Spoiler Alert !!คอสมิคบีอิ้งเผ่าพันธุ์พระเจ้านามว่า เซเลสเทียล (Celestials) ลบและสร้างจักรวาลมาหลายครั้ง บัดนี้ ถึงคราของการแตกดับของจักรวาลเดิม พวกเซเลสเทียลเริ่มสร้างจักรวาลใหม่ จึงกำเนิด บิ๊กแบงค์ ตู้ม จักรวาลเดิมแตกดับ
ก่อนกาลก่อเกิดสรรพสิ่งในจักรวาลเกิดใหม่.. มีเอกภาวะอยู่ 6 ชนิด หลังการระเบิดของเอกภาวะ จักรวาลล่าสุดก็อุบัติขึ้น เศษชิ้นส่วนของเอกภาวะชนิดต่างๆ กลับมาหลอมรวมอัดกัน กำเนิดเป็นอัญมณีหนาแน่นสูง 6 ชิ้น เรียกขานว่า “อินฟินีตี้สโตน” (Infinity Stone) อัญมณีพลังทั้ง 6 มีดังนี้..
อินฟินิตี้สโตน (Guardians of the Galaxy Vol.1)
(Reality Stone=เปลี่ยนแปลงความจริง)
(Mind Stone=ควบคุมจิตใจ)
(Space Stone=ย้ายมวลสาร)
(Power Stone=ทำลายล้าง)
(Soul Stone=ควบคุมความตาย)
(Time Stone=ควบคุมมิติเวลา)
หลังจากอินฟินิตี้สโตนกำเนิดขึ้นพร้อมๆจักรวาลเกิดใหม่ เหล่าเซเลสเทียล ก็เริ่มสร้างดวงดาว สร้างกาแล็กซี่ สร้างดวงอาทิตย์ เพื่อให้สิ่งมีชีวิตกำเนิดขึ้นตามธรรมชาติบนดวงดาวนั้นๆ โดยเซเลสเทียลได้ฝังตัวอ่อนของพวกตนบนดาวเคราะห์หลายๆดวง เพื่อรอเวลาอุบัติ เพราะเซเลสเทียลหนึ่งตน สร้างสิ่งมีชีวิตและดวงดาวได้นับล้านๆ เป็นวัฐจักรของจักรวาลที่ผ่านมาครั้งแล้วครั้งเล่า
เจไมอาห์ผู้วิเคราะห์ หนึ่งในเซเลสเทียล กำลังสร้างดวงดาว (Eternals)
คอสมิคบีอิ้งอีกกลุ่มคือ Cosmic Entities หรือ สี่สมดุลย์แห่งจักรวาล พวกเขาทั้งสี่คือสิ่งมีชีวิตระดับคอสมิค มีตัวตนอยูู่ในทุกห้วงเวลาและทุกห้วงมิติในคราวเดียวกัน พวกเขาคงอยู่มาก่อนจักรวาลเกิดใหม่เช่นเดียวกับเซเลสเทียล ประกอบไปด้วย Death (เดธ) / Eternity อีเทอร์นิตี้ / Entropy (เอ็นทรอฟี่) / และ Infinity (อินฟินิตี้)
ทั้งสี่ไม่นิ่งนอนใจที่ขุมพลังของจักรวาลใหม่คือ อินฟินิตี้สโตน ไร้การจัดระเบียบ ทั้งสี่จึงร่วมมือกันเพื่อทำการเจียระไนอินฟินิตี้สโตนให้เป็นลักษณะต่างๆ ตามความสามารถของมัน และส่งให้อัญมณีพลังทั้งหมดนั้น กระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาล..
หลังกำเนิดจักรวาลเพียงไม่นาน.. เศษเสี้ยวของพลังงานชีวิตเซเลสเทียลจากจักรวาลเดิมก่อนหน้านี้ ก็จุติขึ้น โดยปรากฎเป็นสมองไฟฟ้าขนาดมหึมาลอยเคว้งคว้างกลางอวกาศเนิ่นนานหลายล้านปี และเขามีชื่อว่า อีโก้ (Ego)
ร่างต้นอีโก้ (Guardians of the Galaxy Vol.2)
ผ่านมานับล้านๆปี หลังจากที่อีโก้เฝ้าสังเกตุดวงดาวรอบตัวมานาน อีโก้จึงเริ่มดูดอนุภาครอบตัวมาครอบสมองตนเองสะสมเรื่อยๆ ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน จนกระทั่งกำเนิดเป็นดาวเคราะห์ดวงมหึมา อีโก้ จึงกลายเป็นดวงดาวที่มีชีวิต (Ego The living Planet)
สิ่งมีชีวิตระดับเอลเดอร์ก็อดผู้ฝักใฝ่เวทมนตร์ด้านมืดนามว่า Chthon (คธอน) กลายเป็นเดมอน หรือ ปีศาจ ตนแรกของจักรวาล คธอนคือผู้นำคลื่นพลังเก่าแก่ของจักรวาลแล้วจักรวาลเล่าที่ถูกเรียกว่า Chaos Magic มาใช้ และคธอนก็ท่องไปทั่วจักรวาลเพื่อเรียนรู้เคออสเมจิก
คธอน เฟิร์สเดมอนอินยูนิเวิร์ส (Doctor Strange 2 in the Multiverse of Madness)
ก็อด หรือ เทพเจ้า คือสิ่งมีชีวิตระดับกึ่งอมตะ มีการดำรงชีพที่ซับซ้อน มีการเกิดและตายไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตปกติ เพราะพวกเขาแทบจะทุกกลุ่มมีสิ่งที่เรียกว่า เวทมนตร์ ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทำให้เสกสรรดลบันดาลสิ่งต่างๆได้ดังใจนึก พลังยิ่งใหญ่ขนาดทำให้ดวงดาวหรือกาแล็กซี่สั่นสะเทือน เทพเจ้าแต่ละกลุ่มก็จะมีเส้นทางลิขิตที่ไม่เหมือนกัน
แน่นอนว่า เมื่อมีเทพ ก็ต้องมีมาร จอมมารเก่าแก่ (ยังไม่เปิดเผยว่าใคร) ใช้ดาบเนครอสไล่าฆ่าเทพเจ้ากลุ่มต่างๆมานับตั้งแต่โบราณกาล โดยดาบเนครอสจะเลือกผู้ที่มันอยากให้ใช้ ดาบจะเลือกผู้ที่ถูกเทพรังแกและผู้เกลียดชังเทพ
ดาบจะให้พลังที่ยิ่งใหญ่พอที่จะต่อกรเหล่าเทพเจ้าได้สบายๆ แต่จะกลืนกินพลังชีวิตและความรู้สึกชั่วดีจากผู้ครอบครอง ดาบเนครอสคือดาบฆ่าพระเจ้าในตำนาน ที่เหล่าทวยเทพไม่อยากจะต่อกรด้วย
All-Black the Necrosword หรือ ดาบเนครอสฆ่าเทพเจ้า (Thor 4)
เทพแห่งแผ่นดินไกอา มีบุตรกับมหาเทพแห่งท้องฟ้ายูเรนัส ทั้งสองให้กำเนิดบุตร 12 พระองค์ บุตรของไกอาถูกเรียกขานว่า เทพไททัน ไกอามีลูกกลุ่มที่สองออกมาอัปลักษณ์ และลูกกลุ่มที่สามออกมาเป็นยักษ์ตาเดียว ไซคลอป
ยูเรนัส ทำการเนรเทศลูกทุกพระองค์ทั้งสามกลุ่มออกไปจากสรวงสวรรค์ตกลงไปอยู่ในมิติทาทารัส ไกอาและลูกคนสุดท้องในกลุ่มไททันของเธอคือ โครนอส จึงร่วมมือกันล้มล้างอำนาจของยูเรนัส และทำสำเร็จ ก่อนยูเรนัสตายก็ได้สาปส่งโครนอสว่า สักวันโครนอสจะถูกล้มล้างอำนาจเช่นเดียวกับที่โครนอสฆ่าตน
บิดาแห่งเทพไททันคือ โครนอส นำเหล่าเทพไททันพี่น้องของตนขึ้นมาบนมิติสรวงสวรรค์โอลิมปัส แต่บรรดาลูกๆของไกอาที่อัปลักษณ์อีกสองกลุ่มนั้นถูกโครนอสทอดทิ้งไว้ที่มิติทาทารัสเช่นเดิม ไกอาจึงสาปส่งโครนอสเช่นกัน
ผ่านมาอีกนานแสนนานหลังกำเนิดจักรวาล.. ก่อนการกำเนิดแห่งแสงสว่างในจักรวาล ตอนที่จักรวาลยังคงมีแต่ความมืดมิด และจากความมืดมิด ก็ให้กำเนิด ดาร์คเอลฟ์ (Dark Elf) บนดาวสวาทาลฟ์ไฮม์ 1 ใน 9 อาณาจักรแห่งอิกดราซิล
ดาร์คเอลฟ์ (Thor:2 The Dark World)
ดาร์คเอลฟ์ ล่วงรู้ถึงตำนานของ เรียลลิตี้สโตน ที่มีพลังเปลี่ยนแปลงความจริง เหล่าดาร์คเอลฟ์จึงเสาะแสวงหาเรียลลิตี้สโตนไปทั่วจักรวาลเรื่อยมา เพราะดาร์คเอลฟ์ต้องการให้จักรวาลกลับมามืดมิดเช่นเดิม..
4,540,000,000 ปีก่อนคริสตกาล ดาวเคราะห์ชื่อว่า “โลก” ถูกสร้างขึ้นโดยคอสมิคบีอิ้งเผ่าพันธุ์ “เซเลสเทียล” และเซเลสเทียลก็ฝังตัวอ่อนของพวกเขาไว้ในโลกหนึ่งตนนามว่า “เทียมัต” โลกอยู่ในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก
เซเลสเทียล สร้างสัตว์สังเคราะห์นักล่านามว่า เดเวี่ยน ขึ้นมา และส่งลงไปยังดวงดาวต่างๆที่ถูกฝังตัวอ่อนเซเลสเทียลเอาไว้ เพื่อให้เหล่าเดเวี่ยนกำจัดพวกสัตว์ดุร้ายที่คุกคามวิถีชีวิตสิ่งมีชีวิตที่มีอารยธรรม เซเลเทียลต้องการสิ่งมีชีวิตทรงสติปัญญาขยายพันธุ์มากพอที่จะให้พลังชีวิตตัวอ่อนเซเลสเทียล หากแต่ว่าเดเวี่ยนนั้นถูกสร้างมาให้เป็นนักล่าและวิวัฒนาการได้ พวกมันจึงเริ่มตะกละไม่รู้จักอิ่ม และคุกคามสิ่งมีชีวิตทรงสติปัญญาเสียเอง เซเลสเทียลควบคุมการขยายพันธุ์ของพวกมันยากแล้วตอนนี้ แต่เซเลสเทียลไม่ลงมือกำจัดพวกมันเอง เซเลสเทียลใช้วิธีส่งบางอย่างไปจัดการพวกมันแทน นั่นคือ..
เดเวี่ยน สัตว์สังเคราะห์ที่แสนดุดัน (Eternal)
เซเลสเทียลจึงสร้างชีวพันธุกรรมทรงสติปัญาขึ้นมาอีกกลุ่มนามว่า อีเธอนอล เพื่อให้เหล่าอีเธอนอลกำจัดเดเวี่ยนให้สิ้นซาก คราวนี้เซเลสเทียลทำให้อีเธอนอลวิวัฒนาการไม่ได้ คงรูปตัวตนเช่นเดิม เป็นหุ่นยนต์ชีวภาพสังเคราะห์ ที่ถูกป้อนโปรแกรมความทรงจำได้ แต่ก็ต่อยอดให้คิดเองรู้สึกเองได้ด้วย มีอายุขัยเป็น นิรันดร์ หรือ อมตะ แต่ก็ถูกฆ่าได้ มีพลังคอสมิคที่หลากหลาย
80,000,000 ปีก่อนคริสตกาล อีกมุมหนึ่งของจักรวาล.. หนึ่งในเซเลสเทียลนามว่า Eson “The Searcher” ผู้มีหน้าที่สรรสร้างและทำลายล้างอารยธรรมต่างๆ อีสัน ใช้คฑาที่มีพาวเวอร์สโตน สัมผัสพื้นผิวดาวที่เคราะห์ร้ายดวงหนึ่ง เพียงไม่กี่อึดใจ ดาวทั้งดวงก็ระเบิดเป็นจุล
อีสัน นักสำรวจ เซเลสเทียลผู้ล้างบางอารยธรรม (Guardians of the Galaxy Vol.1)
หลังจากนั้นอีกแสนนาน.. พาวเวอร์สโตนบนยอดคฑาอีสัน ก็มาบรรจุอยู่ใน Orb และถูกซ่อนไว้ในวิหารบนดวงดาวโมแร็ก (Morag) ที่มีอารยธรรมสูงล้ำ
เหล่านักบวชชาวโมแร็ก ดูเหมือนจะรับรู้ถึงตำนานของอินฟินิตี้สโตน รับรู้ความยิ่งใหญ่ของสี่สมดุลย์ จึงทำการจารึกไว้บนผนังในวิหารที่เก็บพาวเวอร์สโตน ภาพบนผนังคือ สี่สมดุลย์กำลังเจียรไนอินฟินิตี้สโตนนั่นเอง..
(Infinity Stone ชิ้นที่ 1 Orb คือ Power Stone)
แต่แล้ว.. ดาวโมแร็กก็เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่หลวง ดาวทั้งดวง อารยธรรมทั้งหมด จมหายอยู่ใต้มหาสมุทร ทำให้พาวเวอร์สโตนที่อยู่ในออร์ป ก็จมอยู่ใต้มหาสมุทรเช่นนั้นสืบมา..
2,500,000 ปีก่อนคริสตกาล ที่โลก อุกกาบาตแร่โลหะต่างดาวขนาดมหึมา ไวเบรเนียม (Vibranium) ส่วนนึงได้ตกลงมาที่ทวีปขนาดใหญ่แห่งนึงบนโลก (ปัจจุบันคือทวีปแอฟริกา) ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับพืชพันธุ์และสิ่งมีชีวิตทั่วบริเวณนั้น และอีกส่วนนึงตกลงไปในทะเล (ปัจจุบันคือมหาสมุทรแอตแลนติก) ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่พืชพันธุ์ในทะเลบริเวณนั้นเช่นกัน
ไวเบรเนียม (Black Panther 1)
10,000 ปีก่อนคริสตกาล ณ บริเวณผืนแผ่นดินที่อุกกาบาตแร่ไวเบรเนียมตกลงมา ที่แห่งนั้นถูกเรียกขานว่า “วากานด้า” ซึ่งมี 5 ชนเผ่า ได้แก่ เผ่าวาณิช เผ่าพรมแดน เผ่าวารี เผ่าชนเหมือง และ เผ่าวานร ซึ่งชนเผ่าทั้ง 5 นั้นล่วงรู้ว่าผืนแผ่นดินที่อุดมไปด้วยแร่ไวเบรเนี่ยมนี้มีค่าขนาดไหน จึงสู้รบกันไม่หยุดไม่หย่อนเพื่อครอบครองวากานด้า
จวบจนหมอผีของวากานด้านามว่า บาเชนก้า (Bashenga) ได้รับการติดต่อจาก เทวีบาสท์ เทพเจ้าเสือดำแห่งเอ็นเนียด ชี้นำให้บาเชนก้ากิน “สมุนไพรรูปหัวใจ” ที่กลายพันธุ์ขึ้นจากแร่ไวเบรเนียม ทำให้บาเชนก้ามีพละกำลังเหนือมนุษย์ กำเนิดเป็น “แบล็คแพนเธอร์” คนแรก
เทวีบาสท์ พบ บาเชนก้า (Black Panther 1)
หมอผีบาเชนก้า หรือ แบล็คแพนเธอร์ ได้ทำการรวมชนเผ่าทั้ง 5 เข้ามาเป็นหนึ่งเดียว ยุติสงคราม สถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ และก่อตั้งประเทศ “วากานด้า” ขึ้นมานับตั้งแต่นั้น ก่อตั้งราชวงศ์เป็นของตนเองคือ ราชวงศ์โกลเด้น
ที่มิติสรวงสวรรค์ยอดเขาโอลิมปัส เหล่าเทพไททันนำโดยโครนอส ถูกล้มล้างอำนาจนำโดย ซุส ซึ่งเป็นลูกของโครนอสนั่นเอง คำสาปของพระบิดาพระมารดาของโครนอสสำแดงผลแล้ว ซุสสถาปนาตัวเองเป็นบิดาแห่งทวยเทพ เป็นเทพแห่งท้องฟ้าเช่นเดียวกับยูเรนัสปู่ของเขา มีสายฟ้าเป็นพลัง ทรงอำนาจมากที่สุดในยอดเขาโอลิมปัสมิติสรวงสวรรค์แห่งทวยเทพกรีกโรมัน
อีกมุมหนึ่งในมิติอนันต์ นักเวทย์ระดับเอลเดอร์ก็อดอีกตนนามว่า อกาม๊อตโต้ (Agamotto) ผู้เก็บรักษาไทม์สโตน หลังจากอกาม๊อตโต้ท่องไปในมิติต่างๆอย่างโดดเดี่ยวมานานแสนนาน อกาม๊อตโต้ก็ต้องไปปะทะกับสุดยอดจอมปีศาจผู้มีนามว่า ดอร์มัมมู (Dormammu) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งดอร์มัมมู คือจ้าวผู้เป็นใหญ่ในมิติที่เรียกว่า ดาร์ค ดิเมนชั่น (Dark Dimension) ดอร์มัมมูนำดาร์คดิเมนชั่นกลืนกินอาณาจักรและดวงดาวต่างๆมากมายไปทั่วจักรวาล
ดอร์มัมมู (Doctor Strange 1)
5,700 ปีก่อนคริสตกาล โลก คือเป้าหมายสำคัญที่ดอร์มัมมูต้องการดูดกลืนสู่มิติดาร์คดิเมนชั่นเช่นกัน แต่มหาเทพอกาม็อตโต้ ก็ออกตัวเข้าขัดขวางดอร์มัมมู ไม่ให้กลืนมิติโลกมนุษย์ ทำให้อกามอตโต้ กลายเป็นจอมเวทย์ผู้ปกป้องโลกคนแรก (First Sorcerer Supreme)
อกามอตโต้สร้างเขตเวทย์ (Sanctum) เพื่อป้องกันดอร์มัมมูกลับมารุกราน ไว้ยังสามสถานที่บนโลกทั้งสามทวีปดินแดนใหญ่ (ปัจจุบันคือ ลอนดอน ฮ่องกง และ นิวยอร์ค) โดยเขตเวทย์ทั้งสาม จะคอยป้องกันไม่ให้ดอร์มัมมูใช้ดาร์คดิเมนชั่นกลืนกินมิติโลกได้
เขตเวทย์แห่งอกามอตโต้ทั้งสามบนโลก (Doctor Strange 1)
อกามอตโต้ จึงนำไทม์สโตนซึ่งถูกซ่อนอยู่ในไอเทมวิเศษ นั่นก็คือ ดวงตาแห่งอกาม๊อตโต้ (Eye of Agamotto) เพื่อเอาไว้ให้สิ่งมีชีวิตที่เข้าถึงเวทมนตร์ที่ได้รับสืบทอดตำแหน่งจอมเวทย์สูงสุด เพื่อใช้ปกป้องโลก
(Infinity Stone ชิ้นที่ 2 Eye of Agamotto คือ Time Stone)
5,000 ปีก่อนคริสต์กาล อีเธอนอล 10 ตน ถูกเซเลสเทียลส่งลงมาโลก เพราะเดเวี่ยนเริ่มคุกคามมนุษย์ หากแต่อีเธอนอล 9 ตน ถูกป้อนโปรแกรมให้ช่วยเหลือมนุษย์จากเดเวี่ยนเท่านั้น ห้ามแทรกแซงเรื่องราวบนโลกถ้าไม่เกี่ยวข้องกับเดเวี่ยน มีเพียงเอแจ็ก ผู้นำกลุ่ม ที่รู้ถึงภารกิจที่แท้จริง นั่นคือคุ้มครองการอุบัติของ เทียมัต ตัวอ่อนแห่งเผ่าพันธุ์เซเลสเทียล
แน่นอนว่า เมื่ออีเธอนอลทำภารกิจคุ้มครองการอุบัติของเทียมัตสำเร็จ พวกเขาจะถูกดูดความทรงจำเก็บไว้ และรีเซ็ทพร้อมกับถูกป้อนโปรแกรมความทรงจำใหม่ในภารกิจใหม่ เพื่อไปบนดาวเคราะห์ดวงอื่นต่อๆไป
อีเธอนอลทั้ง 10 (Eternals)
นักเวทย์ระดับเอลเดอร์ก็อดนามว่า คธอนจอมปีศาจตนแรกของจักรวาล ก็มีนิมิตถึงอนาคต ว่าจะมีนักเวทย์กำเนิดขึ้นบนโลกนามว่า สกาเล็ตวิช คธอนจึงลงมาที่โลกบริเวณหุบเขาวันเดอกอร์ สร้างปราสาทดาร์คโฮลด์ที่มีมนต์รูนสลักทั่วปราสาท เพื่อรอเวลาที่สกาเล็ตวิชจะถือกำเนิดขึ้น ในนิมิตนั้นคธอนเชื่อว่า สกาเล็ตวิชคือผู้เข้าถึงเคออสเมจิกได้เฉกเช่นเดียวกันตน ที่แห่งนี้มนุษย์ทั่วไปเดินทางเข้ามาถึงได้ยากแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศเลวร้ายมาก
อีกด้านหนึ่งของจักรวาล.. อีโก้ ดวงดาวที่มีชีวิต เริ่มสร้างร่างแยกของตนออกจากสมอง โดยร่างแยกนั้น มีลักษณะเป็น ฮิวแมนนอย ที่เหมือนร่างมนุษย์ แต่ทั้งสองส่วนของอีโก้ ก็ยังเชื่อมต่อกันทางพลังงานอยู่ดี ร่างฮิวแมนนอยของอีโก้ จึงต้องกลับมาเติมแสงเทพจากสมองไฟฟ้าที่ดาวตัวเองบ่อยๆ
ดาวอีโก้ (Guardians of the Galaxy Vol.2)
อีโก้นั้นท่องเที่ยวไปในอวกาศหลากหลายกาแล็กซี่ทั่วจักรวาล เพื่อเพาะเมล็ดพันธุ์ส่วนนึงของร่างเทพตนเองไว้ในผืนแผ่นดินดวงดาวต่างๆ และเพื่อสมสู่กับสิ่งมีชีวิตบนดาวเหล่านั้นอีกด้วย
3,460 ปีก่อนคริสตกาล ที่มัสเปลไฮม์ 1 ใน 9 อาณาจักรแห่งอิกดราซิล โอดินเจ้าชายแห่งแอสการ์ด บุตรชายแห่งราชาบอร์ ได้พิชิตมัสเปลไฮม์ ดินแดนแห่งยักษ์อสูรไฟ ทำการปราบราชาอสูรไฟ เซอร์เทอร์ (Surtur) ลงไปได้สำเร็จ
แต่โอดินฆ่าเซอร์เทอร์ไม่ได้ เซอร์เทอร์จะคืนชีพได้ตลอด โอดินจึงยึดเอาขุมพลังของเซอร์เทอร์ที่ถูกเรียกขานว่า อีเทอนอล เฟรม (Eternal Flame) เซอร์เทอร์จึงอ่อนแรงลง โอดินสะกดราชาเซอร์เทอร์ไว้ไม่ให้มีพลังกล้าแกร่งขึ้นได้อีกเลย เหลือเพียงหัวกระโหลกของเซอร์เทอร์ โอดินนำห้วหระโหลกเซอร์เทอร์และอีเทอนอลเฟรมมาเก็บไว้ที่คลังแอสการ์ดนับตั้งแต่นั้น
ราชาอสูรไฟ เซอร์เทอร์ (Thor 3: Ragnarok)
3,200 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอียิปเที่ยน รับรู้และเข้าถึงทวยเทพกลุ่ม เอ็นเนียด (เทวีบาสท์แห่งวากานด้าก็อยู่ในเทพกลุ่มนี้) ทำให้ชาวอียิปต์บูชาพวกเขาอย่างสูง เหล่าทวยเทพแห่งเอ็นเนียดอาศัยในมิติโอเวอร์วอยด์ และพยายามไม่ให้มนุษย์ล่วงรู้ถึงตัวตนของพวกเขา
ที่มหาปีรามิดแห่งกิซ่า เทพแห่งเอ็นเนียดลงมนตรากำกับโถงเทพ ซึ่งอยู่ภายในปีรามิดให้มีขอบเขตเหนือพวกตน เป็นสถานที่ซึ่งสามารถกักขังและปลดปล่อยเทพได้ เทพหลายตนของเอ็นเนียดจึงถูกตัดสินและถูกจองจำใน “อูชับติ” ในโถงเทพนี้ เพราะก้าวก่ายวิถีมนุษย์มากจนสะเทือนไปทั้งดาวโลก อูชับติของเทพก็ถูกเก็บที่มหาปีรามิดแห่งกิซ่านี่เอง
2,988 ปีก่อนคริสตกาล ที่สวาทาลฟ์ไฮม์ 1 ใน 9 อาณาจักรแห่งอิกดราซิล ราชาดาร์คเอลฟ์นามว่า มาลาคิธ (Malekith) ผู้มีความโหดเหี้ยม ทะเยอทะยาน มาลาคิธได้ค้นพบ เรียลลิตี้สโตนเข้าจนได้ ซึ่งบัดนี้ถูกเรียกขานว่า อีเธอร์ (Aether) ที่มีพลังเปลี่ยนแปลงความจริง
(Infinity Stone ชิ้นที่ 3 Aether คือ Reality Stone)
มาลาคิธ กำลังคิดจะใช้อีเธอร์หรือเรียลลิตี้สโตนเปลี่ยนจักรวาลให้กลับไปมืดมิดอีกครั้ง จากการเรียงตัวของหมู่ดาว 9 อาณาจักรแห่งจักรวาลในรอบพันปี
มาลาคิธได้นำอีเธอร์ไปยังจุดที่ดาวเรียงกันและส่งพลังสูงที่สุด เพื่อทำการเปลี่ยนจักรวาลให้มืดมิดดั่งเช่นอุดมการณ์ของเผ่าพันธุ์ดั้งเดิม
มาลาคิธ (Thor:2 The Dark World)
แต่ทว่า บอร์ “Bor” กษัตริย์แห่งแอสการ์ด ซึ่งเป็น 1 ใน 9 อาณาจักรแห่งอิกดราซิลเช่นกัน บอร์นำทัพแอสการ์เดี้ยนบุกสวาทาลฟ์ไฮม์ เพื่อทำการขัดขวางมาลาคิธ ชิงอีเธอร์มาได้ และสังหารดาร์คเอลฟ์ไปมากมาย มาลาคิธและดาร์คเอลฟ์ที่เหลือ จึงหนีไปจำศีลหลบซ่อนตัวอยู่ในความมืดของจักรวาล รอเวลาจะกลับมาอีกครา..
บอร์รู้ว่า อีเธอร์ คือขุมพลังดึกดำบรรพ์ทรงพลังที่มิอาจทำลายได้ บอร์จึงนำอีเธอร์ไปซ่อนเร้นไว้ในมิติอิกดราซิล หรือ ต้นไม้แกนโลก ซึ่งเป็นหนทางเชื่อมต่ออาณาจักรทั้ง 9 ไว้ด้วยกันนั่นเอง
ราชาบอร์ บิดาแห่งโอดิน (Thor:2 The Dark World)
ที่แอสการ์ด 1 ใน 9 อาณาจักรแห่งอิกดราซิล ต่อมา บอร์ก็สละบัลลังค์ให้บุตรโอดิน โอดินกษัตริย์แห่งแอสการ์ดคนปัจจุบัน มีบุตรสาวคนแรกนามว่า เฮล่า (Hela)
เมื่อเจ้าหญิงเฮล่าเติบโต โอดินก็แต่งตั้งให้ลูกสาวมีหน้าที่เป็นผู้สำเร็จโทษหรือ Executioner โอดินมอบฆ้อนโยเนียร์ (Mjolnir) ให้เฮล่าใช้ทำศึก โอดินและเฮล่านำเหล่าอานเฮญ่าทำการพิชิตอาณาจักรที่กระด้างกระเดื่องไว้ได้ทั้งหมด
โอดินและเฮล่า (Thor 3: Ragnarok)
เมื่ออาณาจักรทั้ง 9 สงบร่มเย็น หากแต่เฮล่ายังคงกระหายสงคราม นอกจากอาณาจักรทั้ง 9 แล้ว เฮล่ายังต้องการยึดครองดาวดวงอื่นๆในจักรวาลอีกด้วย โอดินที่มีวุฒิภาวะมากขึ้น จึงคิดได้ว่า ตนเองนั้นได้หล่อหลอมให้เฮล่ากลายเป็นเทพีผู้กระหายสงครามไปเสียแล้ว ซึ่งอาจเป็นภัยกับตนและแอสการ์ด
โอดินจึงยึดโยเนียร์ สังหารเหล่าทหารในอาณัติเฮล่า สังหาร เฟนริส หมาป่ายักษ์สัตว์เลี้ยงของเฮล่า นำศพเหล่านั้นฝังลงใต้คลังอาวุธแอสการ์ด และสั่งเนรเทศให้เฮล่าตกไปสู่มิตินรกนามว่า เฮล (Hel)
เฮล่า โดนเนรเทศไปสู่ เฮล (Thor 3: Ragnarok)
ที่เฮล โอดินยังส่งให้เหล่ากองทัพวัลคีริเออร์ เทพีนักรบสาวล้วน ทำการเดินทางด้วยไบฟรอสท์ไปยื้อเฮล่าไว้ที่นั่นก่อนประตูมิติเฮลจะปิดสนิท ทำให้เหล่าวัลคีริเออร์โดนเฮล่าฆ่าตายไปแทบหมดสิ้น
วัลคีรี พยายามสู้ตายกับเฮล่า แต่ได้เพื่อนนักรบคนสุดท้ายสละชีวิตช่วยไว้ ทำให้วัลคีรี่กระเด็นหลุดไปเข้าสู่สะพานรูหนอนของไบฟรอสท์ที่ปั่นป่วน วัลคีรีจึงไปโผล่ที่อาณาจักรที่อยู่ในมิติกึ่งความเป็นจริงนามว่า สคาร์ (Skarr)
วัลคีรีจึงเป็นวัลคีริเออร์เพียงคนเดียวที่รอดชีวิต หลังจากนั้น มิติเฮลก็ปิดสนิท เฮล่าจึงโดนจองจำอยู่ที่เฮลด้วยมนต์สะกดของโอดิน ทำให้หนีออกมาไม่ได้อีกเลย..
วัลคีรี่ (Thor 3: Ragnarok)
ทีโลก มีหมู่บ้านลึกลับนามว่า ถาโหล๋ว ซ้อนอยู่ในมิติของแผ่นดินจีนแห่งนี้ ซึ่งประตูทางเข้ามิตินี้มีป่าวงกตคอยคุ้มครอง เป็นดินแดนสนธยาของจีน สิ่งมีชีวิตที่อาศัยในหมู่บ้านถาโหล๋ว ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์วิเศษมากมายหลายสายพันธุ์ ที่เป็นตำนานของชาวจีน อาทิเช่น กิเลน จิ้งจอกเก้าหาง ปีเซี๊ยะ เป็นต้น
แต่สิ่งที่พิเศษที่สุดในถาโหล๋วคือ มังกรผู้พิทักษ์ ที่มีอายุเป็นอมตะ มีเวทมนตร์ มีพลังวิเศษ และเหาะได้ มังกรคอยปกป้องหมู่บ้านแห่งนี้ ส่วนผู้คนในหมู่บ้านถาโหล๋ว เป็นชาวจีนที่เกิดแก่เจ็บตายปกติ แต่ที่ไม่ธรรมดาคือ ทุกคนได่รับพลังเวทมนตร์จากมังกรผู้พิทักษ์ และเกล็ดมังกรเอาไว้ทำอาวุธ
ผู้คนและปีเซี๊ยะในถาโหล๋ว (Shang-Chi)
2,000 ปี ก่อนคริสตกาล ที่โลก แต่แล้ว ผู้อาศัยอยู่ในความมืด และเหล่าโซลอีสเตอร์ แหกมิติมาจากที่ไหนไม่รู้ในจักรวาล มาเปิดประตูความมืดโผล่ที่หมู่บ้านถาโหล๋ว ถล่มไปหลายหมู่บ้านจนเหลือหมู่บ้านสุดท้าย โดยพวกมันหวังจะออกจากหมู่บ้านถาโหล๋วไปบุกโลกมนุษย์เพื่อกินวิญญาณ มังกรผู้พิทักษ์กับชาวหมู่บ้านถาโหล๋วที่เหลืออยู่กลุ่มสุดท้ายซึ่งเป็นด่านหน้าก่อนเข้าสู่โลกนั้น จึงช่วยกันขับไล่โซลอีสเตอร์และผู้อาศัยในความมืด ให้กลับเข้าประตูนั้น และใช้เวทมนต์ปิดประตูนั้นไว้
กาลเวลาผ่านไป.. เรื่องราวของมังกร สัตว์วิเศษ และหมู่บ้านถาโหล๋ว จึงเป็นเพียงเรื่องเล่าของชาวจีนเรื่อยมา ไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องจริง
ที่แอสการ์ด โอดิน ทำการลบประวัติศาสตร์ที่มีเฮล่าเกี่ยวข้องออกทั้งหมด และอภิเษกสมรสครองคู่กับ ฟลิกก้า (Frigga) ราชินีฟลิกก้าให้กำเนิดบุตรชาย และให้ชื่อว่า ธอร์ (Thor)
ราชาโอดิน ก็ตั้งใจจะมอบฆ้อนโยเนียร์ให้ธอร์ เมื่อธอร์เติบโตขึ้น และไม่มีใครสามารถใช้หรือยกฆ้อนโยเนียร์นี้ได้นอกจากโอดินและธอร์ (รวมถึงเฮล่าด้วยอีกคนที่ใช้โยเนียร์ได้) ราชินีฟลิกก้าให้ความสามารถธอร์คือความกล้าหาญ โอดินให้ความสามารถธอร์คือพละกำลังและอำนาจเรียกสายฟ้า..
โยเนียร์ (Thor 1)
ณ กาแล็กซี่แอนโดรเมด้า จักรวรรดิ Kree (ครี) เอเลี่ยนที่มีอารยธรรมสูงล้ำ ที่มีนิสัยชอบรุกรานเผ่าพันธุ์อื่นๆ ก็เริ่มปะทะกับและทำสงครามกับอาณาจักร Xandar มีการปะทะกันบ่อยครั้งระหว่างสองอาณาจักรนี้ เป็นเหตุให้ชนชั้นนักรบทั้งสองเผ่าพันธุ์ล้มหายตายจากไปมากมาย
ที่ยอดเขาโอลิมปัส ซุส บิดาแห่งทวยเทพแห่งกรีกโรมันนั้น เป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน ซุสจึงมีลูกๆมากมาย ทั้งกับมนุษย์และเทพด้วยกัน หนึ่งในลูกครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพของซุสก็คือ “เฮอคิวลิส” ผู้ที่กำเนิดมาพร้อมพละกำลังมหาศาล
ซุส บิดาแห่งทวยเทพกรีกโรมัน (Thor 3)
323 ก่อนคริสตกาล อเล็กซานเดอร์ที่ 3 หรือ อเล็กซานเดอร์มหาราช ร่างอวตารของเทพอัมมิตแห่งเอ็นเนียด ก่อนที่พระองค์จะตายนั้น พระองค์และอวตารคนอื่นๆ ร่วมกันทำการกักขังเทพอัมมิตไว้ในอูชับติในโถงเทพ เพราะอัมมิตมีอุดมการณ์สุดโต่งที่จะฆ่ามนุษย์ทุกคนที่จะทำบาปในอนาคต แม้มนุษย์ผู้นั้นจะยังไม่ลงมือทำก็ตาม หลังจากนั้นอูชับติเทพอัมมิตก็ถูกย้ายไปฝังอยู่ในสุสานแห่งอเล็กซานเดรียในโลงศพของอเล็กซานเดอร์มหาราชนั่นเอง
เทพอัมมิต (Moon Knight)
หลังจากนั้น เหล่าเทพเอ็นเนียดที่เหลือส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในมิติโอเวอร์วอยด์ของตนเอง ไม่เอาร่างจริงลงมาบนโลกมนุษย์อีกเลย ทำแค่เพียงสิงร่างอวตารมนุษย์ของพวกเขาลงมาที่โลกบ้างบางครั้งบางครา ผิดกับเทพคอนชูที่นำร่างเทพอยู่บนโลกปะปนผู้คน และใช้ร่างอวตารกำจัดคนชั่วเรื่อยมา..
ต่อมาไม่นาน คอนชูก็เกือบถูกกักขังในอูชับติเช่นกัน แต่สภาเอ็นเนียดแค่ขับไล่เทพคอนชูออกจากสมาชิกสภาโถงเทพ เพราะคอนชูชอบเข้าไปแทรกแซงวิถีชีวิตมนุษย์ และมักใช้ร่างอวตารของตนไปวุ่นวายวิถีชีวิตมนุษย์นั่นเอง ตัวคอนชูเองก็ชิงชังพรรคพวกที่ทอดทิ้งมนุษย์
เทพคอนชู (Moon Knight)
ปี ค.ศ. 632 เหล่าแคลนเดสไทน์ คือสิ่งมีชีวิตที่มีเวทมนตร์ในมิตินูร์ แคลนเดสไทน์กลุ่มนึงได้ถูกเนรเทศจากบ้านพวกเขาสู่โลกมนุษย์ ชาวอิสลามเรียกขานพวกเขาว่า จินน์ พวกแคลนเดสไทน์กลุ่มนี้พยายามจะกลับบ้านเกิดตนเอง โดยเชื่อว่าการใช้กำไลดึกดำบรรพ์คู่นึงที่มีมาตั้งแต่โลกเพิ่งกำเนิด คือสิ่งจะพาพวกเขากลับบ้านได้ ซึ่งแคลนเดนไทน์หรือจินน์ ไม่สามารถใช้พลังเวทย์ของพวกตนได้ที่มิติโลก มีเพียงอายุที่ยืนยาวและแข็งแรงกว่าปกติเท่านั้น
ไอชา หนึ่งในแคลนเดสไทน์ที่ถูกเนรเทศมาที่โลก (Ms. Marvel)
ปีค.ศ. 965 ที่โลก หรือ มิดการ์ด ลอฟฟี่ ราชายักษ์น้ำแข็งแห่งโยธันไฮม์ 1 ใน 9 อาณาจักรแห่งอิกดราซิล นำกองทัพยักษ์น้ำแข็งเดินทางข้ามจักรวาล และบุกรุกโลกมนุษย์หวังยึดครอง เพื่อเปลี่ยนโลกกลับไปสู่ยุคน้ำแข็ง
สถานที่ที่เหล่ายักษ์น้ำแข็งได้ลงมายังโลกนั้นคือ ทอร์นสเบิร์ก นอร์เวย์ ลอฟฟี่ใช้หีบศักสิทธิ์ (Casket of Ancient Winters) แช่แข็งคร่าชีวิตมนุษย์ไปมากมาย
ลอฟฟี่ และ เหล่ายักษ์น้ำแข็ง (Thor 1)
แต่ชาวแอสกาเดี้ยนนำทัพโดย โอดิน กษัตริย์แห่งแอสการ์ด ได้นำทัพนักรบอานเฮอญ่าเดินทางข้ามจักรวาลโดย “Bifrost Bridge” หรือสะพานไบฟรอสท์มายังโลก
เพราะโลกของพวกมนุษย์ อยู่ในความคุ้มกันที่แอสกาเดี้ยนต้องพิทักษ์ กองทัพแอสกาเดี้ยนมาช่วยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ชาวมนุษย์ ขับไล่เหล่ายักษ์น้ำแข็งกลับไปโยธันไฮม์ได้
โอดิน บิดาแห่งทวยเทพไวกิ้ง (Thor 1)
การปรากฏตัวของชาวแอสกาเดี้ยนครั้งนั้น ทำให้ชาวไวกิ้งได้ตระหนักว่า มนุษย์มิได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาล เนื่องด้วยสติปัญญา/พละกำลัง/และเทคโนโลยีของชาวแอสกาเดี้ยน ทำให้มนุษ์มิอาจมองเสมอเหมือนตน กลับยกให้เป็นเทพเจ้าของชาวไวกิ้ง
โอดิน ทำการซ่อนแทซเซอแร๊คไว้กับที่ทอร์นสเบิร์ก ประเทศนอร์เวย์ เพื่อหวังให้พ้นจากเผ่าพันธุ์ชั่วร้ายในจักรวาล ที่หวังจะใช้ขุมพลังนี้เพื่อรุกรานเผ่าพันธุ์อื่นๆ
(Infinity Stone ชิ้นที่ 4 Tesseract คือ Space Stone)
ที่โยธันไฮม์ หลังจากนั้น โอดินนำทัพแอสการ์เดี้ยนไล่ตามเหล่ายักษ์น้ำแข็งไปถึงโยธันไฮม์ เพื่อหวังจะกำจัดให้สิ้นซาก โอดินทำการจับกุม “ลอฟฟี่” ราชาแห่งอาณาจักรโยธันไฮม์ไว้ได้ เมื่อเหล่ายักษ์น้ำแข็งพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง กษัตริย์โอดินจึงมีความปราณี ไว้ชีวิตลอฟฟี่ และ เหล่ายักษ์น้ำแข็งที่เหลือ (โอดินเสียดวงตาข้างขวาไปในศึกนี้)
ราชาโอดินบุกโยธันไฮม์และจับกุมราชาลอฟฟี่ (Thor:1)
โดยลอฟฟี่และโอดินมีข้อตกลงกันว่า ห้ามยักษ์น้ำแข็งรุกรานใครอีก รวมถึงชาวแอสกาเดี้ยนก็จะไม่รุกรานโยธันไฮม์เช่นกัน โอดินยึดหีบศักสิทธิ์ไว้ด้วย และนำกลับไปไว้ในคลังอาวุธวังแอสการ์ด
ขณะกำลังบุกวังยักษ์น้ำแข็ง โอดินได้พบกับทารกน้อยซึ่งถูกทิ้งมีขนาดตัวเท่าๆแอสการ์เดี้ยน มิตัวใหญ่เหมือนเหล่ายักษ์น้ำแข็งทั่วไป โอดินจึงใช้มนต์ฉาบผิวให้เหมือนแอสการ์เดี้ยน และเก็บมาเลี้ยงไว้เสมือนลูก
ที่แอสการ์ด โอดินตั้งชื่อยักษ์น้ำแข็งตัวน้อยผู้นี้ว่า โลกิ (Loki) ราชินีฟลิกก้าแห่งแอสการ์ด ได้สอนวิชาสร้างมายาแก่บุตรบุญธรรมโลกิด้วย ธอร์และโลกิ จึงเติบโตมาด้วยกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ
ราชาโอดินจูงมือธอร์และโลกิในวัยเด็ก (Thor:1)
ปี ค.ศ. 1000 ที่แผ่นดินจีน นักรบหนุ่มผู้เก่งกาจวรยุทธนามว่า ซู เวิ๋นหวู่ ได้ค้นพบ Ten rings (แหวนสิบวง) ซึ่งอยู่ภายในปล่องภูเขาไฟ เวิ๋นหวู่ใช้พลังลึกลับของแหวนทั้งสิบรุกรานแผ่นดินจีนไปทั่ว สร้างกองทัพในชื่อ เทนริงส์ และมีอิทธิพลมืดในจีนและทั่วโลกผ่านประวัติศาสตร์เรื่อยมานานนับตั้งแต่นั้น และด้วยพลังของแหวนทั้งสิบ ทำให้เวิ๋นหวู่ไม่แก่ลงอีกเลย ซึ่งแหวนทั้งสิบจะเปล่งแสงสีฟ้าเมื่อเขาใช้
เวิ๋นหวู่กับแหวนทั้งสิบ (Shang-Chi)
หลังจากอกามอตโต้สละหน้าที่จอมเวทย์สูงสุดเมื่อหลายพันปีที่แล้ว ก็มีซอเซอร์เรอร์ซูพรีม หรือ จอมเวทย์สูงสุดของโลก คนที่ 2 ,3,4,5 ฯลฯ เรื่อยๆมา จอมเวทย์สูงสุดของโลกทำหน้าที่หลักคือ ป้องกันไม่ให้มีอะไร หรือ สิ่งใด มารบกวนมิติโลก และปกป้องไทม์สโตน นับตั้งแต่บัดนั้นสืบมา..
ปี ค.ศ.1372 ตำแหน่งจอมเวทย์สูงสุดของโลก สืบทอดจากมนุษย์รุ่นสู่รุ่น มาจนถึงหญิงจอมเวทย์วัย 30 กว่าปี ผู้มีสายเลือกชาวเคลต์ เธอพำนักอาศัยอยู่ในสำนักจอมเวทย์ที่สืบทอดมาอย่างยาวนานชื่อ KarMar – Taj (คามา-ทาจ) ตั้งอยู่บริเวณหนึ่งในต้นกำเนิดอารยธรรมช่วงแรกๆของโลก (ปัจจุบันคือ เนปาล) ลูกศิษย์ลูกหาต่างเรียกขานเธอว่า อันเชียน วัน (Ancient One) และเธอก็กุมความลับบางอย่าง ทำให้ไม่แก่ลงอีกเลยนับตั้งแต่นั้น..
อันเชียน วัน / Sorcerer Supreme (Doctor Strange 1)
ด้านทางพ่อมดแม่มดผู้ใช้เวทย์สายดำในอดีต ได้ล่วงรู้ถึงปราสาทดาร์คโฮลด์ จึงดั้นด้นไปคัดลอกคาถารูนบันทึกลงบนคัมภีร์ และตั้งชื่อมันว่า คัมภีร์ดาร์คโฮลด์ ก่อนที่คัมภีร์มืดเล่มนี้จะถูกแย่งชิงเปลี่ยนมือมาเรื่อยๆจากแม่มดพ่อมดบนโลกหลายคน
ปี 1521 ที่ทวีปอเมริกา ณ อารยธรรมแอซเทค เหล่าอีเธอนอล ไม่เคยแตกกลุ่มเลยหลายพันปี ก็แยกย้ายกันเป็นครั้งแรก อิคาริสเลิกคบหากับเซอซี่ปลีกวิเวกไปอยู่ลำพัง เซอซี่กับสไปรท์อยู่ด้วยกันตลอดเวลา กิลกาแมสอยู่ดูแลทีน่า ดรูอิกอยู่กับพวกแอซแทค คิงโกไปอยู่อินเดียเป็นนักแสดง ฟาสโตสเลิกสร้างเทคโนโลยี มัคคารีกลับไปอยู่บนยานโดโม และ เอแจ็คก็ปลีกวิเวกเช่นกัน
ดรูอิก อยู่ที่แอซแทคมานับตั้งแต่นั้น (Eternal)
ปี 1571 ที่เกาะยูกาตัง อารยธรรมชนเผ่ามายัน ทวีปอเมริกา ขณะที่สเปนรุกรานชนพื้นเมืองมายันอย่างหนัก ผู้คนกลุ่มนึงในหมู่บ้านซาม่าแห่งเกาะยูกาตังซึ่งอาศัยอยู่ติดทะเลแอตแลนติกกำลังถูกสเปนคุกคาม และติดไข้ทรพิษที่สเปนนำมาแพร่เชื้อใส่ ชาวบ้านมายันกลุ่มนี้กำลังจะเป็นไข้ทรพิษตายกันหมด เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังรอด
แต่หมอผีของพวกเขา ได้รับนิมิตจากเทพเจ้ามายัน ชี้ทางให้ไปสู่สมุนไพรใต้น้ำในถ้ำ พืชสิ่งนี้ปนเปื้อนไวเบรเนียม ซึ่งเทพเจ้าชี้ทางว่ากินพืชสมุนไพรนี้แล้ว จะทำให้พวกเขาไม่ตายด้วยไข้ทรพิษ หมอผีจึงนำสมุนไพรนี้ขึ้นมาให้ผู้คนทียังรอดชีวิตในหมู่บ้านที่ติดไข้ทรพิษกิน หนึ่งในชาวบ้านกลุ่มนี้คือ เฟน หญิงสาวที่กำลังตั้งท้อง ลังเลที่จะกินพืชสมุนไพรปนเปื้อนไวเบรเนียม แต่ในที่สุดเฟนก็กินเข้าไปเช่นกัน
เฟน (Black Panther: Wakanda Forever)
ผลทำให้ทุกคนที่กินสมุนไพรรวมทั้งเฟนนั้นหมดลมหายใจไปพักนึง และฟื้นจากความตายโดยมีร่างกายสีฟ้า มีพลังเหนือมนุษย์ มีอายุขัยยาวนานกว่ามนุษย์ปกติ แต่ต้องแลกกับการหายใจเอาอ๊อกซิเจนในอากาศธรรมดาไม่ได้ ต้องหายในเอาอ๊อกซิเจนจากน้ำทะเลเท่านั้น พวกเขาจึงดำลงไปในทะเลแอตแลนติกเพื่ออาศัยในใต้น้ำนับตั้งแต่นั้น พวกเขากลายเป็นเผ่าพันธุ์ใหม่นามว่า ทาโลคานี่
ต่อมาอีกไม่กี่เดือน เฟนก็คลอดบุตชายออกมา เขามีนามว่า นามอร์ ลูกชายของเฟนนามว่านามอร์คนนี้พิเศษกว่าชาวทาโลคานิลทุกคน เพราะมีผิวพรรณเหมือนมนุษย์ปกติ แต่มีปีกที่เท้าทำให้บินได้ มีหูแหลม มีอายุยืนยาว เพราะนามอร์เป็นมนุษย์กลายพันธุ์นั่นเอง
ปี 1631 ที่เกาะยูกาตัง อารยธรรมชนเผ่ามายัน ทวีปอเมริกา เฟนได้ตายลงไป เธอสั่งเสียให้ไปฝังศพเธอที่ผืนแผ่นดินเกิด นามาร์จึงนำศพแม่ขึ้นบก และพบเห็นชาวสเปนกดขี่ข่มแหงชาวมายัน นามอร์จึงฆ่าทหารสเปนเกลี้ยงค่าย ต่อมานามอร์ก็กลายเป็นราชาของชาวทาโลคานิลปกครองเมืองทาโลกันใต้มหาสมุทรแอตแลนติกสืบมา..
ราชานามอร์ในวัยเด็ก (Black Panther: Wakanda Forever)
ปี 1693 ที่เมืองซาเล็ม รัฐแมสซาซูเซตต์ อกาธ่า ฮาร์คเนส ก็ได้ค้นพบคัมภีย์เวทย์ดาร์คโฮลด์ เมื่อเหล่าแม่มดด้วยกันล่วงรู้ จึงรีบไปจับตัว อกาธ่า เพื่อมาประหารโดยการเผาทั้งเป็น เพราะอกาธ่าทำการเรียนเวทย์ศาสตร์มืดชั้นสูงต้องห้าม มันอันตรายยิ่งยวดกับผู้ใช้เวทย์ทั้งขาวและดำ
แต่เหล่าแม่มดก็ถูกอกาธ่าใช้เวทย์ที่ศึกษามาจากดาร์คโฮลด์ ดูดพลังชีวิตแม่มดเหล่านั้นจนตายหมด ไม่เว้นแม้แต่แม่ตนเอง หลังจากนั้น อกาธ่าเรียนรู้ศาสตร์มืดมาโดยตลอด มีชีวิตผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานจากหลักสิบปีเป็นหลักร้อยปี เพราะดูดพลังชีวิตผู้อื่นมาเติมชีวิตตนเอง
อกาธ่า ฮาร์คเนส แม่มดผู้ร้ายกาจ (WandaVision ss1)
ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังประทุ กองทัพนาซีของประเทศเยอรมัน นำโดยฮิตเลอร์ ได้นำกองกำลังนาซีและฝ่ายอักษะรุกรานประเทศแถบยุโรปอย่างหนัก นาซีมีหน่วยรบที่แข็งแกร่งนามว่า “หน่วยไฮดร้า” นำโดย “ผู้พันโยฮัน ชมิธ”
กองกำลังไฮดร้า (Cap 1 The First Avenger)
ผู้พันชมิธ ได้เกณฑ์นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจไปทั่วเยอรมัน ซึ่งนำโดย “ดร.อาร์นิม โซล่า” มาสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยและทรงอาณุภาพ เพื่อสู้รบกับฝ่ายพันธมิตรและอเมริกา แต่ผู้พันชมิธยังไม่พอใจเพียงแค่นั้น
“ดร.อับบราฮัม เอิลสกิน” ได้ผลิตเซรุ่มที่ทำให้มนุษย์ธรรมดามีความสามารถเกินขีดจำกัด หรือ เหนือมนุษย์ สูตรเซรุ่มนี้เป็นที่หมายปองของชมิธเป็นอย่างมาก ชมิธนั้นบังคับให้ดร.เอิลสกินผลิตเซรุ่มเหนือมนุษย์นี้ให้แก่ตน
ผู้พันชมิธข่มขู่ดร.เอิลสกินให้มอบเซรุ่มเหนือมนุษย์ ( Cap 1 The First Avenger)
ดร.เอิลสกินนั้นรู้อยู่เต็มอกว่าสูตรเซรุ่มนี้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ชมิธก็ยังดื้อดึงฉีดมันเข้าไป ผลปรากฎว่าร่างกายแข็งแกร่งขึ้นก็จริง แต่ก็แลกกับผลข้างเคียงที่ทำให้บริเวณทั่วกะโหลกนั้นโดนเซรุ่มแผดเผาผมร่วง และผิวหนังกลายเป็นสีแดง
ชมิธ จึงถูกเรียกขานจากนายทหารนาซีด้วยกันว่า “เร้ดสกัลล์” (Redskull) ผู้พันชมิธใช้จิตรกรมีฝีมือแต่งหน้ากากหนังที่ปกคลุมใบหน้าให้เหมือนคนเดิม และเริ่มตามหาแหล่งขุมพลังเหล่าเทพเจ้าในตำนานต่างๆทั่วยุโรป
เร้ดสกัลล์ (Cap 1 The First Avenger)
ปี ค.ศ. 1942 จนกระทั่งผู้พันชมิธสืบมาถึงเมืองทอร์นสเบิร์ก ประเทศนอร์เวย์ ผู้พันชมิธจึงค้นพบแทซเซอแร๊คซึ่งซ่อนไว้ภายในผนังวัดที่นี่ ผู้พันชมิธจึงนำแทซเซอแร็คไปวิจัยร่วมกับดร.โซล่า และควบคุมพลังงานแทซเซอแร๊คได้ระดับนึง ซึ่งเพียงแค่นี้ก็สร้างอาวุธมหาประลัยได้แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ขอบเขตหรือพลังที่แท้จริง
ดร.โซล่าและผู้พันชมิธนำพลังงานจากแทซเซอแร็คมาใช้เป็นผลสำเร็จ ( Cap 1 The First Avenger)
ที่อินเดีย พวกแคลนเดสไทน์หรือจินน์ค้นพบแล้ว ว่ากำไลดึกดำบรรพ์ข้างนึงนั้นซ่อนอยู่ที่วัดเทนริงส์ เป็นวัดโบราณในอินเดีย แต่ระหว่างที่กำลังขุดเอากำไล พวกทหารอังกฤษก็โผล่มาโจมตีที่นี่เต็มไปหมด เพราะนี่คือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษกำลังรุกรานประเทศอินเดียที่แข็งข้อนี้ แคลนเดสไทน์แตกกระเจิงเพราะแรงระเบิดวัดและทหารระดมยิงกระหน่ำ ไอชาใส่กำไลข้างนั้น ทันใดนั้นพลังของกำไลก็ไปสร้างยีนส์ X ในร่างไอชาโดยเธอไม่รู้ตัว ทุกคนหนี และไอชาที่เป็นผู้ครอบครองกำไลดึกดำบรรพ์ก็แยกทางกับเพื่อนๆ
ไอชาซัดเซพเนจรไปที่บอมเบย์ และพบกับฮาซัน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้ซื่อตรง ไอชาและฮาซันตกหลุมรักกัน และไอชาก็ตั้งท้องซาน่า ทำให้ไอชาไม่อยากกลับมิตินูร์แล้ว อยากสร้างครอบครัวกับฮาซันที่นี่ ยีนส์ X จึงถูกส่งมาที่ซาน่า
ความรักระหว่างจินน์ในตำนานกับมนุษย์ธรรมดา (Ms. Marvel)
ที่สหรัฐอเมริกา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้าน ดร.เอิลสกิน หลังจากลี้ภัยมาอยู่กองทัพสหรัฐ ก็ยังทำการวิจัยเซรุ่มเหนือมนุษย์นี้ต่อ เพื่อสร้างสุดยอดทหารในหน่วยวิทยาศาสตร์แห่งกองยุทโธประการกองหนุนแห่งสหรัฐ หรือ หน่วย SSR หัวหน้าหน่วยคือ “ผู้พันฟิลิป” โดยมี “เอเจนท์มากาเร็ต เพ็กกี้ คาร์เตอร์” ทหารหญิงชาวอังกฤษช่วยงานด้านข่าวกรอง
หน่วย SSR ยังได้เชิญให้ “Howard Stark” วิศกรอัจฉริยะอันดับ 1 แห่งยุคของสหรัฐ เจ้าของบริษัทสตาร์คอินดรัสทรีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาวุธให้กับกองทัพสหรัฐ เพื่อมาเป็นที่ปรึกษาขั้นสูงอีกด้วย
ฮาเวิร์ด สตาร์ค (Cap 1 The First Avenger)
หน่วยนี้มีหน้าที่สร้างอาวุธที่สามารถต่อกรกับหน่วยไฮดร้าของเยอรมันโดยเฉพาะ ดร.เอิลสกิน,ฮาเวิร์ด,ผู้พันฟิลิป,และเพกกี้ ยอดคนแห่งยุคทั้งสี่ จึงร่วมกันก่อตั้งโครงการ “รีเบิร์ธ” ขึ้นมา เพื่อหวังสร้างกองทัพสุดยอดทหารมาสู้กับไฮดร้าโดยเฉพาะ
ผู้พันฟิลิปและเพกกี้กำลังฝึกทหารในหน่วย SSR ( Cap 1 The First Avenger)
ดร.เอิลสกินทำการวิจัยข้อมูลจนสำเร็จ โดยใช้ไครโอซิงค์ที่ฮาเวิร์ดผลิต บรรจุเซรุ่มของเขาเพื่ออาบผิวนอกผู้ทดลอง และใช้เซรุ่มอีกส่วนฉีดเข้าด้านในร่างกายผู้ทดลอง ดร.เอิลสกิน อยากได้คนที่คู่ควร เพราะพลังนี้มหาศาล ต้องได้คนที่จิตใจดีควรค่าสมกับเป็นเจ้าของพลังวิเศษนี้ เพื่อจะได้ไม่นำพลังนี้ไปใช้ในทางเลวร้ายนั่นเอง
หน่วย SSR จึงทำการเริ่มเฟ้นหาทหารคนแรกในโครงการรีเบิร์ธ ด้านผู้พันชมิธก็สืบรู้แล้วว่าดร.เอิลสกินอยู่ที่อเมริกา จึงให้สายลับไฮดร้าติดตามดร.เอิลสกินไม่ให้คลาดสายตา และฆ่าทันทีที่มีโอกาส
ปี ค.ศ. 1943 ที่อเมริกา “สตีฟ โรเจอร์” ชายร่างเล็ก ผู้ไม่เคยยอมให้ใครรังแกฟรีๆ จิตใจดี สู้ไม่ถอย มีเพื่อนรักตั้งแต่วัยเด็กคือ “บัคกี้ บาร์น” ซึ่งบัคกี้ติดทหารแล้ว อยู่หน่วยรบ 107 สตีฟก็อยากเป็นทหารรับใช้ชาติเช่นกัน อยากเป็นมากกว่าบัคกี้ด้วยซ้ำ แต่สตีฟสมัครทหารหลายครั้ง ก็ไม่เคยสำเร็จ เพราะตัวเล็กเกินไป
สตีฟและบัคกี้ (Cap 2 Winter Soldier)
จนวันนึง ดร.เอิลสกินได้พบสตีฟมาสมัครทหารและถูกปฎิเสธอีกครั้ง เห็นความมุ่งมั่นและทัศนคติของสตีฟแล้ว จึงตัดสินใจว่าสตีฟนี่ล่ะ เหมาะสมกับสุดยอดทหารคนแรกในโครงการรีเบิร์ธ
เอเจ้นท์คาเตอร์ก็เห็นแววผู้นำและความเด็ดเดี่ยวของสตีพเช่นกัน เมื่อการทดลองเสร็จสมบูรณ์ สตีฟก็กลายเป็นสุดยอดทหารในโครงการรีเบิร์ธคนแรก เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายสูงใหญ่กำยำ แข็งแรง ฟื้นฟูร่างกายได้ สมองไว รวดเร็วกว่ามนุษย์ปกติ
ดร.เอิลสกินและฮาเวิร์ดนำสตีฟออกจากไครโอชิงค์ ( Cap 1 The First Avenger)
แต่ดร.เอิลสกิน กลับถูกลอบสังหารโดยสายลับของไฮดร้าทันทีหลังการทดลองสำเร็จ เมื่อไม่มี ดร.เอิลสกิน จึงไม่มีใครสามารถผลิตสุดยอดทหารได้อีกเลยนับแต่นั้น โปรเจครีเบิร์ธจึงถูกยุบไป จึงมีสตีฟเพียงคนเดียวในโปรเจครีเบิร์ธ
หากแต่ว่า สตีฟที่ถูกแต่งตั้งให้เป็น “กัปตันอเมริกา” แต่ไม่ได้ไปรบ กลายเป็นว่าสตีฟต้องทำหน้าที่โฆษณาปลุกใจอเมริกันชนให้รักชาติแทนการไปรบ
ชาวอเมริกันรักสตีฟ แต่ทหารส่วนใหญ่ไม่ชอบกัปตันอเมริกา เนื่องด้วยวันๆเอาแต่โชว์ตัว ไม่เคยออกรบ ผู้พันฟิลิปก็ไม่เชื่อถือสตีฟว่าจะรบเป็น แต่เอเจ้นท์คาเตอร์หรือเพกกี้ ก็เชื่อมั่นในตัวสตีฟเสมอ
สตีฟกับบทบาทกัปตันอเมริกา ( Cap 1 The First Avenger)
ที่ประเทศอิตาลี จนกระทั่งในวันนึง ขณะสตีฟโชว์ตัวตามปกติ สตีฟก็ได้ข่าวว่าหน่วยรบ 107 ของบัคกี้เพื่อนรัก ถูกจับเป็นเชลยที่ค่ายไฮดร้าในเขตประเทศออสเตรีย
ฮาเวิร์ดและเพกกี้ จึงช่วยสตีฟบินลอบเข้าเขตที่เยอรมันยึดครองในออสเตรีย สตีฟกระโดดร่มลงไปในพื้นที่ค่ายเชลยไฮดร้า และช่วยหน่วยรบ 107 ได้ทั้งหน่วย
เพกกี้และฮาเวิร์ดขับเครื่องบินพาสตีฟไปส่งในออสเตรีย ( Cap 1 The First Avenger)
สตีฟพบบัคกี้กำลังถูกดร.โซล่าล้างสมอง เพื่อสร้างสุดยอดนักฆ่าที่สั่งได้ทุกอย่าง แต่สตีฟไปช่วยไว้ทัน ผู้พันชมิธเห็นว่าคงจะต้านสตีฟไว้ไม่อยู่ จึงกดปุ่มระเบิดเวลาถอยหลังเพื่อทำลายฐานทัพทิ้งทันที สตีฟและผู้พันชมิธปะทะกันเป็นครั้งแรก
ดร.โซล่าเห็นว่าการสู้คงยืดเยื้อ กลัวจะหนีไม่ทันระเบิด จึงสับสวิทย์แยกสะพานที่ทั้งคู่สู้กันอยู่ ต่างฝ่ายจึงต่างแยกกันหนีระเบิดไป ตั้งแต่นั้นผู้พันชมิธก็เปิดเผยความเป็นเร้ดสกัลล์เต็มตัว ส่วนด้านทางสตีฟก็นำพาทั้งหน่วย 107 กลับค่ายในอิตาลีได้สำเร็จ
สตีฟและเร้ดสกัลล์เผชิญหน้ากัน ( Cap 1 The First Avenger)
หลังจากนั้น สตีฟ โรเจอร์ หรือกัปตันอเมริกา ก็ได้รับการยอมรับจากเพื่อนทหารและผู้พันฟิลิป และได้ออกรบจริงๆซักทีอย่างที่ควรจะเป็น กัปตันโรเจอร์ได้ก่อตั้งหน่วยฮาวลิ่งคอมมานโดซึ่งเป็นหน่วยจู่โจมลับของ SSR เพื่อทำลายฐานไฮดร้าโดยเฉพาะ ในทีมมีบัคกี้ด้วย
ปี 1945 ตลอดสามปี ภาระกิจต่างๆที่หน่วยฮาวลิ่งคอมมานโดบุกฐานไฮดร้า ถูกถ่ายทอดให้อเมริกันชนได้ชมตลอด ชาวอเมริกันยกย่องให้กัปตันโรเจอร์เป็นฮีโร่วีรบุรษสงคราม..
เร้ดสกัลล์แค้นใจมาก สั่งให้ ดร.โซล่าวางแผนล่อทีมฮาวลิ่งคอมมาโดไปติดกับบนรถไฟที่กำลังวิ่งเลาะหน้าผาบริเวณประเทศออสเตรีย กัปตันโรเจอร์และบัคกี้พลาด บัคกี้ถูกเล่นงานจนเสียหลักตกหน้าผาไป
บัคกี้และแคปวางแผนกระโดดขึ้นรถไฟด่วนจี๋ของไฮดร้า ( Cap 1 The First Avenger)
ในที่สุดทีมฮาวลิ่งคอมมานโดก็จับตัว ดร.โซล่าได้สำเร็จ กัปตันโรเจอร์คิดว่าบัคกี้ตายแล้ว แต่ที่จริงบัคกี้ไม่ตาย และแขนขาด ไฮดร้าจึงจับบัคกี้ไป
ที่ฐานลับไฮดร้าในไซบีเรีย สหภาพโซเวียต ไฮดร้านำบัคกี้เข้าสู่โปรเจค วินเทอร์โซลเยอร์ (Winter Soldier) ไฮดร้าใส่แขนเหล็กกลให้บัคกี้ พยายามทำการทดลองสร้างสุดยอดนักฆ่าต่อไป
หลังจากนั้นไม่กี่วัน.. กัปตันโรเจอร์ก็นำหน่วยฮาวลิ่งฯบุกฐานที่มั่นสุดท้ายของไฮดร้าซึ่งเป็นฐานบัญชาการสูงสุด กัปตันโรเจอร์ถล่มฐานได้สำเร็จ เร้ดสกัลล์นำแทซเซอแร๊คหนีไปขึ้นเครื่องบินรบวัลคีรี่ และขับออกไปพร้อมระเบิดทำลายล้างสูงหวังถล่มอเมริกา
กัปตันโรเจอร์ตามขึ้นเครื่องบินทัน ระหว่างที่ทั้งสองสู้กันนั้น แทซเซอแร๊คได้หลุดออกมาจากสิ่งบรรจุ เร้ดสกัลล์จับแทซเซอแร๊คและโดนดูดไปที่ใดที่หนึ่งในจักรวาล ซึ่งที่นั่นคือดาววอร์เมียร์ (Vormir)
เร้ดสกัลล์ถูกวาร์ปไปสู่ดาววอร์เมียร์ ( Cap 1 The First Avenger)
แทซเซอแร๊คที่หลุดมือเร้ดสกัลล์ ก็หลอมพื้นเครื่องบินหล่นลงในทะเลน้ำแข็ง บริเวณเขตอาร์คติค และด้วยเนื่องจากกัปตันโรเจอร์ขับเครื่องบินรบล้ำสมัยนี้ไม่เป็น อีกทั้งเร็วมาก อีกไม่กี่อึดใจก็ถึงอเมริกาแล้ว กัปตันโรเจอร์ จึงตัดสินใจสละชีวิตบังคับเครื่องลงทะเลน้ำแข็งไปเลย
กองทัพสหรัฐฯและฮาเวิร์ด ออกทำการค้นหากัปตันโรเจอร์ พบเพียงแทซเซอแร๊ค ทุกคนรวมถึงเพกกี้คิดว่าสตีฟตาย แต่สตีฟไม่ตาย และถูกแช่แข็งในทะเลน้ำแข็งเขตอาร์คติคอยู่ในสภาวะจำศีล..
กัปตันโรเจอร์หลับไหลในสภาวะจำศีล (Avenger 1)
ที่ดาววอร์เมียร์ คือดาวเคราะห์ดวงเล็กที่รกร้าง ไร้สิ่งมีชีวิตอาศัย ดินแดนที่เต็มไปด้วยสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่ซึ่งสี่สมดุลย์แห่งจักรวาลนำโซลสโตนมาเก็บรักษาที่นี่
(Infinity Stone ชิ้นที่ 5 Vormir คือ Soul Stone)
และพลังอันลึกลับของโซลสโตน ทำให้เร้ดสกัลล์ ซึ่งโดนสเปซสโตนวาร์ปมานั้นโดนคำสาปอาถรรพ์ ให้กลายเป็นเจ้าที่ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ดำรงอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ เพื่อทำหน้าที่ชี้ทางให้ผู้มาเยือนเหล่านั้นได้ล่วงรู้ถึงวิธีครอบครองมณีวิญญาณชิ้นนี้..
เร้ดสกัลล์กลายเป็นผู้ดูแลมณีวิญญาณ ( Avenger 3)
ที่โลกมนุษย์ สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง เยอรมันพ่ายแพ้ หน่วยSSRตามจับนายทหารระดับสูงของไฮดร้าไว้ได้หลายคน กัปตันอเมริกากลายเป็นตำนานวีรบุรุษของชาติ เพกกี้นำหน่วยฮาวลิ่งคอมมาโดของกัปตันโรเจอร์เข้าทำลายฐานทัพย่อยต่างของไฮดร้าทั่วยุโรป
ปี 1947 นาจม่า ผู้นำกลุ่มจินน์หรือแคลนเดสไทน์ที่ถูกเนรเทศ พาพรรคพวกตามหาไอชาไปทั่วแผ่นดินอินเดีย จนกระทั่งพบไอชาอยู่ที่บ้านของฮาซัน นาจม่าบอกไอชาว่าคืนนี้พวกเราจะใช้กำไลดึกดำบรรพ์นี้กลับมิตินูร์ แต่ไอชานั้นไม่อยากกลับนูร์แล้ว
นาจม่า ผู้นำกลุ่ม ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อกลับบ้าน (Ms. Marvel)
ไอชารับปากไปงั้นๆและรีบปลีกตัวกลับบ้าน เพื่อรีบพาฮาซันผู้เป็นสามีและลูกสาวตัวน้อยซาน่าวัย 5 ขวบหนีแคลนเดนไทน์พรรคพวกของเธอ โดยไอชาใช้วิกฤติที่อินเดียกำลังแบ่งแยกดินแดนออกไปเป็นปากีสถานส่วนนึง ใช้วิกฤตินี้เป็นข้ออ้างพาลูกและสามีหนี
(อินเดียเป็นอิสระจากอังกฤษหลังถูกยึดครองมา 200 ปี อินเดียประกาศว่าประเทศนี้เป็นรัฐฮินดู ชาวอินเดียที่นับถืออิสลามจึงย้ายออกจากประเทศอินเดียไปปากีสถาน เพราะปากีสถานที่ตั้งใหม่นี้เป็นรัฐอิสลาม)
ระหว่างที่ครอบครัวไอชากำลังหนีขึ้นรถไฟ ไอชาสารภาพกับสามีว่าตัวเธอคืออะไรมาจากไหน และโชว์พลังกำไลให้ดู ฮาซันไม่สน ไอชาใช้จังหวะนี้รีบสวมกำไลใส่ข้อมือซาน่าแทน ทันใดนั้นนาจม่ากับพรรคพวกก็ไล่ตามมาติดๆ ไอชาหนีไปอีกทางเพื่อให้สามีและลูกสาวปลอดภัย
ท่ามกลางความชุลมุนที่คนอินเดียพลุกพล่านแน่นหน่าที่สถานีรถไฟ นาจม่าก็พุ่งมาแทงไอชาที่คิดทรยศ และพบว่ากำไลไม่อยู่ที่ไอชาแล้ว ก่อนจะตายไอชาพบสาวน้อยมหัศจรรย์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ (สาวน้อยมหัศจรรย์ คือ กมลา ข่าน เหลนไอชาผู้มาจากอนาคต บังเอิญมาช่วยซาน่ายายของเธอ และพบกับไอชาทวดของเธอ)
กมลา ข่าน มิสมาร์เวลมาจากอนาคตปี 2025 (Ms. Marvel)
ซึ่งสาวน้อยคนนี้สวมกำไลดึกดำบรรพ์ซะด้วย เบื้องต้นไอชาคิดว่าเด็กสาวคนนี้คือซาน่าที่มาจากอนาคต แต่เธอบอกว่าไม่ใช่ ถึงอย่างไรไอชาก็รู้สึกปลอดภัยกับสาวน้อยคนนี้ ไอชาจึงฝากให้สาวน้อยมหัศจรรย์ช่วยซาน่าลูกน้อยของเธอ และไอชาก็ตาย หลังจากนั้นสาวน้อยมหัศจรรย์ก็ใช้พลังของเธอนำซาน่ากลับไปหาฮาซัน และสองพ่อลูกก็ขึ้นรถไฟไปปากีสถาน โดยที่ไม่รู้ว่าไอชาแม่และภรรยาของพวกเขาตายแล้ว
ปี 1948 – ปี 1950 ผู้พันฟิลิป,เพกกี้,และฮาเวิร์ด ร่วมกันก่อตั้งหน่วย “ชีลด์” (S.H.I.E.L.D.) เพื่อทำหน้าที่ป้องกันการรุกรานจากสิ่งต่างๆที่คุกคามสหรัฐและโลก และยุบหน่วย SSR ลง ทั้งสิ่งของและฐานลับของ SSR จึงตกเป็นของชิลด์ด้วย
เพกกี้, ฮาเวิร์ด, ผู้พันฟิลิป (Cap 2 Winter Soldier)
ที่สหรัฐฯ ที่ตั้งหน่วยชิลด์ที่แรก คือฐานลับที่นิวเจอร์ซี่ ที่เดียวกันกับที่สร้างกัปตันอเมริกาในโปรเจครีเบิร์ธ หน่วยชีลด์ได้เชิญนักวิทยาศาสตร์ของไฮดร้าที่ถูกจับมาเป็นเชลยสงครามมาทำงานในโปรเจคเปปเปอร์คลิป รวมถึงดร.โซล่าด้วย ไฮดร้าจึงเติบโตขึ้นใหม่แบบลับๆในหน่วยชีลล์ ด้วยการนำของดร.โซล่านี่เอง..
ที่โซเวียต ดร.โซล่า ได้แอบกลับไปที่ไซบีเรียเพื่อทำการทดลองล้างสมองบัคกี้ต่อไป ในที่สุดไฮดร้ากับโปรเจควินเทอร์โซลเยอร์ ก็สร้างสุดยอดนักฆ่าคนแรกได้สำเร็จ บัคกี้จำอดีตไม่ได้ โดนสะกดจิตไว้ ทำตามคำสั่งผู้ควบคุม เชี่ยวชาญการต่อสู้และลอบฆ่า
ไฮดร้าแช่แข็งบัคกี้ไว้ เมื่อต้องการใช้งานจึงละลายน้ำแข็งออก ไฮดร้าให้บัคกี้สร้างความวุ่นวาย ลอบสังหาร ทำให้เกิดข้อขัดแย้งและสงครามในโลกมากมาย บัคกี้จึงกลายเป็นมือสังหารที่ดีที่สุดของไฮดร้า
บัคกี้กลายเป็นวินเทอร์โซลเยอร์โดยสมบูรณ์ (cap 2 Winter Soldier)
ปี 1950 ที่สงครามเกาหลี ระหว่างนี้รัฐบาลสหรัฐฯพยายามจะสร้างซุปเปอร์โซลเยอร์ขึ้นมาอีกครั้ง โดยการฉีดสารที่สกัดจากเลือดแคปแและลองสูตรต่างๆ ฉีดใส่ทหารผิวดำหลายคนที่ไปรบในเกาหลี โดยหลอกว่าคือวัคซีนป้องกันโรคปกติ ทุกคนป่วยตายหมด ยกเว้น ไอเซอาห์ แบรดลีย์ ที่มีพลังเหนือมนุษย์กลายเป็นซุปเปอร์โซลเยอร์เหมือนสตีฟ
ไอเซอาห์เคยปะทะกับบัคกี้ในเกาหลีด้วย และบัคกี้เกือบถูกฆ่าด้วยซ้ำ แต่ก็รอดมาได้ รัฐบาลสหรัฐอยากค้นหาคำตอบว่า เอไซอาห์รอดจากเซรุ่มซุปเปอร์โซลเยอร์ได้ยังไง จึงสั่งขังเขา และนำชิ้นเนื้อตับและเลือดไปวิจัย สร้างความทุกข์ทรมานให่ไอเซอาห์มาก
ปี 1955 ณ ห้วงอวกาศอันไกลโพ้น.. เด็กหนุ่มชาวเซนเทอเรี่ยนที่ชื่อ ยอนดู อูดอนต้า ถูกพ่อแม่นำไปขายเป็นเชลยศึกให้กับจักวรรดิครี ยอนดูต้องอยู่อย่างแร้นแค้นเป็นเชลยศึกเรื่อยมา
ณ ดาวไททัน กำลังเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนทรัพยากรในการดำรงชีวิต ธานอส (Thanos) หนึ่งในนักรบแม่ทัพที่เก่งกาจของไททัน จึงเสนอให้สังหารประชากรไททันลงครึ่งหนึ่งแบบสุ่ม รวยจนมีสิทธิ์ตายหมด แทนการต่อสู้ห้ำหั่นกันเองที่จะเกิดขึ้นแน่ๆในอนาคต ทั้งดวงดาวไททัน หาว่าธานอสบ้า และไม่เชื่อธานอส
แต่สิ่งที่ธานอสคาดการไว้ ก็เป็นจริง ประชากรไททันเริ่มต่อสู้ฆ่าฟันทำสงครามกันเอง เกิดความขัดแย้งไปทุกชุมชนทั่วทั้งดวงดาว เพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่น้อยลงไปทุกวัน อารยธรรมไททันแทบสูญสิ้น และชาวไททันก็เกือบสูญพันธุ์
วอร์ลอร์ด ธานอส ( Avenger 3)
ธานอส คือหนึ่งในชาวไททันที่รอดชีวิตจากความขัดแย้งนี้ ธานอสจึงฝังใจอย่างมาก ว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ในดวงดาวอื่นๆ เฉกเช่นเดียวกับที่เกิดบนดาวไททันของตนเองเป็นแน่แท้ ถ้าทั่วทุกอารยธรรมในจักรวาลยังคงขยายเผ่าพันธุ์ตนเองโดยไม่คิดจะควบคุมเช่นนี้ต่อไป ธานอสจึงเริ่มซ่องสุมกำลังพลที่มีแนวคิดรุนแรงไปทั่วจักรวาล เพื่อทำตามอุดมการณ์สุดโต่ง คือลดประชากรครึ่งหนึ่งทั้งจักรวาล..
ปี 1963 ที่โลก ฮาเวิร์ด สตาร์ค และ แอนทอน แวนโก้ นักฟิสิกซ์อันดับต้นๆในสตาร์คอินดรัสทรีส์ ซึ่งอพยพลี้ภัยมาจากรัซเซีย ก็ร่วมกันสร้างเตาปฏิกรณ์อาร์คขึ้นมาได้สำเร็จ กลายเป็นวิทยาการพลิกโลก
ปี 1967 ฮาเวิร์ดก็ไล่แอนทอนออก เพราะฮาเวิร์ดจับได้ว่า แอนทอนแอบขายความลับบริษัทสตาร์คอินดัสทรีส์ให้รัฐบาลรัสเซีย รัฐบาลสหรัฐฯจึงต้องเนรเทศไล่แอนทอนกลับรัสเซีย
ปี 1968 แอนทอนให้กำเนิดลูกชาย ไอแวน แวนโก้ แอนทอนเล่าให้ลูกชายฟังเสมอเรื่องที่ตนเองและฮาเวิร์ดร่วมกันคิดค้นเตาปฏิกรณ์อาร์ค แต่ตนเองกลับไม่เคยได้รับเครดิตหรือเงินทองชื่อเสียงเลย ไอแวนลูกชายแอนทอนจึงเจ็บแค้นครอบครัวสตาร์คมาก
หนังสือพิมพ์รายงานข่าวแอนทอนถูกเนรเทศ (Ironman 2)
ปี 1969 Howard Stark หนึ่งในสามผู้ก่อตั้ง S.H.I.E.L.D. ได้เชิญให้ Dr. Henry “Hank” Pym นักกีฎวิทยาหนุ่มชาวอเมริกัน และ นักวิทยาศาสตร์สาวที่ชื่อ Janet Van Dyne ภรรยาดร.พิม ให้มาเป็นนักวิทยาศาสตร์และที่ปรึกษากับชิลด์ พร้อมกับที่ฮาเวิร์ดสนับสนุนให้ด็อกเตอร์พิมกับเจเน็ตวิจัยงานทดลองของทั้งสองได้อย่างเต็มที่
ดร. แฮงค์ พิม (Ant-Man 1)
ด็อกเตอร์พิมนั้นสนใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตและสังคมของสายพันธุ์มดทุกชนิดบนโลก จนกระทั่งด็อกเตอร์พิมมีความคิดริเริ่มที่จะผลิต Pym Paticle หรืออนุภาคพิมขึ้นมา เพื่อย่อส่วนทุกอย่างที่อนุภาคพิมเข้าไปควบคุมสิ่งนั้นรวมถึงสิ่งมีชีวิตให้เล็กเท่ากับมด
และด็อกเตอร์พิมยังคิดค้น “ชุด” ที่มีไว้บรรจุอานุภาคพิมเพื่อควบคุมการย่อส่วนให้ได้ตามความต้องการอีกด้วย ซึ่งเจเน็ตนั้นก็ช่วยงานสามีด้านค้นคว้าสูตรอานุภาคพิมและชุดมาโดยตลอด
เจเน็ต แวน ไดน์ (Ant-Man 2)
จนกระทั่งด็อกเตอร์พิมผลิตชุดได้สำเร็จ พร้อมๆกับอานุภาคพิมด้วย รวมถึง EMP Communication Device หรือเครื่องสื่อสารกับมด ซึ่งด็อกเตอร์พิมเรียกชุดของเค้าว่า ANT-MAN suit หรือชุดแอนท์-แมนนั่นเอง และด็อกเตอร์พิมกับเจเน็ตยังได้ผลิตชุดของเจเน็ตขึ้นมาด้วยเช่นกัน โดยเรียกชุดของเจเน็ตว่า WASP suit หรือชุดวอส์ป
ด็อกเตอร์พิมคิดว่าถ้าสูตรนี้ไปอยู่ในมือคนผิด ต้องเกิดหายนะกับโลกแน่นอน ด็อกเตอร์พิมจึงทดลองใส่ชุดแอนท์-แมนด้วยตนเอง และประสบความสำเร็จในการย่อส่วนขยายส่วนได้เป็นอย่างดี รวมถึงเจเน็ตก็สวมชุดวอส์ปย่อส่วนขยายส่วนสำเร็จด้วยดีเช่นกัน
ดร.พิมและเจเน็ตในชุดแอนท์แมนและวอส์ป (Ant-Man 1)
ซึ่งการที่ด็อกเตอร์พิมประดิษฐ์วิทยาการพลิกโลกนี้ได้สำเร็จ ทำให้ฮาเวิร์ดตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และอยากได้สูตรอนุภาคพิมของด็อกเตอร์พิม แต่ด็อกเตอร์พิมยังไม่ไว้ใจให้ใครได้สูตรนี้ไป
ปี 1970 ที่ฐานลับชิลด์ในนิวเจอร์ซี่ สตีฟ โรเจอร์ส กับ โทนี่ สตาร์ค ย้อนเวลามาจากอนาคต เพื่อขโมยอนุภาคพิมและขโมยแทซเซอแรค โดยปฎิบัติการณ์นี้เข้าเร็วออกเร็ว เมือภารกิจสำเร็จ สตีฟและโทนี่รีบใช้อนุภาคพิมกลับไปอนาคตทันที
สตีฟกับโทนี่มาจากอนาคต (Avengers: endgame)
เมื่ออนุภาคพิมหายไปหลายหลอด ดร.พิมจึงคิดว่าผู้ที่ขโมยอนุภาคไปคือฮาเวิร์ด แม้ฮาเวิร์ดจะปฎิเสธยังไงดร.พิมก็ไม่เชื่อ แต่ในเวลาเพียงไม่นานวันเดียวกันนั้นเอง อนุภาคพิมหลายหลอดที่หายไปก็กลับมาอยู่ในแลปดร.พิมตามเดิม (สตีฟนำอันใหม่จากอนาคตมาคืน) ถึงยังไงซะดร.พิมก็ยังคิดว่า ฮาเวิร์ดเอาอนุภาคไปลอกสูตรและรีบนำกลับมาคืน
ต่อมาไม่กี่เดือน ฮาเวิร์ด สตาร์ค และภรรยา มาเรีย สตาร์ค ก็ให้กำเนิดบุตรชายเพียงคนเดียวของทั้งสอง มาเรียและฮาเวิร์ดตั้งชื่อลูกชายของพวกเขาว่า Anthony Edward “TONY” Stark (โทนี่ สตาร์ค)
ปี 1972 ดร.โซล่าก็เสียชีวิตลงด้วยโรครุมเร้าหลายชนิด แต่ด้วยวิทยาการความรู้และเทคโนโลยีของชิลด์ จึงเก็บข้อมูลมันสมองความรู้ของดร.โซล่าไว้ในระบบคอมพิวเตอร์เซิฟเวอร์หลักของชิลด์ในฐานแรกที่นิวยอร์ค ด้วยว่าชิลด์เสียดายความรู้ความสารถของดร.โซล่านั่นเอง
แม้ร่างกายจะตายไป แต่ดร.โซล่าจึงกลับเป็นอมตะในระบบสมองกลแทน และนี่ก็เป็นอีกครั้งในการตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์ของชิลด์ ที่เก็บโซล่าไว้ในเซิฟเวอร์หลัก ดร.โซล่าร์จึงรวมรวบไฮดร้าซ่อนเร้นภายในชิลด์แบบลับๆได้ต่อไปเรื่อยๆ..
ดร.โซล่ากลายเป็นสมองกล (cap 2 Winter Soldier)
ปี 1974 งานสตาร์คเอ๊กโปว์ครั้งที่ 1 ก็เกิดขึ้นในปีนี้ และตั้งแต่ฮาเวิร์ดเข้ามาเป็นผู้ก่อตั้งหน่วยชิลด์ ฮาเวิร์ดก็ได้ทำการวิเคราะห์พลังงานแทซเซอแร๊คนานนับหลายสิบปี จนฮาเวิร์ดสามารถจำลองพลังงานแทซเซอแร๊คได้เป็นบางส่วน
แค่นี้ก็เพียงพอ ที่จะให้กำเนิดเป็นธาตุให้พลังงานตัวใหม่ แต่วิทยาการสมัยนั้นไม่เอื้ออำนวย ฮาเวิร์ดจึงซ่อนสูตรการสร้างธาตุตัวใหม่นี้ไว้ในผังโครงสร้างงานสตาร์คเอ๊กซ์โปว์ และอัดวีดีโอบอกใบ้ให้ลูกชาย โทนี่ สตาร์ค เอาไว้
ฮาเวิร์ดอัดวีดีโอให้โทนี่ดูในภายภาคหน้า (Ironman 2)
ณ กาแล็กซี่อันไกลโพ้น อีกฟากของจักรวาล เอเลี่ยนเผ่าพันธุ์สครัลล์ ที่มีความสามารถแปลงร่างได้ และเหลือประชากรเพียงน้อยนิด ได้ทำการแข็งข้อกับเอเลี่ยนเผ่าพันธุ์ครี จึงถูก โรแนน ขุนศึกชาวครี และหน่วยสตาร์ฟอร์ซของครี ไล่ล่าอย่างหนัก โรแนนทำลายดาวบ้านเกิดของสครัลล์ ทำให้สครัลล์ต้องหนีตายกระจัดกระจายไปทั่วกาแล็กซี่
โรแนน ผู้กล่าวโทษ (Captain Marvel)
แต่ชาวสครัลล์ก็สามารถต่อกรกับครีได้ไม่เพลี่ยงพล้ำง่ายๆ ชาวสครัลล์ต้องการเพียงบ้านใหม่ ชาวสครัลล์ส่วนนึงจึงแอบลี้ภัยมาอยู่บนดาวทอร์ฟ่า (Torfa) ซึ่งอยู่สุดเขตชายแดนจักรวรรดิครีอย่างเงียบๆ
ชาวสครัลล์ (Captain Marvel)
ปี 1975 ณ จักรวรรดิครี ยอนดูที่เป็นเชลยศึกของครีมายาวนาน 20 ปี ก็ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยราเวเจอร์ นำโดยกัปตัน Stakar Ogord (สตาคาร์ โอกอร์ด) แห่ง House of Ogord (ตระกูลโอกอร์ด) ซึ่งเป็นแคลนที่ใหญ่ที่สุดในราเวเจอร์ สตาคาร์ต้อนรับให้ยอนดูอยู่ในราเวเจอร์ดุจดั่งพี่น้อง
กัปตัน สตาร์คาร์ โอกอร์ด แห่งราเวเจอร์ (Guardians of the Galaxy Vol.2)
ยอนดู รักและเคารพสตาคาร์ดั่งพี่ชาย มีพี่น้องเป็นสลัดอวกาศมากมายในราเวเจอร์ จนกระทั่งยอนดูได้เลื่อนขึ้นชั้นมาเป็นกัปตันยาน Elector (แอลเลคเตอร์) แห่งราเวเจอร์ในที่สุด และหลังจากนั้น ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันปล้น
อีโก้ ที่ต้องการมีลูกที่ได้พลังเซเลสเทียลของตน ได้ว่าจ้างให้ ยอนดู อูดอนต้า นำลูกๆของตนมาที่ดาวอีโก้ เพื่อทดสอบพลังเซเลสเทียล แต่ไม่เคยมีลูกคนไหนได้พลังนี้เลย อีโก้จึงสังหารลูกๆเหล่านั้น และฝังไว้ในโพรงใต้ดินดาวตนเอง
กัปตัน ยอนดู อูดอนต้า แห่งราเวเจอร์ (Guardians of the Galaxy Vol.2)
เมื่อสตาร์คาร์รู้เรื่องราวของยอนดู ที่ลักพาตัวเด็กไปส่งให้อีโก้ สตาร์คาร์จึงโกรธยอนดูมากที่ทำเรื่องแบบนั้นได้ลงคอ จึงประกาศตัดขาดยอนดูจากความเป็นพี่เป็นน้อง ทำให้ยอนดูเสียใจมาก
ที่โลก แครอล แดนเวอร์ส (Carol Danvers) สาวน้อยผู้มีจิตใจกล้าหาญ เริ่มเรียนรู้การขับเครื่องบิน และวางแผนอนาคตไว้ว่า เมื่อเติบโตขึ้น เธอจะต้องขับเครื่องบินรบให้กับกองทัพสหรัฐให้จงได้
แครอล แดนเวอร์ส (Captain Marvel)
ปี 1980 อีโก้ ดวงดาวที่มีชีวิต ตัดสินใจลงมาที่โลก บริเวณรัฐมิซซูรี่ และเพาะเมล็ดพันธุ์ส่วนนึงของร่างเทพตนเองไว้ในผืนแผ่นดินโลกด้วยเช่นกัน แต่การมาที่โลก อีโก้ก็พบรักกับสาวสวยมนุษย์โลกนามว่า เมเรอดิธ ควิลล์
ทั้งอีโก้และเมเรอดิธมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง จนมีลูกชายด้วยกันที่ชื่อ “ปีเตอร์ ควิลล์” หลังจากนั้นอีโก้จึงเดินทางออกจากโลกมุ่งสู่ห้วงอวกาศที่ไกลแสนไกลข้ามกาแล็กซี่ไปยังดาวดวงอื่นๆต่อไป
อีโก้ และ เมเรอดิธ (Guardians of the Galaxy Vol. 2)
แต่อีโก้ ก็แอบกลับมาโลกโดยที่เมเรอดิธไม่รู้ เพื่อฝังมะเร็งไว้ในตัวเมเรอดิธ เพราะอีโก้เริ่มรักเมเรอดิธจริงๆ และนั่นจะทำให้แผนการอันยิ่งใหญ่ของตนไขว้เขว กำจัดเมเรอดิธทิ้งไปจะเป็นการดีกว่า
ที่กลางอวกาศอันไกลโพ้น.. High Evolutionary สิ่งมีชีวิตอัจฉริยะที่มีความรู้สูงปรี้ด ได้ทำการสร้างชีวพันธุกรรมและสร้างอารยธรรมบนดวงดาวต่างๆมากมาย หนึ่งในนั้นคือชาวโซเวอเรี่ยน (Sovereign) ที่มีผิวสีทอง รูปร่างหน้าตามงดงาม และมันสมองที่ฉลาดล้ำ ไฮอีโวลูชั่นนารี่ปล่อยให้ชาวโซเวอเรี่ยนนั้นปกครองดูแลวิวัฒนาการกันเองไม่ไปยุ่งเกี่ยว
อเยชา ผู้นำชาวโซเวอเรี่ยนที่ไฮอีโวลูชั่นนารี่เพาะพันธุ์ขึ้น (Guardians of the Galaxy Vol.2)
ที่โลก และไฮอีโวลูชั่นนารี่ก็ลงมาที่โลกในยุค 80′ รู้สึกถูกใจกับวัฒนธรรมและงานศิลปะของมนุษย์โลก เขาจึงตั้งใจจะเอาการดำรงชีวิตของมนุษย์ยุค 80′ เป็นต้นแบบเพื่อสร้างอารยธรรมที่ไร้ที่ติของตนเองซักวันนึง แต่ยังไม่สำเร็จ เพราะเขายังไม่สามารถทำให้สัตว์เดรัจฉานวิวัฒนาการให้มีสมองชาญฉลาดได้เทียบเท่าฮิวแมนนอยอย่างมนุษย์นั่นเอง ซึ่งไฮอีโวลูชั่นนารี่จับสัตว์บนโลกไปหลากหลายสายพันธุ์ขึ้นยานไปด้วย
ไฮอีโวลูชั่นนารี่ สิ่งมีชีวิตชั้นสูงกึ่งไซบอร์กผู้ไร้หัวใจ (Guardians of the Galaxy Vol.3)
ที่หน่วยชิลด์ ด็อกเตอร์พิมมีเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ในชิลด์ที่สนิทกัน 2 คน นั่นก็คือ ดร.บิล ฟอสเตอร์ และ ดร.เอไลแอส สตาร์ ซึ่งด็อกเตอร์พิมกับบิลสนิทสนมกันมาก ถึงขนาดร่วมด้วยช่วยกันทำโปรเจค “โกไลแอธ” ขึ้นมา
ซึ่งโกไลแอธ เป็นโปรเจคที่ทำให้ผู้สวมชุดโกไลแอธ สามารถขยายร่างให้ใหญ่ขึ้นได้ แต่ด็อกเตอร์พิมกับบิลก็มีความเห็นไม่ตรงกัน ทั้งสองจึงหมางเมินกันไป โปรเจคโกไลแอธจึงหยุดพัฒนานับตั้งแต่นั้น
ดร.บิล ฟอสเตอร์ (Ant-Man 2)
สองสามี-ภรรยานั้น ฝึกการใส่ชุดมหัศจรรย์นี้จนกระทั่งควบคุมชุดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชุดวอส์ปดั้งเดิมของเจเน็ตมีสีแดงเหมือนชุดแอนท์-แมน แต่พิเศษกว่าคือมีปีกบินได้ ซึ่งเจเน็ตและด็อกเตอร์พิมมีแผนที่จะสร้างชุดวอส์ปรุ่นอัพเกรดอีกตัวนึงด้วย แต่ยังอยู่ในขั้นทดลอง (ชุดสีทอง)
ชุดวอส์ป No.2 สีทอง (Ant-Man 1)
ปี 1980 ไอเซอาห์ แบรดลีย์ ซุปเปอร์โซลเยอร์ผิวดำชาวอเมริกัน ถูกรัฐบาลจับขังวิจัยและทรมานโดยกองทัพของตัวเองยาวนานถึง 30 ปี จนกระทั่งพยาบาลคนนึงสงสารจึงช่วยหนี และลงบันทึกว่าเอไซอาห์ตายไปแล้ว หลังจากนั้น ไอเซอาห์ก็หลบอยู่ในเงามืดของสังคมผิวดำอเมริกัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกอีก
ปี 1987 ชิลด์ได้ข่าวจากสายลับของตนในยุโรป ว่าทหารไฮดร้าที่ยังหลงเหลืออยู่นั้น กำลังทำการทดลองลับๆกับมนุษย์อยู่ในเบอร์ลินตะวันออก ฮาเวิร์ดหลังจากได้ทราบข่าว จึงเข้ามาพบกับด็อกเตอร์พิมเพื่อขอยืมชุดแอนท์-แมนให้ มิทต์ คาร์สัน ใส่ชุดไปบุกฐานไฮดร้าที่เบอร์ลิน ซึ่งมิทท์คือหัวหน้าหน่วยป้องกันมาตุภูมิของชิลด์ (มิทท์คือไฮดร้าในคราบชิลด์) แต่ด็อกเตอร์พิมไม่ให้ ทั้งสองจึงมีปากเสียงกันเล็กน้อย
มิท คาร์สัน (Ant-Man 1)
เพ็กกี้ คาร์เตอร์ เข้ามาห้ามอัจฉริยะทั้งคู่ และเพกกี้ก็ให้ฮาเวิร์ดออกไปคอยข้างนอกก่อน เธอจะเจรจากับด็อกเตอร์พิมเอง เพกกี้ทดสอบด็อกเตอร์พิม ด้วยการให้ด็อกเตอร์พิมใส่ชุดแอนท์-แมน และเพกกี้ก็ใช้ปืนจ่อยิงด็อกเตอร์พิมทันที แต่ด็อกเตอร์พิมก็ย่อส่วนหลบกระสุนได้อย่างรวดเร็ว
เพกกี้จึงไปคุยกับฮาเวิร์ดให้ด็อกเตอร์พิมไปลุยเบอร์ลินด้วยตนเอง ถึงแม้ฮาเวิร์ดจะไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะด็อกเตอร์พิมเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่ก็ไม่มีใครในหน่วยชิลด์ใส่ชุดแอนท์-แมนได้ ฮาเวิร์ดจึงยอมรับกับการตัดสินใจของเพกกี้เรื่องให้ด็อกเตอร์พิมลุยเบอร์ลิน
เพกกี้ คาร์เตอร์ 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้งชิลด์ (Ant-Man 1)
เมื่อด็อกเตอร์พิมบุกฐานไฮดร้าที่เบอร์ลินตะวันออก ด็อกเตอร์พิมจึงรู้ว่าไฮดร้าทำการทดลองล้างสมองมนุษย์นั่นเอง(เหมือนบัคกี้) ที่สุดแล้วด็อกเตอร์พิมกับชุดแอนท์-แมนของเค้าก็ปฎิบัติภารกิจทำลายฐานนี้และช่วยผู้ทดลองได้สำเร็จ
ตั้งแต่นั้นมา เพกกี้ก็ให้ความสำคัญกับด็อกเตอร์พิมและผลักดันเพื่อบรรจุให้เป็นสายลับพิเศษทันที ฮาเวิร์ดก็ไม่คัดค้านเพกกี้ แต่ฮาเวิร์ดก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดอยากได้สูตรอานุภาคพิมอันนี้อยู่ดี
ฮาเวิร์ด สตาร์ค 1 ใน 3 ผู้ก่อตั้งชิลด์ (Ant-Man 1)
ชิลด์ได้รับข่าวกรองจากสายลับในยุโรปว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนของรัสเซีย ขโมยจรวดนิวเคลียร์ไปจากกองทัพรัสเซีย และยิงมาที่สหรัฐ เพื่อหวังให้ทั้งสองประเทศมหาอำนาจทำสงครามกันเอง ชิลด์จึงส่งแอนท์-แมนหรือด็อกเตอร์พิมไปยับยั้งจรวดนิวเคลียร์ทันที เจเน็ตขอด็อกเตอร์พิมไปปฎิบัติภารกิจนี้ด้วย ด็อกเตอร์พิมขัดใจเจเน็ตไม่ได้ จึงยอมให้เจเน็ตใส่ชุดวอส์ปไปลุยภารกิจด้วยกัน
ด็อกเตอร์พิมและเจเน็ตขึ้นไปบนจรวดนิวเคลียร์ และด็อกเตอร์พิมก็พยายามเจาะจรวด แต่เจาะยังไงก็ไม่เข้าเพราะทำจากไทเทเนียม จรวดนิวเคลียร์ก็กำลังจะถึงชายฝั่งอเมริกาในอีกไม่กี่อึดใจ
แอนท์แมนและวอส์ปพยายามเจาะหัวรบ (Ant-Man 1)
เจเน็ตจึงตัดสินใจปิดตัวควบคุมสเถียรและย่อส่วนจนเล็กกว่ามด เล็กกว่าอะตอม เพื่อแทรกโมเลกุลของจรวดเข้าไปทำลายวงจรข้างใน และเจเน็ตก็ทำสำเร็จ จรวดตกลงนอกชายฝั่งอเมริกาโดยไม่ระเบิด แต่เจเน็ตก็หายสาปสูญไปเลยนับตั้งแต่บัดนั้น
ด็อกเตอร์พิมนั้นเศร้าโศกเสียใจกับการหายสาปสูญไปของเจเน็ตภรรยาสุดที่รัก และเริ่มหมกมุ่นกับการค้นหาความเป็นไปได้ที่เจเน็ตหายไป จนทำให้ด็อกเตอร์พิมละเลยโฮปลูกสาววัย 10 ขวบของตนเอง
โฮป แวน ไดน์ (Ant-Man 2)
โฮปนั้นสูญเสียทั้งแม่ แถมพ่อยังห่างเหินไปอีก ทำให้โฮปเคว้งคว้างตั้งแต่เด็ก โดยที่ด็อกเตอร์พิมเก็บชุดวอส์ปสีทองของเจเน็ตเอาไว้ และไม่พัฒนาชุดวอส์ปสีทองอีกเลย
ปี 1988 ด็อกเตอร์พิมค้นหาทฤษฏีต่างๆ จนกระทั่งด็อกเตอร์พิมคิดทฤษฏีที่เรียกว่า Quantum Realm หรือมิติควอนตัมขึ้นมา และศึกษาทุกๆอย่างเกี่ยวกับมิติควอนตัม เพราะด็อกเตอร์พิมหวังว่าเจเน็ตจะยังคงอยู่ในมิตินั้น
มิติควอนตัม (Ant-Man 2)
ที่มิติควอนตัม ที่นี่อยู่เหนือกาลเวลา เจเน็ตหลงอยู่ที่นี่จนกระทั่งไปพบกับชาวควอตัมเมี่ยน กลุ่มสิ่งมีชีวิตหลากหลายสปีชีส์ที่กำเนิดที่นี่บ้าง หรือหลงทางมาแบบเจเน็ตบ้าง เจเน็ตจึงต้องจำเป็นเรียนรู้มีชีวิตอยู่รอดจากสัตว์ประหลาดในมิติควอนตัมแห่งนี้
ที่โลก โดยในระหว่างนี้ ด็อกเตอร์พิมก็ยังทำงานสายลับพิเศษบุกลุยผู้ก่อการร้ายต่างๆในทวีปยุโรปให้ชิลด์เช่นเดิม (มีครั้งนึงด็อกเตอร์พิมปะทะเทนริงส์ของเวิ๋นหวู่ด้วย) พร้อมๆกับภายในชิลด์นั้น ฮาเวิร์ดก็พยายามลอกเลียนสูตรอานุภาคพิมตลอดเวลา
แฮงค์พยายามจะช่วยเจเน็ตกลับมาจากมิติควอนตัม จึงคิดค้นการสร้างอุโมงค์ควอนตัมขึ้น แต่แบบแปลนการสร้างอุโมงค์ควอนตัม กลับโดนเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ในชิลล์คือเอไลแอสขโมยไปแอบสร้างแบบลับๆในบ้านตนเอง
เอไลแอสไม่สามารถควบคุมให้อุโมงค์ควอนตัมมีความเสถียรได้ จึงทำให้เกิดการระเบิดขึ้น เอไลแอสและภรรยาตายในทันที หากแต่ลูกสาว เอวา สตาร์ กลับรอดชีวิต
ดร.เอไลแอส สตาร์ (Ant-Man 2)
แต่การรอดชีวิตของเอวา ก็แลกมาด้วยการถูกรังสีควอนตัมทำปฏิกิริยากับร่างกาย ทำให้ร่างเอวาสามารถแยกเซลและประกอบรวมกันใหม่ได้ อนุภาคร่างกายไม่เสถียร เอวาจึงสามารถแทรกผ่านวัตถุใดๆก็ได้เหมือนผี เอวาจึงถูกหน่วยชิลด์นำไปฝึกฝนตั้งแต่เด็ก เพื่อเป็นสายลับ
เอวา สตาร์ (Ant-Man 2)
ที่มิติควอนตัม หลังจากเจเน็ตเรียนรู้ที่จะหลบหลีกเอาชีวิตรอดจากสัตว์ประหลาดต่างๆจนคล่องแคล่ว วันนึงเจเน็ตก็่พบกับ แคง หรือ นาธาเนียล ริชาร์ดส (นาธาเนียลคนนี้มีฉายาว่า แคง ผู้พิชิต หรือ Keng The conqueror)
ปล. มิติควอนตัมเหมือนแดนสนธยา ที่กาลเวลาไม่ตายตัว มันอยู่นอกเหนือการไหลของเวลาปกติ ทำให้แคงนั้นอยู่คนละช่วงเวลากับเจเน็ตในโลกภายนอก แต่มาเจอกันเวลาเดียวกันในมิติควอนตัมนะครับ***
แคงบอกกับเจเน็ตว่า ตัวเขาคือมนุษย์โลกในศตวรรษที่ 31 (ก็คือประมาณ 1,000 ปี หลังจากนี้) เขาประสบอุบัติเหตุตกสู่มิติควอนตัม ยานเดินทางข้ามเวลาที่ชื่อ เก้าอี้แห่งเวลา ของแคงนั้นขับเคลื่อนไม่ได้ เนื่องจากขุมพลังของยานที่ชื่อ แกนกลางเครื่องจักรแห่งพหุภพนั้นเสียหาย
เจเน็ตนั้นถูกแคงหว่านล้อมว่าจะพาเจเน็ตย้อนเวลากลับไปที่เอกภพเดิมของเธอ หากเธอช่วยเขาซ่อมแซมพลังงานแกนเครื่องพหุภพได้ เจเน็ตกับแคงจึงช่วยกันซ่อมจนมันกลับมาทำงานอีกครั้ง
แคง กับ เจเน็ต กลายเป็นเพื่อนซี้กัน (Ant-Man and the Wasp: Quantumania)
วินาทีที่เจเน็ตสัมผัสยานเก้าอี้แห่งเวลาที่กำลังเดินเครื่อง เจเน็ตก็นิมิตภาพว่าแคงนั้นเข่นฆ่าผู้คนไปนับไม่ถ้วนจากการกำจัดเอกภพอื่นๆที่ไม่ใช่เอกภพตนเอง แคงโหดเหี้ยมเลวร้ายเกินไป เจเน็ตจึงดึงแกนออก ใช้เครื่องขยายส่วนอนุภาคพิมปาใส่แกนเครื่องยนต์พหุภพ ผลทำให้แกนนั้นขายใหญ่ แคงก็ใช้แกนไม่ได้ และเจเน็ตก็หนีไป
แคง เมื่ออกไปสู่ภพปกติไม่ได้ แคงจึงเริ่มสร้างกองทัพชีวสังเคราะห์กึ่งจักรกลของเขาขึ้นมาในมิติควอนตัม ทำการปกครองที่นี้ และตามล่าเจเน็ตไปทั่ว แต่ก็ไม่พบ เดือดร้อนไปถึงพวกควอตัมเมี่ยน ที่ถูกแคงตามล่าเข่นฆ่าเพื่อหาตัวเจเน็ต พวกเขาจึงหลบเข้าไปซ่อนในมุมลึกลับของมิติควอนตัม ตั้งกลุ่มต่อต้านแคงขึ้นมา
ไปดูความเป็นมาของ
นาธาเนียล ริชาร์ดส
ผู้อยู่เหนือกาลเวลากัน
นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะนามว่า นาธาเนียล ริชาร์ดส คือมนุษย์โลกในศตวรรษที่ 31 วันหนึ่ง นาธาเนียลค้นพบ Multiverse หรือ พหุจักรวาล ซึ่งซ้อนทับอยู่กับมิติความเป็นจริงของเขาเอง นาธาเนียลใชัความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเครื่องไม้เครื่องมือที่ล้ำสมัยสร้าง TemPad มันคือประตูข้ามพหุจักรวาล นาธาเนียลจึงไปพบกับตนเองในเอิร์ธอื่นๆมากมายหลายคน นาธาเนียลในเอิร์ธต่างๆมีสิ่งที่เหมือนกันคือ มันสมองอัจฉริยะ แต่มีนิสัยแตกต่างกันบ้าง
นาธาเนียลพบมัลติเวิร์ส (Loki ss.1)
ณ จุดนี้ นาธาเนียลยังคิดว่าเส้นเวลาเดินไปข้างหน้าปกติ
นาธาเนียลในแต่ละเอิร์ธ ล้วนแล้วแต่ค้นพบพหุจักรวาลและสร้างเทมแพดได้เช่นเดียวกัน พวกเขาจึงข้ามเทมแพดไปมาหาสู่กัน และเริ่มช่วยกันพัฒนาให้เทมแพดนั้นนอกจากจะข้ามพหุจักรวาลแล้ว มันยังต้องสามารถเดินทางข้ามเวลาได้ด้วย และพวกเขาก็ทำสำเร็จ กำเนิดเป็น สภานาธาเนียล
เรื่องมันวุ่นตรงนี้ เพราะเมื่อข้ามเวลากันได้ นาธาเนียลที่ร้ายกาจหลายๆคนในสภา จึงเริ่มอยากจะขึ้นมาเป็นใหญ่ที่สุดในเหล่านาธาเนียลทุกคน อยากครอบครองพหุจักรวาลไว้เองแต่เพียงผู้เดียว โดยข้ามเวลาไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ในเอิร์ธอื่นๆ จึงกำเนิดสงคราม Multiversal War หรือ สงครามพหุจักรวาล
เหล่านาธาเนียลใช้เทมแพดข้ามพหุจักรวาลข้ามเวลา ข้ามไปข้ามมากันให้วุ่น สร้างความปั่นป่วนไปทั่วมิติความเป็นจริง จนกระทั่งเกิดรอยแตกของเวลา เป็นทางเข้าไปสู่ The Void ซึ่งที่นี่ คือจุดสิ้นสุดของกาลเวลาแห่งพหุจักรวาล
ในระหว่างสงครามอันระอุ หนึ่งในนาธาเนียล ได้ค้นพบรอยแตกนี้เป็นคนแรก และพบกับ Alioth สัตว์ต่างมิติที่มีรูปธรรมเป็นกลุ่มเมฆฟ้าคะนอง เอไลออธจะกินสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่เข้ามาในวอยด์ และสิ่งมีชีวิตนั้นจะถูกลบตัวตนไปจากพหุจักรวาลอย่างถาวร
เอไลออธ (Loki ss.1)
นาธาเนียลคนนี้ ใช้ความอัจฉริยะสร้างเครื่องมือควบคุมเอไลออธได้สำเร็จ นาธาเนียลคนนี้จึงมีเวลาสำรวจวอยด์อย่างละเอียด จึงค้นพบว่า ที่นี่กาลเวลาของสรรพสิ่งหยุดนิ่งไม่เสื่อมลงแม้แต่อายุ และเวลาในพหุจักรวาลเดินทางเป็นวงกลมไม่มีสิ้นสุด อดีตปัจจุบันอนาคตเกิดขึ้นได้พร้อมๆกัน ณ จุดใดจุุดนึงของวงกลมเวลา แต่เส้นเวลานี้มันแตกแขนงออกไปหลายกิ่ง ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เส้นเวลาแตกออกจนกระทั่งเกิดเอิร์ธอื่นๆ เหตุการณ์นั้นเรียกว่า Nexus
นาธาเนียลคนนี้ จึงเริ่มสร้างอาวุธชนิดหนึ่งคือ Time Stick ซึ่งเขาใช้พลังงานของวอยด์สร้างเครื่องมือชิ้นนี้ขึ้น เมื่อสร้างเสร็จ นาธาเนียลก็ออกไปเอิร์ธอื่นๆด้วยเทมแพด ใช้ไทม์สติ๊กไปจิ้มเหล่านาธาเนียลในเอิร์ธอื่นๆ เหล่านาธาเนียลจึงถูกส่งมาที่วอยด์ และถูกเอไลออธกินหมด นาธาเนียลคนนี้จึงมีฉายาว่า He Who Remains หรือ ผู้ที่ยังคงอยู่ เพราะเหลือยืนหยัดเพียงคนเดียว ยุติสงครามพหุจักรวาลครั้งที่ 1 ลงไปได้ และมันทำให้เส้นวงกลมแห่งเวลาเหลือเพียงเส้นเดียวในวอยด์ ผู้ที่ยังคงอยู่เรียกเส้นเวลานี้ว่า Sacred Timelin ิe หรือ เส้นเวลาอันศักดิ์สิทธิ์
นาธาเนียล ริชาร์ดส ฉายา ผู้ที่ยังคงอยู่ (Loki ss.1)
ผู้ที่ยังคงอยู่ ตระหนักว่า ณ วินาทีที่เขาค้นพบการมีอยู่ของพหุจักรวาลในศตวรรษที่ 31 นั่นคือจุดที่ทำให้เกิดเน็กซัสนั่นเอง และทำให้เส้นเวลาอันศักดิ์สิทธิ์แตก กำเนิดเป็นเอิร์ธใหม่ๆขึ้นมายังเส้นเวลาในอดีตและอนาคตยุบยับไปหมด ผู้ที่ยังคงอยู่เรียกสิ่งมีชีวิตที่แยกออกจากเส้นเวลาเอิร์ธอื่นๆว่า Variance หรือ ตัวแปร
ผู้ที่ยังคงอยู่เริ่มกำจัดตัวแปร เพราะสิ่งที่ตัวแปรนั้นๆทำ อาจจะเป็นเน็กซัสและทำให้เส้นเวลาแตก ซึ่งการที่เขากำจัดตัวแปร กำจัดเส้นเวลาที่แตกออก ก็ด้วยเหตุผลเดียว ผู้ที่ยังคงอยู่กลัวตนเอง กลัวว่านาธาเนียลจากเอิร์ธอื่นจะกลับมา เพราะเขารู้ตัวดีว่า ตนเองร้ายกาจฉลาดล้ำและอันตรายได้ขนาดไหน เพราะกว่าจะปราบตัวเองลงไปได้ก็แทบตาย
ลองลบเส้นเวลามาหลายวิธี ใช้เทมแพดเดินทางข้ามเวลาไปอดีตอนาคตใช้ไทม์สติ๊กกำจัดตัวแปร ทำด้วยตนเองจนเหนื่อย ผ่านกาลเวลามานับร้อยนับพันนับหมื่นปีที่เขาอยู่ในวอยด์และไม่แก่ลง จนกระทั่งผู้ที่ยังคงอยู่ได้บทสรุปที่ดีที่สุด นั่นคือการสร้างหน่วย Time Variance Authority หรือ TVA เพื่อให้บุคลากรในหน่วย TVA มาลบเส้นเวลาที่แตกออก ซึ่งพวกเจ้าหน้าที่หน่วยก็คือตัวแปรจากเอิร์ธต่างๆที่นาธาเนียลนำมาลบความทรงจำ และหน่วย TVA นี้อยู่ภายในวอยด์
หน่วย TVA (Loki ss.1)
ผู้ที่ยังคงอยู่สร้าง Miss Minutes ขึ้นมา และให้เธอป้อนข้อมูลพวกเจ้าหน้าที่ TVA ถึงความสำคัญของการรักษาเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ ลวงว่า Time Keeper คือผู้หยุดสงครามพหุจักรวาล และหน่วย TVA ก็ทำงานกันมาเนิ่นนาน น่าจะนานหลักล้านๆปี
จนกระทั่งวันหนึ่ง ซิลวี่ ซึ่งคือตัวแปรโลกิ ซิลวี่สังหารผู้ที่ยังคงอยู่ ทำให้เกิดเน็กซัสที่วุ่นวายที่สุด เส้นเวลาในอดีตปัจจุบันอนาคตแตกออกมากมาย กำเนิดตัวแปรของ นาธาเนียล ริชาร์ดส ขึ้นมาในพหุจักรวาลต่างๆอีกครั้ง กำเนิดสภานาธาเนียลอีกครั้ง และสภา ก็ขับไล่ แคงผู้พิชิต ให้มาตกลงมาอยู่ที่มิติควอนตัมนั่นเอง
ซิลวี่ฆ่าผู้ที่ยังคงอยู่ (Loki ss.1)
กลับมาที่เวลาปัจจุบันตามไทม์ไลน์ต่อจากดร.พิมสร้างอุโมงค์ควอนตัม
ปี 1988 เมเรอดิธ ควิลล์ หญิงสาวผู้หลงรักเสียงเพลง หล่อหลอมให้ปีเตอร์ลูกของตน เติบโตมาโดยรักเสียงเพลงเฉกเช่นตนเอง เมเรอดิธมักเรียกปีเตอร์ว่า สตาร์ลอร์ด เพื่อระลึกว่าปีเตอร์คือลูกของอีโก้
เมเรอดิธ และ ปีเตอร์ หรือ สตาร์ลอร์ด (Guardians of the Galaxy Vol. 2)
อีโก้ ทำการว่าจ้าง ยอนดู อูดอนต้า ให้เดินทางไปที่โลก และลักพาตัว ปีเตอร์ ควิลล์ ผู้เป็นลูกชายมาหาตน เพื่อทดสอบพลังเซเลสเทียล ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ เมอราดิธ ควิลล์ กำลังจะเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งที่อีโก้ฝังไว้
ที่โรงพยาบาลประจำรัฐมิซซูรี่ อเมริกา ในขณะที่เมราดิธเพิ่งสิ้นใจ ปีเตอร์มีปากเสียงกับคุณตาและหนีออกมานอกโรงพยาบาล จังหวะนี้ยอนดูก็มาลักพาตัวปีเตอร์ไปจากหน้าโรงพยาบาล แต่เมื่อออกไปนอกโลกแล้ว ยอนดูไม่ยอมไปส่งตัวปีเตอร์ให้อีโก้ เพราะรู้ว่าชะตากรรมปีเตอร์จะเป็นเช่นไร
กลางอวกาศ ที่แคลนราเวเจอร์ของยอนดู ยอนดู ตัดสินใจเลี้ยงดูปีเตอร์เอง สอนปีเตอร์ในวิชาโจร จนเติบโตกลายเป็นโจรผู้เก่งกาจ มีฉายาว่า Star-Lord (สตาร์ลอร์ด ชื่อนี้ปีเตอร์ตั้งให้ตนเอง เพราะแม่ของปีเตอร์มักเรียกปีเตอร์ว่าสตาร์ลอร์ด)
ยอนดูสอนปีเตอร์ใช้อาวุธ (Guardians of the Galaxy Vol. 2)
ที่ออโก้คอร์ป สถานีเพาะพันธุ์ชีวพันธุกรรมกลางอวกาศ ไฮอีโวลูชั่นนารี่ทำการวิจัยสัตว์เดรัจฉานให้ฉลาดไม่เคยสำเร็จ จนถึงรุ่นที่ 89 สัตว์ทดลองก็เริ่มฉลาด พูดเองคิดเองได้ แต่เมื่อแรคคูนตัวนึงที่ชือรหัส 89p13 นั้นฉลาดสมใจของเขาที่สุด ฉลาดถึงขนาดที่ว่า สามารถแก้โจทย์การวิวัฒนาการด่วนสุดให้ไม่มีความก้าวร้าวในสมองได้ กำเนิดเป็นรุ่นที่ 90 ขึ้นมา
ไฮอีโวลูชั่นนารี่ จึงคิดจะผ่าสมอง 89p13 มาวิจัยว่าทำไมปราดเปรื่องกว่าตนเอง เพื่อจะนำชุดสติปัญญานี้อัดเข้าไปในสมองของสัตว์ทดลองรุ่นต่อๆไป โดยคิดจะฆ่าเพื่อนๆรุ่น 89 ที่เปรียบเสมือนครอบครัวของ 89p13 ทิ้งทั้งหมด
สัตว์ทดลอง 89p13 (Guardians of the Galaxy Vol. 3)
สิ่งนี้เองทำให้ 89p13 คิดจะพาเพื่อนๆที่เปรียบเสมือนครอบครัวรุ่น 89 หนีไป เขาฉลาดพอที่จะหนีแน่นอน แต่ไฮอีโวลูชั่นนารี่รู้ทัน ยิงสัตว์ทดลองเพื่อนรักที่สุดของ 89p13 ตายลงไป ผลทำให้ 89p13 เลือดขึ้นหน้า จู่โจมข่วนหน้าทำร้ายไฮอีโวลูชั่นนารี่ หยิบปืนมายิงสู้กับหน่วยอารักขา แม้การดวลปืนนี้ 89p13 จะชนะ แต่เพื่อนๆที่เหลืออีกสองตัวก็โดนยิงตายไปหมด 89p13 ไม่มีเวลาเสียใจ รีบขับยานหนีออกไปจากออโก้คอร์ป ร่อนแร่พเนจรกลางอวกาศ เริ่มเรียนรู้การเอาตัวรอดในอวกาศอันกว้างใหญ่เพียงลำพัง..
ที่ดาวเซน-ฮูแบรี ธานอสนำกองทัพชิทอรี่และลูกบุญธรรมกลุ่ม “แบล็คออร์เดอร์” ของตนถล่มทั้งดวงดาว เข่นฆ่าชาวเซโฮเบอรัยไปแทบสิ้นสูญ แต่ธานอสไว้ชีวิตสาวน้อยนามว่า กาโมร่า ไว้หนึ่งคน และนำกาโมร่ามาชุบเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมอีกคน เริ่มผ่าตัดเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมให้กาโมร่าแข็งแกร่งขึ้น และเริ่มฝึกสอนให้เป็นนักฆ่า
ธานอสกับกาโมร่า ( Avenger 3)
ซึ่งกองทัพชิทอรี่ของธานอส คือกองทัพชีวพันธุกรรมที่มีอายุช่วงสั้นๆ ผลิตออกมาตามความต้องการเพื่อสู้รบโดยเฉพาะ ชิทอรี่มีผู้นำคือ ดิออทเธอร์ ( The Other) ผู้ดูแลเก็บรักษา Scepter หรือ คฑา ไว้ให้ธานอส ซึ่งยอดคฑานี้ มีมายด์สโตนบรรจุซ่อนอยู่ภายในอีกที
(Infinity Stone ชิ้นที่ 6 Scepter คือ Mind Stone)
จบบทที่ 1
อ่านบทที่ 2 ต่อที่ลิ้งค์ข้างล่าง
สวัสดีครับ
_/\_
- Marvel Cinematic Universe บทที่ 9 (มิตรใหม่และศัตรูเก่า) - 02/06/2023
- Marvel Cinematic Universe บทที่ 8 (เวทย์มนตร์ และ พหุภพ) - 10/08/2022
- Black Widow 2021 - 02/10/2021
- Falcon - 23/07/2021
- Scarlet Witch - 17/07/2021
- สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 6 ปิดฉากทีมโคลสัน (อวสาน) - 26/08/2020
- สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 5 เส้นเวลาที่สับสน (Timeline Paradox) - 24/08/2020
- สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 4 ชิลด์กับเรื่องเหนือธรรมชาติ - 21/08/2020
- สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 3 เส้นทางของเดซี่ - 19/08/2020
- สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 2 กำเนิดทีมโคลสัน - 18/08/2020