เนื้อเรื่อง James Bond 007 (Daniel Craig)

หมวดหมู่ FILM ผู้เขียน

James Bond เกิดวันที่ 13 เมษายน ค.ศ.1968 ที่ London ประเทษอังกฤษในเครือสหราชอาณาจักร เจมส์เป็นลูกชายของ Andrew Bond และ Monique Bond แอนดรูว์พ่อของเจมส์นั้นทำงานเป็นพนักงานบัญชีอาวุโสของ Vickers Defence Systems

เจมส์ บอนด์ อายุ 11 ปี แอนดรูว์พ่อของเจมส์ก็ย้ายออกจากอังกฤษ ไปประจำการเป็นผู้บริหารวิคเกอร์ที่สวิซเซอแลนด์ ทำให้เจมส์ได้มีโอกาสเรียนที่สวิซเซอแลนด์และเยอรมันนี ต่อมา แอนดรูว์และโมนิคพ่อแม่ของเจมส์ก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ทำให้เจมส์เป็นเด็กกำพร้านับต้งแต่นั้น

เจมส์ บอนด์ อายุ 12 ปี เจมส์อยู่ในความดูแลเป็นลูกเลี้ยงของ Hannes Oberhauser ที่รับเจมส์ไปเลี้ยง โดยฮานเนสมีลูกชายที่อายุมากกว่าบอนด้วยคือ Franz Oberhauser โดยที่ฟรานซ์นั้นไม่ชอบหน้าเจมส์ และไม่พอใจที่พ่อตนเองรักเจมส์เหมือนลูก

บอนด์ ถ่ายรูปกับครอบครัวโอเบอเฮาเซอร์  (Spectre)

 

เจมส์ บอนด์ อายุ 13 ปี ต่อมาอีกสองปี ฮานเนส โอเบอฮาวเซอร์ และ ฟร้านซ์ โอเบอฮาวเซอร์ ก็ประสบอุบัติเหตุตายไปทั้งคู่อีก เจมส์จึงต้องย้ายกลับไปอยู่ใน Skyfall Lodge ซึ่งเป็นบ้านในที่ดินของตระกูลบอนด์ ที่ประเทศสก็อตแลนด์ในเครือสหราชอาณาจักร โดยเจมส์นั้นอาศัยอยู่กับ Kincade พ่อบ้านของตระกูลตลอดมา และเจมส์ก็เข้าศึกษาต่อที่ Fettes ในสก๊อตแลนด์นั่นเอง

บ้านตระกูลบอนด์ในสก็อตแลนด์ (Skyfall)

 

เจมส์ บอนด์ อายุ 17 ปี บอนด์ก็มาศึกษาต่อที่ Britannia Royal Naval College หรือวิทยาลัยทหารเรือ บอนด์นั้นฉายแววโดดเด่นในการเรียนการสอนการฝึกฝนเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องไหวพริบและการใช้อาวุธ วางแผนการรบ และวิชาสายลับ แต่จุดเสียของบอนด์คือเป็นคนหัวรั้น และไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่ง รสนิยมสูง และมั่นใจตนเองมาก ซึ่งจุดเสียของบอนด์ก็ถูกลบล้างด้วยความสามารถอันล้นเหลือของเค้าไปได้ทั้งหมด (ที่บอนด์ไม่กลัวสิ่งใดและมั่นใจตนเอง เพราะไม่มีครอบครัวให้ห่วง)

Commander James Bond รับใช้ชาติในฐานะนายทหารแห่งราชนาวี และปฎิบัติภารกิจด้านหน่วยจู่โจมพิเศษด้านข่าวกรอง บอนด์ก็ถูกส่งมาศึกษาหลักสูตรเฉพาะต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริจท์และมหาลัยอ็อกฟอร์ด (บอนด์ได้เรียนรู้ภาษาตะวันออกของแถบเอเชียก็ตอนนี้)

เจมส์ บอนด์ อายุ 30 ปี บอนด์ได้รับการบรรจุให้ย้ายจากกองทัพเรืออังกฤษ มาประจำยังหน่วยสืบราชการลับและข่าวกรองแห่งรัฐบาลอังกฤษMI6 (เอ็มไอซิกซ์) แปดสัปดาห์แรกในMI6อันแสนเข้มข้น ที่บอนด์ต้องฝึกหลักสูตรเฉพาะของหน่วย แต่บอนด์ก็ผ่านมันมาได้

หลังจากนั้นบอนด์ก็ได้รับการแต่งตั้งจากMI6 ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสประจำสถานทูตอังกฤษที่โรม ประเทศอิตาลี และเลื่อนตำแหน่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งบอนด์ได้รับหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยจู่โจมปฎิบัติการพิเศษให้MI6ในประเทศแถบยุโรป/ ในประเทศแถบอาฟริกาใต้/ และในแถบทวีปอเมริกาใต้นับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา (สายลับไม่ทำงานภายในประเทศตนเอง) โดยบอนจะทำงานภายใต้รหัสงานว่า Black ops เป็นส่วนใหญ่ (ย่อมาจาก แบล็คโอเปอเรชั่น=ปฎิบัติการในเงามืด ซึ่งเป็นคำที่ใช้กับสายลับที่ทำงานสกปรกสีเทาๆหมิ่นเหม่ความถูกผิดทั่วโลก ไม่จำเป็นต้องใช้กับMI6เท่านั้น)

 

บทที่ 1

007 พยัคฆ์ร้ายเดิมพันระห่ำโลก

 

เจมส์ บอนด์ อายุ 38 ปี จากผลงานอันยอดเยี่ยมที่ผ่านมาตลอด นับตั้งแต่รับใช้ชาติในฐานะผู้บัญชาการในยศนาวาโท และปฎิบัติภารกิจสายลับในต่างแดนให้รัฐบาลอังกฤษและMI6ตลอดแปดปีทีผ่านมา บอนด์ก็ได้รับการเสนอให้เลื่อนขั้นจาก M หัวหน้าฝ่ายสายลับข่าวกรองของMI6ให้ขึ้นมาอยู่ในจุดสูงสุดของเจ้าหน้าที่สายลับพิเศษ นั่นคือได้รับรหัส ‘ 00 ‘ หรือ ‘double-Os’ (ดับเบิ้ล โอ) ซึ่งสายลับระดับของดับเบิ้ลโอมีใบอนุญาติให้ฆ่าได้ทุกคนบนโลกตามเห็นสมควรโดยไม่มีความผิด แต่บอนด์ต้องพิสูจน์ตนเองก่อน โดยการสังหารเจ้าหน้าที่MI6ระดับสูงที่ชื่อ Dryden ที่กรุงปรากในสาธารณรัฐเชค ซึ่งขายความลับของหน่วยMI6ให้ผู้ก่อการร้าย

เจมส์ฆ่าสายลับสองหน้า (Casino Royale)

 

เจมส์เดินทางไปสังหารสายของ Dryden ก่อนทีปากีสถาน เมื่อรับรู้ข้อมูลทุกอย่างจากสายแล้ว บอนด์ก็ตามมาสังหาร Dryden ที่ปร้าก หลังจากภารกิจกำจัดหนอนบ่อนไส้องค์กรMI6สำเร็จ บอนด์ก็ได้รหัสลับ agent 007 อย่างเป็นทางการ (จริงๆเรียกรหัสสายลับนี้ว่า ดับเบิ้ลโอเซเว่น แต่เราๆชาวไทยเรียกว่า ศูนย์ศูนย์เจ็ด)

ที่อูกานด้า ระหว่างที่มีสงครามภายในประเทศอย่างหนัก Mr.White (มิสเตอร์ไวท์) ชายวัยกลางคนลึกลับ ก็แนะนำให้นายพล Steven Obanno นายทหารฝ่ายรัฐประหารของอูกานด้านั้นรู้จักกับ Le Chiffre (เลอชีฟ) นักฟอกเงินชื่อดังของโลกพวกของมร.ไวท์ เพื่อให้เลอชีฟนำเงินสกปรกของนายพลโอบันโนไปฟอกให้สะอาด และนำไปใส่ไว้ในธนาคารกลางที่ถอนเงินได้อย่างปกติ ซึ่งนายพลโอบันโนก็ยินยอมให้เลอชีฟนำเงินจำนวน100ล้านดอลล่าห์ไป เพราะเห็นแก่ความน่าเชื่อถือของมิสเตอร์ไวท์

ซ้ายสุด นายพลโอบันโน / กลาง มิสเตอร์ไวท์ / ขวาสุด เลอชีฟ (Casino Royale)

 

ซึ่งมิสเตอร์ไวท์ผู้ลึกลับนั้น อยู่ในองค์กรลับขนาดใหญ่ ที่ควบคุมความเป็นไปของการเมืองประเทศต่างๆ องค์กรลับของมิสเตอร์ไวท์นั้นสามารถหนุนให้ฝ่ายใดเป็นรัฐบาลก็ได้ ถ้าฝ่ายนั้นให้ผลประโยชน์มากพอ

เลอชีฟนำเงินของนายพลโอบันโนไปเล่นหุ้นจนหมด เพราะเลอชีฟวางแผนบางอย่างเอาไว้แล้ว..

ที่มาดากัสก้าร์ บอนด์ได้รับภารกิจแรกในฐานะ007จากเอ็มให้ไปตามจับตัวนักวางระเบิดฝีมือดีที่ชื่อ Mollaka เนื่องจากMI6ได้สืบทราบมาว่า Mollaka เพิ่งจะรับงานวางระเบิด แต่ยังไม่รู้ว่าที่ไหนอะไรยังไงใครจ้าง บอนด์ตาม Mollaka ไปจนถึงสถานทูต และจับตัว Mollaka ได้สำเร็จ แต่เจ้าหน้าที่สถานทูตก็เข้ามาขัดขวางบอนด์ บอนด์จึงสังหาร Mollaka และนำกระเป๋าของ Mollaka หนีพวกทหารในสถานทูตไป

บอนด์ในลุคดิบเถื่อนขาลุย  (Casino Royale)

 

ในกระเป๋าของ Mollaka มีข้อความทางโทรศัพท์ล่าสุดว่า ELLIPSIS บอนด์จึงนำซิมการ์ดในโทรศัพท์ออก และเดินทางออกจากมาดากัสก้าเพื่อกลับอังกฤษทันที

ที่อังกฤษ บอนด์เข้ามาใช้คอมส่วนตัวของเอ็มในบ้านเอ็ม เพื่อแกะรอยข้อความล่าสุดในซิมการ์ดที่ส่งมาว่า ELLIPSIS ว่าส่งมาจากที่ใดในครั้งสุดท้าย เมื่อบอนด์ได้พิกัดแล้วว่าส่งมาจาก The Ocean Club .ในหมู่เกาะบาฮามาส์ เอ็มก็เข้ามาในห้องพอดี และพบบอนด์อยู่ที่บ้านตนเอง เอ็มตำหนิบอนด์ว่า ไม่ควรฆ่าใครส่งเดช โดยเฉพาะไปฆ่าในสถานทูตซะด้วย บอนด์จึงบอกเอ็มว่า ฆ่ามือวางระเบิดนั้น ทำให้แผ่นดินสูงขึ้น และบอนด์ก็ร่ำลาเอ็ม เพื่อมุ่งหน้าไป The Ocean Club

ที่โอเชี่ยนคลับ บอนด์ลอบเช้าไปในห้องควบคุมระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อเทียบเวลาในซิมการ์ดที่ส่งมา กับคนที่เข้าพักในโอเชี่ยนคลับ บอนด์จึงรู้ว่าคนผู้นั้นที่ส่งข้อความไปให้ Mollaka มือวางระเบิดนั้น คือนักพนันที่ชื่อ Alex Dimitrios

บอนด์นั้นคิดยั่วโมโหและต้องการล้วงข้อมูลดิมิเทรียส บอนด์จึงไปเล่นพนันโป้กเกอร์กับดิมิเทรียสในโอเชี่ยนคลับ จนชนะได้รถแอสตันมาร์ตินดีบีไฟฟ์ปี 1963 มาจากดิมิเทรียส บอนด์ยังล่อลวงภรรยาดิมิเทรียสที่ชื่อ Solange จนกระทั่งภรรยาดิมิเทรียสคายข้อมูลว่าดิมิเทรียสจะเดินทางไปที่ไมอามี่ในคืนนี้ บอนด์จึงรีบตามดิมิเทรียสไปด้วยทันที

ภรรยาดิมิเทรียส และ บอนด์ (Casino Royale)

 

ที่ไมอามี่ บอนด์สังหารดิมิเทรียสที่สนามบินไมอามี่ และเช็คดูในโทรศัพท์ดิมิเทรียส จึงพบว่ามีข้อความว่า ELLIPSIS เช่นเดียวกัน บอนด์ใช้โทรศัพท์ของดิมิเทรียสโทรออกเบอร์ล่าสุด จนกระทั่งบอนด์พบมือวางระเบิดคนใหม่ (เพราะบอนด์ฆ่าคนแรกไปในมาดากัสก้าแล้ว ดิมิเทรียสจึงจ้างคนใหม่)

บอนด์โทรหาเอ็ม และบอกว่าจะมีการวางระเบิดสนามบินไมอามี่ เอ็มจึงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และพบว่าคืนนี้จะมีการเปิดตัวเครื่องบินที่ชื่อ สกายฟรีส อันเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่หรูหราของโลก และในที่สุด บอนด์ก็ยับยั้งมือวางระเบิดได้ทันเวลา บอนด์จึงยับยั้งการก่อวินาศกรรมครั้งนี้สำเร็จ

เช้าวันต่อมา เอ็มเรียกบอนด์กลับไปที่โอเชี่ยนคลับ เพื่อแจ้งให้บอนด์ทราบว่า เดอมิเทรียสทำงานให้เลอชีฟ ซึ่งเลอชีฟหวังว่าการระเบิดเครื่องบินจะทำให้หุ้นบริษัทสกายฟรีสร่วงกราว และเลอชีฟจะทำเงินได้มหาศาลจากแผนนี้ แต่บอนด์กลับไปขัดขวางแผนของเลอชีฟ ทำให้ตอนนี้เลอชีฟสูญเงินไปเป็นร้อยล้าน

และบอนด์ก็พบว่าภรรยาดิมิเทรียสถูกพวกของเลอชีฟสังหารอย่างเลือดเย็น เธอถูกฆ่าเพราะเลอชีฟต้องการข้อมูลของผู้ที่มาล้วงความลับแผนการวางระเบิดนี้ ซึ่งบอนด์ยืนยันกับเอ็มว่า ภรรยาดิมิเทรียสไม่รู้จักตัวตนของบอนด์แน่นอน เอ็มจึงตำหนิบอนด์ว่า ที่เธอตายก็เพราะบอนด์ใช้สเน่ห์ล่อลวงเธอ จนเธอต้องเข้ามาพัวพันเรื่องนี้ และเอ็มก็ฝังเครื่องติดตามในแขนบอนด์

เอ็ม และ บอนด์ (Casino Royale)

 

เอ็มบอกบอนด์ว่าเลอชีฟนำเงินของนายพลโอบันโนมาเล่นหุ้นจนเสียหมด เลอชีฟไม่มีทางเลือก เลอชีฟต้องจัดงานเล่นพนันในคาสิโนรอยัลที่มอนเตเนโกร เพื่อนำเงินมาคืนให้นายพลโอบันโน มิเช่นนั้นเลอชีฟโดนเก็บแน่ๆ (ตอนนี้บอนด์กับเอ็มยังไม่รู้ถึงการมีตัวตนของมิสเตอร์ไวท์และองค์กรลับ) โดยกติกาคือลงเล่นขาละ10ล้าน มีสิบขา เพิ่มได้อีก5ล้าน ซึ่งถ้าเลอชีฟชนะ เลอชีฟจะมีเงินไปคืนให้นายพลโอบันโนแน่นอน

เอ็มรู้ว่าบอนด์เก่งเรื่องโป้กเกอร์ เอ็มจึงส่งบอนด์ไปคาสิโนรอยัลเช่นกัน ซึ่งถ้าบอนด์ชนะ จะตัดหนทางรอดของเลอชีฟ ทำให้บีบเลอชีฟมาคายความลับให้ทางการได้ว่า เบื้องหลังของเลอชีฟนั้นคือใคร เพราะที่ผ่านมาเลอชีฟไม่ได้ทำงานคนเดียวแน่ๆ

ระหว่างเดินทางไปมอนเตเนโกรโดยรถไฟ บอนด์ก็ได้พบกับ Vesper Lynd เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังอังกฤษ ซึ่งมามอบเงิน10ล้านให้บอนด์ เพื่อเล่นโป้กเกอร์กับเลอชีพในคาสิโนรอยัล ซึ่งบอนด์นั้นปิ๊งเวสเปอร์ทันทีที่แรกพบ

หน้าสดเวสเปอร์ตอนไม่แต่งนี่ใสกิ๊ก.. (Casino Royale)

 

ที่คาสิโนรอยัล บอนด์ก็ไม่ปิดบังชื่อตนเองและเวสเปอร์ในการเข้าพักในคาสิโนรอยัล เพราะบอนด์รู้ว่าเลอชีฟก็ต้องรู้ตัวตนของบอนด์แล้ว ว่าบอนด์คือสายลับของอังกฤษนั่นเอง

ที่ลานจอดรถหน้าคาสิโนรอยัล หน่วย Q ของMI6ก็นำรถสปอร์ตคันหรูพร้อมสรรพด้วยออฟชั่นล้ำๆมาจอดทิ้งไว้ให้บอนด์ เพื่อเป็นที่เก็บเครื่องมือต่างๆของสายลับ รวมถึงปืนด้วย

บอนด์และเวสเปอร์ไปพบกับ Rene Mathis สายลับอิตาลีพันธมิตรของอังกฤษ ซึ่งมาธิสนั้นจัดการตัดแข้งตัดขาของเลอชีฟ ด้วยการยัดข้อหากับอธิปดีกรมตำรวจมอนเตเนโกร เพราะอธิปดีคนนี้สนิทสมกับเลอชีฟ ทำให้ตอนนี้เลอชีฟไม่มีตำรวจคอยช่วยคุ้มกะลาหัวแล้ว

บอนด์ เวสเปอร์ มาธิส (Casino Royale)

 

ในการเล่นวันแรก บอนด์พยายามหาจุดพิรุธของเลอชีฟ เพราะโป้กเกอร์คือเกมส์อ่านใจและลักไก่ ถ้าบอนด์รู้ว่าเลอชีฟจะเอาจริงหรือจะลักไก่ได้ บอนด์จะได้เปรียบทันที หลังจากเล่นวันแรกจบและพัก นายพลโอบันโนก็มาดักพบเลอชีฟในห้องเพื่อทวงเงิน100ล้านดอลล่าห์คืน พร้อมกับขู่ตัดแขน Valenka แฟนของเลอชีฟ เลอชีฟจึงให้สัญญาว่า จะนำเงินร้อยล้านมาคืนในวันพรุ่งนี้ นายพลโอบันโนจึงปล่อยเลอชีฟไป

แต่ลูกน้องนายพลโอบันโนก็พบพิรุธของบอนด์ซึ่งอยู่ที่โถงทางเดิน นายพลโอบันโนและลูกน้องจึงเข้าต่อสู้กับบอนด์ และโดนบอนด์สังหารทั้งคู่ หลังจากนั้นบอนด์ก็บอกให้มาธิสมาเก็บความเรียบร้อยกับศพทั้งสอง

เช้าวันรุ่งขึ้น มาธิสซึ่งตั้งใจนำศพของนายพลโอบันโนและลูกน้องไปใส่ท้ายรถลูกน้องเลอชีฟ เพื่อข่มขวัญเลอชีฟไปในตัว แต่ถึงเลอชีฟรู้ว่าเจ้าหนี้ตนเองตายไปแล้ว เลอชีฟก็ยังมีท่าทีวิตกอยู่ดี (เลอชีฟกลัวมิสเตอร์ไวท์)

ในการเล่นวันที่สอง บอนด์จับพิรุธเลอชีฟพลาด นึกว่าเลอชีฟลักไก่ บอนด์จึงสูญเงิน10ล้านให้เลอชีฟหมด บอนด์ให้เวสเปอร์เติมเงินให้อีก5ล้าน แต่เวสเปอร์ไม่ยอม บอนด์จึงคิดวิธีรวดเร็วตามประสาความระห่ำ คือฆ่าเลอชีฟซะเลยจะได้จบๆเรื่อง แต่แล้วหนึ่งในสิบขาที่ร่วมเล่นกับบอนด์ ก็เข้ามาขวางบอนด์ ก่อนจะเปิดเผยตนเองว่าเค้าคือ C.I.A. ที่ชื่อ Felix Leiter พี่น้องสายลับอเมริกัน และเลเทอร์ก็มอบเงินให้บอนด์10ล้านเพื่อไปสู้ในเกมส์โป้กเกอร์ต่อ แต่มีข้อแม้ว่า ซีไอเอจะขอจับเลอชีฟไปเอง บอนด์จึงตกลง

บอนด์เจรจากับเลเทอร์ (Casino Royale)

 

ระหว่างการเล่นนั้น บอนด์ก็สั่งวอดก้ามาตินี่เขย่าไม่ต้องคนมาดื่ม วาเลนก้าแฟนเลอชีฟจึงแอบนำยาพิษดิจิทาริส ซึ่งมีผลทำให้บอนด์หัวใจวาย บอนด์ยุติการเล่นและรีบกลับไปที่รถสปอร์ต เพื่อติดต่อกลับไปที่MI6ให้ช่วยเหลือปฐมพยาบาล ในนาทีสุดท้ายเวสเปอร์ก็มาช่วยบอนด์จนรอดชีวิตจากหัวใจวายมาได้ และกลับไปเล่นโป้กเกอร์ต่อ

วาเลนก้า แฟนของเลอชีฟ

 

ในคืนนั้น การเล่นตาสุดท้าย ทุกคนที่เหลือนั้นมั่นใจในไพ่ตนเองมาก จนเทหมดหน้าตักทุกคน นั่นหมายความว่าจะมีคนได้เงินเพียงคนเดียว และไพ่ของบอนด์ก็ดีที่สุด บอนด์จึงชนะ และได้เงินจำนวนร้อยกว่าล้านดอลล่าห์

ระหว่างนั่งดื่มกันนั้น บอนด์ก็อ่านออกแล้วว่า สร้อยที่คอของเวสเปอร์คือสร้อยตัวแทนแห่งรักของชาวอัลจีเรีย และผู้มอบสร้อยเส้นนี้ให้เวสเปอร์คือคนรักของเวสเปอร์นั่นเอง เวสเปอร์ไม่ตอบคำถามบอนด์ แต่ขอตัวกลับห้องแทน เพราะนัดมาธิสไว้

บอนด์เริ่มสงสัยมาธิส จึงวิ่งตามไวเปอร์ออกไป และพบเวสเปอร์ถูกลักพาตัวขึ้นรถ บอนด์รีบขับรถตามเวสเปอร์ และถูกกับดักของเลอชีฟจนรถพลิกคว่ำ บอนด์จึงถูกเลอชีฟจับไปได้

บอนด์และเวสเปอร์ถูกเลอชีฟจับตัวมาแยกไว้คนละห้องขัง บอนด์จึงไม่เห็นว่าเวสเปอร์เป็นยังไงบ้าง และบอนด์ก็ถูกเลอชีพทรมานด้วยการจับบอนด์แก้ผ้า และใช้ปมเชือกฟาดไข่บอนด์ (โหดดดด!!!)

 

เลอชีฟทรมานบอนด์ที่แก้ผ้าถูกมัด (Casino Royale)

 

เลอชีฟต้องการรหัสเปิดบัญชีเงินร้อยกว่าล้านที่บอนด์เล่นพนันมาได้ แต่บอนด์ไม่ยอมให้ เลอชีฟจึงคิดจะตัดไอ้จ้อนของบอนด์ให้บอนด์กิน (โหดดดด!!!) แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อมิสเตอร์ไวท์บุกมาฆ่าพวกของเลอชีฟทุกคน รวมถึงเลอชีฟด้วย แต่มิสเตอร์ไวท์กลับไม่ยอมฆ่าบอนด์ (บอนด์ในตอนนี้ยังไม่รู้จักมิสเตอร์ไวท์)

บอนด์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งที่โรงพยาบาล และบอนด์ก็สั่งให้เพื่อนสายลับอังกฤษจัดมาธิสไปสอบสวนทันที เพราะตอนนี้บอนด์คิดว่ามาธิสต้องมีเอี่ยวด้วยแน่ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารก็รีบมาพบบอนด์ เพื่อให้บอนด์โอนเงินร้อยล้านไปบัญชีที่บอนด์ต้องการ บอนด์จึงบอกให้เวสเปอร์กดรหัสโอนเงิน ซึ่งก็คือชื่อเวสเปอร์นั่นเอง

บอนด์กับเวสเปอร์หลบไปพักร้อนกันที่เวนิชประเทศอิตาลี และบอนด์ก็บอกกับเวสเปอร์ว่า เขาพร้อมจะลาออกจากMI6เพื่อไปอยู่กับเวสเปอร์สองคนที่ไหนก็ได้ไกลๆ เวสเปอร์จึงรู้ว่า บอนด์รักเธอมากแค่ไหน

ต่อมา เสียงข้อความโรทศัพท์เวสเปอร์ก็ดังขึ้น ซึ่งเวสเปอร์บอกบอนด์ว่า นั่นคือกระทรวงการคลังอังกฤษโทรมา เวสเปอร์จึงออกไปธนาคารเพื่อเบิกเงิน ในเวลาเดียวกันบอนด์ก็ได้รับโทรศัพท์จากเอ็ม ซึ่งกระทรวงการคลังมาทวงถามถึงถึงเงินร้อยล้านจากเอ็ม แต่บอนด์ก็รับปากเอ็มว่า จะนำเงินร้อยล้านมาคืนวันนี้แน่นอน

บอนด์ดูในมือถือเวสเปอร์ซึ่งทิ้งไว้ในห้อง และรู้ว่าคนที่ชื่อ Getter ส่งข้อความมา และบอนด์รีบโทรไปหาธนาคาร ทางนั้นก็บอกบอนด์มาว่า มีการถอนเงินที่ธนาคารในเวนิชแล้ว บอนด์จึงรีบตามเวสเปอร์ไปที่ธนาคารในเวนิชทันที บอนด์สะกดรอยตามไป จนพบเวสเปอร์กำลังมอบเงินให้เก็ตเตอร์

บอนด์ตามสังหารเก็ตเตอร์และพรรคพวกได้หมด แต่เวสเปอร์ก็จมน้ำตายไปในเหตุการณ์นี้เช่นกัน ทำให้บอนด์เสียใจมากที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เค้ารักตายลงไป ซึ่งเงินร้อยล้านก็โดนมิสเตอร์ไวท์นำไปได้สำเร็จอยู่ดี

เวสเปอร์จมน้ำตาย (Casino Royale)

 

ต่อมา เอ็มก็บอกบอนด์ว่า เวสเปอร์นั้นมีคนรักอยู่ก่อนหน้านี้แล้วเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส-อัลจีเรีย ซึ่งคนรักเวสเปอร์โดนองค์กรลับจับตัวไป และขู่ว่าจะฆ่าคนรักของเธอ ถ้าเธอไม่ทำตามคำสั่ง ซึ่งการที่บอนด์ไม่โดนมิสเตอร์ไวท์ฆ่า ก็เนื่องมาจากเวสเปอร์ขอร้องให้มิสเตอร์ไวท์ไว้ชีวิตบอนด์นั่นเอง และต่อมา ก็มีคนพบศพของคนรักเวสเปอร์โดนทิ้งอยู่กลางทะเล (ตัวปลอม)

บอนด์ตามล่าตัวมิสเตอร์ไวท์จากเบาะแสในโทรศัพท์ของเวสเปอร์ที่ทิ้งไว้ให้บอนด์ บอนด์ยิงมิสเตอร์ไวท์ที่ขาให้บาดเจ็บ และจับมิสเตอร์ไวท์ได้

 

บทที่ 2

007 พยัคฆ์ร้ายทวงแค้นระห่ำโลก

 

บอนด์นำตัวมิสเตอร์ไวท์มาให้เอ็มสอบสวนที่สเปน มิสเตอร์ไวท์นั้นแปลกใจมากที่MI6ไม่รู้เครือข่ายองค์กรลับของเขา แต่ยังไงซะตอนนี้ทั้งเอ็มและบอนด์ก็รู้แล้ว ว่ามีองค์กรลับนี้คอยบงการเรื่องต่างๆภายในโลก

เอ็มและบอนด์กำลังสอบสวนมิสเตอร์ไวท์ (Quantum of Solace)

 

แต่แล้ว.. เอเจ้นท์เคร้ก มิทเชล สายลับข้างกายเอ็มก็เป็นพวกองค์กรลับเฉกเช่นมิสเตอร์ไวท์ มิทเชลจึงยิงใส่เอ็มและฆ่าเจ้าหน้าที่MI6ไปหลายคนเพื่อช่วยมิสเตอร์ไวท์หลบหนี และบอนด์ก็ตามไปฆ่ามิทเชล แต่ก็ทำให้มิสเตอร์ไวท์หนีไปได้สำเร็จ เอ็มนั้นไม่อยากจะเชื่อว่าสายลับที่อยู่ข้างกายเธอมานานถึงแปดปีอย่างมิทเชลจะทำเช่นนี้ เอ็มจึงต้องการสืบถึงการมีอยู่ขององค์กรลับนี้อย่างจริงจัง

ที่ลอนดอนตึกที่ทำการ MI6 เจ้าหน้าที่แผนกคิวก็ตรวจพบเส้นทางการเงินของมิทเชลไปถึงชายคนนึงที่ชื่อ เอ็ดมัน สเลท ซึ่งในตอนนี้สเลทเข้าพักที่เฮติ เอ็มจึงส่งบอนด์ไปตามประกบสเลทที่เฮติทันที

และบอนด์ก็พลั้งมือฆ่าสเลท(อีกแล้ว) บอนด์จึงเนียนฟอร์มปลอมเป็นสเลท และไปนำกระเป๋าเอกสารของสเลทที่แผนกต้อนรับโรงแรมออกมาและเดินออกจากโรงแรม

ขณะที่บอนด์เดินอยู่ริมถนน Camille Montes ลูกครึ่งรัสเซีย-โบลีเวีย ก็มาบอกให้บอนด์ขึ้นรถ เพราะคามิลเห็นบอนด์ถือกระเป๋าใบนั้น คามิลจึงคิดว่าบอนด์คือสเลทนั่นเอง แต่เมื่อทั้งสองเปิดกระเป๋าดู บอนด์และคามิลก็พบเพียงเอกสารเปล่าๆกับรูปคามิลและปืนหนึ่งกระบอก แสดงว่าสเลทถูกจ้างมาให้มาฆ่าคามิล คามิลจึงยิงบอนด์ แต่บอนด์ก็หลบลงมาจากรถได้ และบอนด์ก็ขับมอเตอร์ไซค์ตามคามิลมาจนถึงท่าเรือ เพื่อจับตาดูคามิลเดินเข้าไปยังท่าเรือที่มีชายถืออาวุธหนักคุ้มกันทางเข้าอย่างแน่นหนา

คามิลเข้าไปหานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเจ้าของบริษัทกรีนเพลเน็ตที่ชื่อ Dominic Greene ซึ่งหลังฉากโดมินิคคือพวกเครือข่ายองค์กรลับเดียวกับมิสเตอร์ไวท์นั่นเอง โดมินิครู้ว่าคามิลนั้นแสร้งมาใกล้ชิดและมีเซ็กส์กับตนเพราะต้องการล้างแค้นให้พ่อคือ เออเนสโต้ มอนเตส หนึ่งในกองกำลังฝ่ายต่อต้านที่โบลิเวีย

เพราะคามิลรู้ว่าโดมินิกและนายพล Medrano ผู้สังหารพ่อของเธอทำงานร่วมกัน คามิลต้องการไปให้ถึงตัวนายพลเมดราโนเพื่อฆ่าล้างแค้นให้พ่อแม่ พอโดมินิครู้เรื่องนี้ จึงส่งคามิลให้นายพลเมดราโนนำไปข่มขืนและกำจัดภายหลังซะเลย (โดมินิคจะล้มรัฐบาลโบลีเวียเดิม และให้นายพลเมดราโนทำการรัฐประหารยึดประเทศจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยมีเงื่อนไขคือโดมินิคขอที่ดินกลางทะเลทรายโบลิเวียทำโครงการเทียร่าเป็นการแลกเปลี่ยน)

โดมินิค และ คามิล (Quantum of Solace)

 

ขณะที่คามิลถูกนายพลเมดราโนนำขึ้นเรือเล็ก บอนด์ก็ขับเรืออีกลำตามไปช่วยคามิลออกมา และนำคามิลที่สลบอยู่ไปปล่อยทิ้งไว้ที่ท่าเรือเฮติอีกฝั่ง

บอนด์รีบตามรอยโดมินิคไปจนถึงสนามบินเอกชน และบอนด์ก็โทรไปหาเอ็มให้เช็คข้อมูลของ โดมินิค กรีน ซึ่งเป็นชาวอเมริกัน แต่เอ็มก็ไม่พบข้อมูลโดมินิค เอ็มจึงติดต่อไปที่รัฐบาลสหรัฐเพื่อขอข้อมูลโดมินิค เพราะโดมินิคคือชาวอเมริกัน

เกรกรอรี่ บีม หัวหน้าหน่วยภาคสนามเขตอเมริกาใต้ของซีไอเอรับสายของเอ็มทันที และปฎิเสธข้อมูลของโดมินิค ว่าในฐานข้อมูลซีไอเอก็ไม่มีเช่นกัน เอ็มจึงวางสาย ซึ่งเอ็มก็รู้ทันทีว่า ซีไอเอปิดบังข้อมูลและปกป้องโดมินิคเพราะอะไรบางอย่างแน่ๆ

เอ็มอนุมัติเช่าเหมาลำให้บอนด์ตามโดมินิคไป ซึ่งจุดหมายคือออสเตรีย และบนเครื่องบินส่วนตัวที่โดมินิคขึ้นไปนั้น ก็มีทั้งเกรกอรี่ บีม และ เฟลิก เลเทอร์ อยู่บนเครื่องลำนี้ด้วย เพราะซีไอเอทางฝั่งอเมริกาใต้ก็ต้องการควบคุมโดมินิคไว้เช่นกัน แต่เลเทอร์นั้นไม่ค่อยเห็นด้วยกับบีมหัวหน้าของตนเองเท่าไหร่ เลเทอร์ไม่ไว้ใจโดมินิค

บีม โดมินิค และ เลเทอร์ ซึ่งเคยช่วยบอนด์ในคาสิโนรอยัล (Quantum of Solace)

 

บอนด์ตามโดมินิคมาจนถึงโรงละคร และบอนด์ก็สังเกตว่าจะมีสมาชิกวีไอพีไม่กี่คนได้ถุงกระดาษพิเศษไป บอนจึงไปชิงถุงกระดาษใบหนึ่งมาได้ ซึ่งภายในมีเครื่องสื่อสารเพื่อประชุมในองค์กรลับนี้นั่นเอง

คนอยู่ในโรงละครเป็นพันคน บอนด์จึงไม่รู้ว่าผู้ร่วมประชุมในองค์กรลับคือใครบ้าง บอนด์จึงพูดใส่เครื่องสื่อสารทำลายการประชุมซะเลย เพื่อให้ทุกคนลุกออกจากที่นั่ง เพื่อที่บอนด์จะได้ส่งรูปไปให้เอ็มตรวจสอบว่าคนเหล่านี้เป็นใคร ซึ่งมิสเตอร์ไวท์กับภรรยาก็อยู่ในการประชุมนี้ด้วย แต่มิสเตอร์ไวท์ฉลาดพอ จึงนั่งนิ่งไม่ให้บอนด์เห็น

มิสเตอร์ไวท์กับภรรยา (Quantum of Solace)

 

บอนด์พลั้งมือฆ่าบอดี้การ์ดของ กาย เฮ้นซ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งเฮ้นซ์นั้นก็อยู่ในเครือข่ายองกรลับนี้ด้วย บอนด์นั้นจึงปลีกตัวไปที่อิตาลี เพื่อไปพบกับมาธิสเพื่อนเก่า ซึ่งมาธิสยังเจ็บใจไม่หายที่บอนด์นั้นคิดว่าเขาเป็นพวกเดียวกับเลอชีฟ แต่หลังจากสืบสวนแล้ว มาธิสก็บริสุทธิ์

บอนด์ไปขอความช่วยเหลือมาธิส ให้ระบุตัวตนคนที่อยู่ในการประชุมในโรงละครที่ออสเตรีย มาธิสจึงเตือนบอนด์ว่าเฮ้นซ์นั้นอันตราย และยังเป็นคนใหญ่โตในรัฐบาลอังกฤษ บอนจะซวยเอาได้ และบอนด์ก็ชวนมาธิสไปโบลิเวียสืบเรื่องของโดมินิคต่อไป

ที่โบลิเวีย Strawberry Fields เจ้าหน้าที่กงศุลอังกฤษสาวแสนสวยก็มาดักพบบอนด์ที่สนามบินโบลิเวีย และฟิลด์ก็แจ้งว่าบอนด์ต้องขึ้นเครื่องบินกลับอังกฤษเที่ยวบินวันถัดไปทันที ซึ่งบอนด์ก็ไม่ปฎิเสธ และในหัวค่ำที่โรงแรม ฟิลด์ก็โดนบอนด์งาบไปกินอีกคน

ฟิลด์ เจ้าหน้าที่กงศุลแสนสวย (Quantum of Solace)

 

มาธิสเอาบัตรเชิญเข้างานโครงการเทียร่าของกรีนเพลเน็ตที่โดมินิคจัดระดมทุนนักอนุรักษ์มาให้บอนด์ ซึ่งมาธิสได้มาจากเส้นสายของตน บอนด์จึงพาฟิลด์ไปด้วย ในงานนี้ บอนด์ได้พบกับคามิลอีกครั้ง และช่วยคามิลออกมาจากโดมินิค โดยมีฟิลด์ช่วยขวางถ่วงเวลาลูกน้องโดมินิคเอาไว้ให้บอนด์พาคามิลหนี ซึ่งเลเทอร์ซีไอเออเมริกันนั่งมองสังเกตการณ์ทุกอย่างอยู่ห่างๆ

บอนด์ให้คามิลพาไปดูโครงการเทียร่าของโดมินิค แต่ระหว่างทางตำรวจโบลิเวียเรียกให้บอนด์จอดและเปิดท้ายรถ ซึ่งมีมาธิสถูกจับมัดอยู่ (เส้นสายมาธิสหักหลังและนำมายัดไว้ท้ายรถบอนด์)

ตำรวจโบลิเวียลั่นไกฆ่ามาธิสทันที (ตำรวจเป็นพวกโดมินิค) และจะฆ่าบอนด์กับคามิลด้วย แต่บอนด์และคามิลก็หนีมาได้ และบอนด์กับคามิลก็เดินทางมาถึงสนามบินเอกชนในโบลิเวียในตอนเช้า เพื่อจะไปที่โครงการเทียร่าของโดมินิคนั่นเอง

คามิลและบอนด์ (Quantum of Solace)

 

ระหว่างทางบอนด์ก็โดนเครื่องบินรบของทหารโบลิเวียยิงตก บอนด์และคามิลกระโดดร่มหนีลงไปตกในถ้ำกลางทะเลทรายโบลีเวีย บอนด์และคามิลหาทางออกมาจากถ้ำได้ และเดินเท้าเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุดทันที และบอนด์กับคามิลก็เดินทางกลับมาที่โรงแรมของบอนด์

เอ็มและเจ้าหน้าที่MI6ส่วนนึงมาตามบอนด์ถึงโบลิเวียเลยทีเดียว และในห้องของบอนด์ ก็มีศพของฟิลด์ซึ่งถูกฆ่าโดยกรอกน้ำมันดิบใส่ปากจนปอดบวมน้ำตาย ซ้ำยังราดน้ำมันดิบไว้ทั่วตัว เอ็มสั่งพักงานบอนด์และนำตัวกลับอังกฤษเพื่อสืบสวนทันที เนื่องจากถ้าขืนบอนด์ยังอยู่ในโบลีเวียบอนด์ต้องตายแน่ เพราะซีไอเอประจำอเมริกาใต้หมายหัวจับตายบอนด์ไว้แล้ว

ฟิลด์ เจ้าหน้าที่กงศุลแสนสวยถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหด (Quantum of Solace)

 

แต่บอนด์ก็หนีพวกเจ้าหน้าที่MI6ที่ฝีมือด้อยกว่ามากออกมาจนได้ บอนด์กลับไปหาเอ็มอีกครั้ง เอ็มจึงเตือนบอนด์เรื่องซีไอเออเมริกันหมายหัว ทันใดนั้นซีไอเอก็บุกมาจะจับบอนด์ บอนด์จึงหนีลงมาอีกครั้ง และคามิลซึ่งจอดรถรอบอนด์อยู่ ก็มาพาบอนด์หนีไปจากโรงแรมทันที

บอนด์วัดดวงกับพันธมิตเก่าอีกคนคือเลเทอร์ซีไอเอคนเดิม และนัดพบเลเทอร์ที่บาร์ในเมือง บอนด์นั้นรู้ว่าบีมต้องจัดหน่วยจู่โจมซีไอเอมารอต้อนรับเค้าแน่ๆ แต่บอนด์ก็อยากจะได้ข้อมูลนายพลเมดราโนกับเลเทอร์ก่อน และบอนด์ก็หนีซีไอเอไปได้ โดยที่เลเทอร์ก็ไม่ขัดขวาง

ลเทอร์กับบอนด์ พันธมิตรสายลับอเมริกันและสายลับอังกฤษ (Quantum of Solace)

 

ที่โรงแรมกลางทะเลทรายโบลีเวีย ซึ่งเป็นที่นัดพบของนายพลเมดราโนและโดมินิคตามข้อมูลที่ได้จากเลเทอร์ บอนด์และคามิลก็บุกมาที่นี่ ในที่สุดบอนด์ก็รู้ว่าองค์กรนี้ชื่อ Quantum บอนด์ระเบิดโรงแรมเป็นจุล และคามิลก็ฆ่านายพลเมดราโนล้างแค้นได้สำเร็จ

บอนด์รีบมาช่วยคามิลหนีระเบิด และทั้งคู่ก็ช่วยกันไล่ล่าโดมินิคที่กำลังกระยิ้มกระสนคลานหนีกลางทะเลทราย แต่บอนด์ก็ปล่อยโดมินิคไว้กลางทะเลทรายพร้อมกับทิ้งน้ำมันเครื่องให้โดมินิคหนึ่งกระป๋อง ซึ่งหลังจากนี้โดมินิคต้องถูกองค์กรควอนตัมของตนเองตามล่าแน่ๆ

ต่อมาไม่กี่วัน โดมินิคก็โดนยิงที่หลังหัวสองนัด และมีน้ำมันเต็มปอดตายเช่นเดียวกับฟิลด์นั่นเอง (ใครฆ่าโดมินิค? / บอนด์? / องค์กรควอนตัม? / คามิล? / หรือผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง?)

บอนด์จึงกลับไปทำภารกิจส่วนตัว คือไล่ล่าตามหายูเซฟแฟนหนุ่มของเวสเปอร์ซึ่งอยู่ในองค์กรลับควอนตัมเช่นกัน จนกระทั่งบอนด์ไปพบยูเซฟที่รัสเซีย ซึ่งยูเซฟกำลังหลอกสายลับสาวแคนาดาคนหนึ่งที่ชื่อคอลีนด้วยมุกเดิม คือสร้อยแห่งความรักของชาวอัลจีเรีย เหมือนสร้อยของเวสเปอร์ แต่บอนด์ก็ไม่ฆ่ายูเซฟ

บอนด์บอกให้คอลีนกลับไปบอกเพื่อนๆสายลับแคนาดาว่าองกรเธอโดนแทรกซึมแล้ว และปล่อยให้เพื่อนๆMI6จับกุมตัวยูเซฟไปแทน นี่เป็นครั้งแรกที่บอนด์ยับยั้งตัวเองไม่ฆ่าใครตามอำเภอใจได้ ทำให้เอ็มซึ่งไปที่รัสเซียด้วยแปลกใจบอนด์มาก และบอนด์ก็ทิ้งสร้อยของเวสเปอร์ที่หน้าโรงแรมของยูเซฟนั่นเอง เพราะบอนด์หมดหน้าที่กับเวสเปอร์และยูเซฟแล้ว แต่มิสเตอร์ไวท์กับพรรคพวกองค์กรลับที่เหลือก็ยังลอยนวลอยู่

ยูเซฟ และ คอลีน (Quantum of Solace)

 

 

บทที่ 3

พลิกรหัสพิฆาตพยัคฆ์ร้าย 007

 

เจมส์ บอนด์ อายุ 44 ปี หกปีต่อมาที่ตุรกี (ปี 2012) บอนด์และมันนีเพนนีได้รับภารกิจประกบเจ้าหน้าที่รอนสัน เพื่อล่อจับผู้ก่อการร้ายที่คิดช่วงชิงล้วงข้อมูลไป แผนผิดพลาด ฮาร์ดดิสในแลปท็อปรอนสันหายไป ซึ่งมีข้อมูลรายชื่อสายลับของนาโต้ทั้งหมด และรอนสันก็ถูกยิงกำลังจะตาย บอนด์จะช่วยห้ามเลือด แต่เอ็มสั่งให้บอนด์ไล่ล่าตามรายชื่อสายลับกลับมาให้ได้

บอนด์ถูกผู้ร้ายยิงเข้าหน้าอก ซึ่งทะลุเข้าไปในเนื้อบางส่วน แต่บอนด์ยังไหวและไล่ล่าคนร้ายต่อไป ขณะที่ทั้งคู่อยู่บนรถไฟ มันนีเพนนีก็เตรียมสไนเปอร์ไว้

มิสมันนีเพนนี หรือ อีฟ (Skyfall)

 

เอ็มสั่งให้มันนีเพนนียิงทันที แต่มันนีเพนนีดันยิงพลาดไปถูกบอนด์จนตกรถไฟลงแม่น้ำหายไป และผู้ร้ายก็หนีไปได้เพราะเข้าอุโมงค์ใต้ภูเขาพอดี

สามเดือนต่อมา MI6 จัดงานศพให้บอนด์อย่างสมเกียติ สมบัติของบอนด์ทุกอย่างถูกขายทอดตลาดทั้งหมด ตามหลักขั้นตอนปฎิบัติเมื่อสายลับเสียชีวิต โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า บอนด์ยังไม่ตาย แต่ใช้สถานการณ์นี้ลบตัวตนเดิมเพื่อมีชีวิตใหม่นั่นเอง

Gareth Mallory (แกเร็ต มัลลอรี่) ประธานหน่วยปกป้องมาตุภูมิแห่งสหราชอาณาจักร ก็เรียกเอ็มเข้าพบที่ทำงานของตน เพื่อแจ้งเอ็มว่า เอ็มจะถูกปลดให้ออกจากหน้าที่ตำเหน่ง M ในอีกสองเดือน เพราะความผิดพลาดที่ทำรายชื่อสายลับนาโต้สูญหาย แต่เอ็มนั้นไม่ยอมออกง่ายๆ

เอ็ม และ มัลลอรี่ (Skyfall)

 

ระหว่างทางกลับ MI6 แผนกคิวก็แจ้งมาว่า มีคนกำลังเปิดฮาร์ดดิสของรอนสันที่หายไป ซึ่งสถานที่นั้นที่กำลังเปิดข้อมูลคือ ห้องทำงานของเอ็มในMI6นั่นเอง เอ็มกำลังกลับไปที่MI6 แต่รถติดอยู่ ทันใดนั้นตึกMI6ก็ระเบิดต่อหน้า่ต่อตาเอ็มที่อยู่บนทางด่วน ซึ่งต้นเพลิงระเบิดมาจากห้องเอ็มนั่นเอง มีเจ้าหน้าที่ตายไปหลายคนในการระเบิดครั้งนี้ หน่วยMI6จึงย้ายไปอยู่ที่ฐานลับใต้ดินของทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง

บอนด์เห็นการวินาศกรรมMI6ทางทีวี บอนด์จึงออกมาจากเงามืด และเดินทางกลับมาหาเอ็มที่บ้านอีกครั้ง (เหมือนครั้งแรกตอนได้ตำแหน่ง007ใหม่ๆ) ซึ่งบอนด์นั้นต้องการกลับมาทำงาน บอนด์แกะสะเก็ดกระสุนออกมาจากหน้าอกตนเอง และให้แผนกคิววิเคราะห์ว่ามาจากไหนอะไรยังไง

เอ็มให้บอนด์ไปทดสอบร่างกายที่หน่วยMI6แห่งใหม่ และบอนด์ก็ไม่ผ่าน แต่เอ็มก็ปกปิดและเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้บอนด์ผ่าน เพื่อต้องการให้บอนด์ตามไล่ล่าผู้ก่อวินาศกรรมครั้งนี้ให้จงได้

แผนกวิเคราะห์พบว่านี่คือเศษกระสุนไทเทเนียมราคาแพงลิบลิ่ว ในโลกมีไม่กี่คนที่ใช้ และให้บอนด์ดูรูป บอนด์จึงระบุคนที่ยิงเค้าได้แม่น เป็นสายลับผีที่ชื่อ “เมทริส” และจากข้อมูลของซีไอเอ เมทริสกำลังจะไปเซี่ยงไฮ้ในอีกสองวัน เอ็มสั่งให้บอนตามไล่ล่าเมทริสเพื่อเอาข้อมูลว่าเมทริสทำงานให้ใคร หลังจากนั้นบอนด์ฆ่าเมทริสได้ทันทีเพื่อแก้แค้นให้รอนสัน

เอ็มส่งบอนด์ไปหาคิวคนใหม่ ซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆเท่านั้น แต่คิวคนนี้ก็เชี่ยวชาญเทคโนโลยีและอาวุธขั้นสูงมาก บอนด์นั้นเห็นแววว่าคงจะแน่จริงจึงยอมไว้ใจ และคิวก็มอบปืนที่สแกนลายนิ้วมือบอนด์ นั่นทำให้บอนด์ใช้ปืนกระบอกนี้ได้ผู้เดียวในโลก และในกล่องปืนก็มีวิทยุสื่อสารอันจิ๋วด้วย เมื่อบอนด์พบผู้บงการขโมยข้อมูลสายลับนาโต้ บอนด์ต้องกดวิทยุนี้ทันที

คิว และ บอนด์ (Skyfall)

 

ในอีกสองวันต่อมาที่เซี่ยงไฮ้ บอนด์ก็ดักรอเมทริสที่สนามบินเซี่ยงไฮ้ และสะกดรอยตามเมทริสไปจนถึงตึกนึงกลางเซี่ยงไฮ้ บอนด์พลั้งมือฆ่าเมทริส(อีกแล้ว)โดยที่บอนด์ยังไม่ได้ข้อมูลจากปากเมทริสเลย บอนด์เห็นชิปแลกเงินบ่อนมาเก๊าในกระเป๋าเมทริส บอนด์จึงคิดจะไปที่มาเก๊าและใช้ชิปนั้นแลกเงิน

และผู้ที่ขโมยรายชื่อสายลับนาโต้ไปนั้นก็ถอดรหัสสำเร็จแล้ว ซึ่งมันเริ่มโพสรายชื่อและใบหน้าสายลับนาโต้ทางยูทูปห้าคน เอ็มต้องสั่งให้อารักขาสายลับที่ถูกเปิดโปงทันที ซึ่งก็ไม่ทัน เพราะสายลับบางคนก็โดนผู้ก่อการร้ายลากคอมาฆ่าประจานแล้ว สถานะการจึงตึงเครียดอย่างหนัก

ในขณะที่บอนด์อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ประเทศจีน เอ็มก็กำลังจะถูกคณะรัฐมนตรีและสภาอังกฤษเรียกสอบสวน ในเรื่องที่เอ็มนำภารกิจทำให้สูญเสียรายชื่อสายลับนาโต้ไป มีผลให้สายลับห้าคนแรกโดนตามล่าจากผู้ก่อการร้ายทั่วโลก และสายลับจะถูกเปิดโปงอาทิตยฺละห้าคน

ที่มาเก๊า มันนีเพนนีตามมาสมทบบอนด์ที่บ่อนในมาเก๊าเพื่อช่วยเหลือ (คงไม่ยิงบอนด์อีกนะ- -*) ซึ่งทันทีที่บอนด์แลกชิปในบ่อน บอนด์ก็โดนตามประกบโดยผู้อยู่เบื้องหลังการขโมยรายชื่อสายลับทันทีเช่นกัน

Severine (เซเวลีน) สาวสวยลึกลับในบ่อน ก็เข้ามาประกบบอนด์ ทั้งคู่คุยกันจนบอนด์รู้ว่าเซเวลีนนั้นเป็นคนใกล้ชิดผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน เซเวลีนบอกบอนด์ว่า บอนด์จะโดนตามเก็บหลังจากเธอลุกออกไปจากโต๊ะ ซึ่งถ้าบอนด์รอดไปได้ ให้ไปหาเธอที่เรือซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ชายฝั่ง

บอนด์มาตามนัดเซเวลีน และบอกให้เซเวลีนพาไปหาเจ้านายของเธอ โดยที่บอนด์เปิดเผยตนเองให้โดนจับง่ายๆเลย เพราะบอนด์กดวิทยุสื่อสารไปหาคิวแล้วนั่นเอง ซึ่งเซเวลีนก็พาบอนด์ไปที่เกาะร้าง

เซเวลีนและบอนด์ฟัดกัน (Skyfall)

 

ที่เกาะร้าง บอนด์ก็ได้พบกับผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ คืออดีตสายลับที่ชื่อซิลวา ซึ่งซิลวานั้นปั่นป่วนสังคมโลกเอามันส์เท่าน้ั้น และซิลวาก็ฆ่าเซเวลีน บอนด์จึงฆ่าลูกน้องซิลวาทั้งหมด และซิลวาก็โดนกองทัพหน่วยMI6จับตัวกลับไปที่ฐานใต้ดินในอังกฤษ

และแท้จริงแล้ว ซิลวาคือ ดิอาโก รอดริเกซ อดีตสายลับที่เก่งที่สุดของMI6เลยทีเดียว ซิลวาถูกผู้ก่อการร้ายจับไป แต่เอ็มไม่ช่วย ซิลวาจึงกัดไซยาไนซ์ในฟันเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ซิลวากลับไม่ตายและรอดมาได้โดยหน้าเบี้ยวไปครึ่งนึง ซิลวาจึงแค้นใจเอ็ม และหวังเอาคืนเอ็มนั่นเอง เอ็มสั่งขังซิลวาไว้ที่ใต้ฐานMI6 และเอ็มก็เดินทางไปรับการไต่สวนโดยคณะรัฐมนตรี

ซิลวา หรือ ดิอาโก รอดริเกซ อดีตสายลับ MI6 (Skyfall)

 

บอนด์ให้คิวถอดรหัสของคอมพิวเตอร์ซิลวา แต่กลับโดนซิลวาหลอกไว้อีกชั้น ลูกน้องซิลวาจึงมาแหกคุกช่วยซิลวาหนีไปได้ บอนด์รีบตามล่าซิลวาทันที และรีบแจ้งเอ็มว่า ซิลวาแหกคุกไปแล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปสังหารเอ็มแน่นอน

เอ็มได้รับข้อมูล แต่เอ็มก็ยังไม่หนี เพราะการไต่สวนยังไม่เสร็จ ทันใดนั้นซิลวาก็บุกมาถึงศาลที่ไต่สวนเอ็ม และพยายามฆ่าเอ็ม

มัลลอรี่ /อีฟ /รวมถึงบอนด์ รีบยิงสกัดพวกของซิลวาไว้ ก่อนที่บอนด์จะพาเอ็มหนีไป บอนด์สั่งให้คิวทิ้งร่องรอยให้ซิลวาตามรอยมา ซึ่งบอนด์มุ่งหน้าไปที่สกายฟอลล์ บ้านเกิดของตนในสก็อตแลนด์นั่นเอง และบอนด์ก็ใช้รถแอสตันมาตินที่ได้ในโอเชียนคลับขับพาเอ็มไปที่สกายฟอลล์

ที่สกายฟอลล์ บอนด์ก็ไม่เหลืออาวุธที่นี่เลย เพราะคินแคดพ่อบ้านของบอนด์คิดว่าบอนด์ตายไปแล้ว จึงขายสมบัติไปทั้งหมด เหลือเพียงแค่ปืนเก่าของพ่อบอนด์ซึ่งคิดแคดขายไม่ลง และคินแคดก็นำเอ็มไปดูทางหนีภัยลับ

ซิลวาพาลูกน้องมาถล่มสกายฟอลล์ตามแผนของบอนด์ และเอ็มก็พลาดท่าถูกยิง แต่เอ็มก็ยังหนีไปถึงโรงนา ซิลวาตามเอ็มไปทันและกำลังจะฆ่าเอ็ม แต่บอนด์ก็ปามีดสั้นที่คินแคดให้ไว้ปักกลางหลังซิลวา ทำให้ซิลวาตาย ไม่กี่นาทีต่อมา เอ็มก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว และตายในอ้อมแขนบอนด์ไปอีกคน ความแค้นของซิลวาที่มีต่อเอ็ม จึงจบลงที่โรงนาในสกายฟอลล์นี่เอง

เอ็ม จบชีวิตลงที่บ้านตระกูลบอนด์ (Skyfall)

 

หลายอาทิตย์ต่อมา บอนด์นำซากแอสตันมาร์ตินจากสกายฟอลมาให้คิวซ่อม และบอนด์ก็เข้ารายงานตัวกับเอ็มคนใหม่ ซึ่งก็คือมัลลอรี่นั่นเอง ส่วนมันนีเพนนีก็มาเป็นเลขาส่วนตัวให้เอ็มคนใหม่ และระหว่างที่องค์กรMI6มีการเปลี่ยนแปลงอยู่นั้น บอนด์ก็ได้อีเมลลึกลับจากเอ็มคนเก่า

ในอีเมลนั้นคือคลิปวีดีโอสั้นๆที่เอ็มคนเก่าบันทึกไว้ก่อนตาย คำสั่งสุดท้ายของเอ็มคนเก่าคือให้บอนด์ตามล่ามือสังหารที่ชื่อ มาโค สเคียร่า ให้จงได้ และฆ่าสเคียร่าซะ ซึ่งบอนด์จะรู้เบาะแสต่อไป เมื่อไปงานศพสเคียร่าหลังจากนั้น

 

บทที่ 4

องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้าย

 

หลายเดือนต่อมา ก็เกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในที่ต่างๆทั่วโลกหลายครั้ง ทั้งที่ตูนิเซีย ฮัมบูร์ก ฯลฯ ส่วนบอนด์ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไล่ล่าสเคียร่า โดยที่เอ็มคนใหม่ก็ไม่รู้ว่าบอนด์นั้นหายไปไหนหรือทำอะไร เพราะเอ็มก็ต้องรับมือกับแม๊กซ์ แดนบี หรือ C ข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษที่พยายามจะล้มล้างMI6และต้องการล้มเลิกใบอนุญาติให้ฆ่าโดยไม่ผิดกฏหมายของสายลับดับเบิ้ลโอทั้งหมด

007 และ C (Spectre)

 

ที่แม็กซิโก บอนด์นั้นแกะรอยสเคียร่ามาจนถึงที่นี่ ที่ซึ่งสเคียร่ากำลังจะทำการวางระเบิด บอนด์ตามไปฆ่าสเคียร่าได้สำเร็จ และได้แหวนประจำตัวของสเคียร่าที่มีสัญลักษณ์แปลกๆมาด้วย พร้อมกับได้เบาะแสต่อไปคือชื่อที่สเคียร่ากำลังจะไปสังหาร คนผู้นั้นชื่อ “pale king”

ที่อังกฤษ เมื่อบอนด์กลับมาอังกฤษเพื่อรายงานเอ็ม กับการกระทำในแม็กซิโกซึ่งไม่มีใครอนุญาตินี้ บอนด์กลับไม่บอกความจริงเอ็มว่าตนเองกำลังทำอะไร บอนด์บอกเอ็มเพียงว่าเค้าบังเอิญท่องเที่ยวผ่านไปที่แม็กซิโก และหยุดยั้งมือระเบิดที่ชื่อสเคียร่าได้เพียงเท่านั้น เอ็มจึงสั่งพักงานบอนด์ในทุกๆภารกิจทันที ห้ามบอนด์ออกนอกอังกฤษและทำอะไรเด็ดขาดจนกว่าจะมีคำสั่งต่อไป และวันรุ่งขึ้น บอนด์ต้องไปตรวจร่างกายกับคิว

กาแร็ต มัลลอรี่ เอ็มคนใหม่ (Spectre)

 

เมื่อบอนด์กำลังเดินออกจากMI6 มิสมันนีเพนนีเก็บซากที่เหลือจากสกายฟอลจะมาคืนให้บอนด์ แต่บอนด์ไม่รับของ และบอกให้มิสมันนีเพนนีนำของไปให้ตนเองที่แมนชั่นของบอนด์ในคืนนั้น เพราะบอนด์มีเรื่องสำคัญจะบอกมิสมันนีเพนนี นั่นคือสิ่งที่เอ็มคนเก่าสั่งให้บอนด์ฆ่าสเคียร่า และบอนด์ก็ขอร้องให้มิสมันนีเพนนีสืบหาชื่อของ pale king ว่ามีความสำคัญอย่างไรในวงการนักฆ่า

ซีก็กำลังจะสร้างศูนย์บัญชาการใหม่ของหน่วยข่าวกรองอังกฤษ และซีก็เป็นโต้โผจัดประชุมนานานชาติเพื่อยกเลิกปฎิบัติการสายลับทั่วโลก อันเนื่องมาจากการก่อการร้ายเหตุวางระเบิดที่เกิดขึ้นในตูนิเซียและฮัมบูร์กนั่นเอง

วันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่แทนเนอร์ก็มารับบอนด์ไปที่คลังของคิวซึ่งอยู่ภายนอกตึกMI6เดิม เพราะตึกทำการMI6กำลังจะถูกทุบ(หลังจากเหตุวินาศกรรมระเบิดฝีมือซิลวา) คิวจึงไม่ไว้ใจใครและแยกตัวมาสร้างวิทยาการล้ำๆเพียงลำพังที่คลังนี้

บอนด์และแทนเนอร์ (ฝั่งซ้ายของบอนด์คือห้องทำงานของเอ็มที่โดนระเบิด) (Spectre)

 

คิวทำการฉีดสมาร์ทบลัดซึ่งเป็นนาโนชิปใส่ไปในกระแสเลือดบอนด์ เพื่อติดตามบอนด์ได้ทุกหนทุกแห่งว่าอยู่ที่ใดในโลก (แอสตันมาร์ตินดีบีไฟฟ์1963ของบอนด์คิวก็กำลังซ่อมอยู่) แต่บอนด์ก็ขอเวลาคิว คิวจึงให้เวลาบอนด์ 48 ชั่วโมงเพื่อสืบคดี และอ้างว่าสมาร์ทบลัดจะใช้ได้หลังจาก 48 ชั่วโมงแรก คิวให้นาฬิกาตั้งเวลาระเบิดให้บอนด์ไปด้วย และบอนก็ขโมยรถแอสตันมาร์ตินดีบีเท็นของดับเบิ้ลไนน์ที่คิวสร้างไปที่โรม

บอนด์รีบเดินทางไปโรมเพื่อไปงานศพของสเคียร่า และที่โรม บอนด์ก็ได้พบกับลูเซียภรรยาม่ายของสเคียร่า บอนด์ช่วยเหลือลูเซียจากการถูกองค์กรลับตามมาเก็บ และบอนด์ก็ได้เบาะแสจากลูเซียไปถึงองค์กรลับที่สเคียร่าทำงานให้ นั่นคือจะมีการประชุมขององค์กรลับนี้ที่พาลาสโซ่ คาเดสซ่าในเวลาเที่ยงคืน

ลูเซีย และ บอนด์ (Spectre)

 

ที่พาลาสโซ่ คาเดสซ่า บอนด์แสดงแหวนของสเคียร่าให้พวกมือปืนที่เฝ้าปากทางดู ทำให้เหล่ามือปืนยอมให้บอนด์เข้างาน แต่บอนด์ก็ถูกองค์กรลับจับตามองทันทีหลังจากเข้าไปในการประชุม

โดยการประชุมองค์กรลับนี้ ได้มีการคัดเลือกนักฆ่าคนใหม่ขึ้นมาแทนสเคียร่า คนผู้นั้นคือ ฮิกซ์ และฮิกซ์ก็ได้รับงานแรกคือตามไปฆ่า pale king ตามงานเดิมที่สเคียร่ายังไม่ได้ทำ บอนด์ยังได้รับรู้ด้วยว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดในประเทศต่างๆคือฝีมือขององค์กรนี้

องค์กรลับ (Spectre)

 

และบอนด์ ก็ได้เห็นหัวหน้าองค์กรลับนี้แล้วว่าคือ ฟร้านซ์ โอเบอฮาวเซอร์ ผู้ที่บอนด์คิดว่าตายไปตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้ว (ฟร้านซ์คือลูกชายของผู้ที่เลี้ยงบอนด์ตอนเด็กๆหลังจากพ่อแม่บอนด์ตาย) และฮิกซ์ นักฆ่าคนใหม่ก็ตามไล่ล่าบอนด์ทันที

บอนด์ขับแอสตันมาร์ตินหนีฮิกซ์ และโทรศัพท์หามันนีเพนนีเพื่อถามถึงชื่อpale kingที่ให้สืบ ปรากฎว่าชื่อนี้คือชื่อของมิสเตอร์ไวท์ที่บอนด์เคยปะทะเมื่อหลายปีก่อน และทำให้เวสเปอร์ตายนั่นเอง เบาะแสล่าสุดที่มิสมันนีเพนนีรู้ที่อยู่มิสเตอร์ไวท์ก็คือ อัลทอสซี่ ประเทศออสเตรีย ก่อนที่บอนด์จะขับแอสตันมาร์ตินลงแม่น้ำไป

บอนด์รีบไปที่อัลทอสซี่ และพบมิสเตอร์ไวท์ในสภาพใกล้ตายสายน้ำเกลือระโยงระยาง เพราะมิสเตอร์ไวท์เคยถูกวางยาพิษมาแล้วแต่กลับรอดมาได้ สาเหตุที่องค์กรลับนี้ต้องการฆ่ามิสเตอร์ไวท์ก็เพราะมิสเตอร์ไวท์นั้นเริ่มจะไม่อยากเป็นมือสังให้องค์กรลับนี้อีกต่อไป เพราะมิสเตอร์ไวท์เห็นว่าองค์กรนี้ฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กๆนั่นเอง (และแก่ตัวลงด้วยเลยเห็นสัจธรรม) และเพราะลูกสาวของตนเองด้วย

บอนด์จึงให้ความปราณีกับมิสเตอร์ไวท์ด้วยการยื่นปืนให้ เพื่อให้มิสเตอร์ไวท์ยิงตัวตายและหมดทุกข์ไป โดยสิ่งสุดท้ายที่มิสเตอร์ไวท์ให้เบาะแสบอนด์ก็คือ เลออเมริกัน

pale king หรือ มิสเตอร์ไวท์ กำลังฆ่าตัวตาย (Spectre)

 

หลังจากมิสเตอร์ไวท์ยิงตัวตาย บอนด์จึงค้นกระเป๋าตังค์มิสเตอร์ไวท์และพบรูปถ่ายของมิสเตอร์ไวท์กับลูกสาว ซึ่งบอนด์ก็รีบตามสืบจนพบว่าลูกสาวมิสเตอร์ไวท์ชื่อ ด็อกเตอร์ แมดดาลีน สวอนน์ บอนด์จึงออกตามหาตัวแมดดาลีนทันที

ที่อังกฤษ ซีก็จัดประชุมนานาชาติเพิ่อลงมติให้ประเทศสมาชิกทำการเปลี่ยนแปลงวงการสายลับ ด้วยการดักฟังหน่วยงานรัฐบาลทั่วโลก แต่คะแนนไม่เป็นเอกฉันท์ เพราะอาฟริกาใต้ไม่เห็นด้วย ทุกอย่างที่ซีวางแผนไว้จึงยังไม่อนุมัติ

ที่ออสเตรีย บอนด์สืบจนพบว่าแมดดาลีนก็อาศัยอยู่ที่ออสเตรียเช่นกัน (มิสเตอร์ไวท์แกหนีมากบดานใกล้ๆลูกสาว) โดยแมดดาลีนทำงานเป็นจิตแพทย์ให้กับคลีนิคสุดแพงบนยอดเขาที่ห่างไกลและหนาวเหน็บ เมื่อบอนด์แสดงตัว และบอกว่าพ่อของเธอฆ่าตัวตายไปแล้ว พร้อมกับที่บอนด์ขอร้องให้แมดดาลีนพาไปหาเลอเมริกัน แมดดาลีนกลับไล่บอนด์ออกไป

Dr. แมดดาลีน สวอนน์  (Spectre)

 

คิวรีบตามบอนด์มาที่คลีนิค และบอกบอนด์ว่าฟร้านซ์ โอเบอฮาวเซอร์นั้นตายไปยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่บอนด์ยืนยันว่าบอนด์เห็นจริงๆ และบอนด์ก็ขอร้องให้คิวช่วยอีกครั้ง นั่นคือการเจาะข้อมูลของแหวนที่ได้มาจากสเคียร่า และอีกหนึ่งชั่วโมงบอนด์จะตามไปสมทบกับคิวที่โรงแรม

ฮิกซ์นั้นตามมาจับตัวแมดดาลีนที่คลีนิค บอนด์จึงรีบตามไปช่วยแมดดาลีน เธอจึงเริ่มจะใจอ่อน และยอมช่วยเหลือบอนด์แล้ว ทั้งคู่จึงตามมาสมทบกับคิวที่โรงแรม คิวจึงบอกว่า จากข้อมูลในแหวนนั้น ชัดเจนว่า ฟร้านซ์ โอเบอฮาวเซอร์ยังไม่ตายแน่นอน และนักฆ่าทุกคนที่บอนด์เคยปะทะมาตั้งแต่บอนได้รหัสดับเบิ้ลโอ ไล่ตั้งแต่ เลอชีฟ/กรีน/ซิลวา/มิสเตอร์ไวท์/และ สเคียร่า ล้วนแล้วแต่ทำงานให้องค์กรลับนี้ทั้งหมด แมดดาลีนจึงเฉลยว่า องค์กรลับนี้ที่คุมทุกองค์กรร้ายทั่วโลกอีกทีมีชื่อว่า Spectre

Spectre องค์กรลับที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างตั้งแต่ในภาค 1 (Spectre)

 

บอนด์จึงสั่งให้คิวรีบกลับไปช่วยเอ็มและรายงานภารกิจที่บอนด์ทำ เพราะขณะนี้อาฟริก้าใต้ก็โดนองค์กรสเปคเตอร์ลอบวางระเบิดไปอีกที่แล้ว นั่นทำให้ซีอาจจะได้คะแนนเสียงสุดท้ายจากอาฟริกาใต้เพื่อเปลี่ยนแปลงวงการสายลับทั่วโลกอย่างที่ซีตั้งใจไว้ แมดดาลีนยังบอกอีกด้วยว่า เลออเมริกันไม่ใช่ชื่อคน แต่มันคือชื่อสถานที่ แมดดาลีนยินดีพาบอนด์ไปที่นั่น

ที่แทงเจีย ประเทศโมรอคโค แมดดาลีนก็พาบอนด์มาที่โรงแรมเลออเมริกัน ที่ซึ่งมิสเตอร์ไวท์มักจะพาลูกและเมียมาพักผ่อนเป็นประจำตั้งแต่แมดเดอลีนยังเด็ก จนกระทั่งมิสเตอร์ไวท์หย่าขาดจากแม่ของเธอ แมดดาลีนก็ไม่เคยมาที่นี่อีกเลย หากแต่มิสเตอร์ไวท์ก็ยังเดินทางมาที่นี่บ่อยๆเช่มเดิม

เลอ อเมริกัน (Spectre)

 

บอนด์หาเท่าไหร่ก็ไม่พบว่ามิสเตอร์ไวท์ซ่อนอะไรไว้ที่นี่ แต่บอนด์สังเกตเห็นหนูตัวหนึ่งวิ่งเข้าไปในช่องผนัง บอนด์จึงทุบผนังและพบห้องลับ ที่ซึ่งมิสเตอร์ไวท์กำลังใช้คอมพิวเตอร์หาเส้นรุ้งเส้นแวงพิกัดที่ใดที่หนึ่งกลางทะเลทรายในโมรอคโค

บอนด์และแมดดาลีนนั่งรถไฟไปตามพิกัดนั้นกลางทะเลทราย ระหว่างเดินทางนั้นฮิกซ์ก็โผล่มาโจมตีทั้งคู่ และฮิกซ์ก็โดนบอนด์ล่ามโซ่กับคอผูกถังเบียร์ไว้ ก่อนที่ถังเบียร์จะถูกถ่วงลงจากรถไฟไปพร้อมกับร่างของฮิกซ์

เมื่อทั้งคู่มาถึงจุดหมาย กลับพบเพียงทะเลทรายว่างเปล่า ทันใดนั้นก็มีรถมารับทั้งคู่ไปที่โรงงานกลางทะเลทราย ที่ซึ่งฟร้านซ์ โอเบอฮาวเซอร์รออยู่ ฟร้านซ์ได้บอกบอนด์ว่าเค้าฆ่าพ่อตนเองไปเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วเอง เนื่องจากไม่พอใจที่พ่อรักและเอ็นดูบอนด์ (สรุปที่ผ่านมา4ภาคนี่คือปัญหาครอบครัวสินะ – -*) ซึ่งบัดนี้ฟร้านซ์ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Ernst Stavro Blofeld (เอินสท์ สตาโวร โบลเฟล) ไปแล้ว (แกให้เหตุผลว่า ฟร้านซ์ตายไปในหิมะถล่มเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว แกเลยเปลี่ยนชื่อ) โบลเฟลยังบอกบอนด์ด้วยว่า เค้าและซีร่วมมือกัน ซ้ำยังให้บอนด์ดูเอ็มสลายหน่วยMI6แบบถ่ายทอดสด ซึ่งโบลเฟลนั้นกำลังจะมีสิทธิ์เข้าถึงกล้องทุกกล้องและการดักฟังหน่วยงานรัฐบาลทั่วโลกแล้วตอนนี้

เอินสท์ สตาโวร โบลเฟล จับบอนด์จนได้ และมัดไว้กับเก้าอี้กลไก เพื่อกำลังจะทำลายสมองบอนด์ทีละส่วนอย่างโหดร้ายต่อหน้าต่อตาแมดดาลีน บอนด์ส่งซิกให้แมดดาลีนมาถอดนาฬิการะเบิดที่ข้อมือ และเขวี้ยงใส่โบลเฟล ทันใดนั้นพันธนาการที่ล็อคบอนด์อยู่ก็หลุดเพราะเครื่องควบคุมก็โดนระเบิดด้วย

ฟร้านซ์ หรือ โบลเฟล จับแมดดาลีนไว้ (Spectre)

 

ทั้งคู่หนีออกมาจากโรงงานกลางทะเลทรายได้ และโรงงานก็ระเบิดเป็นจุลไปพร้อมกับโบลเฟล บอนด์รีบพาแมดดาลีนไปที่เซฟเฮ้าส์ในลอนดอน และติดต่อให้แทนเนอร์/คิว/และเอ็ม มาพบกันที่นี่ บอนด์บอกเอ็มว่า หัวหน้าองค์กรสเปคเตอร์ที่ชื่อโบลเฟลร่วมมือกับซี เพื่อดักฟังทุกคนทุกๆหน่วยงานรัฐบาลบนโลก โดยเอ็มและบอนด์มีเวลาแค่ถึงเที่ยงคืนในการหยุดระบบ

MI6ที่เหลือเพียงไม่กี่คนจึงมุ่งหน้าไปที่ตึกบัญชาการใหม่ของซีเพื่อหยุดยั้งซี โดยแมดดาลีนนั้นปลีกตัวออกไปไม่ขอยุ่งกับบอนด์อีก บอนด์จึงนั่งรถไปกับเอ็ม และแทนเนอร์ก็ขับพาคิวกับมิสมันนีเพนนีตามมา

แต่รถของบอนด์กับเอ็มก็โดนองค์กรสเปคเตอร์โจมตีและจับตัวบอนด์ไป ส่วนเอ็มหนีมาได้ เอ็มจึงติดต่อให้แทนเนอร์มารับ และมุ่งหน้าไปจับตัวซีที่ตึกบัญชาการใหม่ เอ็มสั่งให้ซีกู้ระะบบดักฟังคืน และซีก็ตกตึกตายไป

บอนด์ถูกนำตัวมาที่ตึกบัญชาการMI6เดิม บอนด์สลัดลูกน้องโบลเฟลมาได้ และพบโบลเฟลบนตึก ซึ่งโบลเฟลจับตัวแมดดาลีนมาไว้ในตึกนี้ด้วย โดยโบลเฟลวางระเบิดทั้งตึกไว้เพียงสามนาที และโบลเฟลก็หนีไป บอนด์จึงวิ่งตามหาแมดดาลีนซะวุ่น และพบว่าแมดดาลีนถูกจับมัดไว้กับสายชนวนระเบิด

ในที่สุดบอนด์ก็พาแมดดาลีนหนีออกมาจากตึกMI6ได้ทัน (ใครดูแล้วคงจะรู้ว่าหนีกันยังไง) และบอนด์ก็รีบตามไปยิงเฮลิคอปเตอร์ของโบลเฟลจนร่วง ก่อนที่เอ็มจะจับตัวโบลเฟลได้สำเร็จ เจมส์ บอนด์ ลาออกจากหน้าที่สายลับดับเบิ้ลโอ และขับแอสตันมาร์ตินดีบีไฟฟ์ปี 1963 ไปกับแมดดาลีน

บอนด์และแมดดาลีน ปิ๊งปั๊งกัน (Spectre)

 

จบครับ สวัสดีครับ _/\_

 

ผู้เขียน หลวงจีนหอไตร

Hello! Every one. จุดเริ่มต้นงานเขียนของผมก็คือ ผมเป็นนักอ่านก่อนครับ และที่ผ่านมาผมก็หาอ่านงานเขียนแนวสรุปภาพยนตร์ยากเย็นเหลือเกิน ผมจึงเริ่มเขียนบทความเองและสร้างเว็บไซต์เองซะเลย

ดูโพสท์ทั้งหมด