Marvel Cinematic Universe บทที่ 5 (ฮีโร่เผยตัวเพิ่มขึ้น)

หมวดหมู่ MARVEL ผู้เขียน

Spoler Alert !! แจ้งเตือนการสปอยล์ !! ที่ไนจีเรีย หลังจากกษัตริย์ที’ชาก้าสิ้นพระชนม์และผู้พันซีโม่ถูกจับได้ 1 สัปดาห์ เจ้าชายที’ชาลล่ากับนายพลหญิงโอโคเย่หัวหน้าหน่วยองครักษ์โดร่ามิลาเจ้ ก็เดินทางมาที่บริเวณป่า Sambisa ทางตอนเหนือประเทศไนจีเรีย

ที’ชาลล่ามาที่กลางป่านี้เพื่อมาพบกับ นาเคีย สังกัดหน่วยวอร์ด็อกสายลับของวากันด้า นาเคียคือคนรักของที’ชาลล่า เพื่อเชิญให้นาเคียกลับวากันด้าไปร่วมพิธีราชาภิเษกของตนเอง

นาเคีย เชื้อสายเผ่าวารี (Black Panther 1)

 

ที่ประเทศวากานด้า โอโคเย่นำยาน Royal Talon Flyer พาที’ชาลล่าและนาเคียบินเข้าไปยังเมือง Birnin Zana เมืองหลวงของวากันด้าที่ถูกพรางตาไว้ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง โดยมีราชินีรามอนด้าและชูรีรอต้อนรับ เพื่อเตรียมเข้าสู่พิธีราชาภิเษกของที’ชาลล่าต่อไป

รามอนด้าและชูรี เชื้อสายเผ่าโกลด์เด้น (Black Panther 1)

 

ที่ประเทศอังกฤษ ณ พิพิธภัณฑ์ Great Britain ในเวลาเดียวกัน คิลมองเกอร์ร่วมมือกับคลอว์ ทำการปล้นหอกโบราณของวากานด้า เพราะปลายหอกมันคือไวเบรเนียมนั่นเอง คลอว์จะเอามันไปขายให้ผู้ซื้อในตลาดมืดที่ให้ราคาสูงสุด ข้อตกลงคือคลอว์ต้องแบ่งเงินที่ขายให้คิลมองเกอร์ (ไวเบรเนียมที่คลอว์ไปขโมยมาเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนนั้นไม่เหลือแล้ว โดนอัลตรอนเอาไปหมดแล้ว)

คิลมองเกอร์ร่วมมือกับคลอว์ (Black Panther 1)

 

ที่ประเทศวากานด้า ณ วอริเออร์ฟอล ก่อนพิธีราชาภิเษก ที’ชาลล่าต้องปลดพลังแบล็คแพนเธอร์ออกจากร่างเพื่อเข้าสู่พิธีท้าทายตำแหน่งราชา เผ่าต่างๆทั้งสามเผ่าคือ เผ่าวารี/ เผ่าพรมแดน/ เผ่าวาณิช/ ไม่มีเผ่าใดขอท้า ยกเว้นเผ่าจาบารี่ โดยหัวหน้าเผ่าคือ อึม’บากู ฉายาแมนแอป

อึม’บากู หัวหน้าเผ่าจาบารี่ (Black Panther 1)

 

อึม’บากูขอท้าสู้ชิงตำแหน่งราชา โดยกติกาคือ ต้องสู้จนตายหรืออีกฝ่ายยอมแพ้เท่านั้น การต่อสู้จึงจบลง ซึ่งที’ชาลล่าก็เอาชนะไปได้ โดยให้โอกาสอึม’บากูยอมแพ้ไม่ฆ่า

และเมื่อที’ชาลล่าต้องเข้าสู่พิธีกรรมการเป็นแบล็คแพนเธอร์อีกครั้งโดยการกินสมุนไพรรูปหัวใจ ทำให้ที’ชาลล่าเข้าสู่มิติภพวิญญาณอันเป็นนิรันดร์ของบรรพบุรุษแบล็คแพนเธอร์ ที’ชาลล่าจึงได้พบและพูดคุยกับพระบิดาอีกครั้ง

มิติภพวิญญาณบรรพบุรุษเสือดำ (Black Panther 1)

 

วันต่อมา.. โอโคเย่ก็มารายงานสภาสูงวากานด้าว่า ยูลีสเซส คลอว์ ทำการปล้นหอกโบราณของวากานด้าไปจากพิพิธภัณฑ์ในอังกฤษ ซึ่งปลายหอกคือไวเบรเนียม นี่จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะจับคลอว์ เพราะสายรายงานว่า คลอว์ จะไปซื้อ-ขายที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้

วี’กาบี้ หัวหน้าเผ่าพรมแดน หนึ่งในห้าเผ่าโบราณแห่งวากานด้า ผู้ซึ่งสูญเสียพ่อแม่ไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนครั้งเมื่อตอนคลอว์ระเบิดพรมแดนวากานด้า วี’กาบี้สนับสนุนให้ที’ชาลล่าไปตามจับคลอว์มาลงโทษให้จงได้ เพราะวี’กาบี้เคยผิดหวังในตัวที’ชาก้ากษัตริย์องค์ก่อน ที่ไม่ยอมออกตามล่าคลอว์ ครั้งนี้วี’กาบี้หวังในตัวที’ชาลล่ามาก ว่าจะจับตัวคลอว์มาลงโทษซะที

วี’กาบี้ หัวหน้าเผ่าพรมแดน (Black Panther 1)

 

ที่ประเทศวากานด้า ณ หุบเขาบาเชนก้า ที’ชาลล่าไปพบกับชูรีที่ห้องแลปของเธอ เพื่อเลือกชุดแบล็คแพนเธอร์ตัวใหม่ โดยชุดใหม่นี้เป็นเพียงแค่สร้อยเขี้ยวคล้องคอเท่านั้น ส่วนของชุดซึมจะออกมาจากสร้อยสวมใส่ผู้คล้องสร้อย มีให้เลือกสองสี คือสีเงิน และ สีทอง ที’ชาลล่าเลือกสีเงินมาใช้ โดยชุดทั้งสองสามารถดูดซับแรงที่กระทบชุดเก็บไว้เป็นพลังงานได้ ยิ่งชุดโดนโจมตีรุนแรงเท่าใด พลังงานก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ชุดทั้งสอง ทองและเงิน (Black Panther 1)

 

ที่ประเทศเกาหลีใต้ ณ เมืองปูซาน ที’ชาลล่านำตัวนาเคียกับโอโคเย่ไปทำภารกิจนี้ด้วย ซึ่งมีการซื้อขายปลายหอกไวเบรเนียมคือคาสิโนลับกลางเมือง ซึ่งผู้ซื้อคือ เอฟเวอเรส รอสส์ ซีไอเอชาวอเมริกันที่หวังล่อซื้อหวังจับตัวคลอว์ด้วยเช่นกัน แต่คลอว์นั้นไหวตัวหนีไป ที’ชาลล่าและทีมจึงไล่ล่าคลอว์ไปทั่วถนนเมืองปูซาน จนกระทั่งจับตัวได้ในที่สุด

คลอว์จนมุมแบล็คแพนเธอร์ (Black Panther 1)

 

ที่โกดังลับของซีไอเอในเมืองปูซาน รอสส์กับที’ชาลล่าอยากได้ตัวคลอว์กลับไปประเทศตนเองทั้งคู่ แต่ยังไม่ทันได้ข้อสรุป คิลมองเกอร์ก็มาช่วยคลอว์หนี วินาทีนั้นที’ชาลล่าเห็นแหวนราชวงศ์โกลเด้นเหมือนที่ตนเองสวมซึ่งคล้องคอชายที่มาช่วยคลอว์หนี (แหวนวงนั้นคือแหวนของเอ็น’โจบูท่านอาของทิ’ชาลล่า)

รอสกำลังสอบสวนคลอว์ก่อนจะหนี (Black Panther 1)

 

ที่วากานด้า ณ แลปของชูรี ขณะที่ชูรีกำลังรักษารอสส์ วี’กาบี้ก็เข้ามาหาที’ชาลล่าถามหาตัวคลอว์ แต่วี’กาบี้ก็ผิดหวังกลับไป ที่ได้รับข่าวว่าคลอว์หนีไปได้อีกครั้ง

ด้านทางที’ชาลล่าเข้าไปคาดคั้นกับซูรีผู้อาวุโส ว่าแหวนของท่านอาเอ็น’โจบูไปคล้องคอชายลึกลับที่มาช่วยคลอว์ได้ยังไง ซูรีจึงบอกเหตุการณ์ในปี 1992 ให้ที’ชาลล่ารู้ความจริง ว่าที’ชาก้าพลั้งมือสังหารเอ็น’โจบู และชายลึกลับคนนั้นก็น่าจะเป็นเอ็น’จาดาก้า(คิลมองเกอร์) ลูกชายเอ็น’โจบูนั่นเอง

ผู้อาวุโส ซูรี (Black Panther 1)

 

ที่สนามบินเอกชนในเมืองปูซาน คิลมองเกอร์เปิดเผยสิ่งที่ตนเองต้องการกับคลอว์ นั่นก็คือการเข้าไปในประเทศวากานด้า ไม่ใช่การขายไวเบรเนียมเอาเงิน และคลอว์ก็โดนคิลมองเกอร์ฆ่าตายไป เพราะคิลมองเกอร์ต้องการใช้ศพคลอว์เข้าวากานด้า

ที่ชายแดนวากานด้า ที่ซึ่งเผ่าพรมแดนเฝ้าอยู่ คิลมองเกอร์นำศพคลอว์มามอบให้วี’กาบี้หัวหน้าเผ่า และบอกความจริงทุกอย่างกับวี’กาบี้ ว่าตนเองคือลูกชายของเอ็น’โจบู และมาเพื่อท้าชิงบัลลังค์ตามสิทธิ์สายเลือดตระกูลของเผ่าโกลเด้น

คิลมองเกอร์หาหนทางเข้าวากานด้า (Black Panther 1)

 

ที่เมืองหลวงวากานด้า ณ ฮอลออฟคิง วี’กาบี้นำตัวคิลมองเกอร์เข้ามาบอกให้หัวหน้าเผ่าในสภาสูงรับรู้ว่าเค้าคือใคร และคิลมองเกอร์ก็ขอใช้สิทธิ์สายเลือดราชวงศ์ท้าชิงตำแหน่งกษัตริย์ และตำแหน่งแบล็คแพนเธอร์

ณ วอริเออร์ฟอล ที’ชาลล่าต้องปลดพลังแบล็คแพนเธอร์ออกจากร่างเพื่อเข้าสู่พิธีท้าทายตำแหน่งราชาอีกครั้ง และครั้งนี้ที’ชาลล่าโดนคิลมองเกอร์เล่นงานอย่างหนัก

การต่อสู้ของที’ชาลล่าและคิลมองเกอร์ (Black Panther 1)

 

ผู้อาวุโสซูรีโดนคิลมองเกอร์ฆ่า ก่อนที่ที’ชาลล่าที่สะบักสะบอมจะโดนคิลมองเกอร์จับโยนลงหน้าผาไป นาเคียต้องรีบพาชูรีกับรามอนด้าหนี รวมถึงกลับไปพารอสส์หนีด้วย ซึ่งกองกำลังโดร่ามิลาเจ้ก็ต้องนิ่งเฉยรอรับใช้ราชาองค์ใหม่ตามกฎ

สภาสูงแห่งวากานด้าไม่มีทางเลือก จึงต้องแต่งตั้งคิลมองเกอร์ให้ขึ้นเป็นราชาวากานด้าตามกฏเช่นกัน เพราะทุกคนคิดว่าที’ชาลล่าตายแล้ว คิลมองเกอร์จึงได้เข้าสู่พิธีกินสมุนไพรรูปหัวใจกลายเป็นแบล็คแพนเธอร์ และเข้าสู่ภพภูมิวิญญาณ

หากแต่ในภพนั้น คิลมองเกอร์ไม่ได้ไปสถานที่ของบรรพบุรุษแบล็คแพนเธอร์ หากแต่ไปพบวิญญาณพ่อของตนแทน เมื่อฟื้นขึ้นมา คิลมองเกอร์ก็สั่งให้เผาสมุนไพรรูปหัวใจทิ้งให้หมด หากแต่นาเคียแอบเอาสมุนไพรรูปหัวใจมาดอกนึงก่อนโดนเผาหมด หลังจากนั้นคิลมองเกอร์ก็นำสร้อยแบล็คแพนเธอร์ชุดทองมาใส่คล้องคอ

คิลมองเกอร์กลายเป็นแบล็คแพนเธอร์โดยสมบูรณ์ (Black Panther 1)

 

ที่ประเทศวากานด้า ณ กอริลล่าซิตี้ นาเคียพารามอนด้า/ชูรี/และรอสส์ ไปพบกับอึม’บากู และขอให้อึม’บากูกินสมุนไพรรูปหัวใจ เพื่อนำพลังไปปราบคิลมองเกอร์ที่เป็นคนนอก

หากแต่อึม’บากูกลับพาทุกคนไปในถ้ำเผ่าจาบารี่ ทุกคนพบกับที’ชาลล่าที่นอนหมดสติอยู่ในหิมะเพื่อรักษาชีวิต รามอนด้าจึงนำสมุนไพรรูปหัวใจไปให้ที’ชาลล่ากิน

ทิ’ชาลล่าบาดเจ็บหนัก (Black Panther 1)

 

ที’ชาลล่าจึงเข้าสู่มิติภพวิญญาณอันเป็นนิรันดร์ของบรรพบุรุษแบล็คแพนเธอร์ และพูดคุยกับพระบิดาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ที’ชาลล่าตัดสินใจจะไม่ปกปิดวากานด้าจากโลกภายนอกอีกต่อไป

เมื่อฟื้นขึ้นมา ชูรีจึงนำสร้อยแบล็คแพนเธอร์ชุดเงินมาใส่คล้องคอพี่ชาย ที’ชาลล่าขอร้องให้อึม’บากูช่วยส่งทัพไปช่วยยึดบัลลังค์คืน แต่อึม’บากูไม่อยากเอาคนของตนไปสู้จึงปฎิเสธไป

ทิ’ชาลล่าเจรจากับอึม’บากู (Black Panther 1)

 

ที่เมืองหลวงวากานด้า ณ เกรทมาวด์ เหมืองแร่ผลิตอาวุธของวากานด้า คิลมองเกอร์กำลังสั่งให้ส่งอาวุธไวเบรเนียมล้ำสมัยออกไปให้สายลับวอร์ด็อกของวากานด้าทั่วโลก เพื่อยึดครองทุกๆประเทศ

หากแต่ที’ชาลล่าก็เข้ามาขัดขวางขณะยานขนส่งกำลังบินออกไป และขอท้าสู้กับคิลมองเกอร์ต่อ เพราะการต่อสู้ครั้งนั้นที’ชาลล่ายังไม่ยอมแพ้ และที’ชาลล่าก็ยังไม่ตาย จึงยังต้องต่อสู้เพื่อให้จบ

แบล็คแพนเธอร์ทั้งสองสู้กัน (Black Panther 1)

 

คิลมองเกอร์สั่งให้วี’กาบี้เอากองทัพชนเผ่าพรมแดนออกไปสู้ แต่กองกำลังโดร่ามิลาเจ้ก็หันไปช่วยที’ชาลล่า รอสส์บังคับยานรบทางไกลช่วยหยุดยั้งยานลำเลียงอาวุธ และเผ่าจาบารี่ของอึม’บากูก็ตัดสินใจมาช่วยที’ชาลล่า

ที่สุดแล้วคิลมองเกอร์ก็พ่ายแพ้ให้กับที’ชาลล่าแบบฉิวเฉียด ขณะคิลมองเกอร์กำลังจะตาย ที’ชาลล่าให้เกียรติคิลมองเกอร์ที่มีศักดิ์เป็นญาติสนิท หิ้วปีกออกไปดูพระอาทิตย์ตกดินครั้งสุดท้ายในชีวิต

วาระสุดท้ายของคิลมองเกอร์ (Black Panther 1)

 

หลายวันต่อมา.. ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ในการประชุมยูเอ็น กษัตริย์ที’ชาลล่าตัดสินใจประกาศเปิดประเทศวากานด้า และยินดีสอนเทคโนโลยีของวากานด้าให้โลกรู้

ที่กลางป่าเผ่านึงในวากานด้า บัคกี้ไม่ได้ถูกแช่แข็งแล้ว และตื่นขึ้นมาในกระท่อมโดยไร้แขนเหล็กไซเบอเนติค โดยเด็กๆเรียกบัคกี้ว่า “ไวท์วูล์ฟ” หรือ “หมาป่าขาว” ซึ่งชูรีรอบัคกี้อยู่ข้างนอก เพื่อจะพาบัคกี้ไปเรียนรู้บางสิ่งต่อจากที่เรียนมาได้ซักระยะแล้ว

บัคกี้และชูรี (Black Panther 1)

 

ผ่านมาสองเดือน.. หลังจากแคปและเพื่อนๆในทีมที่เหลือกลายเป็นผู้ร้ายหลบหนี โทนี่ตัดสินใจขายตึกสตาร์คทาวเวอร์หรือตึกอเวนเจอร์สที่ย่านแมนฮัทตันกลางเมืองนิวยอร์ค ซึ่งแฮปปี้ก็กำลังง่วนย้ายทรัพย์สินของโทนี่และของทีมอเวนเจอร์สออกไปจากตึก

 

ที่นิวยอร์ค ย่านควีนส์ ส่วนปีเตอร์ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับจากโทนี่เลย แต่โทนี่รับรู้ความเคลื่อนไหวปีเตอร์ตลอดเวลา เพราะชุดสไปเดอร์แมนรุ่น 1 มีเครื่องติดตามตัวด้วย ปีเตอร์ก็ยังคงใส่ชุดสไปเดอร์แมนรุ่น 1 ที่โทนี่ให้ออกช่วยเหลือผู้คนในย่านควีนส์ต่อไป

สไปเดอร์แมน เพื่อนบ้านที่แสนดีในย่านควีนส์ (Spider-Man: Homecoming)

 

ด้านทาง เอเดรี่ยน ทูมส์ ที่แอบขายอาวุธร้ายแรงที่ผลิตมาจากเทคโนโลยีชิทอรี่เรื่อยมา โดยรอดหูรอดตาอเวนเจอร์สมาตลอด จนกระทั่งในคืนนึงอาวุธของเอเดรี่ยนก็ไปเข้าตาสไปเดอร์แมน เมื่อสไปเดอร์แมนพบกับกลุ่มโจร 4 คนที่ใช้อาวุธไฮเทคของเอเดรี่ยนกำลังปล้นตู้เอทีเอ็ม สไปเดอร์แมนเข้าไปขัดขวาง

โจรใส่หน้ากากอเวนเจอร์ส (Spider-Man: Homecoming)

 

และการปะทะกันนี้ ทำให้ร้านสะดวกซื้อละแวกนั้นโดนอาวุธไฮเทคยิงพัง สไปเดอร์แมนต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือเจ้าของร้าน ทำให้โจรหนีไปได้ สไปเดอร์แมนจึงเป็นที่รู้จักขึ้นไปอีกระดับแล้วจากการยับยั้งโจรขโมยเงินเอทีเอ็ม

ปีเตอร์ตกหลุมรัก Liz (ลิซ) ซึ่งเป็นกัปตันทีมวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนที่ปีเตอร์อยู่ในทีมด้วย ลิซกำลังจะจัดงานปาร์ตี้ที่บ้าน จึงเชิญให้ปีเตอร์ไปร่วมงาน แต่ในคืนที่จัดปาร์ตี้ ปีเตอร์ก็เห็นบางอย่างระเบิดตู้มต้ามอยู่ไกลๆ ปีเตอร์จึงรีบไปที่นั่นทันที โดยอยู่ร่วมงานปาร์ตี้ของลิซเพียงครู่เดียว

ลิซ (Spider-Man: Homecoming)

 

เมื่อปีเตอร์ใส่ชุดสไปเดอร์แมนและไปถึงที่นั่น จึงพบการซื้อขายอาวุธของเอเดรี่ยน ที่ช็อคเกอร์ลูกน้องเอเดรี่ยนนำมาขาย สไปเดอร์แมนจึงเข้าขัดขวางการซื้อขายอาวุธ ทำให้โดนช็อคเกอร์ยิงสวนตู้มต้าม

สไปเดอร์แมนไล่ตามไป แต่ก็จับไม่ได้ เพราะว่าเอเดรี่ยนที่ใส่ชุด Vulture (วัลเจอร์) บินเข้ามาสกัดสไปเดอร์แมนไว้ วัลเจอร์บินโฉบจับสไปเดอร์แมน และปล่อยให้ร่วงจากฟากฟ้าที่สูงลิบ หลังจากนั้นวัลเจอร์ก็บินหนีไป สไปเดอร์แมนเกือบร่วงลงมาตาย หากแต่ว่าไอออนแมนบินมาช่วยได้ทัน

โดยโทนี่ควบคุมชุดไอออนแมนทางไกลไม่ได้ใส่ชุดมาเอง โทนี่สั่งไม่ให้ปีเตอร์ไปยุ่งกับวัลเจอร์อีก หลังจากนั้น ปีเตอร์ก็พบชิ้นส่วนของชิทอรี่หล่นอยู่ระหว่างทางที่ไล่ล่า ปีเตอร์จึงเก็บมันมา เพื่อใช้แกะรอยแอบตามหาต้นตอต่อไป โดยไม่ให้โทนี่รู้

ปีเตอร์กำลังเถียงไม่หยุด (Spider-Man: Homecoming)

 

ที่เรือเฟอร์รี่ สไปเดอร์แมนเข้าขัดขวางการซื้อขายอาวุธที่วัลเจอร์กำลังจะขายให้ Mac Gargan (แมค การ์แกน ในอนาคตเค้าคือตัวร้ายที่ชื่อ Scorpion) ทำให้วัลเจอร์ปรี้ดแตก และนำปืนที่มีพลังทำลายล้างสูงมายิงสไปเดอร์แมน แต่สไปเดอร์แมนก็ยิงใยใส่อาวุธนั้นจนหลุดมือวัลเจอร์ และยังยิงใยใส่รอบๆปืน แต่ด้วยอำนาจทำลายล้างปืนยังทำงานอยู่ ปืนจึงยิงเรือเฟอร์รี่ขาดครึ่ง สไปเดอร์แมนพยายามหยุดการแยกของเรือก็ทำไม่สำเร็จ

วัลเจอร์ (Spider-Man: Homecoming)

 

หากแต่ไอออนแมนและเครื่องมือไอพ่นนับร้อยอันของเขา ก็พุ่งมาช่วยประสานเรือที่แยกได้ ถึงอย่างไรก็ทำให้ทรัพย์สินบนเรือเสียหายไปเยอะ ทั้งรถราที่จอดบนเรือ และทรัพย์สินบนเรือ ตกลงไปในแม่น้ำหมด หลังจากเหตุการณ์บนเรือเฟอร์รี่คลี่คลาย โทนี่เห็นว่าปีเตอร์ทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ฟังคำเตือน จนเกือบทำให้มีคนตายมากมายในวันนี้ โทนี่จึงยึดชุดสไปเดอร์แมนรุ่น 1 คืนมาจากปีเตอร์

โทนี่เริ่มไม่แน่ใจในตัวปีเตอร์ (Spider-Man: Homecoming)

 

วัลเจอร์โดนสไปเดอร์แมนขัดขวางทั้งการปล้นและการขายครั้งแล้วครั้งเล่า จึงคิดวางแผนการปล้นครั้งใหญ่ โดยการปล้นเครื่องบินบรรทุกทรัพย์สินของอเวนเจอร์ส ที่กำลังทยอยนำขึ้นเครื่องและจะขึ้นบินไปที่ฐานใหม่อเวนเจอร์สคืนนี้

ในคืนเดียวกัน ปีเตอร์ที่ชวนลิซไปงานเต้นรำคืนสู่เหย้า (Homecoming) และปีเตอร์ก็ต้องช็อค เพราะล่วงรู้แล้วว่าพ่อของลิซก็คือ เอเดรี่ยน ทูมส์ หรือวัลเจอร์นั่นเอง ปีเตอร์ทิ้งลิซและงานเลี้ยง ใส่ชุดสไปเดอร์แมนโฮมเมดไปสู้กับวัลเจอร์เพื่อหยุดการปล้น และจบลงที่เกือบตาย วัลเจอร์ไว้ชีวิตปีเตอร์ แต่ในที่สุด วัลเจอร์ที่โดนระเบิดจากอาวุธตัวเอง ก็ได้ปีเตอร์ช่วยชีวิตเช่นกัน (ช่วยกันไปช่วยกันมา) และวัลเจอร์ก็ถูกจับติดคุก

ปีเตอร์โดนวัลเจอร์อัดเละ (Spider-Man: Homecoming)

 

ที่ฐานอเวนเจอร์ส แฮปปี้ ลูกน้องคนสนิทของโทนี่ มาเชิญปีเตอร์ไปที่ฐานอเวนเจอร์สในตอนเหนือนิวยอร์ค เพื่อพาไปพบโทนี่ เพราะโทนี่ต้องการจัดงานแถลงข่าวประกาศตัวสไปเดอร์แมนเป็นสมาชิกใหม่ของทีมอเวนเจอร์ส พร้อมกับทำชุดสไปเดอร์แมนรุ่นสองไว้รอแล้ว

แต่ปีเตอร์ตัดสินใจเป็นสไปเดอร์แมนเพื่อนบ้านที่แสนดีเหมือนเดิม ยังไม่อยากเป็นสมาชิกทีมอเวนเจอร์สตอนนี้ โทนี่ไม่บังคับ จึงปล่อยให้ปีเตอร์กลับไป

ไอออนสไปเดอร์ หรือ ชุดสไปเดอร์แมนรุ่น 2 (Spider-Man: Homecoming)

 

เพพเพอร์ พอทท์ ที่อยู่ในห้องแถลงข่าวกับนักข่าวมากมายที่โทนี่เชิญมา จึงรีบมาหาโทนี่และถามว่าจะทำยังไงกันต่อ โทนี่จึงแถลงข่าวงานหมั้นของทั้งคู่ แทนข่าวเปิดตัวสไปเดอร์แมนเป็นอเวนเจอร์สซะเลย

 

ปี 2017 ที่คามา-ทาจ ผ่านมาหลายเดือนที่ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ฝึกเวทย์กับอันเชี่ยนวันที่นี่ เนื่องจากด็อกเตอร์สเตร้นจ์เป็นอัจฉริยะและฉลาดสุดๆ ทำให้ด็อกเตอร์สเตร้นจ์อ่านตำราต่างๆได้อย่างรวดเร็วกว่าคนอื่นหลายเท่า จึงทำให้ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ก้าวหน้ากว่าลูกศิษย์คนอื่นๆอย่างรวดเร็ว ทั้งการต่อสู้ รวมถึงด็อกเตอร์สเตร้นจ์ร่ายเวทย์ยากๆได้หมดแล้วในตอนนี้ (ความสามารถเทียบเท่ากับปรมาจารย์แล้ว)

ดร.สเตร้นจ์เข้าถึงศาสตร์เวทย์อย่างรวดเร็ว (Doctor Strange 1)

 

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์มักเข้าห้องสมุดเพื่อยืมหนังสือจาก Wong หนึ่งใน Masters of the Mystic Arts ที่มาทำหน้าที่บรรณารักษ์แทนคนเก่าที่ไคซิเลียสฆ่าตายไป และหว่องก็เตือนไม่ให้ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ร่ายเวทย์จากหนังสือ The Book of Cagliostro เด็ดขาด (หนังสือแห่งคาลิเอสโตร) เพราะหว่องคิดว่าด็อกเตอร์สเตร้นจ์ยังไม่พร้อม (ไม่ได้ห้ามอ่าน แต่ห้ามร่ายคาถา)

หว่อง หนึ่งในปรมาจารย์เวทย์ (Doctor Strange 1)

 

และวันอันแสนวุ่นวายก็มาถึง.. ด็อกเตอร์สเตร้นจ์เข้ามาอ่านหนังสือแห่งคาลิเอสโตร เมื่ออ่านถึงหน้าที่ขาดไป ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ก็สังเกตว่า ภายในห้องสมุดมีสัญลักษณ์อกามอตโต้เต็มไปหมด และสิ่งที่วางกลางห้องสมุดคือ Eye of Agamotto (ดวงตาแห่งอกาม็อตโต้) ก็มีสัญลักษณ์นี้เช่นกัน

หนังสือแห่งคาลิเอสโตร (Doctor Strange 1)

 

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์จึงหยิบดวงตาแห่งอกามอตโต้มาสวมคอ และร่ายเวทย์ตามที่หนังสือแห่งคาลิเอสโตรบอก ผลทำให้อำนาจจากดวงตาแห่งอกามอตโต้และคำสวดส่งผลให้ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ย้อนเวลาให้มวลสารได้ และเวลาที่บิดเบือนก็ทำให้มวลสารจากโดนทำลายกลับเป็นคงอยู่ จากคงอยู่เป็นสูญสิ้นได้ โดยด็อกเตอร์สเตร้นจ์ทดสอบคาถานี้ด้วยลูกแอปเปิ้ลก่อน

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ใช้ดวงตาแห่งอกามอตโต้ครั้งแรกเพื่อบิดเวลา (Doctor Strange 1)

 

หลังจากทดลองกับแอปเปิ้ลได้ผลดีเยี่ยม ด็อกเตอร์สเตร้นจ์จึงร่ายเวทย์บิดเบือนเวลากับหนังสือแห่งคาลิเอสโตร ทำให้หน้าหนังสือแห่งคาลิเอสโตรที่โดนไคซิเลียสฉีกไปกลับมาเป็นดังเดิม ทันใดนั้นมอร์โดและหว่องก็เข้ามาพบพอดี และตำหนิด็อกเตอร์สเตร้นจ์ว่า การบิดเบือนเวลานั้นเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะอาจจะทำให้ติดอยู่ในวังวนของเวลาไม่มีสิ้นสุด

มอร์โดและหว่องอธิบายถึงหน้าที่ของจอมเวทย์สูงสุดอย่างอันเชียนวันซึ่งเป็นคนปัจจุบัน และ อกาม็อตโต้คือจอมเวทย์สูงสุดคนแรกของโลก อกามอตโต้สร้างเขตเวทย์ไว้สามที่ คือในลอนดอน ในฮ่องกง และในนิวยอร์ค ปัจจุบันทั้งสามสถานที่มีอาคารสิ่งปลูกสร้างครอบทับอีกที แต่ก็ยังเป็นเขตเวทย์อยู่ ประตูมิตเพื่อเปิดไปเขตเวทย์ทั้งสามก็อยู่ในห้องนี้เช่นกัน

สามจอมเวทย์กำลังคุยกัน (Doctor Strange 1)

 

และเขตเวทย์ทั้งสาม มีเพื่อป้องกันดอร์มัมมู จอมปีศาจร้ายที่หวังจะยึดครองโลกด้วยดาร์คดิเมนชั่น ซึ่งหนึ่งในหน้าหนังสือแห่งคาลิเอสโตรที่อดีตศิษย์เก่าผู้ฝักใฝ่ความชั่ว ไคซิเลียส ฉีกไปนั้น ก็คือคาถาติดต่อกับดอร์มัมมูนั่นเอง หน้าที่ต่อจากนี้คือต้องป้องกันไม่ให้ไคซิเลียสทำลายเขตเวทย์ทั้งสามได้

ทันใดนั้นไคซิเลียสก็โจมตีเขตเวทย์ที่ลอนดอน ประตูมิติไปทีซางทัมในลอนดอนเปิดออก เพราะเขตเวทย์ที่ลอนดอนถูกบุกทำลายลงไปพร้อมๆกับปรมาจารย์เวทย์ที่ถูกไคซิเลียสฆ่า การโจมตีของไคซีเลียสทำให้ด็อกเตอร์สเตร้นจ์กระเด็นเข้าประตูมิติไปโผล่อยู่ในเขตเวทย์ที่นิวยอร์คเพียงผู้เดียวทันที

ไคซิเลียสกำลังทำลายซางทัมในลอนดอน (Doctor Strange 1)

 

ณ บ้านเลขที่ 177A , Bleecker St. , Greenwich Village , New York City ที่นั่นคือสถานที่ 1 ใน 3 เขตเวทย์มนต์เก่าแก่ หรือ ซางทัมแซงทอรัมในนิวยอร์ค ด็อกเตอร์สเตร้นจ์เดินงงๆลงมาจากชั้นบน และพบว่า Daniel Drumm หนึ่งในปรมาจารย์เวทย์ผู้ดูแลซางทัมแซงทอรัมแห่งนี้ เพิ่งโดนไคซิเลียสฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมไปอีกคนกลางห้องโถงชั้น 1

ด็อกเตอร์สเตร้นเข้าต่อสู้กับไคซิเลียส ไอเทมที่ชื่อว่า Cloak of Levitation หรือ ผ้าคลุมแห่งการล่องลอย ก็เข้ามาช่วยด็อกเตอร์สเตร้นจ์ต่อสู้ (ผ้าคลุมนี้มีความคิดเหมือนสิ่งมีชีวิต)

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์เหาะได้ด้วยผ้าคลุมแห่งการล่องลอย (Doctor Strange 1)

 

จนกระทั่งด็อกเตอร์สเตร้นจ์จับไคซิเลียสได้ ช่วงนี้เองที่ไคซิเลียสกับด็อกเตอร์สเตร้นจ์ได้มีโอกาสสนทนากันสั้นๆ และไคซิเลียสก็กล่าวหาอันเชียนวันว่า อันเชียนวันดึงพลังมืดมาจากดาร์คดิเมนชั่น เพื่อทำให้ตัวเองอายุยืนยาวนับพันปี ไคซิเลียสพยายามดึงด็อกเตอร์สเตร้นจ์เข้าด้านมืด แต่ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ไม่หลงกล และด็อกเตอร์สเตร้นจ์ก็พลาดท่าโดน ลูเชี่ยน หนึ่งในลูกน้องไคซิเลียสโจมตีและแทงจนบาดเจ็บ

ไคซิเลียสถูกจับด้วย Crimson Bands of Cyttorak (Doctor Strange 1)

 

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ใช้แหวนแห่งเวทย์เปิดเทเลพอร์ทไปที่ Metro-General Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ตนเองเคยทำงานอยู่ และขอให้คริสตินอดีตแฟนช่วยทำแผลให้ตนเอง หลังจากนั้นด็อกเตอร์สเตร้นจ์ก็สลบไป

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ถอดจิตออกจากกายหยาบเข้าสู่มิติกายทิพย์ชั่วขณะนึง ทำให้คริสตินรู้ว่าด็อกเตอร์สเตร้นจ์ถอดจิตได้ แต่จิตของลูเชี่ยนก็เข้ามาสู้กับจิตของด็อกเตอร์สเตร้นจ์ในมิติกายทิพย์ ผลจากการที่คริสตินปั๊มหัวใจให้ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ ทำให้ไฟฟ้าไหลเข้าสู่จิตด้วย และช็อตจิตของลูเชี่ยนตายลงไป

ลูเชี่ยนสู้กับสเตร้นจ์ (Doctor Strange 1)

 

เมื่อฟื้นคืนสู่มิติโลกมนุษย์ปกติ และคริสตินเย็บแผลที่หน้าอกให้แล้ว ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ก็รีบกลับไปที่ซางทัมแซงทอรัม แต่ก็ไม่ทันเพราะไคซิเลียสก็หนีไปแล้ว อันเชียนวันและมอร์โด ก็มาถึงที่ซางทัมแซงทอรัมพอดีเหมือนกัน

อันเชียนวันแต่งตั้งให้ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ขึ้นเป็น Masters of the Mystic Arts หรือปรมาจารย์เวทย์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประจำอยู่ที่ซางทัมแซงทอรัมในนิวยอร์คปกป้องเขตเวทย์มนต์ต่อไป

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์นั้นไม่ค่อยอยากรับหน้าที่นี้ เพราะตนเองต้องการเพียงรักษามือทั้งสองข้าง แต่จับพลัดจับผลูดันกลายเป็นปรมาจารย์เวทย์เฉยเลย

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์คิดว่า ตนควรช่วยชีวิตผู้คน ไม่ใช่คร่าชีวิต แถมด็อกเตอร์สเตร้นจ์ยังแคลงใจที่อันเชียนวันอาจจะดึงพลังมืดมาจากดาร์คดิเมนชั่นอย่างที่ไคซิเลียสกล่าวหาด้วย แต่อันเชียนวันก็ไม่แสดงท่าทีใดๆที่ถูกกล่าวหา

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์แคลงใจอันเชียนวัน (Doctor Strange 1)

 

มอร์โดไม่พอใจที่ด็อกเตอร์สเตร้นจ์กล่าวหาท่านอาจารย์เช่นนั้น เพราะมอร์โดเคารพอันเชียนวันมาก มอร์โดไม่เชื่อว่าอันเชียนวันจะทำเช่นนั้นจริง ขณะที่กำลังถกเถียง ไคซิเลียสก็รวบรวมเซียลอทที่เหลือบุกซางทัมแซงทอรัมที่นิวยอร์คอีกรอบ อันเชียนวันจึงสั่งให้ทั้งคู่ไปสู้กับเซียลอท

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ไม่อยากให้การต่อสู้ลุกลามไปทำให้คนธรรมดาบาดเจ็บ ด็อกเตอร์สเตร้นจ์จึงร่ายคาถาเปิดมิติกระจกครอบทั้งเมืองนิวยอร์คไว้ แต่ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ไม่รู้ว่า พวกที่ได้พลังด้านมืดเมื่ออยู่ในมิติกระจกจะทำให้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้ด็อกเตอร์สเตร้นจ์กับมอร์โดก็เกือบจะพ่ายแพ้ไคซิเลียส

อันเชี่ยนวันโผล่มาช่วยทั้งสองได้ทัน โดยดึงพลังมืดจากดาร์คไดเมนชั่นมาใช้ ปรากฏเป็นสัญลักษณ์บนหน้าผากเช่นเดียวกับไคซิเลียสและพวกเซียลอท ทำให้มอร์โดผิดหวังในตัวอันเชียนวันมาก

อันเชี่ยนวันมีสัญลักษณ์บนหน้าผาก (Doctor Strange 1)

 

และอันเชียนวันก็โดนไคซิเลียสโจมตีหล่นร่วงลงไปหลายสิบเมตรในประตูเทเลพอร์ทกระแทกพื้นอย่างรุนแรง มอร์โดและด็อกเตอร์สเตร้นจ์กระโดดตามลงไปในประตูเทเลพอร์ทเช่นกัน แต่ก็จับตัวอันเชียนวันไว้ไม่ทัน

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์พาร่างกายที่บอบช้ำรุนแรงของอันเชียนวันไปรักษาที่ Metro-General Hospital ที่ทำงานเก่าตนเอง แต่กายหยาบของอันเชียนวันนั้นสาหัสเกินเยียวยาและกำลังจะตาย

จิตของอันเชียนวันถอดออกจากร่างเข้าสู่มิติกายทิพย์ (Astral Dimension) ที่ห้วงเวลาช้ากว่ามิติโลกมนุษย์ ด็อกเตอร์สเตร้นจ์จึงถอดจิตตามไปติดๆ อันเชียนวันบอกด็อกเตอร์สเตร้นจ์ในมิติกายทิพย์ว่า อันเชียนวันใช้พลังเวทย์เพ่งมองเห็นการตายของตนเองในวันนี้เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และรู้ว่าไม่มีทางฝืนลิขิตได้ ยังไงอันเชียนวันก็จะตายในวันนี้เวลานี้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นมิติคู่ขนานใดในทางเลือก อันเชียนวันไม่เคยเห็นอนาคตไกลกว่านี้

Astral Dimension หรือ มิติกายทิพย์ (Doctor Strange 1)

 

(คาดว่าอันเชี่ยนวันใช้พลังจากดาร์คดิเมนชั่นโกงเวลาอายุขัยของตนจนอยู่มานานนับพันปี แต่ก็รู้ว่าต้องตายวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะใช้ดวงตาแห่งอกามอตโต้เพ่งดูอนาคตเพื่อจะโกงความตายในวันนี้ ก็ไม่เคยสำเร็จเลย อันเชียนวันจึงปลงกับจุดจบชีวิตในวันนี้)

อันเชียนวันฝากให้ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ชี้นำมอร์โดให้รู้จักยืดหยุ่นกับกฏบ้าง และมอร์โดก็ต้องคอยชี้นำด็อกเตอร์สเตร้นจ์เรื่องความเคร่งครัดในกฏบ้าง ทั้งสองคนต้องเป็นผู้นำเหล่านักเวทย์ และช่วยกันดูแลเขตเวทย์ปกป้องโลกนับตั้งแต่วันนี้ จากนั้นจิตอันเชียนวันก็ไปสู่ภพภูมิอื่น พร้อมๆกับชีพจรของกายหยาบอันเชียนวันหยุดเต้น..

จุดจบของอันเชียนวัน (Doctor Strange 1)

 

มอร์โดทั้งโกรธทั้งผิดหวังในตัวอันเชียนวัน และยังโศกเศร้ากับการจากไปของอาจารย์ที่ตนเองเคารพรัก แต่ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ก็เตือนสติมอร์โดว่า ตอนนี้เขตเวทย์ลอนดอนกับนิวยอร์คพังไปแล้ว เหลือเพียงที่ฮ่องกงที่เดียว ถ้าไคซิเลียสทำสำเร็จ โลกถึงจุดจบแน่นอน

ที่เกาะฮ่องกง ประเทศจีน มอร์โดจึงได้สติ และรีบเปิดประตูเทเลพอร์ทไปที่ฮ่องกง แต่ทั้งสองก็มาช้าไป เขตเวทย์ฮ่องกงที่หว่องรีบมาสมทบถูกทำลายลงไปแล้ว พร้อมๆกับการตายของปรมาจารย์ที่เหลือแทบทั้งหมด ดาร์คดิเมนชั่นกำลังกลืนกินฮ่องกง ผู้คนล้มตายลงไปมากมาย

ดาร์คดิเมนชั่นกำลังกลืนกินซางทัมในฮ่องกง (Doctor Strange 1)

 

ไคซิเลียสเดินออกมาจากความพินาศพร้อมกับเซียลอทที่เหลือ และกล่าวว่า ด็อกเตอร์สเตร้นจ์มาช้าไปแล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้แล้ว แต่มีหรือที่คนฉลาดอย่างด็อกเตอร์สเตร้นจ์จะคิดแก้ไขไม่ได้

ว่าแล้วด็อกเตอร์สเตร้นจ์ก็ร่ายเวทย์เปิดเนตรอกามอตโต้เพื่อย้อนเวลาสรรพสิ่งในบริเวณเขตเวทย์ที่ฮ่องกง เพื่อย้อนกลับไปตอนที่เขตเวทย์ยังไม่โดนทำลาย รวมถึงหว่องก็กลับคืนชีวิตด้วย ทำให้มอร์โดขัดใจนิดๆที่ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ฝืนชะตาเข้าไปวุ่นวายกับมิติกาลเวลา..

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์กำลังบิดเบือนเวลา (Doctor Strange)

 

แต่ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ก็พลาดท่าโดนไคซิเลียสโจมตีจนหมดสติไปชั่วครู่ ทำให้การคืนเขตเวทย์ไม่สมบูรณ์ และดาร์คดิเมนชั่นยังคงกลืนกินโลกอยู่ ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ได้สติขึ้นมา จึงใช้วิธีสุดท้ายที่ตนเองคิดออก นั่นคือเหาะมุ่งหน้าเข้าสู่ดาร์คดิเมนชั่นบนฟากฟ้า และใช้ดวงตาแห่งอกามอตโต้สร้างวังวนเวลาไม่รู้จบชั่วกัปชั่วกัลป์ในดาร์คดิเมนชั่น ก่อนที่จะเข้าไปเผชิญหน้ากับจอมปีศาจดอร์มัมมู

ดอร์มัมมู (Doctor Strange 1)

 

ใครหน้าไหนก็สู้ดอร์มัมมูในมิติดาร์คดิเมนชั่นไม่ได้ แน่นอนว่าด็อกเตอร์สเตร้นจ์ก็ไม่มีปัญญาสู้ตรงๆ ด็อกเตอร์สเตร้นจ์จึงเข้าไปยื่นข้อเสนอกับดอร์มัมมู แต่มีหรือที่ดอร์มัมมูจะฟัง และฆ่าด็อกเตอร์สเตร้นจ์ทันที

ซึ่งทันทีที่ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ตาย วังวนเวลาก็กลับมาเช่นเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยพลังแห่งดวงตาอกามอตโต้ ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ถูกดอร์มัมมูฆ่าด้วยวิธีต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน ตายๆฟื้นๆวนไปอย่างนั้นไม่มีสิ้นสุด จนดอร์มัมมูทนไม่ไหวและยอมฟังข้อเสนอของด็อกเตอร์สเตร้นจ์ เพราะต้องการออกจากมิติวังวนเวลาบ้าๆนี้

“ดอร์มัมมู ชั้นมาเพื่อต่อรอง..” (Doctor Strange 1)

 

และข้อเสนอนั้นคือ ให้ดอร์มัมมูพาสาวกผู้จงรักภักดีอย่างพวกเซียลอทเข้ามายังดาร์คดิเมนชั่นทั้งหมด รวมถึงห้ามกลืนกินโลกมนุษย์และถอนตัวจากไป แล้วด็อกเตอร์สเตร้นจ์จะคืนห้วงเวลาปกติให้ ดอร์มัมมูจึงยอมรับกับข้อเสนอนี้ไปก่อน พวกไคซีเลียสจึงโดนดูดเข้าสู่ดาร์คดิเมนชั่นทั้งหมด

เซียลอทหายไปในดาร์คดิเมนชั่น (Doctor Strange 1)

 

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์ร่ายเวทย์ย้อนเวลาให้เขตเวทย์ฮ่องกงเป็นปกติดังเดิม โลกจึงเข้าสู่การป้องกันของเวทย์ปกป้องแห่งอกาม็อตโต้อีกครั้ง แต่ด็อกเตอร์สเตร้นจ์กับหว่องก็ต้องสูญเสียมอร์โดไป เพราะมอร์โดหมดสิ้นศรัทธากับเส้นทางนี้แล้ว และมอร์โดก็หันหลังให้ด็อกเตอร์สเตร้นจ์กับหว่องนับตั้งแต่นั้น..

มอร์โดหันหลังเดินจากไป.. (Doctor Strange 1)

 

หลายวันต่อมา.. หว่องบอกด็อกเตอร์สเตร้นจ์ว่า ไม่ควรที่จะห้อยดวงตาแห่งอกามอตโต้ซึ่งเป็นอินฟินิตี้สโตนไปไหนมาไหนด้วย ควรจะเก็บรักษาไว้เป็นที่เป็นทาง

ด็อกเตอร์สเตร้นจ์จึงร่ายเวทย์เปิดมิติกระจกในคามา-ทาจ และเก็บดวงตาแห่งอกามอตโต้ไว้ในมิติกระจกนับตั้งแต่นั้น และด็อกเตอร์สเตร้นจ์ก็กลับไปประจำซางทัมแซงเทอรัมในนิวยอร์ค

ดวงตาแห่งอกามอตโต้ถูกเก็บไว้ในมิติกระจกที่คามา-ทาจ (Doctor Strange 1)

 

ตลอดเวลาตั้งแต่ อายุ 18 จนถึงตอนนี้ มาร์ค สเปคเตอร์ ก็ใฝ่รู้เรื่องการต่อสู้ แต่บุคลิกของสตีเว่นก็ไปเรียนเพิ่มเติมกลายเป็นนักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญอารยธรรมอียิปต์ หลังจากมาร์คเป็นนาวิกโยธินได้ไม่นาน มาร์คก็ถูปปลดเพราะโรคหลายบุคลิกนั่นแหละ มาร์คจึงออกมาเป็นทหารรับจ้าง  

ปี 2018 ที่อียิปต์ ราอูล บุชแมน นักค้าของเถื่อนตลาดมืด ได้ว่าจ้างมาร์คให้ตามล่าสมบัติในอียิปต์  มาร์คจึงพาเพื่อนต่างวัยนักโบราณคดีชาวอียิปต์นามว่า อับดุลลาห์ อัล-ฟาอูลี ให้มาช่วยงานนี้ แต่แล้วมาร์คก็โดนบุชแมนหักหลัง เเพราะอยากฮุบสมบัติคนเดียวและไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่งพราย มาร์คกับอับดุลลาห์จึงโดนยิง

ที่วิหารเทพคอนชู  ในอียิปต์ อับดุลลาห์ตายทันที มาร์คกำลังจะตาย ในขณะที่มาร์คใกล้ตาย เทพคอนชูได้ยื่นข้อเสนอให้มาร์คเป็นร่างอวตาร แลกกับชีวิต และต้องคอยฆ่าคนชั่วปกป้องนักเดินทางยามราตรี มาร์คยินยอม มาร์คจึงกลายเป็น มูนไนท์ อัศวินรัติกาลนับตั้งแต่นั้น

มาร์คกลายเป็นร่างอวตารคอนชู นามว่า มูนไนท์ (Moon Knight)

 

มาร์ครู้สึกผิดกับการตายของนักโบราณคดีเพื่อนซี้ต่างวัยอย่างอับดุลลาห์ มาร์คจึงไปทำความรู้จักกับ ไลล่า อัล-ฟาอูลี ลูกสาวของอับดุลลาห์ เบื้องต้นมาร์คแค่จะไปสารภาพผิด ไปๆมาๆมาร์คก็ตกหลุมรักไลล่า และทั้งสองก็แต่งงานกัน

โดยมาร์คตัดสินใจไม่บอกไลล่าเรื่องการตายของอับดุลลาห์พ่อของไลล่า ว่าเขาคือคนพาไปตาย และบุคลิกสตีเว่นก็ไม่รู้ว่าตนเองแต่งงานมีเมียแล้ว ส่วนบุคลิกเจคก็ไม่โผล่มาอีกเลยนับตั้งแต่ออกจากบ้านตอนอายุ 18 ปี ซึ่งมาร์คฆ่าคนมากมายตามคำสั่งเทพคอนชูในฐานะมูนไนท์ 

ไลล่า อัล-ฟาอูลี นักโบราณคดีสาวชาวอียิปต์ รักเดียวของมาร์ค (Moon Knight)

 

 

ปี 2018 ณ เมือง ซานฟรานซิสโก ผ่านมา 2 ปีที่สก็อตยอมโดนยูเอ็นจับกักบริเวณเพราะช่วยแคปกับบัคกี้หนีในปี 2016 และถึงแม้สก็อตจะถูกกักบริเวณ แต่ก็ร่วมทุนกับหลุยส์และเพื่อนๆเปิดบริษัทเอ็กซ์-คอน ที่ปรึกษาระบบความปลอดภัยในทรัพย์สิน

ช่วงเวลาที่สก็อตกำลังจะพ้นโทษจากการโดนกักบริเวณในอีก 3 วัน ในจังหวะเดียวกันกับที่ดร.พิมและโฮปทดลองเปิดอุโมงค์ควอนตัมเป็นครั้งแรกหลังจากช่วยกันสร้างมานาน

อุโมงควอนตัม (Ant-Man 2)

 

แต่การทดลองเปิดอุโมงค์ควอนตัมครั้งนี้ ทำให้สมองของสก็อตสื่อสารไปถึงสมองของเจเน็ตในมิติควอนตัม และเห็นเหตุการณ์ในอดีตผ่านสายตาของเจเน็ตในอดีต แต่เพียงครู่เดียวเครื่องก็หยุดทำงาน เพราะยังขาดอุปกรณ์อีกหนึ่งชิ้นส่วน อุโมงค์ควอนตัมจึงจะทำงานสมบูรณ์

สก็อตรีบใช้โทรศัพท์ฉุกเฉินโทรหาดร.พิม และเล่าเหตุการณ์นี้ให้ฟังทางโทรศัพท์ โฮปจึงรีบไปนำตัวสก็อตออกมาจากบ้านตรงไปที่แลปฯลับ โดยถอดเครื่องติดตามที่ข้อเท้าสก็อตใส่ไว้ในมดยักษ์ที่ถูกโปรแกรมให้ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนสก็อต

ที่แลปฯลับของดร.พิม สก็อตคิดว่าตัวเองฝันไร้สาระ แต่ข้อมูลที่สก็อตบอกออกมา ตรงกับความทรงจำของโฮปในวัยเด็กตอนที่เล่นซ่อนหากับเจเน็ตแม่ของตน สองพ่อลูกจึงมั่นใจมากว่า เจเน็ตพยายามสื่อสารออกมาจากมิติควอนตัม โดยเชื่อมคลื่นสมองกับสก็อตไว้ตั้งแต่ตอนที่สก็อตหลุดไปในมิติควอนตัมเมื่อปี 2015

ช่วงที่เจเน็ตพบสก็อต (Ant-Man 2)

 

ดร.พิมและโฮปหวังใช้สมองของสก็อตเชื่อมต่อกับสมองเจเน็ตอีกครั้ง เพื่อระบุพิกัดของเจเน็ตในมิติควอนตัมให้ตรงที่สุด จะได้ช่วยเจเน็ตออกมา แต่ยังขาดอีกหนึ่งชิ้นส่วนในการเปิดอุโมงค์ ซึ่งโฮปนัดซื้อขายชิ้นส่วนที่ว่านี้ในตลาดมืดวันนี้พอดี

ดร.พิมและโฮปจึงพาสก็อตไปด้วย และย่อส่วนแลปฯให้เล็กเท่ากระเป๋าเดินทาง สองพ่อลูกหวังให้สก็อตอยู่ช่วยแป็บเดียว ตอนนี้เองที่สก็อตบอกดร.พิมไปว่า ทำลายชุดแอนท์-แมนรุ่นที่ 1 ไปแล้ว

แลปฯของดร.พิม โดนย่อส่วนเท่ากระเป๋าลากเลื่อน (Ant-Man 2)

 

แต่ทว่า.. ยังมีบุคคลลึกลับผู้หนึ่ง ที่เฝ้าจับตามองทั้งสก็อตทั้งโฮปและดร.พิมมาตั้งแต่เทคโนโลยีแอนท์-แมนเปิดเผยเป็นวงกว้าง และบุคคลลึกลับผู้นั้นก็ยังคงซุ่มแอบตามดูทั้งสามคนไปเรื่อยๆ โดยมีจุดประสงค์บางอย่าง..

ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซอนนี่ เบิร์ซ พ่อค้าในตลาดมืด หาชิ้นส่วนที่ว่านี้มาขายให้โฮปได้ แต่ซอนนี่ล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของโฮป จึงสนใจจะเป็นหุ้นส่วนของโฮปกับดร.พิม เพื่อนำเทคโนโลยีควอนตัมมาหาเงินมหาศาล โดยซอนนี่บอกว่าเบื้องบนของตนมีความต้องการเช่นนี้ โฮปไม่เล่นด้วย จึงถูกยึดทั้งเงินและไม่ให้ชิ้นส่วน โฮปจึงสวมชุดวอสพ์ออกมาบู๊กับลูกน้องซอนนี่ และชิงทั้งเงินกับชิ้นส่วนมาได้

ซอนนี่ เบิร์ซ (Ant-Man 2)

 

ทันใดนั้น บุคคลลึกลับผู้นั้นก็ปรากฎตัว นั่นก็คือ โกสท์ ที่มีความสามารถแทรกผ่านทะลุมวลสารได้เหมือนวิญญาณ โฮปทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำโกสท์ ดร.พิมจึงให้ชุดแอนท์-แมนรุ่นที่ 2 ที่ยังไม่สมบูรณ์ให้สก็อตใส่ไปช่วยโฮป

แต่ที่สุดแล้ว โกสท์ก็ช่วงชิงทั้งชิ้นส่วนและแลปฯย่อส่วนของดร.พิมไปได้สำเร็จ ดร.พิมคิดถึงเพื่อนเก่าสมัยที่เป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในชิลด์ด้วยกัน ที่อาจจะช่วยแกะรอยแลปฯได้ นั่นก็คือ ดร.บิล ฟอสเตอร์

ดร.บิล ฟอสเตอร์ หรือ โกไลแอธ (Ant-Man 2)

 

ดร.ฟอสเตอร์แนะนำบางอย่างให้ดร.พิม นั่นก็คือนำอุปกรณ์ชิ้นส่วนนึงจากชุดแอนท์-แมนรุ่นที่ 1 มาแกะรอย ซึ่งความจริงสก็อตยังไม่ทำลายชุด หากแต่เอาไปซ่อนไว้ในถ้วยรางวัลของแคสซี่ลูกสาวตน

สิ่งนี้ ทำให้ดร.พิมตามรอยโกสท์ไปจนถึงแหล่งกบดาน แต่ถึงกระนั้น ทั้งดร.พิม,โฮป,และสก็อต ก็พลาดท่าถูกโกสท์จับตัวไว้ได้ ตอนนี้เองที่ทุกคนรู้ว่า ดร.ฟอสเตอร์กับโกสท์คือพวกเดียวกัน

อีวา สตาร์ หรือ โกสท์ (Ant-Man 2)

 

เหตุเพราะดร.ฟอสเตอร์ตรวจร่างกายอีวาจึงรู้ว่า อีวากำลังจะตายอีกในไม่ช้านี้ และสิ่งที่จะช่วยอีวาได้คืออนุภาคควอนตัม เหตุนี้เองที่อีวาต้องการอุโมงค์ควอนตัม เพื่อสูบอนุภาคควอนตัมออกมาจากร่างเจเน็ต แต่นั่น จะทำให้เจเน็ตตาย

อีวาคิดมาตลอดว่า ดร.สตาร์พ่อของเธอ และดร.พิม คือหุ้นส่วนที่ช่วยกันสร้างอุโมงค์ควอนตัม (แต่ความจริงคือดร.สตาร์ขโมยงานวิจัยของดร.พิมมาทำเองต่างหาก) เมื่อดร.ฟอสเตอร์เล่าเรื่องจบ พวกของดร.พิมก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมหนีออกมาได้ พร้อมกับที่เอาแลปฯกับชิ้นส่วนกลับคืนมาได้ด้วย

ทั้งสามคนหนีออกมาได้ (Ant-Man 2)

 

ในคืนนั้น ดร.พิมนำแลปฯมาขยายใหญ่ในป่า และใช้ชิ้นส่วนสุดท้ายเปิดอุโมงค์ควอนตัมได้สำเร็จ เจเน็ตต่อสายตรงมาทางสมองของสก็อตทันที และใช้ร่างสก็อตช่วยดร.พิมคำนวนพิกัดของตนเองจนเจอ

ในเวลาเดียวกันที่ซอนนี่และลูกน้องใช้น้ำยาพูดความจริงกับหลุยส์ ทำให้รู้ว่าดร.พิมอยู่ที่ไหน (หลุยส์กำลังจะไปหาสก็อตเพื่อแก้แบบแปลนให้ลูกค้าบริษัทของพวกเขา) โกสท์ที่ตามมาที่นี่จึงรู้เช่นกัน ซอนนี่คิดแผนใหม่ และแจ้งให้เอฟบีไอที่เป็นสายของตนเองทำการแจ้งเบาะแสบุกจับกุมพวกดร.พิม และในช่วงนั้นจะได้ชิงแลปฯมา

เมื่อดร.พิมรู้ก็หัวร้อนมากที่สก็อตทำเสียเรื่องอีกครั้ง แต่ดร.พิมก็ยังให้ชุดแอนท์-แมนกับสก็อต เพื่อรีบกลับไปบ้านก่อนที่เอฟบีไอจะรู้ว่าสก็อตมีเอี่ยว หลังจากนั้นดร.พิมกับโฮปก็โดนเอฟบีไอจับ สายของซอนนี่ที่เป็นหนึ่งในเอฟบีไอกำลังขโมยแลปฯไปให้ซอนนี่ แต่อีวาหรือโกสท์ก็มาชิงตัดหน้าไปอีกครั้ง

ดร.พิมกับโฮปโดนเอฟบีไอล้อมจับ (Ant-Man 2)

 

สก็อตไม่อาจทิ้งดร.พิมและโฮปได้ จึงสวมชุดแอนท์-แมนกลับไปช่วยดร.พิมและโฮปออกมาจากโรงพัก ซึ่งครั้งนี้ดร.พิมแกะรอยแลปฯตนเองได้แล้วด้วยการควบคุมเหล่ามด จึงพบว่าดร.ฟอสเตอร์กับอีวานำแลปฯของตนไปที่ไหน

แผนการณ์ก็คือ สก็อตจะต้องหลอกล่อโกสท์ให้ออกมาจากแลปฯ เหล่ามดจะบีบดร.ฟอสเตอร์ออกจากตึก ส่วนดร.พิมขับยานมิติเข้าไปในอุโมงค์ควอนตัมเพื่อช่วยเจเน็ตด้วยตนเอง ด้านโฮปกับหลุยส์จะเอาแลปฯที่ย่อส่วนออกไปที่จุดปลอดภัย

หลุยส์กับโฮป (Ant-Man 2)

 

ซอนนี่และพรรคพวกมาดักโฮปกับหลุยส์ จึงมีการขับรถไล่ล่ากันขึ้น แลปฯถูกชิงเปลี่ยนมือไปๆมามาๆระหว่างโฮป สก็อต อีวา ซอนนี่ แต่ที่สุดแล้วอีวาก็ขยายแลปฯและเข้าไปภายในจนได้

ในมิติควอนตัม เวลาเดียวกันกับที่ดร.พิมพบตัวเจเน็ตและกำลังขึ้นยานพากลับมาโลกปกติ เจเน็ตทรมานมากจากการที่อีวาพยายามดึงอนุภาคควอนตัมในร่างเจเน็ตขณะที่เจเน็ตยังไม่หลุดออกมา แต่สก็อตและโฮปก็มายับยั้งกระบวนการนี้ทัน พร้อมๆกับที่ยานเดินทางของดร.พิมและเจเน็ตออกมาสู่โลกปกติพอดี

ยานมิติที่ดร.พิมขับเข้าไป (Ant-Man 2)

 

เจเน็ตตรงดิ่งไปหาอีวา และใช้พลังช่วยหยุดความเจ็บปวดของอีวาได้ เนื่องด้วยเจเน็ตซึมซับอนุภาคควอนตัมมานานหลายปี เจเน็ตจึงมีพลังพิเศษที่แสนประหลาดนี้นั่นเอง

จากพลังเจเน็ต ทำให้อีวายืดชีวิตตนเองไปได้อีกนานพอสมควร อีวาสำนึกผิด จึงไม่คิดฆ่าเจเน็ตอีกต่อไป และดร.ฟอสเตอร์ก็พาอีวาหนีไปอีกทาง พวกดร.พิมกับเจเน็ตหนีไปอีกทาง พวกของซอนนี่ถูกจับ

โฮปได้กอดเจเน็ตแม่ของตนอีกครั้ง (Ant-Man 2)

 

จิมมี่ วู หัวหน้าเอฟบีไอชุดเฝ้าระวังสก็อต ก็เอาผิดสก็อตไม่ได้ เพราะจิมมี่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าสก็อตอยู่ในเหตุการณ์ไล่ล่าอย่างวุ่นวายกลางเมืองซานฟรานซิสโก จิมมี่วูจึงปลดเครื่องติดตามที่ข้อเท้า สก็อต แลงค์ จึงพ้นจากการถูกกักบริเวณ สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระในรอบ 2 ปี

จิมมี่ วู กับ สก็อต แลงค์ (Ant-Man 2)

 

 

อ่านบทที่ 6 ต่อที่ลิ้งค์ข้างล่าง

 

>>บทที่ 6 (มหาศึกล่ามณีถล่มจักรวาล)<<

 

สวัสดีครับ

_/\_

 

ผู้เขียน หลวงจีนหอไตร

Hello! Every one. จุดเริ่มต้นงานเขียนของผมก็คือ ผมเป็นนักอ่านก่อนครับ และที่ผ่านมาผมก็หาอ่านงานเขียนแนวสรุปภาพยนตร์ยากเย็นเหลือเกิน ผมจึงเริ่มเขียนบทความเองและสร้างเว็บไซต์เองซะเลย

ดูโพสท์ทั้งหมด

Tags: