เพื่อดึงกายทิพย์ของจอชเข้าสู่ปรภพให้ลึกขึ้นเรื่อยๆ และนานขึ้นเรื่อยๆ โดยที่มันจะได้สิงกายหยาบจอชแทนนั่นเอง..

จอชโดนผีปาร์คเกอร์คุกคามหนักขึ้นเรื่อยๆ (Insidious 2)

 

รูปถ่ายของจอชจึงมักจะมีภาพติดวิญญาณของหญิงในชุดแต่งงานสีดำเสมอ และวิญญาณตนนั้นก็เข้ามาใกล้จอชเรื่อยๆให้เห็นในภาพถ่าย ลอเรนกลัวมาก จึงติดต่อไปหาผู้มีสัมผัสพิเศษทางโลกของวิญญาณ คาล ให้มาช่วยเหลือ โดยที่ลอเรนก็ไม่ได้รู้เลยว่า วิญญาณของหญิงในชุดแต่งงานสีดำกับปาร์คเกอร์คนไข้ของเธอที่เพิ่งตายไป มันคือคนเดียวกัน

เมื่อคาลมาถึงบ้านแลมเบิร์ต และสำรวจได้ซักระยะ คาลก็สัมผัสได้ถึงวิญญาณอาฆาตที่รุนแรงมาก และคาลก็รู้ตัวว่า ตนเองเพียงผู้เดียวคงรับมือผีร้ายตนนี้ไม่ไหว คาลจึงบอกลอเรนว่า ต้องให้เพื่อนสนิทผู้มีสัมผัสพิเศษเช่นกันมาช่วยอีกคน นั่นก็คือ เอลลิส เรนเนียร์

เอลลิส มาช่วยจอชที่บ้านของลอเรน (Insidious 2)

 

เมื่อเอลลิสมาถึง เธอก็สัมผัสถึงบางสิ่งได้เช่นกัน แต่เธอยังไม่รู้แน่ว่ามันคืออะไร เอลลิสจึงต้องขอทดสอบกับจอชด้วยตนเองก่อน โดยการสะกดจิตจอชให้หลับเพื่อซักถามจอช และให้คาลถ่ายวีดีโอขั้นตอนการทำพิธีไว้

เมื่อจอชหลับ พรสวรรค์การถอดกายทิพย์ก็แสดงให้เห็นทันที จอชบอกว่า มักมีผู้หญิงแก่ชุดแต่งงานสีดำมาหาเขา เมื่อเอลลิสถามว่า หญิงแก่ตนนั้นอยู่ที่ใดในบ้าน จอชจึงบอกทางไปกับเอลลิส

คาลกำลังอัดวีดีโอตอนจอชถอดกายทิพย์ (Insidious 2)

 

เมื่อเอลลิสเดินไปตามที่จอชบอกจนไปถึงห้องนอนของจอชบนชั้นสองของบ้าน และเปิดตู้เสื้อผ้าดู วิญญาณร้ายของปาร์คเกอร์ก็หลุดจากปรภพชั่วคราว และเล่นงานเอลลิสให้สัมผัสรับรู้ได้ แต่เอลลิสก็ยังคงไม่เห็นลักษณะรูปร่างหน้าตาของผีร้ายปาร์คเกอร์แบบชัดเจน

เอลลิสจึงรีบลงมาชั้นล่างของบ้าน และบอกกับลอเรนว่า จอชไม่ใช่คนธรรมดา หากแต่มีความสามารถถอดกายทิพย์ได้ นั่นทำให้มีผีร้ายตนหนึ่งซึ่งก็คือที่ลอเรนเห็นในภาพถ่ายคุกคามนั่นเอง

ลอเรนโดนปาร์คเกอร์โจมตี (Insidious 2)

 

ผีร้ายตนนี้มันต้องการล่อลวงกายทิพย์ของจอชไปสู่ปรภพ แล้วมันจะสิงกายหยาบของจอชแทน เอลลิสจึงเสนอทางเลือกให้ลอเรนว่า ต้องสะกดจิตจอชให้ลืมเรื่องราวเหล่านี้ และปิดกั้นความสามารถถอดกายทิพย์ของจอชด้วย

ยังไม่ทันที่ทุกคนจะตัดสินใจอะไร จอชซึ่งยังโดนสะกดจิตให้หลับและยังอยู่ในมิติปรภพ กายทิพย์จอชในวัยเด็กก็ได้รับการติดต่อจากกายทิพย์ของจอชในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งหลุดเข้ามาในปรภพนั่นเอง จอชผู้ใหญ่ถามกับจอชเด็กว่า ทางที่จะเข้าไปหาวิญญาณปาร์คเกอร์ต้องไปทางใด จอชเด็กจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อจะชี้ทาง

จอชผู้ใหญ่พบกับจอชเด็กในปรภพ (Insidious 2)

 

กลับมาในมิติโลกปกติ อยู่ๆจอชเด็กชึ่งนั่งหลับตาอยู่ ก็ลุกจากที่นั่งและหันไปคุยกับอะไรบางอย่าง (จอชผู้ใหญ่) ทำให้ทุกคนงุนงงแปลกใจกับพฤติกรรมจอชเด็ก และจอชเด็กก็เดินไปที่ทางเดิน ก่อนจะชี้มือไปที่ประตู และประตูในห้องครัวก็ค่อยๆ เปิดออกเอง..

จอชเด็กชี้ทางไปยังอาณาเขตของปาร์คเกอร์ (Insidious 2)

 

ตั้งแต่นั้นมา เอลลิสก็สะกดจิตลบความทรงจำของจอช และปิดกั้นพรสวรรค์ถอดกายทิพย์ของจอช เด็กน้อยผู้นี้จึงใช้ชีวิตปกตินับตั้งแต่นั้นจนเติบโต

แต่วิญญาณร้ายของปาร์คเกอร์ซึ่งยังคงอยู่ในปรภพ ก็อาฆาตแค้นเอลลิสนับตั้งแต่บัดนั้นเช่นกัน และมันก็ไม่สามารถมายังมิติโลกปกติได้อีกเลย แต่มันก็ยังรอคอยเวลาที่จะสะสางบัญชีแค้นกับเอลลิส

 

ผ่านมาอีกหลายปี.. คริสเตียน เรนเนียร์ น้องชายของเอลลิส ที่ย้ายออกจากบ้านมานานแล้วตั้งแต่พ่อตาย ก็ตัดสินใจประกาศขายบ้านเก่าของตน หลังจากนั้นคริสเตียนก็มีลูกสาวที่น่ารักสองคนคือ  Imogen Rainier และ Melissa Rainier โดยที่อีโมเจ้นนั้นมีพลังพิเศษสัมผัสถึงโลกวิญญาณเหมือนเอลลิสป้าของเธอ แต่เมลิสซ่าไม่ได้มีพลังพิเศษนั้น

อีโมเจ้นและเมลิสซ่า หลานๆของเอลลิส (Insidious 4)

 

ด้านเอลลิสก็ตัดสินใจอยู่กินกับ Jack  ฉันท์สามีภรรยา ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วยจอชจากผีปาร์คเกอร์ เอลลิสก็ไม่เคยถอดกายทิพย์เข้าไปในมิติปรภพอีกเลย เอลลิสและแจ็คอยู่กินกันมาหลายปี จวบจนกระทั่ง แจ็ค สามีของเอลลิสก็ฆ่าตัวตายโดยไม่ทราบสาเหตุ

แจ็ค สามีของเอลลิส (Insidious 3)

 

ค.ศ. 2008 เอลลิสที่สิ้นหวังและหดหู่ เอลลิสจึงทำสิ่งที่เธอหลีกเลี่ยงมาตลอด นั่นคือถอดกายทิพย์เข้าไปในมิติปรภพอีกครั้ง เพื่อออกตามหาวิญญาณของแจ็คสามีเธอ

แต่สิ่งที่เอลลิสเข้าไปพบกลับไม่ใช่แจ็ค มันกลับเป็นผีร้ายหญิงแก่ในชุดแต่งงานสีดำหรือปาร์คเกอร์นั่นเอง เพราะผีปาร์คเกอร์เจ็บแค้นเอลลิสตั้งแต่ที่เอลลิสช่วยจอชเมื่อตอนปี 1986 ผีปาร์คเกอร์พยายามจะฆ่าเอลลิสให้จงได้ แต่ในที่สุดเอลลิสก็หนีรอดออกมาจากปรภพได้สำเร็จ

ปาร์คเกอร์โจมตีเอลลิสในปรภพ (Insidious 3)

 

ด้วยความที่เธอหดหู่ที่สามีฆ่าตัวตายไป บวกกับผีปาร์คเกอร์มุ่งหวังจะฆ่าเธออีก เอลลิสจึงวางมือจากการขับไล่วิญญาณนับตั้งแต่นั้น และอยู่อย่างหดหู่เพียงคนเดียวในบ้านกับวอเรนหมาของเธอ

 

ค.ศ. 2009 ที่นิวเจอร์ซี่ ครอบครัวแบรนเนอร์ก็ได้สูญเสียแม่และภรรยาอันเป็นที่รักอย่าง Lillith Brenner ไปด้วยโรคมะเร็ง แต่ทุกคนในครอบครัวต้องผ่านมันไปให้ได้ ยกเว้น Quinn Brenner ลูกสาววัยรุ่นที่ยังยึดติดกับลิลลิธแม่ของเธออยู่

ควินน์ แบรนเนอร์ (Insidious 3)

 

ควินน์ พยายามเรียกหาวิญญาณของแม่ในปรภพ และด้วยจิตที่มุ่งมั่นอันแรงกล้า เสียงที่เธอเรียกก็ไปถึงมิติปรภพได้จริงๆ และประตูแดงมิติปรภพก็ได้เปิดชั่วคราวอีกครั้งจากพลังจิตอันแรงกล้าของควินน์

แต่สิ่งที่ได้ยินเสียงของเธอ กลับไม่ใช่วิญญาณลิลลิธแม่เธอ หากแต่เป็นผีร้ายที่อยู่ในมิติปรภพภายในแมนชั่นของเธอนั่นเอง ผีร้ายใส่เครื่องช่วยหายใจตนนี้ตายมาเนิ่นนานแล้ว และมันต้องการควินน์ไปอยู่กับมันในปรภพด้วย

ผีใส่เครื่องช่วยหายใจ (Insidious 3)

 

ควินน์เริ่มได้รับรู้ถึงสิ่งประหลาดรอบตัว ได้ยินเสียงแปลกๆ ภายในผนัง ข้าวของเคลื่อนย้ายเอง เธอนึกว่าแม่ติดต่อเธอ แต่ความจริงมันคือผีร้ายใส่เครื่องช่วยหายใจ ที่พยายามจะข้ามภพมาล่อลวงควินน์

ที่ลอสแองเจิลลิส ควินน์ได้รู้ข้อมูลจาก Maggie เพื่อนรักว่า มีหญิงร่างทรงผู้หนึ่งที่เก่งกาจในการติดต่อวิญญาณได้ นั่นก็คือ เอลลิส ควินน์จึงดั้นด้นไปหาเอลลิสที่บ้านของเอลลิสในลอสแองเจิลลิส แต่เมื่อไปถึง เอลลิสกลับบอกควินน์ว่า เธอเลิกทำงานด้านนี้แล้ว

เอลลิสพบกับควินน์ครั้งแรก (Insidious 3)

 

ควินน์นั้นจึงรับคำปฎิเสธของเอลลิสแบบจำใจและกำลังจะกลับ เอลลิสรับรู้ถึงแววตาและสีหน้าของควินน์ว่าต้องการความช่วยเหลือจริงๆ เอลลิสจึงเชิญควินน์เข้าบ้านเพื่อสอบถามเบื้องต้น และปฎิเสธเงินค่าจ้าง

เมื่อเอลลิสเริ่มทำพิธีถอดกายทิพย์เข้าสู่ปรภพเพื่อตามหาแม่ของควินน์ เอลลิสกลับรับรู้ถึงสิ่งอื่น และได้ยินเสียงหายใจอย่างครวญคราง มันคือผีร้ายใส่เครื่องช่วยหายใจที่ติดตามควินน์มานั่นเอง เอลลิสจึงรีบออกจากปรภพและบอกควินน์ว่า เธอไม่สามารถช่วยเหลือควินน์ได้

ที่นิวเจอร์ซี่ ควินน์กลับมาที่แมนชั่นของเธอ ควินน์ก็ต้องรีบท่องบทละครเพื่อจะเอาไปออดิชั่นเข้าโรงเรียนการละครในนิวยอร์ค ด้านทางพ่อของควินน์ Sean Brenner ที่ยังเศร้าโศกเสียใจกับการตายของภรรยา ก็พยายามทำตัวงานยุ่งเข้าไว้เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก และให้ควินน์ช่วยดูแลน้องชายสุดเฮี๊ยว Alex Brenner แทนตนเอง ซึ่งควินน์นั้นอยากจะไปให้พ้นๆจากภาระนี้ ควินน์จึงมุ่งมั่นอย่างที่สุดที่จะเข้าโรงเรียนการละครที่นิวยอร์คให้ได้

อเล็กซ์และฌอน (Insidious 3)

 

ที่โรงละคร ขณะที่ควินน์กำลังท่องบทละครอยู่ที่โรงละครเพื่อเตรียมออดิชั่นนั้น ควินน์ก็เห็นร่างคนในเงามืดบนนั่งร้านที่แขวนสปอทไลท์โบกมือให้เธอ มันคือผีใส่เครื่องช่วยหายใจ

จังหวะเดียวกันนั้นมีคนเรียกควินน์ว่าถึงคิวเธอแล้ว ควินน์จึงหันมองไปทางต้นเสียงเรียกและรับคำ แต่เมื่อควินน์หันกลับไปมองบนนั่งร้านอีกครั้ง ผีใส่เครื่องช่วยหายใจก็หายไปแล้ว ทำให้ควินน์ออกไปออดิชั่นด้วยสมาธิที่หลุด จึงจำบทไม่ได้ และควินน์ก็ไม่ผ่านออดิชั่น

ควินน์มานั่งบ่นกับแม็กกี้เพื่อนรักที่ริมถนนว่า เธอคงหมดหวังที่จะหนีไปจากเมืองนี้แล้ว แม๊กกี้ปลอบใจควินน์ก่อนจะลุกขึ้นยืน และเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเดินทางกลับบ้าน

แม็กกี้ปลอบควินน์ (Insidious 3)

 

ขณะที่ควินน์ลุกขึ้นและเดินตามแม๊กกี้ไป ผีร้ายใส่เครื่องช่วยหายใจก็โบกมือให้ควินบนถนน ควินน์จึงหยุดเดินและยืนงงอยู่กลางถนน จังหวะเดียวกันนั้นรถก็พุ่งมาข้างหลังควินน์และชนเธออย่างแรง ขาเธอหักทั้งสองข้าง และศรีษะกระแทกอย่างรุนแรง ควินจึงหมดสติไป  แม็กกี้รีบวิ่งเข้ามากอดร่างที่ไม่เคลื่อนไหวของควินน์ และเรียกรถพยาบาล

ควินน์โดนผีร้ายล่อลวงให้โดนรถชน (Insidious 3)

 

เมื่อควินน์ไปถึงห้องฉุกเฉิน หมอพยายามยื้อชีวิตควินน์เอาไว้ และสัญญาณชีพจรของควินน์ก็หยุดไป วิญาณควินน์จึงก้าวเข้าไปสู่มิติปรภพเต็มตัวแล้ว ขณะที่ควินน์กำลังหลงอยู่ในปรภพนั้น ควินน์ก็ได้เห็นผีร้ายใส่เครื่องช่วยหายใจชัดๆเป็นครั้งแรก และเธอก็ได้สติกลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้ง หมอจึงช่วยรักษาเธอต่อไป แต่ควินน์ก็ได้สูญเสียดวงวิญญาณของเธอไปครึ่งนึงให้กับผีร้ายใส่เครื่องช่วยหายใจไปแล้วเช่นกัน โดยที่เธอไม่รู้ตัว

ควินน์รอดชีวิตกลับมา (Insidious 3)

 

3 สัปดาห์ผ่านมา.. ควินน์ก็เดินทางกลับแมนชั่นของเธอได้ โดยที่ขาทั้งสองข้างยังต้องใส่เฝือกอยู่ ขณะที่ฌอนพ่อของเธอกำลังทำธุระอยู่ที่ล็อบบี้ และทิ้งให้ควินน์อยู่กับหญิงชราผิวดำท่าทางแปลกๆเพื่อนบ้านของเธอ หญิงชราผิวดำคนนั้นก็บอกกับควินน์ว่า มีผู้ชายรออยู่บนห้องของควินน์ ชายที่หายใจไม่ได้ ชายที่อาศัยในช่องลมของตึก หญิงชราผิวดำยังบอกควินน์อีกบอกว่า ได้ยินชายคนนี้เรียกชื่อควินน์เมื่อคืน..

หญิงชราผิวดำ ผู้มีสัมผัสพิเศษเช่นกัน (Insidious 3)

 

คืนที่ 1

เมื่อควินน์ขึ้นไปบนห้อง เธอจึงหวาดระแวง แต่ก็ไม่พบอะไรแปลกปลอม ในคืนนั้นผีร้ายใส่เครื่องช่วยหายใจกำลังจะเข้ามาหาควินน์ในขณะหลับ แต่ฌอร์นพ่อของควินน์ก็เข้ามาที่ห้องลูกสาว เพราะได้ยินเสียงกระดิ่งที่หัวเตียงควินน์
คืนแรกจึงยังไม่เกิดเกิดเหตุอะไรขึ้นกับควินน์

ผีใส่เครื่องช่วยหายใจยืนมองควินน์อยู่ที่หน้าต่าง (Insidious 3)

 

คืนที่ 2

ที่ลอสแองเจิลลิส  ขณะเอลลิสกำลังจะหลับ เธอก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อๆ นึงในจิตของเธอ เอลลิสสะดุ้งตื่นขึ้น และรีบหาปากกากระดาษมาจดชื่อนั้น และมันคือชื่อ ควินน์ แบรนเนอร์

ที่นิวเจอร์ซี่  และในคืนนั้นที่ห้องของควินน์ เธอก็ได้ยินเสียงเคาะผนังมาจากผนังหัวนอนของเธอ ซึ่งเป็นห้องของเฮกเตอร์ เด็กวัยรุ่นหนุ่มผู้แอบชอบควินน์นั่นเอง ควินน์จึงเคาะผนังกลับ อีกฟากของผนังก็เคาะกลับห้องควินน์อีกรอบ เธอจึงแชทคุยกับเฮกเตอร์ทางโทรศัพท์มือถือ แต่เฮกเตอร์กลับแชทบอกควินน์ว่า เค้าไม่ได้อยู่ห้อง ตอนนี้เค้ามานอนที่บ้านญาติ แล้วสิ่งที่เคาะผนังตอบกลับควินน์นั้นคืออะไร??? ควินน์จึงเคาะไปอีกครั้ง แต่คราวนี้เงียบ.. ควินน์จึงปิดไฟเพื่อข่มตานอนทันที แต่ในความมืด ควินน์ข่มตาหลับได้เพียงชั่วครู่เดียว ก็มีมือลึกลับยื่นมาจากเพดาน สัมผัสหัวไหล่ควินน์

ควินน์เริ่มโดนผีร้ายคุกคามหนัก (Insidious 3)

 

ควินน์สะดุ้งตกใจ และกรีดร้องสุดเสียง ฌอร์นพ่อของเธอที่อยู่อีกห้องรีบวื่งเข้ามาในห้องลูกสาว พบเพียงฝ้าเพดานแตกร้าว และมีเสียงทุบพื้นจากชั้นบน

คืนที่ 3 

วันรุ่งขึ้น ฌอนจึงให้ผู้ดูแลตึกพาขึ้นไปสำรวจชั้นบน และพบว่าไม่มีคนพักห้องบนนั้นมานานหลายปีแล้ว แต่ก็มีรอยเท้าลึกลับเปื้อนคราบสีดำเดินอยู่ทั่วห้อง และในคืนนั้น เอลลิสก็ตัดสินใจจะสื่อสารกับลิลิธแม่ของควินน์อีกครั้ง จึงทำพิธีติดต่อกับลิลิธ และเอลลิสก็ได้ปะทะกับผีร้ายใส่เครื่องช่วยหายใจเป็นครั้งแรก มันมาเยือนเอลลิสถึงที่บ้านเลยทีเดียว

เอลลิสโดนผีร้ายใส่เครื่องช่วยหายใจตามมาคุกคามเช่นกัน (Insidious 3)

 

ตัดมาที่ห้องของควินน์ ในคืนนี้ ควินน์กำลังเล่นเวปแคมกับแม็กกี้ และแม็กกี้ก็แซวควินน์ว่า เห็นผู้ชายยืนอยู่ข้างๆควินน์ ซึ่งแม็กกี้คิดว่าเป็นเฮกเตอร์ แต่แท้จริงแล้ว ไม่มีใครอยู่ในห้องกับควินน์เลย และสัญญาณอินเตอร์เน๊ตก็ค้างไป

ควินน์กำลังจะโดนเล่นงานหนัก (Insidious 3)

ทันใดนั้น ก็มีร่างลึกลับปรากฎอยู่หลังม่านหน้าต่าง และมันค่อยๆเดินออกมา ก่อนที่จะหายวับไป และโผล่มาทำร้ายควินน์อีกที โดยการเหวี่ยงควินน์ลงจากเตียง ควินน์ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นห้องในลักษณะหวาดผวา ขณะที่มันกำลังจะมาทำร้ายเธออีกครั้ง ฌอร์นผู้เป็นพ่อซึ่งได้ยินเสียงโครมครามในห้องลูกสาวก็เข้ามาพอดี ผีร้ายใส่เครื่องช่วยหายใจจึงหายไป

ฌอนเรียกรถพยาบาลมาใส่เฝือกคอให้ควินน์ เพราะคอเธอเคล็ดขณะตกจากเตียง ควินน์จึงเล่าให้ฌอนพ่อของเธอฟังว่า ที่แท้จริงแล้ว วิญญาณที่พยายามติดต่อกับเธอตลอดมานั้น ไม่ใช่ลิลิธแม่เธอ แต่กลับเป็นผีร้ายต่างหาก และในคืนนี้ หญิงชราผิวดำเพื่อนบ้านในแมนชั่น ก็สิ้นใจตายลงไปแล้ว..

ควินน์โดนคุกคามหนักถึงขั้นคอเคล็ด (Insidious 3)

 

เมื่อควินน์เข้านอนอีกครั้ง คราวนี้ผีร้ายพาควินน์ไปที่ชั้นบนของตึก เพื่อจะทำร้ายเธออีก ควินน์เห็นอีกร่างของตนเองที่ไม่มีดวงตาและมือกับเท้าทั้งสองข้างกุด ก็ตกใจเป็นอันมาก จึงกรีดร้องอย่างสุดเสียง โดยที่ควินน์ไม่ได้รู้เลยว่า นั่นคือกายทิพย์อีกครึ่งหนึ่งของเธอนั่นเอง

ครึ่งนึงของควินน์กลายเป็นทาสของผีร้ายไปแล้ว (Insidious 3)

 

ฌอนได้ยินเสียงลูกสาวกรีดร้องอยู่นอกบ้านที่ชั้นบนของแมนชั่น จึงรีบวิ่งขึ้นมาดู พบควินน์นอนกองอยู่กับพื้นทางเดิน ซึ่งฌอร์นก็สงสัยว่า ลูกสาวของตนขึ้นมาชั้นบนทำไมและขึ้นมาได้อย่างไร และฌอร์นก็เห็นรอยเท้าเปื้อนคราบสีดำเดินมุ่งไปที่หน้าต่าง เมื่อฌอร์นชะโงกหน้าออกไปดู ก็พบร่างนึงนอนกองอยู่ที่พื้น ฌอนจึงคิดว่า นั่นคือผู้ที่มาทำร้ายควินน์ลูกสาวของเค้านั่นเอง ควินน์จะชโงกหน้าออกไปดูบ้าง แต่กลับโดนผีร้ายในเครื่องช่วยหายใจดึงควินน์ออกไป หมายจะให้ควินน์ตกหน้าต่างตาย ฌอนรีบคว้าตัวลูกสาวเพื่อดึงกลับเข้ามา ฌอนจึงเริ่มเชื่อเรื่องผีขึ้นมาบ้างแล้ว

ควินน์เกือบตกตึกตาย  (Insidious 3)

 

คืนที่ 4 

ฌอนจึงดั้นด้นไปหาเอลลิสที่ลอสแองเจิลลิสเพื่อขอร้องให้ช่วยเหลือ คราวนี้เอลลิสรับปากที่จะช่วย เพราะสงสารควินน์เหมือนกัน เอลลิสพบกับควินน์ครั้งที่สอง ซึ่งแตกต่างจากครั้งแรกมาก ครั้งแรกนั้นเอลลิสเห็นเด็กสาวสวยสุขภาพดีหน้าตาแจ่มใส แต่ครั้งนี้เอลลิสกลับเห็นเด็กสาวผู้น่าสงสารอยู่ในสภาพปางตาย ซึ่งร่างกายและหน้าตาฟกช้ำ คอเคล็ดใส่เฝือก และขาหักทั้งสองข้าง แตกต่างจาการพบกันครั้งแรกมากมาย เอลลิสจึงรับรู้ได้ว่า ผีร้ายตนนี้หมายจะเอาชีวิตควินน์ไปให้ได้

เอลลิสมองควินน์ในสภาพที่โดนมาสาหัสมาก (Insidious 3)

 

ในคืนนั้น เอลลิสก็ทำพิธีถอดกายทิพย์เพื่อเดินทางสู่ปรภพอีกครั้ง และในครั้งนี้เอลลิสก็ได้ค้นพบว่า มีวิญญาณมากกว่าหนึ่งดวงอยู่ในแมนชั่นแห่งนี้ และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ผีร้ายปาร์คเกอร์ตามมาโจมตีเอลลิสทันที เพราะมันรออยู่แล้วนั่นเอง ครั้งนี้เอลลิสเกือบเอาชีวิตไม่รอด และขอลาครอบครัวแบรนเนอร์กลับไปตั้งหลักก่อน

เอลลิสก็จิตตกเหมือนกัน (Insidious 3)

 

คืนที่ 5 คืนสุดท้าย..

เอลลิสนัดพบเพื่อนเก่าอย่างคาล เพื่อมานั่งพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมา คาลเตือนสติเอลลิสว่า พวกเราทำประโยชน์ให้เพื่อนมนุษย์ โดยการช่วยเหลือผู้คนทึไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร สิ่งที่เราทำมีคุณค่า เอลลิสจึงตัดสินใจกลับไปช่วยควินน์ ซึ่งครั้งนี้เอลลิสตั้งใจจะช่วยควินน์จนสุดความสามารถ ไม่ถอยง่ายๆอีกแล้ว

คาลดึงสติเอลลิสเพื่อนเก่า (Insidious 3)

 

อเล๊กซ์น้องชายของควินน์ก็อยากช่วยเหลือพี่สาวเช่นกัน และอเล๊กซ์ก็พบกับเวปไซต์ที่ทำสารคดีเกี่ยวกับการล่าท้าผีโดยเฉพาะ อเล๊กซ์จึงแนะนำให้พ่อของเขาเชิญผู้ดำเนินรายการในเวปไซต์นี้มาช่วยเหลือพี่สาวของตน และคนทั้งสองก็คือ Specs และ Tucker

สเปค และ ทัคเกอร์ (Insidious 3)

 

ทั้งสองจึงมาที่ห้องครอบครัวแบรนเนอร์ สเปคนั้นเป็นผู้ดูแลเวปไซต์โดยรวม ส่วนทัคเกอร์คือฝ่ายเทคนิค แต่ทั้งสองก็ไม่เคยเจอผีจริงๆเลย และทัคเกอร์ซึ่งเป็นฝ่ายเทคนิคก็เริ่มติดตั้งอุปกรณ์ของเขาบนตัวควินน์ เช่น กล้องที่ครอบไว้บนหน้าผาก อุปกรณ์อัดเสียงไว้ที่สายเสื้อกล้าม และเมื่อมีอะไรเกิดขึ้น ทั้งภาพและเสียงจะปรากฎบนจอภาพที่ทัคเกอร์ถือไว้ และควินน์ก็เข้านอนตามปกติ

ทัคเกอร์ติดกล้องและไมค์ให้ควินน์ (Insidious 3)

 

กลางดึกคืนนั้น สเปคและทัคเกอร์ก็เผลอหลับ มีเพียงฌอร์นที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ และจู่ๆไฟก็ดับ พร้อมกับที่ควินน์เริ่มเคลื่อนไหว สเปคและทัคเกอร์จึงตื่นขึ้นมาดูภาพในจอ จึงพบว่า ควินน์นั้นลุกขึ้นมาและเดินออกมาจากเตียง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะควินน์ขาหักอยู่ ทั้งสามจึงเดินดูจอภาพไปและเดินไปด้วย เพื่อมุ่งหน้าไปหาควินน์ ปรากฎว่า กล้องนั้นอยู่ในตู้เสื้อผ้า แต่เมื่อฌอร์นเปิดตู้ กลับเห็นเพียงกล้องเปล่าๆ ซึ่งมันควรที่จะอยู่บนหัวควินน์ และควินน์กลับยืนอยู่ข้างหลังทัคเกอร์

ควินน์กำลังโดนผีร้ายครอบงำ (Insidious 3)

 

ควินน์ซึ่งโดนผีร้ายสิงอยู่ก็ถือประแจอันใหญ่เข้ามาฟาดคนทั้งสาม ก่อนที่ควินน์จะเอาขาตนเองที่ใส่เฝือกฟาดไปที่ขาเตียง เฝือกจึงแตกทั้งสองข้าง และควินน์แกะเฝือกที่คอออกด้วย ควินน์เดินอย่างกะโผลกกะเผลกไปหยิบคัตเตอร์ และกำลังจะเชือดคอตนเอง

ตอนนี้ควินน์ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว (Insidious 3)

 

ทั้งสามจึงรุมจับตัวควินน์เอาไว้ และนำสายไฟมามัดตัวควินน์ และควินน์ก็สลบไป ซึ่งบัดนี้ดวงวิญญาณของควินน์ได้ไปอยู่ในปรภพเต็มตัวแล้ว..

ฌอนโกรธมากเมื่อรู้ว่าสเปคและทัคเกอร์ไม่เคยมีประสบการณ์เจอผีมาก่อน และคิดว่าทั้งสองหลอกลวง ฌอนจึงไล่ทั้งสองออกจากบ้าน เอลลิสเดินทางมาถึงพอดี และบอกฌอนว่า สเปคกับทัคเกอร์อาจช่วยเธอได้

เอลลิสพบกับสเปคและทัคเกอร์ครั้งแรก (Insidious 3)

 

ควินน์ (โดนสายไฟมัดและสลบอยู่) ฌอน, เอลลิส, สเปค และทัคเกอร์ จึงล้อมวงทำพิธีกัน โดยสเปคต้องคอยช่วยจดทุกอย่างที่เอลลิสพูดหรือบรรยายออกมา

ควินน์โดนจับมัดไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเองอีก (Insidious 3)

 

และเอลลิสก็ถอดกายทิพย์ออกจากร่างกายหยาบ เพื่อเข้าไปในปรภพอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เอลลิสพบเจอวิญญาณทาสของผีร้ายในเครื่องช่วยหายใจชี้ทางให้เธอ เอลลิสจึงรับรู้ว่า ผีตนนี้มักคร่าชีวิตคนเพื่อให้มาอยู่กับมันในปรภพ

วิญญาณทาสชี้ทางให้เอลลิส (Insidious 3)

 

และเอลลิสก็เจอคู่ปรับตลอดกาลอย่างผีปาร์คเกอร์อีกครั้ง ผีปาร์คเกอร์พยายามจะบีบคอฆ่าเอลลิส แต่ไม่สำเร็จ เพราะเอลลิสล่วงรู้แล้วว่า กายทิพย์ของมนุษย์มีพลังมากกว่าผีในปรภพ ผีปาร์คเกอร์จึงล่าถอยออกไป

เอลลิสโดนผีปาร์คเกอร์โจมตีในปรภพ (Insidious 3)

 

ผีร้ายในเครื่องช่วยหายใจแปลงกายจำแลงเป็นแจ็คสามีของเอลลิส เพื่อหลอกให้เอลลิสฆ่าตัวตายตามไปด้วย แต่เอลลิสไม่หลงกล และเล่นงานผีร้ายในเครื่องช่วยหายใจกระเด็นออกไป มันจึงเผยให้เห็นดวงวิญญาณทาสผู้น่าสงสารตนใหม่ของมัน ซึ่งก็คือควินน์นั่นเอง

เอลลิสพยายามจะช่วยควินน์ออกมาจากปรภพให้จงได้ ในที่สุดกายทิพย์ของเอลลิสก็ออกมาได้ก่อน แต่กายทิพย์ของควินน์นั้นถลำลึกเกินไป ควินน์จึงโดนผีร้ายดึงกายทิพย์เอาไว้

กายทิพย์ของควินน์ตกเป็นทาสของผีร้ายโดยสมบูรณ์ (Insidious 3)

 

เอลลิสสเมื่ออกมาสู่โลกปกติ จึงเร่งหาหนทางเพื่อคืนสติให้กายทิพย์ของควินน์ วิญญาณของหญิงชราผิวดำเพื่อนบ้าน ก็บอกให้เอลลิสใช้ไดอารี่ของควินน์เรียกควินน์ และในที่สุดวิญญาณฝ่ายดีอย่างลิลิธแม่ของควินน์ก็ปรากฎตัวในปรภพ และช่วยคืนสติให้ลูกสาวของเธอได้

วิญญาณบริสุทธิ์ของลิลิธมาช่วยลูกสาว (Insidious 3)

 

ควินน์จึงคืนสติและเล่นงานผีร้ายในเครื่องช่วยหายใจ โดยกระชากหน้ากากของมันออก และกายทิพย์ของควินน์ก็กลับเข้าร่างกายหยาบของตนเองได้สำเร็จ

เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี เอลลิสจึงชักชวนให้ทัคเกอร์และสเปคทำงานร่วมกับเธอนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เอลลิสแนะนำให้ทัคเกอร์และสเปคเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเปลี่ยนบุคลิคซะใหม่ด้วย โดยให้ใส่เชิ๊ตผูกไทด์ดำเหมือนแจ็คสามีเธอ

เอลลิสให้สเปคและทัคเกอร์ใส่ยูนิฟอร์มเป็นทางการ (Insidious 1)

แต่เอลลิสไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า การที่เธอเข้าไปในปรภพครั้งแล้วครั้งเล่า ก็มีปีศาจชั่วร้ายอย่างที่สุดจับตาดูเธออยู่ คือ Lipstick-Face Demon นั่นเอง ลิปสติคเฟซเดม่อนเริ่มตามติดเอลลิสแล้ว..

ลิปสติคเฟซเดม่อนล่วงรู้ถึงตัวตนเอลลิส (Insidious 3)

 

ผ่านไปหลายเดือนหลังจากเอลลิสช่วยชีวิตควินน์ เอลลิสก็ได้รับโทรศัพท์จาก Ted Garza ชายผู้ที่โดนผีร้ายรังควาน แปลกกว่านั้นคือเท็ดขอให้เอลลิสกลับไปขับไล่ผีที่บ้านตระกูลเรนเนียร์ บ้านเก่าของเธอในเมืองไฟว์คีย์นั่นเอง เพราะเท็ดคือเจ้าของบ้านตระกูลเรนเนียร์คนปัจจุบัน เบื้องต้นเอลลิสลังเล แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจกลับไป โดยสเปคและทัคเกอร์ก็ขอติดตามไปด้วย

เท็ด การ์ซ่า เจ้าของบ้านเรนเนียร์คนล่าสุด (Insidious 4)

 

ที่เมืองไฟว์คีย์ รัฐนิวแม็กซิโก เอลลิสมุ่งไปในบ้านเก่าเธอทันที และสัมผัสถึงดวงวิญาณของแอนนาเหยื่อของพ่อเอลลิส แอนนาพาเอลลิสลงไปชั้นใต้ดินและบอกเอลลิสว่า “ช่วยเธอ” เอลลิสยังค้นพบกับเบาะแสนกหวีดของคริสเตียนที่หายไปนานอีกด้วย ซึ่งเท็ดไม่ค่อยพอใจนักที่เอลลิสลงไปชั้นใต้ดิน

เอลลิสพบผีแอนนา (Insidious 4)

 

เอลลิสมาที่ร้านอาหารโปรดของเธอและน้องชายในเมืองไฟว์คีย์ เพื่อดักรอคริสเตียน เพราะตอนเด็กๆทั้งสองมาร้านนี้ประจำ ที่นี่เองเอลลิสก็ได้พบกับอีโมเจ้นและเมลิสซ่าหลานๆของเธอเป็นครั้งแรก แต่คริสเตียนยังไม่อยากญาติดีกับเอลลิส เอลลิสจึงฝากรูปถ่ายนกหวีดของคริสเตียนให้หลานสาว เพื่อให้คริสเตียนดูว่าพบนกหวีดอันนี้แล้ว

อีโมเจ้นและเมลิสซ่า หลานๆของเอลลิส (Insidious 4)

 

ในคืนนั้นเอง เอลลิสแอบกลับเข้าไปในบ้านเก่าของเธอ ลงไปชั้นใต้ดิน ไปจนถึงห้องใต้ดินที่เธอเคยถูกพ่อจับมาขังจนเกิดเรื่องทำให้แม่ตาย และเอลลิสก็พบกับนางพยาบาลสาวนามว่า Mara Jennings ที่ถูกเท็ดจับมาขังนานถึง 6 เดือน

เพราะแท้จริงแล้วนั้น เท็ด การ์ซ่า เจ้าของบ้านคนล่าสุด ก็โดนปีศาจคีย์เฟซล่อลวงให้ทำชั่วเหมือนพ่อของเธอ เท็ดจึงจับมาร่ามาขังไว้เพื่อทรมาน (แต่เอลลิสยังไม่รู้ คิดว่าทั้งเท็ดและพ่อเธอชั่วเอง)

ที่สุดแล้วเท็ดก็โดนสเปคฆ่าตายลงไปจากการป้องกันตัว มาร่าได้รับการช่วยเหลือปลอดภัยดี ตำรวจจึงต้องขอให้เอลลิส,สเปค,ทัคเกอร์ อยู๋ในเมืองไฟว์คีย์เพื่อสอบสวนก่อน ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

มาร่า เจนนิ่ง เหยื่อของ เท็ด การ์ซ่า (Insidious 4)

 

ในวันต่อมา.. ขณะที่เอลลิสกำลังโดนตำรวจสอบสวน คริสเตียนก็พาลูกสาวทั้งสองแอบเข้าไปในบ้านเก่าของตระกูลเรนเนียร์ คริสเตียนต้องการนกหวีดของตนเองคืน แต่เมลิสซ่าก็พลาดท่า เพราะลงไปชั้นใต้ดินและถูกคีย์เฟซเล่นงาน จับกายทิพย์ของเมลิสซ่าเข้าไปขังไว้ในปรภพอาณาเขตของตน

เมลิซ่าโดนคีย์เฟซจู่โจม (Insidious 4)

 

กายหยาบของเมลิสซ่านอนหมดสติอยู่ชั้นใต้ดินของบ้าน โดยที่คริสเตียนกับอิโมเจ้นหาเท่าไรก็ไม่พบ จนกระทั่งเอลลิสรีบตามมาช่วย จึงพบร่างที่หมดสติของเมลิสซ่า

คริสเตียนรีบนำเมลิสซ่าไปโรงพยาบาล และจะไปอยู่เฝ้าเมลิสซ่าที่ยังไม่ได้สติโดยไม่รู้สาเหตุ คริสเตียนพยายามจะเรียกอีโมเจ้นไปด้วย แต่อีโมเจ้นไม่ไป

คริสเตียน น้องชายของเอลลิส (Insidious 4)

 

ด้านทางอีโมเจ้นนั้น อยากขออยู่ช่วยป้าเอลลิสหาหนทางช่วยเมลิสซ่า เพราะอีโมเจ้นก็มีความสามารถถอดกายทิพย์ได้เช่นกัน คริสเตียนรู้ว่าห้ามไม่ได้จึงปล่อยลูก เอลลิสจึงยินดีให้หลานสาวอยู่ช่วย

อีโมเจ้น อยู่กับป้าเพื่อช่วยเมลิสซ่า (Insidious 4)

 

ในคืนนั้นเอง เอลลิสก็พบกับเสื้อผ้าของแอนนา เมื่อเธอสัมผัส จึงรู้ว่า แอนนาที่เธอพบเมื่อตอนเธออายุ 16 นั้นไม่ใช่ผี และเธอมีส่วนทำให้แอนนาตาย เอลลิสตามเบาะแสไปจนถึงท่อระบายน้ำใตัถุนบ้าน และพบกระเป๋าเดินทางมากมายในท่อ เอลลิสจึงรู้ว่า แอนนาไม่ใช่เหยื่อของเจอรัลด์พ่อของเธอเพียงคนเดียว เจอรัลด์ฆ่าหญิงสาวมากมายหลายคนแล้วในบ้านหลังนี้

เอลลิสพบหัวกระโหลกของเหยื่อพ่อตนเองในกระเป๋า (Insidious 4)

 

ทันใดนั้น ปีศาจคีย์เฟซก็ดึงกายทิพย์ของเอลลิสลงไปสู่ห้วงปรภพ เอลลิสในวัยชราของปี 2009 จึงไปพบกับตนเองในวัยเด็กในปี 1953 แต่ทั้งสองพูดกันได้ไม่กี่คำ กายทิพย์เอลลิสวัยชราก็โดนคีย์เฟซจับตัวไปขัง และกายทิพย์วัยเด็กของเอลลิสก็กลับสู่มิติเวลาโลกมนุษย์ปกติในปี 1953

เอลลิสถูกคีย์เฟซจับไป (Insidious 4)

 

เมื่อกายหยาบเอลลิสหมดสติไป อีโมเจ้นจึงขอให้สเปคกับทัคเกอร์ส่งเธอไปปรภพเพื่อช่วยเอลลิสและเมลิสซ่า เมื่ออีโมเจ้นเข้าไปในปรภพแล้ว แอนนาก็อาสานำทางให้อีโมเจ้นไปจนถึงอาณาเขตของคีย์เฟซ ก่อนจากกัน ผีแอนนาก็คืนนกหวีดของคริสเตียนให้อีโมเจ้นไว้ใช้ยามฉุกเฉิน

ผีแอนนาเปิดประตูแดงให้อีโมเจ้น (Insidious 4)

 

 

ด้านทางเอลลิสถูกคีย์เฟซใช้ความแค้นเคืองที่เธอมีต่อพ่อ เพื่อให้เอลลิสใช้ความหวาดกลัวเจ็บปวดเอาไม้เท้าของพ่อเฆี่ยนตีวิญญาณพ่อ แต่เอลลิสไม่หลงกล เพราะรู้ว่าความหวาดกลัวเจ็บปวดหล่อเลี้ยงให้คีย์เฟซแข็งแกร่งจึงหักไม้เท้าทิ้ง คีย์เฟซจึงมุ่งหน้าไปจับตัวอีโมเจ้นไว้อีกคนสองพี่น้องหลานๆของเอลลิสจึงโดนคีย์เฟซับทั้งคู่

คีย์เฟซจับสองสาวพี่น้องไว้ (Insidious 4)

 

คีย์เฟซจะพุ่งเข้ามาโจมตีเอลลิส เจอรัลด์พ่อของเอลลิสใช้ความดีครั้งสุดท้ายปกป้องลูกหลาน จึงโดนคีย์เฟซทำลายดวงวิญญาณ ในขณะที่เอลลิสกำลังจะพ่ายแพ้ อีโมเจ้นก็โยนนกหวีดให้เอลลิส ทันทีที่เอลลิสเป่านกหวีด ดวงวิญญาณออดรีย์ที่แข็งแกร่งก็โผล่มาจากภพภูมิอื่น

วิญญาณบริสุทธิ์ของออดรีย์มาช่วยลูกหลาน (Insidious 4)

 

ออดรีย์ใช้ตะเกียงซัดคีย์เฟซกระเด็นหายไปในห้วงลึกของปรภพ และเข้าไปช่วยทุกคนได้โดยปลอดภัย หลังจากนั้นออดรีย์ก็พาลูกสาวและหลานสาวทั้งสองหาทางออกจากปรภพ

แต่เมื่อเอลลิสเปิดประตูสีแดงบานหนึ่ง เอลลิสก็พบกับกายทิพย์ของ ดัลตัน แลมเบิร์ต ลูกชายของ จอช แลมเบิร์ต แต่ตอนนั้นเอลลิสไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นใคร จึงปิดประตูบานนั้น

เอลลิสพบดัลตันในปรภพ (Insidious 4)

 

เมื่อเปิดประตูสีแดงถูกบาน ดวงวิญญาณออดรีย์ก็ขอลากลับไปสู่ภพภูมิตนเอง กายทิพย์ของเอลลิส,เมลิสซ่า,และอีโมเจ้น ก็กลับสู่มิติโลกมนุษย์ทางประตูบานนั้น

อีโมเจ้นและเอลลิส รีบไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการเมลิสซ่าทันที ซึ่งเมลิสซ่าก็ฟื้นมาปกติดี เอลลิสมอบนกหวีดคืนให้คริสเตียน สองพี่น้องจึงกลับมาดีกันในรอบหลายสิบปี ไม่หมางใจกันอีกต่อไป

เมลิสซ่าคืนสติโดยสมบูรณ์ (Insidious 4)

 

ค.ศ. 2010 ที่แคลิฟอเนีย ฃ่วงเวลาเดียวกันที่เอลลิสช่วยเมลิสซ่าอออกมาจากปรภพ จอช แลมเบิร์ต ที่ขณะนี้ทำงานเป็นครู และมีภรรยาแล้วคือ Renai Lambert เรนัยภรรยาจอชเป็นนักแต่งเพลง ทั้งสองมีลูกด้วยกันสามคน ลูกชายสองคนคือ ดัลตัน และ ฟอสเตอร์ กับลูกสาวคนเล็กชื่อ เคลีน ครอบครัวจอชเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ได้ไม่นานนัก ก็เกิดเรื่องขึ้น

ครอบครัวจอช (Insidious 1)

 

นั่นเพราะว่า ดัลตัน ลูกชายคนโตของบ้าน มีความสามารถพิเศษเหมือนจอชพ่อของเขา คือสามารภถอดกายทิพย์ได้ขณะหลับ ดัลตันถอดกายทิพย์เริ่มคล่องขึ้น บ่อยขึ้น และเข้าไปในปรภพลึกขึ้น

ช่วงเวลาเดียวกับที่เอลลิสสู้กับคีย์เฟซในเมืองไฟว์คีย์ ดัลตันลูกชายคนโตของจอชก็ไปเล่นซนปีนบันไดใต้หลังคา และพลาดตกลงมาและวูบหลับไป ทันใดนั้นกายทิพย์ดัลตันก็หลุดออกจากร่างชั่วคราวเข้าสู่ปรภพโดยบังเอิญ และพบกับเอลลิสที่เปิดประตูสีแดงเข้ามาเจอดัลตันพอดี แต่เอลลิสก็รีบปิดประตูไป

เอลลิสพบดัลตัน (Insidious 4)

 

หลังจากที่ดัลตันพบเอลลิสในปรภพผ่านมาไม่กี่วัน ดัลตันที่ถอดกายทิพย์ขณะหลับ และกำลังท่องเที่ยวในปรภพ ก็เข้าไปถึงประตูสีแดงอาณาเขตของปีศาจลิปติคเฟซเดม่อน และถูกมันจับขังไว้จนได้

เช้าวันรุ่งขึ้น ดัลตันลูกชายคนโตของจอชและเรนัยจึงไม่ตื่นขึ้นอีกเลยจากการหลับ เพราะกายทิพย์ติดอยู่ในปรภพแล้ว เรนัยและจอชพาดัลตันไปหาหมอเพื่อตรวจอาการ หมอก็ไม่พบอะไรผิดปกติในตัวดัลตัน ทั้งสมองและร่างกายก็ปกติดี เพียงแต่ดัลตันไม่ตื่นก็แค่นั้นเอง

กายหยาบดัลตัน (Insidious 1)

 

เหตุนี้ทำให้ประตูปรภพมีช่องโหว่รอบๆกายหยาบดัลตัน ทั้งบ้านของจอชและเรนัยจึงเต็มไปด้วยภูติผีปีศาจจากปรภพรายล้อมรอบตัวดัลตัน เพื่อรอเวลาให้กายหยาบของดัลตันนั้นอ่อนแอให้ถึงที่สุด พวกมันจะได้เข้าสิง

 

ผ่านไปสามเดือน.. จอชและเรนัยตัดสินใจพาดัลตันซึ่งอยู่ในสภาพเจ้าชายนิทรากลับมาดูแลต่อที่บ้านหลังนี้ และเรนัยก็เริ่มรับรู้ถึงสิ่งแปลกประหลาด สิ่งแรกคือเบบี้มอนิเตอร์ของเคลีนลูกสาวคนเล็กนั้น มีเสียงประหลาดดังออกมาและพูดว่า “แกไม่มีทางช่วยมันได้..” เมื่อเรนัยเข้าไปดูในห้องเคลีนลูกสาวคนเล็ก ก็ไม่มีใครอยู่

เรนัยได้ยินเสียงขู่จากผี (Insidious 1)

 

คืนที่ 1 บ้านหลังแรก..

และในคืนนั้นช่วงหัวค่ำ ฟอสเตอร์น้องชายดัลตันก็บอกเรนัยแม่ของเขาว่า เขากลัวดัลตัน เพราะมักเห็นดัลตันผู้เป็นพี่ชายลุกเดินไปเดินมาที่ทางเดินตอนกลางดึก เรนัยยังไม่ปักใจเชื่อลูกชายคนรองเท่าใดนัก

ในคืนนั้นเช่นกัน ขณะที่เรนัยกำลังเล่าให้จอชฟังถึงเสียงประหลาดจากเบบี้มอนิเตอร์ พลันก็มีเสียงก็อกแก๊กที่หน้าบ้าน เมื่อจอชลงไปดู ก็ไม่เห็นใครอยู่หน้าบ้าน ด้านทางเรนัยจึงเข้าไปดูเคลีนลูกสาวคนเล็กที่นอนหลับอยู่ในแปล แต่แล้วเรนัยก็เห็นเงาของชายผมยาวคนนึงยืนอยู่ที่หลังม่านในห้องเคลีน

ผีชายผมยาวจ้องเคลีน (Insidious 1)

 

เรนัยรีบร้องเรียกจอชว่า มีคนอยู่ในห้องเคลีน แต่เมื่อจอชเข้ามาก็ไม่เห็นใคร ฉับพลันนั้นเสียงสัญญาณกันขโมยในบ้านก็ดังลั่น ฟอสเตอร์รีบวิ่งมาหาพ่อ-แม่ที่ทางเดินหน้าห้องเคลีน และทุกคนในครอบครัวจอชก็ไปรวมตัวกันที่ห้องของดัลตัน จอชลงไปดูที่ประตูหน้าบ้านอีกครั้ง และพบว่าประตูบ้านเปิดอยู่ แต่เมื่อจอชตรวจดูภายในบ้าน ก็ไม่พบอะไร

 

คืนที่ 2 บ้านหลังแรก..

จอชพยายามยื้อเวลาไม่อยากกลับบ้านเร็ว เพื่อหนีปัญหาที่บ้าน จึงโทรบอกเรนัยว่าจะกลับดึก เพราะต้องอยู่ที่ทำงาน และจอชเริ่มจำเหตุการณ์บางส่วนในอดีตวัยเด็กของตนได้แล้ว

ในคืนนั้นจอชจึงถึงบ้านในเวลา 4 ทุ่มกว่า แต่แล้วในเช้าวันรุ่งขึ้น เรนัยกลับเห็นรอยเปี้อนที่เท้าดัลตัน และคราบเลือดเป็นรอยฝ่ามือติดบนผู้ปูเตียงบริเวณช่วงปลายเท้าดัลตัน

รอยมือเปื้อนเลือดปริศนาบนผ้าปูเตียงดัลตัน (Insidious 1)

 

คืนที่ 3 บ้านหลังแรก..

เรนัยนั่งรอจอชจนค่ำ เพื่อบอกเรื่องประหลาดทุกอย่างที่เกิดขึ้น เรนัยตัดพ้อจอชว่า จอชไม่เคยอยู่เคียงข้างเธอเลยเมื่อยามมีปัญหา คืนนั้นทั้งคู่จึงแยกกันนอน จอชนอนที่โซฟาข้างล่าง เรนัยนอนเพียงคนเดียวบนบ้าน

เรนัยฝันร้ายและสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ขณะที่เธอกำลังนั่งงัวเงียอยู่บนเตียง สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นเงาร่างทะมึนหลายร่างเดินผ่านประตูกระจกที่มีม่านบางๆ เงาเหล่านั้นเดินไปเดินมา เรนัยจึงตะโกนเรียกจอช

เรนัยเริ่มเห็นผีกับตาตนเอง (Insidious 1)

 

แต่เงาทะมึนหนึ่งในนั้นก็หยุดเดิน และหันมามองเรนัยด้วยสายตาเกรี้ยวกราด และมันก็พุ่งมาทำร้ายเรนัยทันที เรนัยจึงกรีดร้องลั่น ฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดผึง เรนัยทนอยู่ที่บ้านหลังนี้ไม่ได้อีกต่อไป จอชจึงตามใจภรรยา และย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่

บ้านหลังที่สอง วันที่ 1

ลอเรนแม่ของจอช มาช่วยเรนัยขนของเข้าบ้านหลังนี้ด้วย และลอเรนแปลกใจมาก ที่จอชยอมถ่ายรูปอีกครั้ง นั่นคือรูปถ่ายครอบครัว เพราะตั้งแต่จอชโดนลบความทรงจำตอนปี 1986 จอชไม่กล้าถ่ายรูปอีกเลย และลอเรนก็กลับไป

ลอเรน แลมเบิร์ต มาเยี่ยมลูก (Insidious 1)

 

ขณะที่เรนัยกำลังรื้อสิ่งของบริเวณหน้าบ้าน เพื่อจะจัดเข้าบ้านหลังใหม่ เรนัยก็มองผ่านหน้าต่างและเห็นผีเด็กผู้ชายอยู่ในบ้าน เรนัยรีบเข้าไปดูในบ้านก็ไม่พบใคร

เรนัยเดินสำรวจรอบบ้าน ก็พบม้าไม้โยกได้เองในห้องเคลีน เธอจึงเดินไปหยุดม้าไม้นั้น ฉับพลันก็มีเสียงกุกกักดังอยู่ในตู้เก็บของในห้องดัลตัน เมื่อเรนัยเดินเข้าไปใกล้ ผีเด็กผู้ชายคนที่เรนัยเห็นอยู่ในบ้านเมื่อสักครู่ก็โผล่ออกมาจากตู้ทันที เรนัยจึงตกใจทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ทรุดลงนั่งอ้าปากค้าง

บ้านหลังที่สอง วันที่ 2

เรนัยตามบาทหลวงมาร์ตินเพื่อนของเธอมาปรึกษา และพบว่า ผีร้ายต่างๆนั้นตามครอบครัวเธอมาที่บ้านหลังใหม่ด้วย ลอเรนจึงเล่าให้เรนัยลูกสะใภ้และจอชลูกชายฟังว่า เมื่อคืนเธอฝันเห็นเงาปีศาจ (Lipstick-Face Demon) ยืนอยู่ในมุมห้องของดัลตัน และมันก็ค่อยๆชี้มือไปที่ดัลตัน ฉับพลันนั้น Lipstick-Face Demon ก็โผล่มายืนข้างหลังจอช

Lipstick-Face Demon ตามติดครอบครัวจอช (Insidious 1)

 

ลอเรนเห็นดังนั้นจึงผวากรีดร้องด้วยความตกใจ ทันใดนั้นก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังภายในห้องดัลตัน ทั้งสามจึงรีบวิ่งไปที่ห้องดัลตันทันที และพบว่าว่าทั่วทั้งห้องกระจัดกระจายคล้ายมีใครมารื้อค้นจนเละทั่วห้อง และดัลตันก็นอนคว่ำหน้าอยู่ที่พื้นห้อง

ในคืนเดียวกันที่บ้านเอลลิส ขณะเอลลิสกำลังหลับ เอลลิสก็นิมิตถึงชื่อดัลตัน เมื่อเอลลิสสะดุ้งตื่น ลอเรนก็โทรมาขอร้องเอลลิสให้กลับมาช่วยครอบครัวลูกชายของเธออีกครั้งในรอบยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา โดยครั้งนี้เป็นดัลตันหลานของเธอ ซึ่งเอลลิสก็รู้ล่วงหน้าแล้วจากนิมิตร เธอจะรีบไปบ้านจอชทันทีในวันรุ่งขึ้น

เอลลิสรับโทรศัพท์ลอเรนอีกครั้งในรอบยี่สิบกว่าปี (Insidious 4)

 

บ้านหลังที่สอง วันที่ 3

ตอนรุ่งเช้า เอลลิสจึงส่งสเปคและทัคเกอร์มาสำรวจเบื้องต้นก่อน และทัคเกอร์ก็ตรวจเจอวิญญาณของสองสาว ทัคเกอร์จึงรู้ว่านี่คือของจริง และรีบให้สเปคโทรบอกเอลลิสให้มาบ้านจอชทันที

สเปคและทัคเกอร์มาบ้านจอช (Insidious 1)

 

เอลลิสมาถึงก็แนะนำตัวกับจอชว่า เธอและลอเรนแม่ของจอชเคยรู้จักกันนานมาแล้ว และเธอก็เคยพบกับจอชสมัยเด็กๆด้วย เอลลิสขอเดินสำรวจรอบๆบ้านและเข้าไปในห้องของดัลตัน เอลลิสเห็นบางสิ่งอยู่บนเพดานห้องนอนดัลตัน เธอจึงรีบให้สเปควาดทุกสิ่งที่เธอบรรยาย เมื่อเรนัยมาหยิบไปดู ก็ปรากฎว่ามันคือรูปปีศาจตัวนึงนั่นเอง (ลิปสติคเฟซเดม่อน)

สเปคเริ่มร่างภาพปีศาจ (Insidious 1)

 

เอลลิสจึงเล่าให้สองสามีภรรยาฟังว่า โลกของเรามีมิติปรภพทับซ้อนอยู่กับมิติโลกความเป็นจริง ซึ่งปรภพเป็นที่อยู่ของดวงวิญญาณที่ตายแล้ว และดัลตันมีพรสวรรค์ในการถอดกายทิพย์เข้าไปในปรภพได้ แต่ดัลตันไปบ่อยและไกลเกินไป ดัลตันจึงไปเจอกับสิ่งที่ไม่ใช่วิญญาณธรรมดา แต่กลับไปพบกับปีศาจที่อยู่ในปรภพมาเนิ่นนานแล้ว และปีศาจร่างกายสีแดงหรือลิปสติคเฟซเดม่อนตนนี้ กักขังกายทิพย์ของดัลตันเอาไว้ในปรภพ

เรนัยกับจอชฟังเอลลิสอธิบาย (Insidious 1)

 

เมื่อกายทิพย์ออกไปนานวันเข้า กายหยาบจึงอ่อนแอลงเรื่อยๆ เหล่าดวงวิญญาณร้ายจึงออกมาจากปรภพจากช่องโหว่มิติที่ดัลตันเข้าไปนั่นเอง และพวกมันรอคอยเวลาเข้าสิงกายหยาบของดัลตัน

จอชไม่เชื่อเอลลิส และไล่เอลลิสออกจากบ้าน เพราะคิดว่าเอลลิสเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวง หากินกับความป่วยของเด็กที่น่าสงสาร แม้เรนัยขอร้องให้จอชลองดูก่อน จอชก็ไม่ฟัง

จอชเข้าไปดูสภาพในของดัลตัน และสงสารลูกจับใจ และจอชก็สังเกตเห็นรูปที่ดัลตันวาด มันสอดคล้องกับที่เอลลิสเล่าให้ฟังทั้งหมด จอชจึงเริ่มเชื่อเอลลิส และบอกให้เรนัยตามเอลลิสมาที่บ้านอีกครั้ง

จอชดูรูปภาพลิปสติกเฟซเดม่อนที่ดัลตันวาด (Insidious 1)

 

บ้านหลังที่สอง วันที่ 4

เอลลิสกลับมาทำพิธีที่บ้านครอบครัวจอช ทุกคนก็นั่งล้อมวงกันในห้องนอนดัลตัน เอลลิสถอดกายทิพย์เข้าไปในปรภพและไม่เห็นอะไรเลย เห็นเพียงความมืด  แต่เอลลิสก็ติดต่อดัลตันได้ เอลลิสพยายามเรียกดัลตันกลับ แต่ดัลตันบอกเอลลิสว่า พวกนั้นจะต้องโกรธ และเอลลิสก็โดนลิปสติคเฟซเดม่อนคุกคามในปรภพ

เมื่อเอลลิสหลุดออกมา กายหยาบดัลตันก็หายไปจากเตียง และดัลตันก็โผล่มาพังโต๊ะพิธี ผีร้ายผมยาวตัวเดิมที่หลอกเรนัยและคุกคามเคลีนจากบ้านหลังแรกก็โผล่มาอีกครั้ง และตรงเข้าทำร้ายเรนัย

ผีชายผมยาวจู่โจมเรนัย (Insidious 1)

 

เหตุการณ์ชุลมุนเป็นอย่างมาก ดัลตันมีเรี่ยวแรงผิดมนุษย์ กล้องอัตโนมัติของทัคเกอร์ถ่ายทุกอย่างไว้ได้ทั้งหมด จนกระทั่งเอลลิสขับไล่ปีศาจออกจากตัวดัลตันได้ ทุกอย่างจึงสงบลง และผีร้ายผมยาวก็หายไป เมื่อทัคเกอร์ตรวจดูกล้อง จึงพบว่าลิปสติคเฟซเดม่อนควบคุมกายหยาบของดัลตันไว้

บ้านหลังที่สอง วันที่ 5

เอลลิสบอกให้ลอเรนเล่าทุกอย่างในวัยเด็กของจอชให้จอชฟัง ลอเรนจึงเริ่มเล่าให้ฟังทุกอย่างว่า ที่ดัลตันถอดกายทิพย์ได้ ก็เพราะดัลตันได้พรสวรรค์นี้มาจากจอชนั่นเอง ในวัยเด็กของจอชนั้น จอชก็โดนวิญญาณร้ายคุกคามเช่นกัน และลอเรนก็ให้จอชกับเรนัยดูรูปของหญิงชราในชุดแต่งงานสีดำหรือปาร์คเกอร์ ซึ่งคือผีร้ายที่คุกคามจอชในตอนนั้น

รูปถ่ายผีปาร์คเกอร์คุกคามจอชในปี 1986 (Insidious 1)

 

ในครั้งนั้นเมื่อปี 1986 เอลลิสจึงต้องสะกดจิตจอชเพื่อให้ลืมความสามารถถอดกายทิพย์ เพื่อป้องกันจอชจากผีร้ายในชุดแต่งงานสีดำ แต่ในปี 2010 นี้ จอชต้องปลุกความสามารถถอดกายทิพย์ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อเข้าไปในปรภพและช่วยเหลือดัลตันด้วยตนเอง

จอชถอดกายทิพย์อีกครั้งในรอบ 24 ปี (Insidious 1)

 

จอชจึงทำพิธีถอดกายทิพย์เข้าไปในปรภพ จอชถามทางกับเหล่าดวงวิญญาณในปรภพไปเรื่อยๆ จนในที่สุด จอชก็พบประตูสีแดงทางเข้าไปในอาณษเขตถิ่นที่อยู่ของปีศาจลิปสติคเฟซเดม่อน

แต่ผีร้ายผมยาวตัวที่เคยอยู่ในห้องเคลีนลูกสาวคนเล็กจอช และที่เคยทำร้ายเรนัยที่ห้องนอนกับในพิธีวันก่อน ก็พุ่งเข้ามาทำร้ายจอช เมื่อสู้ไปสักพัก จอชจึงคิดได้เองว่า มนุษย์น่าจะแข็งแกร่งกว่าผีสิ จอชจึงผลักผีร้ายตนนั้นหายไปในความมืดของปรภพ และจอชก็เปิดประตูสีแดงเข้าไปในถิ่นของลิปสติคเฟซเดม่อน ในที่สุด จอชก็ช่วยดัลตันออกมาได้

จอชพบดัลตันในอาณาเขตของลิปสติคเฟซเดม่อน (Insidious 1)

 

ดัลตันหนีมาตามทางในปรภพจนเข้ากายหยาบของตนได้สำเร็จ แต่กายทิพย์ของจอชกลับโดนผีปาร์คเกอร์ขวางไว้ และตรงเข้าทำร้ายกายทิพย์จอช หลังจากนั้น ผีปาร์คเกอร์ก็เข้ามาสิงกายหยาบของจอชแทน หลังจากที่มันรอเวลานี้มาเนิ่นนาน กายทิพย์ของจอชจึงต้องติดอยู่ในปรภพ

ทุกคนต่างดีใจที่ดัลตันฟื้นขึ้นมา และพากันไปมุงดัลตันในห้องนอนดัลตันกันหมด และในเวลาที่ทุกคนกำลังไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นอีก ขณะที่เอลลิสและจอชอยู่เพียงลำพังสองคนในห้องทำพิธี เอลลิสก็เฉลียวใจบางอย่างจึงหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายจอช ผีปาร์คเกอร์ในร่างจอชจึงตรงเข้ามาบีบคอเอลลิสทันที และเอลลิสก็ตาย

เอลลิสหมดอายุขัยในวัย 60 กว่าปี (Insidious 1)

 

และผีปาร์คเกอร์ในร่างจอชก็รีบหลบไปจากห้องนั้น เรนัยเข้ามาเห็นศพของเอลลิสนอนพิงเก้าอี้ตายอยู่ในสภาพตาเหลือกค้างอยู่ พร้อมกับกล้องถ่ายรูปที่ตกอยู่บนพื้น เมื่อเรนัยเปิดดูภาพในกล้อง เรนัยก็เห็นว่า มันคือภาพของผีชุดแต่งงานสีดำนั่นเอง

ผีปาร์คเกอร์สิงร่างจอชสำเร็จแล้ว.. (Insidious 1)

 

ณ สถานีตำรวจ..

ตำรวจนักสืบกำลังสอบสวนเรนัยในการตายของเอลลิส และซักถามว่าหญิงแก่ในรูป (ผีชุดแต่งงานสีดำหรือปาร์คเกอร์) คือใคร เรนัยบอกตำรวจนักสืบทุกอย่างเกี่ยวกับพิธีถอดกายทิพย์ของจอช เพื่อเข้าไปช่วยคัลตันลูกของพวกเขาในปรภพ และอาจจะเป็นหญิงแก่ผีร้ายในรูปนั้นเป็นผู้ฆ่าเอลลิส แต่ตำรวจนักสืบยังไม่เชื่อ ถึงอย่างไรก็ตามตำรวจนักสืบก็ต้องปล่อยตัวเรนัยไปก่อน โดยทางตำรวจนั้นกำลังตรวจรอยนิ้วมือและเนื้อเยื่อที่คอของเอลลิสว่าเป็นของใคร

เรนัยโดนสอบสวนอย่างหนัก (Insidious 2)

 

ตำรวจยึดบ้านของครอบครัวจอชเอาไว้ชั่วคราวตามกฏหมายที่เกิดเหตุฆาตกรรม เพื่อหาร่องรอยหลักฐาน ครอบครัวของจอชจึงต้องย้ายไปอยู่บ้านลอเรนชั่วคราว ซึ่งมันคือบ้านเก่าแก่ของตระกูลแลมเบิร์ตนั่นเอง

 

ณ บ้านตระกูลแลมเบิร์ต

ครอบครัวของจอชจึงย้ายมาอยู่ที่นี่ ฟอสเตอร์กับดัลตันมานอนห้องเดียวกัน แต่อยู่คนละมุมห้อง ฟอสเตอร์จึงใช้กระป๋องผูกเชือกเอาไว้พูดคุยและเล่นกับดัลตัน ทางด้านเรนัยก็ยังรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติอยู่ นั่นคือเคลีนลูกสาวคนเล็กออกมาจากเปล และมาอยู่บนพื้นห้องเอง เรนัยจึงไปบอกกับจอช แต่จอชกลับบอกว่าเคลีนอาจจะปีนออกมาเองก็เป็นได้ เรนัยจึงเริ่มรับรู้ว่า สามีเธอเปลี่ยนไป

เรนัยเถียงกับผีปาร์คเกอร์ในร่างจอช (Insidious 2)

 

 

ณ บ้านเอลลิส

สเปคและทัคเกอร์กลับไปที่บ้านของเอลลิส และจู่ๆประตูลงไปชั้นใต้ดินในห้องทำพิธีส่วนตัวของเอลลิสก็ค่อยๆเปิดขึ้นเอง ทั้งสองจึงลงไป และพบม้วนวีดีโอเก่าๆของเอลลิสที่ถ่ายโดยคาล ซึ่งภายในวีโอก็คือจอชในวัยเด็กขณะทำพิธีถอดกายทิพย์ในปี 1986 นั่นเอง ภาพในวีดีโอนั้นทัคเกอร์สังเกตเห็นเงาแปลกๆในขณะที่จอชหันไปถามกับความว่างเปล่า ทัคเกอร์จึงคิดที่จะปรับแต่งเงาประหลาดให้ชัดขึ้น ว่ามันคือเงาของอะไร?

ทัคเกอร์กับสเปคกลับไปแต่งชุดปกติเมื่อไม่มีเอลลิส (Insidious 2)

 

 

ณ บ้านตระกูลแลมเบิร์ต

ลอเรนแม่ของจอชเริ่มเห็นเงาแปลกๆในบ้านซึ่งเป็นหญิงในชุดขาว และดัลตันก็เห็นหญิงในชุดขาวนี้เช่นกัน ดัลตันยังพบว่า จอชพ่อของเขาพูดอยู่กับความว่างเปล่า ดัลตันจึงเล่าให้เรนัยแม่ของเขาฟัง

ผีมิเชลแม่ของผีปาร์คเกอร์จ้องมองดัลตัน (Insidious 2)

 

ณ บ้านเอลลิส

ลอเรนจึงไปหาทัคเกอร์และสเปคเพื่อขอความช่วยเหลือ เธอรู้ว่าสิ่งที่ตามคุกคามครอบครัวเธอยังคงตามมาที่บ้านของตระกูลแลมเบิร์ตด้วย และสิ่งนั้นก็ฆ่าเอลลิสเช่นกัน ทัคเกอร์จึงเปิดวีดีโอที่คาลถ่ายจอชไว้ในปี 1986 ซึ่งทัคเกอร์ปรับภาพแล้ว ในวีดีโอนั้น สิ่งที่จอชเด็กพูดด้วย ก็คือ จอชผู้ใหญ่นั่นเอง!! ลอเรนจึงพึมพำว่า ถ้าเอลลิสยังอยู่ก็คงจะดี สเปคและทัคเกอร์จึงคิดจะติดต่อกับวิญญาณเอลลิส

ภาพของจอชในวัยเด็กกำลังถอดกายทิพย์ที่คาลถ่ายไว้ (Insidious 2)

 

ณ บ้านตระกูลแลมเบิร์ต

เรนัยนั้นรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ และเรนัยก็เห็นผู้หญิงในชุดขาวอยู่ในห้องโถงเดินหายไปในทางเดิน ก่อนที่เคลีนลูกสาวคนเล็กจะร้องเสียงดัง เรนัยรีบวิ่งขึ้นไปดูชั้นสอง แต่ประตูห้องเคลีนลูกสาวคนเล็กกลับเปิดไม่ได้

เรนัยยังได้ยินเสียงผู้หญิงพูดอยู่ในห้อง เสียงนั้นเหมือนกำลังทำร้ายเคลีนลูกสาวคนเล็กอยู่ แต่เมื่อเธอพยายามเปิดประตูเข้าไปจนได้ กลับไม่พบเคลีนลุกสาวคนเล็กหรือใครอื่นใดอยู่ในห้องเลย..

เรนัยได้ยินเสียงเด็กร้องที่ชั้นล่างอีกครั้ง เรนัยจึงวิ่งลงไป ก็ไม่พบลูกสาว แต่กลับพบกับวิญญาณผู้หญิงชุดขาวแทน และผีตนนั้นก็ตบเรนัยอย่างแรงจนสลบไป

ผีมิเชลตบเรนัยจนหน้าสะบัด (Insidious 2)

 

ณ บ้านเอลลิส

สเปคจึงตัดสินใจโทรหาคาล เพื่อหวังให้คาลติดต่อเอลลิส เพราะมีเพียงเอลลิสเท่านั้นที่จะช่วยเหลือได้ คาลมาบ้านเอลลิส และเริ่มทำพิธีแบบฉบับตนเอง นั่นคือทอยลูกเต๋าตัวอักษรติดต่อกับวิญญาณ

และลูกเต๋าก็บอกทุกคนในวงพิธีว่า ผู้ฆ่าเอลลิสคือ หญิงคนนั้น และมันซ่อนอยู่ คำใบ้ต่อไปก็คือ Our Lady of Angels ซึ่งเป็นโรงพยาบาลร้างแล้ว และเป็นที่ทำงานเก่าของลอเรนนั่นเอง คนทั้งสี่จึงไปที่นั่น

 

ที่โรงพยาบาล Our Lady of Angels

คาลก็สัมผัสถึงสิ่งชั่วร้ายในห้องๆนึงได้ มันคือห้องของคนไข้ ปาร์คเกอร์ เครน ซึ่งหลอกหลอนลอเรนมาจนวันนี้ (โปรดกลับไปอ่านต้นๆบทความในปี 1986) ทุกคนจึงช่วยกันหาในแฟ้มคนไข้ เพื่อหาที่อยู่ของปาร์คเกอร์ และทัคเกอร์ก็พบที่อยู่ ทุกๆคนจึงรีบไปบ้านปาร์คเกอร์

ทุกคนพบเบาะแสตัวตนแท้จริงของผีที่รังควาญจอชมานาน  (Insidious 2)

 

ณ บ้านตระกูลแลมเบิร์ต

ร่างกายจอชเริ่มเสื่อมโทรมลง จากการโดนวิญญาณปาร์คเกอร์สิงมาเป็นเวลานาน และผีปาร์คเกอร์ก็ได้ยินเสียงผีผู้หญิงชุดขาว สั่งให้ฆ่าครอบครัวแลมเบิร์ตให้หมดทุกคน..

ไม่นานนักเรนัยก็คืนสติขึ้นมาโดยมีจอชนั่งอยู่ข้างๆ แต่เรนัยรีบวิ่งไปหาเคลีนลูกสาวคนเล็กที่ห้องทันที ซึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เคลีนยังปกติดี เรนัยจึงมาบอกกับจอช(ผีปาร์คเกอร์) ว่าพวกเราต้องย้ายบ้านหนีผีร้ายอีกครั้ง..

ทันใดนั้น ในห้องๆนึงก็มีเสียงเปียโนดังขึ้น และเล่นเพลงเป็นเมโลดี้ที่เธอแต่งให้จอช แต่จอช (ผีปาร์คเกอร์) กลับไม่รู้จักเพลงนี้ เรนัยจึงเพิ่มความสงสัยในตัวจอชสามีของเธอว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่นอน

ในคืนนั้น.. ดัลตันก็ถอดกายทิพย์โดยบังเอิญในขณะหลับอีกครั้ง และดัลตันก็พบกับวิญญาณหญิงสาวนับหลายสิบตนที่โดนปาร์คเกอร์ฆ่า พวกมันมารายล้อมรอบเตียงดัลดัน และดัลตันจึงรู้สึกตัวเองว่า ตนเข้ามาอยู่ในปรภพอีกแล้ว ดัลตันจึงรีบกลับเข้าร่าง และเรนัยก็รีบมาปลุกลูกชาย เพราะได้ยินเสียงดัลตันร้อง

วิญญาณที่น่าสงสารมากมายของฆาตกรต่อเนื่องไบรด์อินแบล็ค (Insidious 2)

 

ณ บ้านร้างปาร์คเกอร์

ในคืนเดียวกัน คาล ทัคเกอร์ สเปค และลอเรน จึงบุกไปยังบ้านร้างปาร์คเกอร์ และทุกคนก็รู้ความจริงที่ว่า ปาร์คเกอร์ก็คือฆาตกรต่อเนื่องในอดีตที่ชื่อว่า Bride In Black นั่นเอง ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครจับตัวได้หรือรู้ตัวตนที่แท้จริงของ Bride In Black (พวกของลอเรนรู้เป็นพวกแรกในรอบหลายสิบปี) และศพของเหยื่อ Bride In Black ทุกคนก็ไม่มีใครค้นพบเช่นกัน ซึ่งปาร์คเกอร์นำศพหญิงสาวเหยื่อของเค้าทุกคนเก็บไว้ในบ้าน  บัดนี้คนทั้งสี่ปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วว่า..

ปาร์คเกอร์ คือ Bride In Black ฆาตกรต่อเนื่องสุดวิปริตชั่วร้าย

ผีปาร์คเกอร์ คือ สิ่งที่คุกคามจอชในวัยเด็ก

ผีปาร์คเกอร์ คือ สิ่งที่ฆ่าเอลลิส

ผีปาร์คเกอร์ คือ สิ่งที่สิงอยู่ในกายหยาบหรือร่างจอชในตอนนี้

และกายทิพย์หรือจิตของจอชยังคงอยู่ในปรภพ ไม่สามารถกลับร่างได้

ข่าวของฆาตกรต่อเนื่องไบรด์อินแบล็ค (Insidious 2)

 

บ้านตระกูลแลมเบิร์ต

วันรุ่งขึ้น ทั้งสี่จึงวางแผนกัน โดยคาลเดินดุ่มๆเข้าไปเผชิญหน้ากับผีปาร์คเกอร์ในร่างจอช และพยายามจะเข้าไปช่วยดึงจิตของจอชกลับมา โดยมีทัคเกอร์และสเปครอข้างนอกบ้าน แต่เมื่อคาลพบกับจอช คาลก็รับรู้ว่า บัดนี้ไม่หลงเหลือความเป็นจอชแล้ว มีแต่ผีปาร์คเกอร์ครอบงำจอชอยู่โดยสมบูรณ์

คาลจึงเตรียมจะฉีดยาสลบผีปาร์คเกอร์ในร่างจอช แต่ผีปาร์คเกอร์ก็รู้ทัน และตรงเข้าไปรัดคอคาล สเปคและทัคเกอร์ได้ยินคาลกำลังเสียท่าจึงรีบเข้ามาช่วยคาล และทุกคนก็ซัดกันนัวเนียจนสลบไปหมด มีเพียงคาลคนเดียวที่จิตหรือกายทิพย์หลุดเข้าไปในปรภพ โดยผีปาร์คเกอร์ก็ยังคงไม่ออกจากร่างจอช

ผีปาร์คเกอร์ในร่างจอชโจมตีคาล (Insidious 2)

 

ณ โลกปกติ (เวลาเดียวกัน)

ผีปาร์คเกอร์ในร่างจอชได้ยินเสียงผีร้ายในชุดขาวแม่ของเขาสั่งให่ฆ่าทุกคนในครอบครัวแลมเบิร์ตให้สำเร็จซักที ผีปาร์คเกอร์จึงเตรียมตัวลงมือฆ่าทุกคน โดยรออย่างใจเย็นที่บ้าน..

ทางด้านลอเรนกับเรนัยก็คิดว่า พวกคาลจัดการกับผีปาร์คเกอร์ที่สิงจอชแล้ว จึงโทรไปหาพี่เลี้ยงเด็กให้มาส่งฟอสเตอร์และดัลตันกลับมาบ้านตระกูลแลมเบิร์ต

แต่เมื่อทั้งสองสาวกลับมา ก็พบว่าผีร้ายปาร์คเกอร์ยังอยู่ในร่างจอช ผีปาร์คเกอร์ไล่ฆ่าทั้งสองไปรอบบ้าน ลอเรนโดนผีปาร์คเกอร์ขังไว้ในห้องเก็บไม้กวาดใต้บันได และผีปาร์คเกอร์กำลังบีบคอเรนัย แต่ดัลตันกับฟอสเตอร์กลับมาบ้านพอดี ดัลตันจึงใช้ไม้เบสบอลหวดใส่ผีปาร์คเกอร์ในร่างพ่อตัวเอง

ผีปาร์คเกอร์ในร่างจอชบีบคอเรนัย (Insidious 2)

 

สามแม่ลูกหนีเข้าไปหลบห้องชั้นใต้ดิน และดัลตันอาสาถอดกายทิพย์ไปช่วยพ่อของเขา โดยถือกระป๋องผูกเชือกเอาไว้ เพื่อให้เรนัยเรียกเขากลับมาจากอีกปลายเชือกนั่นเอง

จนในที่สุด ทุกคนก็จนมุม ผีปาร์คเกอร์ในร่างจอชกำลังจะฆ่าดัลตัน แต่อยู่ดีดี ร่างของจอชก็หมดสติสลบไป เรนัยรีบไปตะโกนใส่กระป๋องผูกเชือกทันที เพื่อเรียกจิตหรือกายทิพย์ของดัลตันกลับมา

ดัลตันถอยกายทิพย์เข้าไปช่วยพ่อบ้าง (Insidious 2)

 

ณ ปรภพ (เส้นเวลาเดียวกัน)

คาลรู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อจิตหรือกายทิพย์หลุดเข้ามาในปรภพแล้ว และคาลก็พบกับจอช ซึ่งขณะนี้กายทิพย์ของจอชอ่อนแรงลงมาก เพราะอยู่ห่างกายหยาบนานเกินไปนั่นเอง คาลถามจอชว่าพบเอลลิสหรือไม่ แต่จอชไม่พบเอลลิส คาลจึงแนะนำว่า ต้องเข้าไปในห้วงมิติปรภพที่ลึกกว่านี้ และทั้งคู่ก็หลุดเข้าไปในห้วงมิติเวลา

กายทิพย์ของจอชจึงไปโผล่ที่หน้าบ้านหลังแรกของจอชในคืนที่1 และพบกับผีร้ายผมยาวตัวเดิมที่มันคุกคามเคลีนลูกสาวของเค้าเดินอยู่ในบ้านจอชหลังแรก กายทิพย์จอชจึงไปเคาะประตูบ้านตัวเอง และกดสัญญาณนิรภัยเพื่อเตือนคนในบ้าน (นี่คือเหตุการณ์ในโลกปกติ โปรดกลับไปอ่านเหตุการณ์บ้านจอชหลังแรกในคืนที่ 1)

ก่อนที่กายทิพย์จอชจะเข้าไปต่อสู้กับผีร้ายผมยาวในห้องนอนเคลีน และเอลลิสก็โผล่มาช่วยจอชจากผีร้ายผมยาว เอลลิสเล่าให้จอชฟังว่า ตัวเธอนั้นหลุดพ้นจากปรภพไปยังภพภูมิอื่นแล้ว แต่ก็กลับมาเพราะได้ยินเสียงคาลเรียกนั่นเอง

วิญญาณบริสุทธิ์ของเอลลิสกลับมาช่วยคาลและจอช (Insidious 2)

 

เอลลิสแนะนำจอชว่า ในปรภพ จะมีที่ที่ความทรงจำของปาร์คเกอร์ซ่อนอยู่ ต้องตามหาที่นั่น และแก้ไขความทรงจำของปาร์คเกอร์ เพื่อที่ปาร์คเกอร์จะได้ทิ้งร่างของจอช และจอชจะมีจังหวะได้กลับเข้าร่าง แต่จอชไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน เอลลิสจึงแนะนำจอชให้เข้าไปลึกกว่านี้ และกลับไปหาจอชในวัยเด็กนั่นเอง..

ทั้งสามจึงข้ามมิติเวลาในปรภพ และจอชผู้ใหญ่ก็ไปถามจอชในวัยเด็ก จอชในวัยเด็กจึงลุกจากที่นั่ง และชี้ไปที่ประตูห้องครัว(กรุณากลับไปอ่านต้นๆเรื่อง ปี 1986 )

กายทิพย์จอชวัยเด็กชี้ทางให้ทั้งสาม (Insidious 2)

 

ทั้งสามไปตามทางในนั้น และเข้าไปสู่ดินแดนแห่งความทรงจำของปาร์คเกอร์ ทั้งสามจึงพบกับอดีตที่มืดมนของปาร์คเกอร์ทั้งหมด ปาร์คเกอร์ในวัยเด็กพยายายามช่วยทั้งสาม แต่ผีชุดขาวแม่ของปาร์คเกอร์ก็มุ่งที่จะทำร้ายคนทั้งสาม

ที่สุดแล้วเอลลิสก็จัดการกับผีในชุดขาวได้ ปาร์คเกอร์ในจิตหญิงแก่ชุดแต่งงานสีดำจึงหลุดออกจากร่างของจอช และโดนดูดกลับสู่ปรภพในห้วงลึกของความทรงจำตนเอง

ผีชุดขาว มิเชล แม่ปาร์คเกอร์ (Insidious 2)

 

และเอลลิสก็บอกทั้งสองว่า ความทรงจำของของปาร์คเกอร์กำลังถูกกลืนหายเข้าไปในห้วงลึกในความมืดที่ปรภพ คาลและจอชจึงต้องรีบหนีออกไปทันที เพราะคนทั้งสองยังไม่ถึงฆาต แต่เธอนั้นผ่านจุดนั้นมาแล้ว จึงไม่ต้องห่วงเธอ และปรภพก็มืดลง เอลลิสหายวับไป รอบตัวคาลกับจอชมีแต่ความมืด..

ทันใดนั้นก็มีเสียงดัลตันเรียกจอชในความมืดของปรภพ และดัลตันก็พาจอชพ่อของเขาและคาลเดินไปตามสายกระป๋องเชือก เพื่อกลับไปที่ร่างของทุกๆคนในมิติความเป็นจริง เวลาเดียวกับที่เสียงเรนัยจากมิติความจริงในกระป๋องปลายสายก็ดังเรียกดัลตัน ทุกคนจึงไปตามเสียงของเรนัย และทั้งสามคนจึงกลับสู่โลกปกติ

ดัลตันฟื้นก่อน และจอชฟื้นเป็นคนถัดไป (คาลก็ฟื้นอยู่อีกห้องนึง) เด็กทั้งสองโผเข้าไปกอดพ่อของเขา ยกเว้นเรนัยที่ยังระแวงอยู่ จอชจึงบอกเรนัยว่า เค้าพยายามติดต่อเธอผ่านทางเปียโน เรนัยจึงรู้ว่านี่คือจอชตัวจริงนั่นเอง ครอบครัวแลมเบิร์ตตัดสินใจที่จะปิดพรสวรรค์นี้ของจอชและดัลตันไปถาวร จึงให้คาลทำพิธีสะกดให้

ครอบครัวจอชกลับมาพบกับความสงบอีกครั้ง (Insidious 2)

 

ผ่านมาอีกหลายวัน.. ตัดมาที่บ้านครอบครัวเอลิสัน  ทัคเกอร์และสเปคเข้ามาเตือนครอบครัวนี้ถึงบ้านว่า ตั้งแต่เอลิสันประสบอุบัติเหตุ และได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนของทัคเกอร์และสเปค รอบตัวของเอลิสันนั้นเต็มไปด้วยวิญญาณร้ายติดตามมา

น้องสาวของเอลิสันเห็นวิญญาณเอลลิสมากับทั้งสองด้วย แต่ทัคเกอร์และสเปคไม่เห็น วิญญาณเอลลิสเข้าไปหาเอลิสันซึ่งนั่งเซื่องซึมอยู่บนรถเข็น และเอลลิสก็เห็นบางอย่างครอบงำเอลิสัน…..?

เอลลิสกำลังดูเอลิสัน ที่กำลังโดยผีหรือแปีศาจบางชนิดรังควาน (Insidious 2)

 

ติดตามเรื่องราวของ Insidious ได้ต่อในอนาคตอันใกล้นี้ครับ

จบ

สวัสดีครับ _/\_

ผู้เขียน หลวงจีนหอไตร

Hello! Every one. จุดเริ่มต้นงานเขียนของผมก็คือ ผมเป็นนักอ่านก่อนครับ และที่ผ่านมาผมก็หาอ่านงานเขียนแนวสรุปภาพยนตร์ยากเย็นเหลือเกิน ผมจึงเริ่มเขียนบทความเองและสร้างเว็บไซต์เองซะเลย

ดูโพสท์ทั้งหมด

Tags: