สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 1 ปฐมบทแห่งอินฮิวแมน

หมวดหมู่ TV ผู้เขียน

30,000 ปี ก่อนคริสตกาล เผ่าพันธุ์ โครนิคอม ซึ่งเป็นกึ่งสิ่งมีชีวิตกึ่งจักรกล และมีอายุยืนยาวนับแสนปี ได้ส่ง อีโน้ค หนึ่งในเผ่าพันธุ์ของพวกเค้ามาที่โลกมนุษย์ โดยอีโน้คมีชุดคำสั่งป้อนไว้ในระบบสั่งการว่า ห้ามยุ่งเกี่ยวกับความเป็นไปของโลกเด็ดขาด ยกเว้นถ้าเหตุการณ์นั้นจะส่งผลให้เกิดการสูญพันธุ์ อีโน้ค จึงอยู่บนโลกอย่างผู้สังเกตุการณ์เรื่่อยมาโดยไม่เผยตัว 

อีโน้ค จักรกลกึ่งสิ่งมีชีวิตผู้มีอายุยืนยาว

 

หลายพันปีก่อนคริสตกาล

ขณะที่มนุษย์โลก ยังมีอารยธรรมและความเจริญน้อยยิ่งนัก เอเลี่ยนชาวครีกลุ่มฝักใฝ่สงคราม ก็เดินทางมายังโลก หากแต่การมาเยือนของชาวครีมีจุดหมาย นั่นก็เพื่อทดลองเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมนุษย์โลก และนำมนุษย์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเหล่านั้นไปเป็นทาสนักรบ (Slave Warriors ) เพื่อจะนำทาสนักรบเหล่านี้ ไปรบกับอาณาจักรบนดวงดาวอื่นๆในจักรวาล  ที่เป็นศัตรูกับครี

หนึ่งในชาวครี 

 

โดยชาวครีคัดเลือกมนุษย์มาจากหลากหลายเชื้อชาติไปทั่วทั้งโลก ทั้งชาวเอเชีย ชาวยุโรป ชาวอาฟริกัน ชาวครีสร้างวิหารปลุกพลังไว้บนโลก  และกระบวนการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมนุษย์นี้ มนุษย์เหล่านั้นต้องถือสิ่งที่เรียกว่า ดีไวเนอร์ เข้าไปยังวิหารแห่งนี้ ดีไวเนอร์จะแตกตัวเผยให้เห็นแท่งเทอริเจ้นคริสตัล และแตกออกกลายเป็นหมอกเทอริเจ้นปกคลุมร่างผู้ถูกเลือก มนุษย์ที่ถูกเลือกจะเข้าสู่สภาวะเทอริเจเนซิส และกลับออกมากลายเป็น อินฮิวแมน โดยจะมีพลังเหนือมนุษย์แตกต่างกันไป

อัลเวียส มนุษย์ที่ถูกปลุกพลังคนแรกและกลายเป็นอินฮิวแมนนั้น มีพลังมหาศาลมาก พลังของอัลเวียสถูกเรียกว่าไฮฟ์ ครีคุมไฮฟ์ไม่อยู่ ครีจึงนำประตูมิติแห่งดวงดาวคือ โมโนลิธสีดำ ส่งไฮฟ์ผ่านประตูมิติไปสู่ดาว มาร์เวธ และครีคิดว่าไฮฟ์นั้นคือมนุษย์ผู้ถูกปลุกพลังคนแรกเพียงคนเดียวที่พวกเขาสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ คนอื่นๆล้มเหลวหมด

ไฮฟ์ตอนเป็นมนุษย์ที่ชื่อ อัลเวียส

 

จังหวะเดียวกันนี้ ชาวครีกลุ่มที่รักสงบนั้นล่วงรู้ถึงการทดลองบนโลก จึงเดินทางมาที่โลกด้วยเช่นกันเพื่อต่อต้านและประนามชาวครีกลุ่มบ้าสงครามนี้ว่า เป็นการทดลองที่อันตรายยิ่ง ชาวครีทุกกลุ่มจึงจากโลกมนุษย์ไป โดยทิ้งดีไวเนอร์และโมโนลิธดำไว้ที่โลกแห่งนี้

ก่อนจากไป ครีที่รักสงบนั้น ได้ทำการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยไว้ด้วยที่วิหารปลุกพลัง ว่าถ้ามีผู้มนุษย์คนใดเข้าไปในวิหารแห่งนี้เพื่อปลุกพลังอีก เครื่องเตือนนี้จะส่งสัญญาณกลับไปที่ดาวฮาล่าทันที เพื่อที่ครีฝ่ายรักสงบจะมากำจัดมนุษย์ผู้นั้นที่ถูกปลุกพลัง

แต่ชาวครีทั้งกลุ่มบ้าสงครามและกลุ่มรักสงบนั้นคิดผิดทั้งหมด การทดลองครั้งนั้นได้ผลอย่างดียิ่ง อินฮิวแมนที่เหลือซึ่งโดนเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่มีพลังที่หลากหลายแปลกประหลาด แต่อินฮิวแมนกลุ่มนี้ก็เรียนรู้ที่จะอยู่รวมกลุ่มกัน และปิดบังพลังมิให้ชาวครีหรือมนุษย์ปกติได้รับรู้ พร้อมกับตั้งกฏของกลุ่มไว้ มิให้ผู้ใดในกลุ่มฝ่าฝืนกฎเหล่านั้นที่ตั้งขึ้น เพราะจะนำไปสู่ความหายนะของเผ่าพันธุ์กลุ่มนี้นั่นเอง หนึ่งในกฎเหล็กของกลุ่มก็คือ ห้ามมิให้คนในกลุ่มคนใดเข้าไปยังวิหารชาวครีอีกเป็นอันขาด

เทอริเจ้นคริสตัลที่แตกออกจากดีไวเนอร์

 

ที่ดาวมาร์เวธ ไฮฟ์ซึ่งเป็นอินฮิวแมนตนแรกของโลกนั้น ค่อยๆดูดกินชีวิตทุกชีวิตบนดาวมาร์เวธจนสูญสิ้นอารยธรรมทั้งดวงดาว ไม่หลงเหลือสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่ชีวิตเดียว ไฮฟ์รอคอยผู้หลงทางมาที่ดาวนี้ เพื่อต่อชีวิตตนเองไปเรื่อยๆ

อินฮิวแมนถ่ายทอดดีเอ็นเอของผู้ถูกเลือกผ่านยุคผ่านสมัยเรื่อยมาทางสายเลือดของตน นั่นหมายความว่า ลูกหลานเหลนโหลนของอินฮิวแมนกลุ่มแรก ล้วนแล้วแต่ได้รับดีเอ็นเอผู้ถูกเลือก หากแต่จะได้รับการถูกปลุกพลังแบบสุ่ม โดยอาจจะกระโดดข้ามลำดับตระกูล เป็นต้น

ผ่านมานับพันปี บรรพบุรุษอินฮิวแมนทำแค่เพียงส่งดีไวเนอร์ผ่านจากรุ่นสู่รุ่นสืบทอดมาเรื่อยๆ ให้เก็บไว้กับตระกูลตนเอง และบอกเล่าเรื่องราวนี้สืบทอดมาด้วย นั่นจึงทำให้ไม่มีอินฮิวแมนเกิดขึ้นอีกมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้ถูกปลุกพลังขึ้นโดยมิได้ตั้งใจ (ไม่ได้เข้าไปในวิหารนะ)

ปี 1839

แต่ก็มีมนุษย์กลุ่มนึงที่ล่วงรู้ถึงตำนานชาวครีและอินฮิวแมนรวมถึงไฮฟ์ และมนุษย์กลุ่มนี้ มีสัญลักษณ์เป็นหน้าของไฮฟ์ในร่างอินฮิวแมน ใบหน้าที่มีหนวดยั๊วเยี๊ย มนุษย์กลุ่มนี้พยายามจะนำไฮฟ์กลับโลกมาโดยตลอด โดยการใช้โมโนลิธดำมาทดลองเปิดประตูมิติดวงดาวไปที่ดาวมาร์เวธ

ไฮฟ์ในร่างจริง

 

แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีมนุษย์คนใดกลับมาจากดาวมาร์เวธและพาไฮฟ์กลับโลกได้เลย ต่อมา หนึ่งในมนุษย์กลุ่มนี้คือผู้พัน โยฮัน ชมิธ ก็ก่อตั้งหน่วย ไฮดร้า แห่งลัทธินาซี ไฮดร้าจึงมีสัญลักษณ์เป็นใบหน้าของไฮฟ์ที่มีหนวดยั๊วเยี๊ยนั่นเอง.. 

ปี 1942

ที่ประเทศอเมริกา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังประทุหนักไปทั่วโลก วิศวกรหนุ่มชาวอเมริกัน ฮาเวิร์ด สตาร์ค และ สายลับหญิงทหารอังกฤษ เอเจ้นท์ เพกกี้ คาร์เตอร์ ถูกดึงตัวให้มาช่วยงานในหน่วย SSR ของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยมีผู้พัน เชสเตอร์ ฟิลลิปส์ เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยงานนี้ หน่วย SSR ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อกรกับหน่วยไฮดร้าของเยอรมันที่นำโดย ผู้พัน โยฮัน ชมิธ หรือ เร้ดสกัลล์ โดยเฉพาะ

ปี 1945

ที่ประเทศออสเตรีย ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังจะมาถึงจุดจบ ผู้พันไรฮาร์ตมือขวาของเร้ดสกัลล์แห่งไฮดร้า ก็มากวาดต้อนและจับกุมชาวจีนอพยพในหมู่บ้านเล็กๆที่ออสเตรียแห่งนี้ เพื่อนำตัวไปทดลองบางอย่าง เพราะไรฮาร์ตนั้นล่วงรู้ถึงตำนานชาวครี

ไรฮาร์ตแกะรอยตำนานนั้นมาจนถึงที่นี่ และพบว่าชาวจีนกลุ่มนี้เกี่ยวข้องกับชาวครีแน่นอน จึงคิดจะจับกุมมารีดข้อมูล ซึ่งสิ่งที่ไรฮาร์ตค้นพบในหมู่บ้านชาวจีนที่ออสเตรียก็คือ ดีไวเนอร์ แหล่งกำเนิดพลังของฮินฮิวแมน แต่ไรฮาร์ตไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงเรียกมันว่า โอเบลิสก์ (แปลว่าแท่งเหล็กแหลมโบราณ)

แต่สิ่งที่พิเศษที่ทำให้ไรฮาร์ตตะลึงก็คือ ใครจับต้องแท่งดีไวเนอร์หรือโอเบลิสก์นี้ ล้วนแล้วแต่แข็งเป็นหิน และสลายกลายเป็นขี้เถ้าตายลงไปทุกคน ไรฮาร์ตจึงเกิดความสนใจอย่างมาก และพอสันนิษฐานได้เองว่า มันต้องมีชาวจีนในหมู่บ้านนี้สักคนที่จับโอเบลิสก์แล้วไม่ตาย ไรฮาร์ตจึงกวาดต้อนชาวจีนในหมู่บ้านมาสัมผัสโอเบลิสก์ทีละคน แต่ผลก็คือ ตายไปทีละคน ทีละคน..

ซึ่งในที่สุด ก็มีหญิงสาวชาวจีนผู้นึงที่สัมผัสโอเบลิสก์แล้วไม่เป็นอันตราย หญิงชาวจีนผู้นั้นก็คือ เจียหยิง โดยที่ตัวเจียหยิงเองก็เพิ่งรู้ตัวตอนนี้ว่าตนเองพิเศษ ไรฮาร์ตจึงคิดจะจับเจียหยิงมาผ่าชิ้นส่วนควักอวัยวะเพื่อทดลอง

เจียหยิงเผชิญหน้าไรฮาร์ตครั้งแรก

 

แต่ไรฮาร์ตก็ต้องเลิกล้มไปก่อน เพราะไรฮาร์ตได้ข่าวตามสายมาว่า บัดนี้กองทัพนาซีแห่งเยอรมันพ่ายแพ้สงครามแล้ว ผู้พันชมิธหรือเร้ดสกัลล์ก็ถูกกัปตันอเมริกากำจัดไปด้วย หน่วยไฮดร้าหนีตายกันไปทั่วยุโรป ซึ่งไรฮาร์ตก็ต้องรีบหนีด้วยเช่นกัน จึงจับเจียหยิงไปขังไว้ก่อน เพราะยังไม่มีเวลาผ่าทดลอง และไรฮาร์ตก็รีบสั่งลูกน้องขนย้ายสมบัติทุกอย่างเพื่อหนี

แต่ก็สายไปแล้ว เอเจ้น เพกกี้ คาร์เตอร์ นำหน่วยฮาวลิ่งคอมมาโดของกัปตันอเมริกาบุกมาที่ออสเตรีย และจับกุมไรฮาร์ตได้ทัน เพกกี้ยึดสิ่งของทุกอย่างของไรฮาร์ต และนำไปเก็บไว้ที่ฐานลับของหน่วย SSR ด้วย

เพกกี้ คาเตอร์ มาจับไรฮาร์ต

 

สองสิ่งสำคัญก็คือ แท่งดีไวเนอร์ กับ ศพชาวครี ซึ่งเพกกี้ก็ระบุว่าดีไวเนอร์กับศพครีคือ #084 (084 คือ entirely unknown object หมายความว่าอันตราย และหาที่มาไม่ได้ ซึ่งรวมทั้งคนและสิ่งของ) พร้อมกับส่งไรฮาร์ตไปขังคุกลับของ SSR  เอเจ้นท์คาร์เตอร์ปลดปล่อยชาวจีนที่ถูกไฮดร้ากักขังไปทั้งหมด รวมถึงเจียหยิงด้วย

เจียหยิง จึงออกเดินทางค้นหาตัวตนของตนเองนับตั้งแต่นั้น ในที่สุด เจียหยิงก็พบว่าตนเองคือ อินฮิวแมน ซึ่งพลังของเจียหยิงคือ  ฟื้นฟูร่างกายตนเองได้ ทำให้เธอไม่แก่ลงอีกเลย และถ้าร่างกายฟื้นฟูไม่ทัน เจียหยิงยังสามารถสูบพลังชีวิตของผู้อื่นมาเสริมและซ่อมแซมส่วนสึกหรอในร่างกายตนเองได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

เจียหยิง เดินทางกลับจีนบ้านเกิดของตนเอง เริ่มก่อตั้งสถานที่แห่งนึงซึ่งอยู่บนภูเขาอันห่างไกลในจีน สถานที่นี้เจียหยิงตั้งชื่อว่า อาฟเตอร์ไลฟ์ เพื่อเป็นที่พักพิงและฝึกฝนของพวกพ้องอินฮิวแมน ก่อนที่เธอและอินฮิวแมนรุ่นแรกๆที่เธอช่วยปลุกพลัง จะเริ่มสืบเสาะหาสายเลือดผู้ถูกเลือกไปทั่วโลก

เจียหยิง ผู้ก่อตั้ง อาฟเตอร์ไลฟ์

เพราะที่ผ่านมา สายเลือดผู้ถูกเลือกไม่เคยรวมกลุ่มกันจริงจังเลย เจียหยิงจึงเป็นคนแรกในรอบหลายพันปีที่คิดรวมกลุ่มผู้ถูกเลือก และพามาอยู่ที่อาฟเตอร์ไลฟ์เพื่อปลุกพลังและฝึกควบคุม เมื่อควบคุมพลังได้ดี จึงจะให้กลับไปใช้ชีวิตปกติ และเจียหยิงยังค้นพบวิธีปลุกพลังอินฮิวแมนโดยการสกัดเอาแท่งคริสตัลซึ่งซ่อนอยู่ภายในดีไวเนอร์ออกมาอีกด้วย

ปี 1950 (โดยประมาณ)

ที่อเมริกา หน่วย SSR ถูกยุบลง และมีหน่วยงานลับใหม่ก่อตั้งขึ้นที่ชื่อว่า S.H.I.E.L.D.  โดยผู้ก่อตั้งร่วมกันมี 3 คนคือ ผู้พันฟิลลิป,เพกกี้,และฮาเวิร์ด หลังจากนั้นไฮดร้าที่ยังเหลือรอด ก็แฝงตัวในชิลด์ และเริ่มดึงเจ้าหน้าที่ชิลด์ที่มีจิตใจใฝ่ไม่ดีให้เข้าพวก

ปี 1970 

เนื่องจากมัลลิคเป็นตระกูลใหญ่และน้ำเลี้ยงให้ชิลด์ มัลลิคจึงเข้ามาเป็นสภาความมั่นคงของชิลด์ โดยไม่มีใครรู้ว่า มัลลิคคือไฮดร้าเช่นกัน ตระกูลมัลลิคนั้นบูชาไฮฟ์ และอยู่ในสมาคมลึกลับส่งคนไปดาวมาร์เวธ เมื่อพ่อของ กีเดี้ยน มัลลิค ตายลงไป กีเดี้ยนก็ใช้เล่ห์กลทำให้ นาธาเนียล มัลลิค น้องชายตนเองถูกส่งไปดาวมาร์เวธด้วยโมโนลิธดำ กีเดี้ยนกลายเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลมัลลิค และเริ่มเข้ามามีบทบาทบงการชิลด์นับตั้งแต่นั้น

กีเดี้ยน มัลลิค ในวัยหนุ่ม ไปเยี่ยมไรฮาร์ตในคุกลับชิลด์

 

 

ที่อาฟเตอร์ไลฟ์ ประเทศจีน เจียหยิงมีลูกสาวคนแรกชื่อ โคร่า (ไม่ระบุว่าใครคือพ่อ) เจียหยิงเลี้ยงโคร่าให้เติบโตมาในอาฟเตอร์ไลฟ์ เพิ่อรอคอยเวลาที่โคร่าจะพร้อมถูกปลุกพลังอินฮิวแมน โคร่าในวัยเด็กจึงปกติสุขดีและรักแม่มาก แต่เมื่อเธอเริ่มโตเป็นสาว โคร่าก็เริ่มรู้สึกว่า อาฟเตอร์ไลฟ์ไม่ใช่บ้าน หากแต่เป็นที่คุมขังเธอต่างหาก

ปี 1983

เจียหยิงค้นพบ กอร์ดอน เด็กหนุ่มชาวอเมริกันที่มีสายเลือดผู้ถูกเลือก เจียหยิงจึงพากอร์ดอนมาที่อาฟเตอร์ไลฟ์ แต่หลังจากกอร์ดอนได้ผ่านกระบวนการเทอริเจเนซิสแล้ว กอร์ดอนกลับไร้ซึ่งดวงตาและมองไม่เห็นอีกเลยนับตั้งแต่นั้น หากแต่ได้ความสามารถในการเทเลพอร์ทมาแทน

กอร์ดอนในช่วงวัยเด็ก

 

เจียหยิงจึงช่วยเหลือและเทรนด์กอร์ดอนให้ควบคุมพลังเทเลพอร์ทไว้ให้สเถียร และแนะนำให้กอร์ดอนใช้ความสามารถนี้ช่วยในการมองเห็นในแบบมิติที่แตกต่างอีกด้วย นั่นทำให้กอร์ดอนมีประสาทรับรู้ถึงสิ่งรอบตัวได้ไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไป และกอร์ดอนก็มีวิธี “เห็น” ในแบบของตนเอง ซึ่งในที่สุด กอร์ดอนก็ขึ้นมาเป็นมือขวาคนสนิทของเจียหยิง

และเมื่อถึงเวลาของโคร่าลูกสาวเจียหยิงถูกปลุกพลังบ้าง โคร่ากลับรู้สึกควบคุมพลังนี้ไม่ได้ และเริ่มคิดด้านลบกับแม่และทุกๆคนในอาฟเตอร์ไฟล์ เพราะคนส่วนใหญ่อยากกำจัดโคร่าฆ่าให้ตายยังง่ายกว่าช่วยเหลือ หากแต่เจียหยิงยังห้ามอินฮิวแมนคนอื่นๆไว้ได้ ซึ่งในที่สุด โคร่าก็แหกที่คุมขัง ทำร้ายอินฮิวแมนคนอื่นๆ และขโมยปืนหนีออกมา ก่อนจะไปยิงตัวตายในป่า

โคร่าปลิดชีวิตตนเอง

ปี 1987

เจียหยิงเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น จึงไว้วางใจให้กอร์ดอนดูแลอาฟเตอร์ไลฟ์แทนตนเอง เพื่อที่เธอจะกลับไปใช้ชีวิตมนุษย์ปกติที่บ้านเกิดของเธอในเมืองหยู๋หนาน ประเทศจีน กลับไปอยู่ร่วมกับบรรดาเพื่อนร่วมชะตากรรมครั้งถูกไฮดร้านำโดยไรฮาร์ตจับในยุโรปเมื่อครั้งปี 1945

และที่บ้านเกิดเธอนี้เอง เจียหยิงก็ได้สมัครงานเป็นพยาบาลที่คลีนิคแห่งนึง และพบรักกับหมอหนุ่มชาวอเมริกันที่ชื่อว่า คาลวิน จอห์นสัน ซึ่งเป็นเจ้าของคลีนิค

ปี 1988

ที่เมืองหยู๋หนาน ประเทศจีน เจียหยิงและคาลนั้นรักกันมาก จึงแต่งงานกัน และช่วยกันทำงานที่คลีนิคเรื่อยมา โดยที่เจียหยิงนั้นก็เป็นผู้ช่วยที่ดีของสามีมาตลอด ซึ่งหลังจากเป็นสามีภรรยากันแล้ว เจียหยิงจึงไม่ปิดบังความเป็นมาและประวัติของตนเองกับคาล เจียหยิงเล่าเรื่องพลังอินฮิวแมนของตนและอาฟเตอร์ไลฟ์ รวมถึงเทวทูตผู้มีร่างกายสีฟ้า เรื่องดีไวเนอร์ เรื่องวิหารครี คาลจึงรับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอินฮิวแมน

คาล จอห์นสัน

 

หลังจากแต่งงานไม่นาน เจียหยิงก็ได้ให้กำเนิดลูกสาว คาลจึงตั้งชื่อลูกของเค้าว่า เดซี่ จอห์นสัน ชีวิตของครอบครัวจอห์นสันนั้นดี๊ดีมีความสุขมาตลอด จนกระทั่ง.. ไรฮาร์ตผู้ที่เคยค้นพบเจียหยิงในปี 1945 ที่ออสเตรีย ก็แหกคุกออกมาได้สำเร็จจากการช่วยเหลือของ อเล็กซานเดอร์ เพียซ เจ้าหน้าที่ชิลด์ที่เป็นสายลับไฮดร้าในขณะนั้น

ปี 1989

ที่เมืองหยู๋หนาน ประเทศจีน ไรฮาร์ตสั่งการให้ไฮดร้าซึ่งแฝงตัวอยู่ในหน่วยราชการลับชิลด์ รีบยกกำลังพลมาที่นี่หลายคน และกวาดต้อนผู้อาวุโสคนเก่าคนแก่ในหมู่บ้านไปทั้งหมด  และนำตัวไปที่ฐานลับไฮดร้าเก่าที่ออสเตรีย ที่ซึ่งไรฮาร์ตรออยู่ และแน่นอนว่าเจียหยิงถูกจับไปด้วย

ที่ออสเตรีย คาลนั้นเมื่อรับรู้ว่าเจียหยิงถูกชิลด์จับไป คาลนำหนูน้อยเดซี่ลูกสาวสุดที่รักไปฝากไว้กับเพื่อนบ้านที่คาลไว้ใจ และคาลก็ออกเดินทางไปออสเตรีย แต่ก็สายไปเสียแล้ว เจียหยิงถูกควักเครื่องในกลายเป็นซากศพที่โดนกองทิ้งไว้กลางป่า 

เจียหยิงถูกผ่าควักเครื่องในออกจนหมดตัว

 

(ไรฮาร์ตคิดว่าเจียหยิงตายไปแล้ว แต่จริงๆเธอยังไม่ตายสนิท) หลังจากนั้น ไรฮาร์ตก็ได้พลังของเจียหยิง นั่นคือการไม่แก่ลงอีกเลยนับตั้งแต่นั้น และไรฮาร์ตก็เปลี่ยนชื่อเพื่ออำพรางตนเองเป็น แดเนี่ยล ไวท์ฮอลล์ ก่อนจะหายไปในเงามืดของยุโรป เพื่อชักใยไฮดร้าร่วมกับมัลลิคและเพียซ

เมื่อคาลไปถึงออสเตรีย จึงพบเพียงร่างที่หายใจอย่างรวยรินของเจียหยิงใกล้ตายเต็มที คาลเสียใจอย่างที่สุด แต่คาลก็ไม่อาจตัดใจจากเจียหยิงได้ และคาลก็หวังจะให้ภรรยาที่รักฟื้นขึ้นมา เพราะรู้ว่าภรรยานั้นมีพลังในการฟื้นฟูร่างกาย

คาลกำลังกอดร่างเจียหยิงที่เละเทะ

 

ที่อเมริกา คาลจึงนำเจียหยิงไปที่แลปฯส่วนตัวของตนเองที่อเมริกา เพื่อผ่าตัดเย็บประกอบร่างเจียหยิงขึ้นมาใหม่ ระหว่างช่วงเวลานี้ คาลก็ใช้ความรู้ทางสูตรเคมีของตนทดลองผสมสูตรยาขึ้นมาเพื่อทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน หลังจากนั้นสักพัก เจียหยิงก็ฟื้นคืนสติด้วยลมหายใจที่รวยระริน คาลดีใจมากที่เมียฟื้นคืนชีพ จึงรีบนำเจียหยิงกลับไปที่จีน

ที่เมืองหยู๋หนาน ประเทศจีน หลังจากคนในหมู่บ้านหายไปส่วนนึง ไฮดร้าในคราบชิลด์ก็รายงานไปยังฐานใหญ่ของชิลด์ว่า เจียหยิงและคาลไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยการลักพาตัวพวกผู้เฒ่าไปนั่นเอง ก่อนจะโบ้ยไปให้เป็นความผิดของเจียหยิงกับคาลในเรื่องเหตุวุ่นวายที่นี่ และทั้งสองก็มีลูกด้วยกัน ฐานใหญ่ชิลด์จึงให้จนท.ชิลด์นำตัวเดซี่กลับมาที่ชิลด์ และระบุว่าเดซี่คือ #0-8-4 ที่มีชีวิต และทิ้งให้จนท.ชิลด์บางส่วนเก็บกวาดที่หมู่บ้านให้เรียบร้อย

เมื่อคาลและเจียหยิงมาถึงที่หมู่บ้านในประเทศจีน และไม่พบเดซี่ลูกสาวสุดที่รักตัวน้อย คาลจึงระเบิดโทสะอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้คาลดื่มยาสูตรเพิ่มพลังของตนเองไปด้วย ทำให้ไม่มีจนท.ชิลด์คนไหนหยุดคาลได้

ขณะที่คาลกำลังจะฆ่าจนท.ชิลด์ เจียหยิงก็ให้คาลนำคนเหล่านั้นมาใกล้เธอ และเจียหยิงก็ดูดพลังชีวิตของจนท.ชิลด์เหล่านั้นจนแห้งตายกันหมดทุกคน เจียหยิงจึงฟื้นพลังและซ่อมแซมร่างกายขึ้นมาได้อีกเยอะ รักษาอาการบาดเจ็บได้

เจียหยิงมีรอยแผลเป็นจากการโดนหั่นบนใบหน้า

 

จนท.ชิลด์ที่รอดตายจากเหตุการณ์นี้ จึงรีบหนีกลับอเมริกาพร้อมด้วยหนูน้อยเดซี่นั่นเอง เรื่องจึงสอดคล้องพอดิบพอดีที่ไฮดร้าในคราบชิลด์รายงานไป ว่าทั้งสองผัวเมียอันตราย จนท.ชิลด์ที่รอดตายจากเหตุการณ์นั้น จึงขนานนามคาลและเจียหยิงว่าคือ ปีศาจ และเดซี่ ก็คือลูกปีศาจ

ด้านเจียหยิงหลังจากคืนพลังได้สมบูรณ์ ก็เดินทางมาอเมริกากับคาล เพื่อสืบหาเดซี่ คาลนั้นหารายชื่อจนท.ชิลด์ชุดปฎิบัติภารกิจที่มาลักพาตัวเดซี่ไป และเริ่มออกตามล่าทีละคน โดยให้เจียหยิงดูดพลังชีวิตจนท.ชิลด์เหล่านั้น ปีศาจได้ตามพวกเขามาที่อเมริกาแล้ว..

จนกระทั่งเหลือสองคนสุดท้ายในภารกิจต้องสาปนั้น นั่นก็คือ จนท.รัมลี่ย์ และ จนท.เอเวอรี่ ทั้งสองจึงคิดทำสิ่งที่ควรจะทำมาตั้งแต่แรก คือนำเดซี่ไปเข้าโปรแกรมสลายตัวตน จนท.เอเวอรี่จึงนำตัวหนูน้อยเดซี่ไปที่สำนักชีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เซ้นต์ แอ๊กเนส กลางกรุงนิวยอร์ค (เซนต์แอ๊กเนสคือที่เดียวกับ แมต เมอด็อก หรือ แดร์เดวิล เคยอยู่เช่นกัน) และเดซี่ก็ได้รับชื่อใหม่อย่างเป็นทางการว่า แมรี่ ซู พอทท์

เมื่อคาลกับเจียหยิงลุยมาถึงตัวจนท.เอเวอรี่ จนถึงในวาระสุดท้าย จนท.เอเวอรี่ก็ไม่ยอมบอกที่ซ่อนของเดซี่ และเธอก็ตายโดยฝีมือพ่อแม่ของเดซี่ในที่สุด ตอนนี้จึงเหลือเพียงจนท.ลัมลี่ย์เพียงคนเดียวในภารกิจที่จีนซึ่งยังรอดตายอยู่ จนท.ลัมลี่ย์ลาออกจากชิลด์ทันที และหลบหนีหายไปเลยตั้งแต่บัดนั้น เพราะด้วยความที่เขาเป็นสายลับ จึงไม่มีใครได้ข่าวจนท.ลัมลีย์อีกเลย..

ทั้งสองผัวเมียจึงถึงทางตัน เมื่อไม่มีเบาะแสให้สืบหาตัวเดซี่ต่อไป เจียหยิงจึงหมดอาลัยตายอยากเดินทางกลับไปอาฟเตอร์ไลฟ์ถิ่นที่อยู่ของอินฮิวแมน ทิ้งให้คาลออกตามหาเดซี่เพียงลำพังนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งคู่จึงแยกทางกันโดยปริยาย หลังจากนั้น คาล จอห์นสัน ก็เปลี่ยนชื่อเป็น คาลวิน ซาโบ และคาลก็ย้ายถิ่นที่อยู่ไปเรื่อยๆในหลายประเทศ เพื่อตามหาเดซี่ลูกสาวตน

 

ปี 1995

ฟิล โคลสัน เรียนจบหลักสูตรสายลับของชิลด์อคาเดมี่ และได้บรรจุเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ 1 ของชิลด์ โดยโคลสันได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับ นิค ฟิวรี่เอเจ้นท์ระดับ 3 มาโดยตลอด หลังจากนั้น ฟิวรี่ก็ไว้ใจในตัวโคลสันมาก

โคลสัน เจ้าหน้าที่ใหม่ของชิลด์

 

ปี 1997

ที่อเมริกา ขณะที่ เดซี่ จอห์นสัน หรือ แมรี่ซู พอทท์ ลูกสาวของคาลกับเจียหยิงอายุได้ 9 ขวบ ครอบครัวโบรดี้ก็ต้องการอุปถัมภ์รับเธอไปเลี้ยงดู แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ครอบครัวโบรดี้นั้นทนความซ่าของเธอไม่ได้ จึงนำตัวตัวเธอคืนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเซนท์แอ๊กเนส เดซี่ไม่ชอบชื่อใหม่ของเธอที่ชื่อว่า แมรี่ซู เธอจึงลบประวัติชื่อนี้ของเธอออก และเรียกตัวเองว่า สกาย นับแต่นั้น

ปี 1999 ถึงปี 2005 

แกรนท์ วอร์ด เด็กหนุ่มอดีตนักเรียนทหารผู้หลงทาง ถูกจอห์น กาเร็ต บ่มเพาะให้กลายเป็นสายลับสองหน้าให้ไฮดร้า ก่อนที่กาเร็ตจะส่งให้วอร์ดเข้าไปเรียนที่สถาบันของชิลด์อคาเดมี่ เพื่อให้จบหลักสูตรและแทรกซึมชิลด์ในฐานะสายลับ เพื่อรอเวลาที่จะล่มชิลด์ในอนาคต

แกรนท์ วอร์ด 

 

ปี 2007

เจียหยิงและกอร์ดอนก็ได้ค้นพบกับสองแม่ลูกชาวรัสเซีย ซึ่งเป็นสายเลือดผู้ถูกเลือก สองแม่ลูกนั้นคือ อีวา เบลยาคอฟ คนเป็นแม่ และลูกสาวชื่อ แคตย่า เบลยาคอฟ

ที่อาฟเตอร์ไลฟ์ กอร์ดอนจึงเทเลพอร์ทพาทั้งสองแม่ลูกมาที่อาฟเตอร์ไลฟ์ และปลุกพลังอีวาผู้เป็นแม่เพียงคนเดียว ซึ่งพลังของอีวานั้นคือ ร่างกายทรงพลังขึ้น ประสาทสัมผัสสูงขึ้น แต่แคตย่าลูกสาวของอีวานั้นได้รับการประเมินจากจิตแพทย์ของอินฮิวแมนว่าเธอมีปัญหาทางจิต เจียหยิงจึงไม่ปลุกพลังแคตย่า เพราะเธอควบคุมตัวเองไม่ได้

อีวา เบลยาคอฟ

 

อีวานั้นไม่รับฟังคำตักเตือนของเจียหยิง ว่าแคตย่าจะอันตรายมากถ้าถูกปลุกพลัง ด้วยความรักลูก และอยากให้ลูกได้รับพลังอันแสนวิเศษเหมือนที่ตนเองได้รับ อีวาจึงขโมยเทอริเก้นคริสตัลไปหนึ่งแท่ง ก่อนจะพาลูกหลบหนีกลับไปที่รัสเซีย

ที่รัสเซีย หลังจากหนีกลับมาที่รัสเซีย อีวารีบจัดการปลุกพลังแคตย่าทันที เพราะกลัวกอร์ดอนจะรู้ที่ซ่อนและตามมา อีวาโยนคริสตัลลงพื้นให้คริสตัลแตก และเกิดหมอกกระจายฟุ้งไปทั่วห้อง ซึ่งหมอกนั้นก็คือเทอริเก้นมิส

หลังจากผ่านกระบวนการเทอริเจเนซิส แคตย่าก็ออกมาในสภาพร่างกายปกติ หากแต่พลังของแคตย่านั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง นั่นคือการบังคับควบคุมจิตใจใครก็ได้หลังจากสัมผัสร่างกายผู้นั้นเพียงครั้งเดียว

แคตย่า

 

และที่น่ากลัวกว่าก็คือ แคตย่ายังใส่ความเจ็บปวดไปในร่างกายจนถึงตายได้ในทันทีจากการสัมผัสอีกด้วย โดยรวมแล้วคือบังคับควบคุมบงการทุกอย่าง รวมถึงความเป็นความตายได้ถ้าโดนแคตย่าสัมผัสนั่นเอง

ที่อเมริกา สกาย เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น สกายก็หนีออกมาจากเซนท์แอ๊กเนส และออกมาใช้ชีวิตภายนอกเพียงตัวคนเดียว จุดประสงค์หลักของสกายคือตามหาพ่อ-แม่ที่แท้จริงของตนเอง แต่สกายค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน๊ตอย่างไร สกายก็ไม่เคยพบวี่แววอดีตของตนเองเลย สกายจึงฝังใจและต่อต้านการปิดบังข้อมูลของรัฐฯ

สกาย หรือ เดซี่ จอห์นสัน

 

ปี 2008

ที่รัสเซีย แคตย่าควบคุมอีวาแม่ของเธอให้ทำโน่นทำนี่ให้ตลอด อีวาจึงไม่เหลือตัวตนของตัวเอง และไม่ได้สติอีกเลยนับตั้งแต่ปลุกพลังให้แคตย่า จนกระทั่งอีวาที่ถูกแคตย่าควบคุมอยู่นั้นโดนรถชนอย่างหนักที่รัสเซีย แต่อีวากลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย หากแต่รถคันนั้นพังยับเยิน และสองแม่ลูกอินฮิวแมนก็หนีไปอยู่ที่บาห์เรน

ที่บาห์เรน เรื่องผู้หญิงทรงพลังรถชนแล้วยังเดินเฉยได้นี้ รู้ไปถึงหน่วยชิลด์ ผ.อ.ฟิวรี่จึงส่งเอเจ้นท์โคลสันและเอเจ้นท์เมย์ไปพบกับอีวาที่บาห์เรนเพื่อนำตัวกลับชิลด์ (ฟิวรี่อยากให้อีวามาอยู่ทีมอเวนเจอร์ ช่วงก่อนจะเจอโทนี่ด้วยซ้ำ)

โคลสันและเมย์ในภารกิจบาห์เรน

ซึ่งเรื่องอีวาอาละวาดในบาห์เรนนี้ ก็ล่วงรู้ไปถึงเจียหยิงด้วย เพราะเจียหยิงตามหาอีวาและแคตย่ามาเป็นปี เพื่อจะจับกลับไปอาฟเตอร์ไลฟ์ เจียหยิงเกรงว่าสังคมอินฮิวแมนของตนเองจะถูกเปิดเผยเพราะแม่ลูกคู่นี้ กอร์ดอนจึงพาเจียหยิงเทเลพอร์ทมาที่บาห์เรน แต่เจียหยิงและกอร์ดอนก็มาช้าเกินไป เพราะชิลด์ตรึงพื้นที่ไว้หมดแล้ว

เจียหยิงและกอร์ดอนเฝ้าดูชิลด์จัดการสองแม่ลูก

 

โคลสันคอยสกัดทหารบาห์เรนข้างนอก ส่วนเมย์ก็เข้าไปดวลกับชาวบาห์เรนมากมายที่โดนแคตย่าควบคุมในเซฟเฮ้าส์ผู้ก่อการร้าย รวมถึงทหารคาลวารี่เพื่อนๆในชิดล์ของเธอก็โดนแคตย่าควบคุมด้วย แต่เมย์ยังไม่รู้ว่าอะไรควบคุมคนเหล่านี้ เมย์สังหารชาวบาห์เรนทั้งหมดในนั้น และสังหารอีวาลงไปด้วย

ตอนนี้เองที่เมย์รู้ว่าผู้บงการตัวจริงคือแคตย่าสาวน้อยโรคจิต และแคตย่าก็ถูกเอเจ้นท์เมย์กลั้นใจสังหารไปอีกคน เมย์จึงเป็นคนซึมเศร้าเก็บกดนับตั้งแต่นั้น และเพื่อนๆในชิลด์ที่รอดตายจึงให้ฉายาเมย์ว่า เดอะคาลวัลรี่ หรือ ทหารม้า

เมย์กอดร่างไร้ชีวิตของแคตย่า

 

ซึ่งเรื่องราวนี้มีเพียงเมย์คนเดียวที่รับรู้ถึงพลังของแคตย่า แต่เมย์ก็ยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเผ่าพันธุ์อินฮิวแมน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาฟเตอร์ไลฟ์จึงต้องคุมเข้มกับพวกพ้องตนเองมากขึ้น เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนอย่างในบาห์เรน

ปี 2009 ถึง 2012

ที่อเมริกา สกาย เอาตัวรอดได้เรื่อยมาจนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนเข้าสู่วัยสาว แข็งแกร่งด้านเอาตัวรอดในสังคม ด้วยความที่เธอเป็นเด็กกำพร้า ทำให้เธอรู้วิธีเอาตัวรอดและหลบหลีก รวมถึงมือไวและมือเบาด้วย บวกกับฝีมือด้านคอมพิวเตอร์ที่โดดเด่นของเธอ และอุดมการณ์อันแรงกล้าที่สกายต่อต้านการปิดบังข้อมูลของรัฐฯ ในที่สุดสกายก็ได้เข้าร่วมในกลุ่มสุดยอดนักแฮคเกอร์ของอเมริกาอย่างกลุ่ม ไรซิ่งไทด์

สกายใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในรถตู้ของเธอ ซึ่งมีอุปกรณ์การกระจายสัญญาณวิทยุของกลุ่มไรซิ่งไทด์ และระบบคอมพิวเตอร์สุดไฮเทคเสร็จสรรพอยู่ภายใน รวมถึงที่หลับที่นอนด้วย

สกายกับรถตู้ของเธอ

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่สกายเข้ากลุ่มแฮคเกอร์ระดับโลกนี้ ชื่อเสียงของสกายจึงเลื่องลือไปทั่วในฐานะแฮคเกอร์ฝีมืออันดับต้นๆของโลก ทั้งในหมู่ของผู้ก่อการร้าย และหน่วยงานลับของรัฐบาลอย่างหน่วยชิลด์

ปี 2012

บนยานแฮลิเคเออร์ เอเจ้นท์ ฟิล โคลสัน(ระดับ8) แห่งหน่วยชิลด์ ถูกเทพเจ้าแห่งเล่ห์กล โลกิ แทงด้วยคฑาควบคุมจิตใจจากด้านหลังทะลุไปข้างหน้า ในขณะที่โคลสันหมดลมหายใจเพียงครู่เดียว ผ.อ.นิค ฟิวรี่(ระดับ10) ก็รีบสั่งให้หน่วยแพทย์นำร่างของโคลสันออกไปจากแฮลิเคเออร์โดยด่วน และมุ่งตรงไปที่โปรเจคตาฮิติ เพื่อคืนชีพโคลสันทันที ซึ่งโปรเจคนี้ คือการนำเลือดจากศพชาวครีที่หน่วย SSR พบในปี 1945 ที่ออสเตรีย มาฉีดใส่ผู้ทดลองเพื่อคืนชีพ

โคลสันตายด้วยฝีมือโลกิ

 

จบบทที่ 1 

ติดตามบทที่ 2 “กำเนิดทีมโคลสัน”

ผู้เขียน หลวงจีนหอไตร

Hello! Every one. จุดเริ่มต้นงานเขียนของผมก็คือ ผมเป็นนักอ่านก่อนครับ และที่ผ่านมาผมก็หาอ่านงานเขียนแนวสรุปภาพยนตร์ยากเย็นเหลือเกิน ผมจึงเริ่มเขียนบทความเองและสร้างเว็บไซต์เองซะเลย

ดูโพสท์ทั้งหมด