เนื้อเรื่อง Mission: Impossible ทั้ง 6 ภาค

หมวดหมู่ FILM ผู้เขียน

Ethan Matthew Hunt เกิดที่เมืองซีราคิวน์ รัฐนิวยอร์ค เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของ Donald Hunt และ Margaret Hunt เมื่ออีธานเติบโตขึ้น อีธานก็ตัดสินใจสมัครเข้ากองทัพเพื่อรับใช้ชาติหลังจากจบไฮสคูล

อีธานได้ศึกษาเป็นทหารฝึกหัดของสุดยอดหน่วยรบอย่างหน่วย “Ranger” เมื่ออีธานเรียนจบหลักสูตร ก็ได้เข้าสังกัดหน่วยแรงเจอร์แห่งกองทัพสหรัฐฯ  อีธานรับใช้ชาติในฐานะหน่วยแรงเจอร์หลายปี ก่อนที่จะออกจากกองทัพเพื่อเข้าศึกษาในมหาลัยเพนซิลวาเนีย และจบการศึกษาในระดับปริญญา

หลังจากเรียนจบ อีธานก็ได้เข้าไปทำงานที่หน่วยข่าวกรองลับสุดยอดของรัฐบาล นั่นคือ CIA หลังจากอีธานอยู่ซีไอเอได้ไม่นาน อีธานก็ถูกคัดเข้าไปในหน่วยงานที่ลับยิ่งกว่าลับอีกชั้น นั่นก็คือหน่วย IMF

Impossible Missions Force หรือเรียกย่อๆว่าหน่วย IMF คือหน่วยงานลับอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งอยู่ภายในตึกบัญชาการใหญ่ของ Central Intelligence Agency หรือเรียกย่อๆว่า CIA อีกทีนึง ซึ่งตึกบัญชาการซีไอเอและไอเอ็มเอฟนี้ตั้งอยู่ที่แลงลีย์ อเมริกา

หน่วยไอเอ็มเอฟขึ้นตรงกับรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯโดยตรง ลับกว่าซีไอเอ  และซีไอเอนั้นก็ไม่ก้าวก่ายงาน เป็นเอกเทศ โดยที่หน่วยงานไอเอ็มเอฟนี้จะมีอิสระในการคัดสรรบุคคล เพื่อเข้ามาฝึกฝนให้เป็นสุดยอดสายลับตัวฉกาจ อาจจะเลือกจากเจ้าหน้าที่ของซีไอเอ หรือคัดเลือกจากหน่วยงานอื่นก็ได้ หรือจากบุคคลภายนอกก็ได้ ที่สำคัญ เจ้าหน้าที่ภาคสนามทุกคน ต้องผ่านการทดสอบก่อน จึงจะได้รับอนุญาตให้ออกไปปฎิบัติภารกิจภาคสนามได้ และเจ้าหน้าที่ภาคสนาม จะไม่ค่อยกลับเข้าสำนักงานใหญ่ไอเอ็มเอฟในแลงลีย์ ถ้าไม่มีความจำเป็นหรือต้องเข้าไปสรุปงาน ก็จะระหกระเหเร่ร่อนแฝงตัวเป็นสายลับสองหน้าอยู่ที่ต่างๆทั่วโลกไปเรื่อย

ไอเอ็มเอฟ ต้องถามความสมัครใจของอีธานก่อนเบื้องต้น เพราะนี่จะเป็นหน่วยงานที่ถูกปฎิเสธการมีตัวตนจากรัฐบาล ภารกิจทุกๆอย่างจะต้องทำในเงามืดตลอด

เมื่ออีธานตกลงยอมรับกับเงื่อนไข หน่วยไอเอ็มเอฟจึงให้เจ้าหน้าที่ระดับสูง Jim Phelps (จิม เฟลป์) ทำการเทรนด์สกิลสายลับขั้นแอดวานซ์ให้อีธานเข้าไปอีก ถึงอีธานจะเคยเป็นหน่วยแรนเจอร์ที่เก่งกาจมาแล้วก็ตาม และเมื่ออีธานผ่านทุกๆหลักสูตรที่จิมเทรนด์ให้ อีธานจึงเข้าสู่การเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามของไอเอ็มเอฟทันที

อีธาน ฮันท์  แห่ง ไอเอ็มเอฟ 

 

ไม่กี่เดือนต่อมา อีธานก็ถูกเลือกจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไอเอ็มเอฟให้เข้าร่วมทีม เจ้าหน้าที่จอมเก๋าระดับสูงผู้นั้นก็คือ จิม เฟลป์ ผู้ที่เทรนด์อีธานมากับมือนั่นเอง และอีธานก็ทำภารกิจช่วยเหลือทีมของจิมได้อย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด

 

บทที่ 1 ปฏิบัติการจับหนอนบ่อนไส้ผู้ทรยศ

 

ปี 1996 อีธาน ฮันท์ อายุ 32 ปี ในระหว่างที่อีธานและเพื่อนร่วมทีมกำลังวางแผนจัดฉากล้วงข้อมูลอาชญากรอยู่ที่เมืองเคียฟประเทศยูเครนนั้น จิมซึ่งปล่อยให้ทีมของตนทำภารกิจที่เคียฟกันเอง โดยที่ตนไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย

อีธานกำลังปลอมตัวเพื่อล้วงข้อมูลจากอาชญากรในยูเครน

 

รายละเอียดภารกิจคือ เจ้าหน้าที่สถานทูตของสหรัฐฯประจำสาธารณรัฐเช็กที่ชื่อ Alexander Golitsyn กำลังจะขโมยข้อมูลของสายลับอเมริกันที่แฝงตัวอยู่ทั่วโลกทั้งหมด และนำรายชื่อสายลับเหล่านั้นไปขายให้ผู้ก่อการร้าย ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องมีทั้งชื่อของสายลับซีไอเอและไอเอ็มเอฟด้วย

การที่จะเข้าดูรายชื่อสายลับทั้งหมดได้นั้น ต้องใช้ชุดรหัสสองชุด จึงจะเปิดเผยข้อมูลนี้ได้ แต่ตอนนี้โกลิธซินได้รหัสไปเพียงแค่ชุดเดียว ยังมีรหัสอีกชุดอยู่ที่สถานทูตสหรัฐฯในกรุงปร้ากประเทศสาธารณเช็ก ซึ่งอีกหนึ่งวันจะมีงานเลี้ยงที่สถานทูตนี้ และโกลิธซินจะใช้จังหวะนี้ขโมยข้อมูลอีกส่วน

และภารกิจที่ทีมไอเอ็มเอฟของจิมได้รับนั้น คือแฝงตัวสะกดรอยตามโกลิธซินไปในงานเลี้ยง ถ่ายรูปการจารกรรมนี้มา และติดตามโกลิธซินไปจนถึงตัวผู้ซื้อ ก่อนที่จะรวบตัวมาให้ได้ทั้งหมด

ภารกิจจับตัวโกลิธซินและผู้ซื้อที่ Jim Phelps ได้รับจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน

 

แต่ความจริงนี่คือภารกิจลวงของสำนักงานใหญ่ไอเอ็มเอฟ แท้จริงแล้วรายชื่อสายลับทั่วโลกทั้งหมดนั้นถูกเก็บไว้ที่แลงลีย์นั่นเอง แต่ที่ไอเอ็มเอฟปล่อยข่าวลวงไปว่า รายชื่ออยู่ในสถานทูตที่ปร้าก ก็เพราะว่า ไอเอ็มเอฟจับได้ว่ามีหนอนบ่อนไส้อยู่ในองค์กร โดยที่หนอนบ่อนไส้คนนี้ทำให้ปฎิบัติการของไอเอ็มเอฟโดยเปิดเผย และทำให้ภารกิจล้มเหลวไปหลายครั้งในรอบสองปีที่ผ่านมา

ไอเอ็มเอฟจึงต้องการจับสายลับหนอนบ่อนไส้ผู้นี้ให้ได้ว่าเป็นใคร จนกระทั่งไอเอ็มเอฟแกะข้อมูลได้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ล้มภารกิจไอเอ็มเอฟตลอดสองปีที่ผ่านมาก็คือ นักค้าอาวุธยุโรปตัวอันตรายที่ใช้ชื่อว่า MAX โดยหนอนบ่อนไส้คนนี้ขายข้อมูลให้กับแม๊กซ์นั่นเอง ไอเอ็มเอฟยังสืบทราบมาอีกด้วยว่า แม็กซ์และหนอนบ่อนไส้นั้น ใช้การติดต่อกันในอินเตอร์เน็ต โดยมีแค่เบาะแสชื่ออีเมลของหนอนคนนี้ว่า ” JOB 3:14 “

Alexander Golitsyn เจ้าหน้าที่สถานทูตของสหรัฐฯประจำสาธารณรัฐเช็กผู้ทรยศขายชาติ

 

และปฎิบัติการจับตัวหนอนบ่อนไส้ก็มาถึง เพราะเมื่อไอเอ็มเอฟสืบรู้ว่า แม็กซ์ต้องการรายชื่อสายลับอเมริกันทั่วโลก โดยที่แม็กซ์ติดต่อซื้อตัวโกลิธซินให้ไปจารกรรมข้อมูลนั้น ไอเอ็มเอฟจึงสร้างหลักฐานลวงว่า การจะเข้าถึงข้อมูลรายชื่อสายลับอเมริกัน ต้องเข้าไปเอามาจากห้องลับใต้ดินในสถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงปร้ากนี่เอง และแน่นอนซะเหลือเกินว่า แม็กซ์ก็ต้องจ้างหนอนบ่อนไส้คนเดิมมาทำการจารกรรมนี้ด้วย จึงเข้าทางไอเอ็มเอฟในการหาตัวหนอนบ่อนไส้

นั่นก็คือภารกิจที่แท้จริงซึ่งจิมได้รับ คือจับตัวหนอนบ่อนไส้ แต่จิมก็ไม่รู้ภารกิจที่แท้จริงของไอเอ็มเอฟ จิมจึงรวมทีมที่เซฟเฮาส์ในกรุงปร้าก และอธิบายแผนการและขั้นตอนภารกิจจับตัวโกลิธซินและผู้ซื้อคนนี้ โดยที่แผนต่างๆนั้น จิมก็สร้างแผนลวงอีกชั้น เพื่อจะสังหารสมาชิกในทีมตัวเองปิดปาก เพราะ จิม เฟลป์ ก็คือหนอนบ่อนไส้ที่ไอเอ็มเอฟตามจับตัวนั่นเอง..

ทีมสายลับของ Jim Phelps กำลังจะถูกจิมผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวางแผนลวงไปสังหารปิดปาก

 

หน้าที่แต่ละคนในทีมไอเอ็มเอฟของจิมก็คือ :

Jim Phelps จิมหัวหน้าทีม จะสั่งการและสื่อสารกับทุกคนในทีมที่เซฟเฮ้าส์ ซึ่งเซฟเฮาส์นี้อยู่ใกล้ๆสถานทูตไม่กี่ช่วงตึก และจิมจะสั่งการระบบทุกๆอย่างเห็นกล้องทุกๆตัวในสถานทูตที่ Jack Harmon จะส่งมาให้

Jack Harmon แจ็คจะลอบเข้าไปอยู่ในช่องลิฟท์ เพื่อแฮคระบบ รปภ. ของสถานทูต และทำการเชื่อมต่อระบบทุกอย่างในสถานทูตเพื่อควบคุมเอง และส่งระบบควบคุมนี้ไปให้จิมที่เซฟเฮ้าส์

Sarah Davies และ Ethan Hunt อีธานจะปลอมตัวเป็นวุฒิสมาชิกวอเซอร์เข้าไปในงานเลี้ยง ส่วนซาร่าจะปลอมตัวเป็นผู้รับรองวุฒิสมาชิก ก่อนที่ทั้งสองจะลอบลงไปชั้นใต้ดินซึ่งเป็นห้องที่มีรายชื่อสายลับชุดอีกชุดนึงอยู่ เพื่อตั้งแว่นตาที่มีกล้องบันทึกภาพขณะที่โกลิธซินกำลังจารกรรมนั่นเอง และทั้งคู่จะออกมารอโกลิธซินข้างนอก เพื่อสะกดรอยตามต่อไป

Hannah Williams ฮานน่าจะแฝงตัวไปเป็นหนึ่งในแขกในงานเลี้ยง และจะอยู่บนไดชั้นสอง เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของโกลิธซินในมุมสูง และรายงานให้เพื่อนร่วมทีมทราบอย่างต่อเนื่อง เมื่อฮานน่าเสร็จสิ้นหน้าที่ นั่นคือโกลิธซินลงลิฟท์ไปชั้นใต้ดินแล้ว เธอจะออกไปขึ้นรถของ Claire Phelps เพื่อทำภารกิจต่อไป

Claire Phelps แคล์จะรออยู่ในรถข้างนอก เพื่อรอให้อีธานและซาร่าแจ้งมาว่า โกลิธชินขึ้นยานพาหนะใดไป และแคลร์กับฮานน่าจะขับรถสะกดรอยตามไปหาตัวผู้ซื้อที่โกลิธซินจะต้องไปพบนั่นเอง

แว่นตาที่มีกล้อง กับนาฬิกาข้อมือที่ได้รับภาพจากแว่นตา ไอเทมสำคัญในภารกิจที่ทุกคนในทีมต้องใช้

 

จิม เฟลป์ จ้างอดีตสายลับที่ชื่อ franz krieger (ฟรานซ์ ครีเกอร์) มาช่วยเหลือในภารกิจสังหารลูกทีมตนเองในครั้งนี้ด้วย และเมื่อถึงเวลาปฎิบัติบัติการ โกลิธซินก็เข้าไปขโมยข้อมูลชุดที่สองตามแผน อีธานและซาร่าไปตั้งแว่นตากล้องวีดีโอสอดแนมไว้ในห้องข้อมูล เพื่อจับภาพขณะโกลิธซินขโมยข้อมูล และฮานน่าก็ถอนตัวออกไปจากภารกิจเป็นคนแรก เพราะงานเเฝ้าระวังของเธอเสร็จสิ้นแล้ว

ฮานน่า กับภารกิจจับตาโกลิธซิน

 

และก็มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อจิมสั่งให้ลิฟท์ทำงานและเลื่อนขึ้นไปชั้นบนสุด ซึ่งในช่องลิฟท์มีแจ็ค สายลับฝ่ายเทคนิคอยู่ในนั้น ทำให้แจ็คถูกดันขึ้นไปชั้นบนสุด อัดกับเหล็กแหลมนิรภัย ตายในทันที เมื่อจิมสังหารแจ็คสำเร็จไปหนึ่งคนแล้ว จิมก็รีบออกไปจากเซฟเฮ้าส์ ทำทีว่าจะถอนกำลังยกเลิกภารกิจเตรียมหนี แต่แท้จริงจิมออกมาจากเซฟเฮ้าและวิ่งไปบนสะพาน ซึ่งอยู่ระหว่างเซฟเฮ้าส์กับสถานทูตเพื่อดำเนินการแผนสังหารลูกทีมต่อไป

Jack Harmon หนึ่งในทีมจิมโดนจิมสังหารในช่องลิฟท์

 

ทางด้านซาร่าและอีธานนั้น หลังจากรับรู้ว่าแจ็คเพื่อนร่วมทีมโดนสังหารไปหนึ่งคน อีธานและลูกทีมของจิมทุกคนก็ได้รับคำสั่งจากจิมให้ยกเลิกภารกิจทันที แต่อีธานไม่ฟัง จังหวะเดียวกันนั้น โกลิธซินก็ออกมาจากสถานทูต อีธานจึงตั้งใจที่จะตามโกลิธซินไปเพื่อหาตัวผู้ซื้อ แต่อีธานก็ได้รับการติดต่อมาจากจิม ว่าจิมกำลังถูกใครบางคนติดตามขณะอยู่บนสะพาน (ซึ่งไม่มีใครตามจิม เพราะจิมโกหกเพื่อล่ออีธานให้มาติดกับ)

อีธานจึงให้ซาร่าติดตามโกลิธซินไปเพียงคนเดียว ส่วนตัวอีธานรีบวิ่งไปหาจิมเพื่อช่วยเหลือ ระหว่างทางอีธานก็เห็นแคลร์ภรรยาของจิมรออยู่ในรถเพื่อทำภารกิจต่อไป ทั้งคู่สบตากับแวบเดียว อีธานก็รีบมุ่งไปหาจิม

Claire Phelps นั่งรอคำสั่งภารกิจต่อไปอยู่ในรถ

 

แต่แล้วอีธานก็ได้ยินจิมโดนยิงจากปืนเก็บเสียงสองนัด เมื่ออีธานก้มดูนาฬิกาข้อมือซึ่งบนหน้าปัดเป็นภาพที่ส่งมาจากแว่นตาของจิม อีธานก็ได้เห็นปืนแวบนึง และจิมใช้มือตนเองจับเสื้อที่ชุ่มเลือด ก่อนที่จิมจะตกลงจากสะพานลงสู่แม่น้ำ อีธานวิ่งรีบไปอีกอึดใจเดียว ก็ถึงยังจุดบนสะพานที่จิมโดนยิง แต่ไม่ทันเสียแล้ว จิมตกสะพานลงไปในแม่น้ำแล้ว และอีธานก็ไม่พบมือสังหาร

Jim Phelps จัดฉากว่าตนเองโดนมือสังหารลึกลับยิงตกสะพานไป

 

เมื่ออีธานพบว่า ภารกิจนี้พังไม่เป็นท่า จิมก็โดนเก็บไปแล้ว อีธานจึงสื่อสารย้ำกับทุกคนในทีมให้ถอนตัวอีกครั้ง และรีบวิ่งกลับไปหาซาร่า ฮานน่าซึ่งถอนตัวออกมากำลังจะเปิดประตูขึ้นรถแคลร์ แต่แล้วรถคันนั้นก็ระเบิด ซึ่งอีธานเห็นรถระเบิดคาตาขณะกำลังวิ่งกลับพอดี และผู้ที่กดสวิทซ์ระเบิดรถ ก็คือจิม ที่ว่ายจากแม่น้ำมาขึ้นฝั่งเพื่อกดสวิทซ์ระเบิดนั่นเอง

Hannah Williams หนึ่งในทีมจิมโดนจิมสังหารด้วยการระเบิดรถ

 

ตอนนี้อีธานคิดว่า เพื่อนในทีมตายเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงซาร่าคนเดียว อีธานจึงรีบวิ่งกลับไปหาซาร่า แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ซาร่ากับโกลิธซินก็โดนครีเกอร์ลอบสังหารทั้งคู่ ครีเกอร์ยังนำเอาข้อมูลสายลับซึ่งอยู่ในตัวโกลิธซินไปทั้งหมดอีกด้วย อีธานพยายามค้นตัวของโกลิธซินก็ไม่พบดิสท์ข้อมูลที่โกลิธซินขโมยมา ตำรวจปร้ากก็กำลังมาพอดี อีธานจึงต้องหนีไปก่อน และบัดนี้ อีธานคิดว่าเพื่อนในทีมของตนเองนั้นตายไปหมดทุกคนแล้ว..

Sarah Davies หนึ่งในทีมจิมโดนครีเกอร์สังหารที่บริเวณตรอกข้างๆสถานทูตสหรัฐฯในปร้าก

อีธานติดต่อไปหา Eugene Kittridge เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สำนักงานใหญ่ไอเอ็มเอฟในแลงลีย์ทันที และรายงานว่า ทีมของตนเองโดนกำจัดไปทั้งหมด ภารกิจก็ล้มเหลว โกลิธซินก็โดนสังหารไปแล้วเช่นกัน และดิสท์ที่มีข้อมูลสายลับก็ถูกมือลึกลับไม่ทราบฝ่ายช่วงชิงไปแล้ว

คิตทริดจ์จึงสั่งให้อีธานไปพบกับตนเองที่จุดนัดพบในร้านอาหารกลางเมืองแห่งนึงที่กรุงปร้ากในอีกหนึ่งชั่วโมง นั่นทำให้อีธานเริ่มสะกิดใจ ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างคิตทริดจ์ก็อยู่ที่นี่ในเวลาเช่นนี้พอดี นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่ แต่อีธานก็รับคำสั่งไปพบที่จุดนัดแต่โดยดี

Ethan Hunt และ Eugene Kittridge นัดพบกับที่ ” Green Point ” หรือจุดปลอดภัยนั่นเอง

 

เมื่อคิตทริดจ์และอีธานสนทนากัน อีธานจึงจับได้ว่าคิตทริดจ์ส่งไอเอ็มเอฟอีกทีมประกบตัวทีมของตนอีกทีนึง และทีมไอเอ็มเอฟเหล่านั้นก็อยู่ในร้านอาหารนี้ด้วย คิตทริดจ์จึงเล่าให้อีธานฟังถึงภารกิจที่แท้จริงในปฎิบัติการนี้ นั่นคือการหาตัวหนอนบ่อนไส้ ซึ่งหนอนคนนี้ติดต่อกับพ่อค้าอาวุธที่ชื่อแม็กซ์ทางอินเตอร์เน๊ต โดยหนอนบ่อนไส้ใช้ชื่ออีเมลว่า JOB 3:14 และในเมื่อทุกๆคนในทีมของอีธานตายไปหมด ไอเอ็มเอฟจึงต้องการจับตัวอีธานกลับไปสอบสวนที่แลงลีย์ ข้อหาหนอนบ่อนไส้นั่นเอง แต่อีธานก็ใช้ระเบิดหมากฝรั่งของแจ็คระเบิดตู้ปลาในร้าน และอาศัยจังหวะชุลมุนหนีมาได้

อีธานไม่ยอมโดนใส่ความแบบนี้ และหนีไปง่ายๆอย่างแน่นอน อีธานจึงกลับไปที่เซฟเฮ้าส์ เพื่อหาหนทางสืบค้นความจริง พร้อมกับค้นเซฟเฮ้าส์เพื่อหาเงินทุนเพื่อดำเนินแผนการต่อไป

อีธานคิดหาทางออกได้ นั่นก็คือต้องติดต่อแม็กซ์และเตือนแม็กซ์ว่าข้อมูลสายลับนั้นเป็นของปลอม โดยที่อีธานมีเพียงเบาะแสเดียว คือคำว่า JOB 3:14 ที่หนอนใช้เป็นชื่ออีเมล อีธานพิมพ์ข้อความเตือนภัยนี้ไปให้แม็กซ์ และอีธานก็ส่งหว่านไปทั่วทุกๆอีเมลที่ชื่อเกี่ยวข้องกับคำว่า JOB 3:14 และ MAX อย่างไม่มีจุดหมาย เวลาที่เหลือคือรอให้แม็กซ์ตัวจริงติดต่อกลับมา

และแคลร์ภรรยาของจิมก็กลับมาพอดีระหว่างที่อีธานกำลังรอแม็กซ์ติดต่อกลับมา แต่ตอนนั้นอีธานเห็นรถของแคลร์ระเบิดกับตาตัวเอง จึงคิดว่าแคลร์คือหนอนบ่อนไส้คนนั้นแน่ๆ จึงรอดมาได้ แต่แคลร์ก็พูดจนอีธานเชื่อ ว่าเธอไม่รู้เรื่อง

แคลร์กลับมาเซฟเฮ้าส์ลับของทีม หลังจากหายตัวไปหลายชั่วโมง

 

ผ่านมาจนเช้า แม็กซ์จึงติดต่อกลับมาทางอีเมลเพื่อนัดเจอตัวอีธาน โดยงานนี้อีธานไปคนเดียว และให้แคลร์เฝ้าเซฟเฮ้าส์ไว้ เมื่ออีธานเจอกับแมกซ์ จึงพบว่าผู้ค้าอาวุธเถื่อนที่มีอิทธิพลที่สุดในยุโรปนั้น เป็นหญิงวัยห้าสิบกว่าปี

แม็กไม่เชื่อว่าข้อมูลที่หนอนบ่อนไส้ของเธอนำมาให้เป็นของปลอม(หนอนคนนั้นคือจิม) แต่อีธานก็ท้าให้พิสูจน์ ว่าถ้าเมื่อใดที่แม็กซ์พยายามนำรหัสสองชุดที่ได้มา และนำมารวมกันเพื่อถอดรหัสรายชื่อสายลับเมื่อไหร่ หน่วยไอเอ็มเอฟของตนจะบุกมาที่นี่ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาทีแน่นอน

MAX ต่อรองธุกิจกับ Ethan Hunt

 

และก็เป็นอย่างที่อีธานว่าจริงๆ ทันทีที่แม็กซ์นำข้อมูลสองอันมารวมกัน ตำรวจปร้ากและซีไอเอรวมถึงหน่วยไอเอ็มเอฟก็กรูเข้ามายังห้องพักของแม็กซ์ทันทีเช่นกัน แต่แม็กซ์ก็พาอีธานหลบออกมาได้ทันเวลา อีธานจึงเสนอรายชื่อสายลับของจริงให้แม็กซ์ โดยตนเองจะเป็นคนจารกรรมมาให้ โดยมีข้อแม้ว่า ต้องนัดเจอตัวหนอนบ่อนไส้ที่ชื่อ JOB มาพบกับตน พร้อมกับพันธบัตรรัฐบาลสิบล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ และแม็กซ์ก็ตกลง พร้อมกับให้เงินทุนดำเนินการส่วนนึงกับอีธานเบื้องต้นก่อนด้วย

อีธานและแคลร์จึงต้องหาสมาชิกเพิ่มเติมในการจารกรรมข้อมูลรายชื่อสายลับครั้งนี้ และมีรายชื่อสายลับเก่าปลดระวางขึ้นมาสองชื่อที่อีธานและแคลร์สนใจ นั่นก็คือ Luther Stickell เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค และเป็นสุดยอดแฮคเกอร์ในตำนาน ลูเธอร์คือผู้เดียวในโลกที่แฮคระบบนาโต้ได้ อีกคนนั้นแคลร์เป็นคนเลือกเอง นั่นก็คือ Franz Krieger อดีตสายลับมือสังหาร ที่เชียวชาญในการขับขี่ยานพาหนะแทบทุกชนิดบนโลก และครีเกอร์ยังเป็นผู้ที่สังหารโกลิธซินกับซาร่า และขโมยข้อมูลสายลับปลอมทั้งสองอันมาให้จิมกับแม็กซ์นั่นเอง

Luther Stickell และ Franz Krieger ผู้ซึ่ง Ethan Hunt จ้างมาปฎิบัติภารกิจชั่วคราวเท่านั้น

 

อีธานอธิบายปฏิบัติการที่เป็นไปไม่ได้นี้ให้กับลูเธอร์และครีเกอร์ว่า ต้องเข้าไปจารกรรมข้อมูลรายชื่อสายลับของจริงอันนี้ ในตึกบัญชาการใหญ่ซีไอเอที่แลงลีย์ และเมื่อทั้งสองตกลง ทีมเฉพาะกิจปฎิบัติการเป็นไปไม่ได้ของอีธาน ซึ่งมีทั้งหมดสี่คน ก็ลอบกลับเข้าไปในสหรัฐทันที

โดยภารกิจนี้ ลูเธอร์จะควบคุมระบบทางเทคนิคและการสื่อสารอยู่บนรถดับเพลิงที่เตรียมไว้เพื่อหนี แคลร์จะนำยาอันตรายอ่อนๆไปลอบใส่ในแก้วกาแฟของ William Donloe เพื่อทำให้คลื่นไส้ ซึ่งจนท.ดอนโลก็คือผู้เฝ้าห้องนิรภัยที่มีข้อมูลรายชื่อสายลับนั่นเอง เมื่อแคลร์เฝ้าดูจนเรียบร้อยแล้วว่า จนท.ดอนโลอ้วกอยู่ในห้องน้ำไปอีกนานแน่นอน แคลร์ก็จะถอนตัวออกมาจากตึกไปขึ้นรถลูเธอร์เป็นคนแรก ด้านทางอีธานต้องหย่อนตัวลงไปจากช่องแอร์บนเพดาน โดยที่ตัวเองต้องไม่สัมผัสกับพื้นห้อง เพราะห้องนิรภัยนี้เป็นห้องควบคุมอุณหภูมิและน้ำหนัก และครีเกอร์จะเป็นคนดึงเชือกคอนโทรลอีธานให้ค่อยๆหย่อนตัวลงไป ครีเกอร์ก็อยู่บนช่องแอร์นั่นเอง เมื่อแผนการจารกรรมข้อมูลสำเร็จ ลูเธอร์จะเปิดสัญญาณเพลิงไหม้ และรถดับเพลิงก็จะมายังตึกบัญชาการใหญ่ซีไอเอ ทางอีธานและครีเกอร์จะปลอมตัวเป็นจนท.ดับเพลิง และอาศัยช่วงชุลมุนออกมาขึ้นรถดับเพลิงที่ลูเธอร์และแคลร์รออยู่เพื่อหนีนั่นเอง และปฎิบัติการที่เป็นไปไม่ได้ครั้งนี้ก็สำเร็จ หลังจากนั้นทีมจารชนเฉพาะกิจของอีธาน ก็หลบไปกบดานกันที่เซฟเฮ้าส์ลับในลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อหาเวลานัดกับแม็กซ์ในการส่งมอบรายชื่อสายลับให้กับแม็กซ์ในประเทศใดประเทศนึงในยุโรป

ปฎิบัติการที่เป็นไปไม่ได้ หรือ Mission: Impossible 1(1996)

 

คิตทริดจ์ต้องการบีบให้อีธานออกมามอบตัว จึงยัดข้อหาแม่กับน้าเขยของอีธานว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติด อีธานจึงไปที่สถานีรถไฟในลอนดอน และใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะโทรไปหาคิตทริดจ์ คิตทริดจ์จึงรีบให้เจ้าหน้าที่แกะรอยตรวจหาพิกัดที่แน่นอนของปลายสายฝั่งอีธานทันที อีธานรอเวลาในการถือสายโทรศัพท์จนแน่ใจว่า คิตทริดจ์ได้พิกัดรวมว่าอยู่ในอังกฤษ แต่ไม่รู้ตำแหน่งที่น่นอน และอีธานก็ตัดสาย เพราะนี่คือวิธีบอกใบ้ของอีธาน เพื่อให้คิตทริดจ์ตามมาจับตัวแม็กซ์และหนอนบ่อนไส้ตัวจริงนั่นเอง และก็ได้ผล คิตทริตจ์ก็เข้าใจความหมายที่อีธานสื่อ ว่าต้องการให้ตนตามไปลอนดอน แต่คิตทริตจ์ก็ยังไม่รู้ว่าทำไม อย่างไรก็ตาม คิตทริดจ์ก็รีบมุ่งหน้าไปลอนดอนทันที

หลังจากอีธานวางสายโทรศัพท์แล้ว อีธานก็ตกใจมากที่พบว่า จิม เฟลป์ หัวหน้าทีมของตนยังไม่ตายและมาดักรอพบตนที่นี่ จิมและอีธานไปนั่งคุยกันในร้านกาแฟที่สถานีรถไฟในลอนดอน จิมเล่าให้อีธานฟังว่า ตอนตกสะพานไปนั้นยังไม่ตาย และหลบไปสืบหาตัวหนอนบ่อนไส้มา และจิมก็บอกอีธาน ว่าตนรู้แล้วว่าคนทรยศคนนั้นคือคิตทริดจ์

จิมกำลังใสร้ายคิตทริดจ์ให้เป็นผู้ทรยศ

 

แต่อีธานปะติดปะต่อเรื่องราวได้เองแล้วว่า จิมคือผู้ทรยศและหนอนบ่อนไส้คนนั้นนั่นเอง และจิมกับครีเกอร์ก็ร่วมมือกัน เพื่อนๆในทีมก็ล้วนแล้วแต่ตายไปเพราะฝีมือจิมกับครีเกอร์ แต่อีธานก็ตามน้ำแกล้งทำเป็นเออออกับจิมไปก่อน ซึ่งตอนนี้อีธานวางแผนเปิดโปงความชั่วของจิมให้คิตทริจด์รับรู้ ตนเองและแม่กับน้าเขยของตนจะได้พ้นข้อหาร้ายแรงที่คิตทริดจ์ยัดให้

เช้าวันรุ่งขึ้น คิตทริดจ์ก็เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากแลงลีย์มาถึงลอนดอน และทันทีที่คิตทริดจ์ถึงลอนดอน คิตทริดจ์ก็ได้รับพัสดุลึกลับที่ถูกส่งมาให้ ในซองเอกสารนั้นมีตั๋วรถไฟฟ้าลอนดอน-ปารีสเวลาเที่ยง พร้อมกับนาฬิกาสายลับเพื่อดูภาพจากแว่นตาสายลับคู่กัน ซึ่งพัสดุนี้อีธานเป็นคนส่งให่คิตทริดจ์เอง ทั้งหมดคือแผนที่อีธานวางเอาไว้ นั่นจะทำให้คิตทริดจ์เห็นภาพปฏิบัติการเฉพาะกิจเพื่อจับคนทรยศของทีมอีธาน โดยที่ผู้รู้แผนการนี้มีเพียงลูเธอร์และอีธานเท่านั้น

บนรถไฟฟ้าสายลอนดอน-ปารีสในตอนเที่ยงนั้น อีธานก็เปิดโปงทั้งแม็กซ์และจิมให้คิตทริดต์รับรู้ได้หมด รวมถึงยังรู้ด้วยว่าแคลร์ก์คือหนึ่งในผู้ทรยศเช่นกัน และแคลร์ก็ตายในเหตุการณ์จับคนทรยศนี้ รวมถึงจิมและครีเกอร์ก็ตายด้วยเหตุคอปเตอร์ตกและระเบิดในอุโมงค์รถไฟนั่นเอง

คิตทริดจ์ไม่จับแม็กซ์ หากแต่ให้แม็กซ์ช่วยเหลือกันด้านข้อมูลกับไอเอ็มเอฟต่อไป แม๊กซ์จึงกลับไปเป็นผู้ทรงอิทธิพลในตลาดมือยุโรปเช่นเดิม  อีธานกลับไปแฝงตัวอย่างลับๆในที่ใดที่นึงในยุโรปตามเดิม เพื่อรอคำสั่งภารกิจใหม่ ลูเธอร์ก็ได้เข้าประจำการเป็นเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟในแลงลีย์ แม่และน้าเขยอีธานก็พ้นข้อกล่าวหาค้ายาเสพติด

อีธานร่ำลาลูเธอร์ก่อนที่จะแฝงตัวเข้าสู่เงามืดในยุโรปอีกครั้ง

 

 

บทที่ 2 ปฏิบัติการทำลายเชื้อไวรัสล้างโลก

 

ปี 2000 อีธาน ฮันท์ อายุ 36 ปี ที่ประเทศออสเตรเลีย เมืองซิดนีย์ Dr. Nekhorvich และ Dr.Gradski ทั้งคู่เป็นนักวิทยาศาสตร์สาขาชีววิทยาโมเลกุล และทำงานให้บริษัทยายักษ์ใหญ่ที่ ชื่อ BIOCYTE pharmaceuticals งานของทั้งคู่ก็คือ ร่วมกันวิจัยเชื้อไวรัสที่ร้ายแรงชนิดต่างๆที่มีในโลก เพื่อผลิตสูตรยามารักษาเชื้อไวรัสเหล่านั้นให้ได้ผลที่สุด

ดร.วลาดิเมียร์ เนคโครวิช

 

และจากการผสมเชื้อไวรัสอันตรายหลายๆชนิดเข้าด้วยกัน ทั้งคู่ก็ให้กำเนิดไวรัสร้ายแรงที่สุดในโลกชนิดใหม่ขึ้นมา และทั้งคู่เรียกมันว่า Chimera ซึ่งไคเมร่าสามารถแพร่เชื้อทางอากาศได้ ถือว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงอย่างมาก และผู้ติดเชื้อไคเมร่าจะถึงเส้นตายที่รักษาไม่ได้เลยคือ 20 ช.ม.ก่อนที่จะตายในอีก14 ชม.ต่อมา นั่นหมายถึงตั้งแต่ติดเชื้อ มีเวลาแค่เพียง 34 ชม.เท่านั้น และเพื่อเป็นการท้าทายในความรู้ความสามารถตนเอง นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองกลับไม่ทำลายไคเมร่า หากแต่พยายามสร้างสูตรยามารักษาเชื้อไวรัสนี้แทน เนื่องจากเชื้อไวรัสนี้ไม่สามารถฆ่ามันได้ด้วยยาปฏิชีวนะธรรมดา โดยยารักษา ทั้งคู่ก็ตั้งชื่อมันไว้ล่วงหน้าว่า Bellerophon

ภาพการทำงานขณะที่เชื้อไคเมร่ากำลังแทรกซึมเข้าสู่เซลล์เม็ดเลือด

 

John C. McCloy เจ้าของบริษัทไบโอไซต์รับรู้เรื่องเชื้อไวรัสร้ายแรงที่ชื่อว่าไคเมร่านี้ และเห็นช่องทางทำเงินมหาศาล จากการปล่อยเชื้อไคเมร่าไปสู่ประเทศต่างๆ และบริษัทของตนก็จะจำหน่ายยารักษาที่ชื่อเบลเลโรฟอนนั่นเอง แมคคลอยจึงบีบบังคับให้นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองสร้างยารักษาที่ชื่อเบลเลโรฟอนให้สำเร็จโดยเร็ว แต่นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองนั้นยังอยู่ในขั้นตอนค้นคว้า ซึ่งยังไม่สมบูรณ์

จอห์น ซี. แมคคลอย เจ้าของบริษัทไบโอไซต์ ฟาร์มาซูติคอล

 

แมคคลอยใจร้อน นึกว่าทั้งคู่ถ่วงเวลา จึงลอบแพร่เชื้อไคเมร่าให้ดร.กร้าดสกี้อย่างลับๆ เพื่อบีบให้ดร.เนคโครวิชสร้างเบลเลโรฟอนให้สำเร็จซักที ในที่สุดดร.เนคโครวิชก็ผลิตเบลเลโรฟอนสำเร็จ แต่ก็ไม่ทันการณ์ เพราะดร.กร้าดสกี้ผ่านช่วงการติดเชื้อไป 20 ชม.แล้ว และเกินจุดเยียวยาได้ ดร.กร้าดสกี้ จึงตายลงไปด้วยเชื้อไวรัสไคเมร่าภายใน 34 ชม.นั่นเอง

Dr.Gradski เสียชีวิตภายใน 34 ชม. หลังจากการติดเชื้อไคเมร่า

 

ดร.เนคโครวิชพอจะรู้บ้างว่าแมคคลอยคือผู้นำเชื้อไวรัสไคเมร่ามาแพร่ใส่ ดร.กร้าดสกี้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ จึงได้แต่เก็บงำไว้ และแสร้งทำงานวิจัยต่อไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา ดร.เนคโครวิชต้องการจะเก็บสูตรยานี้ไว้เป็นความลับ จึงฉีดเชื้อไวรัสไคเมร่าเข้าตนเอง และส่งบันทึกวีดีโอของตนไปหาดิมิทรีเพื่อนเก่า ซึ่งดิมิทรีเป็นนามแฝงของอีธาน เพื่อให้ดิมิทรีอารักขาตนเองหนีไปกบดานที่แอตแลนต้า และไอเอ็มเอฟก็ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูง Swanbeck มาทำหน้าที่บัญชาการแผนพาดร.เนคโครวิชหนี

Mission Commander Swanbeck

 

แต่เนื่องจากสวอนเบ็คตามหาตัวอีธานไม่เจอ เพราะอีธานกำลังหลบไปพักร้อน ซึ่งสวอนเบ็คตามหาตัวอีธานไม่ทันเวลา เนื่องด้วยดร.เนคโครวิชให้เวลาอีธานไปพบที่ซิดนีย์เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่อง และมีเงื่อนไขว่าดร.เนคโครวิชต้องถึงที่หมายก่อน 20 ชม.อีกด้วย สวอนเบ็คจึงจำใจต้องส่งจารชนนักฆ่ารับจ้าง Sean Ambrose ปลอมตัวไปเป็นอีธานทำภารกิจอารักขานี้แทน ซึ่งสวอนเบ็คมักใช้งานแอมโบรสให้ทำเรื่องชั่วๆบ่อยๆแทนอีธาน และแอมโบรสก็ปลอมตัวเป็นอีธานบ่อยครั้ง

อีธาน ฮันท์ และ ฌอร์น แอมโบรส

 

แอมโบรสใช้เวลาสืบเรื่องราวของดร.เนคโครวิชเพียงชั่วครู่ ก็พบว่านักวิทย์ฯผู้นี้กำลังทำงานวิจัยเชื้อไวรัสไคเมร่าและยารักษาเบลเลโรฟอนอยู่ แอมโบรสเห็นช่องทางทำเงินจากสูตรยาตัวนี้ จึงวางแผนซ้อนแผนอีกทีในการช่วงชิงสูตรยา

แอมโบรสจึงจัดทีมเพื่อยึดเครื่องบิน โดยการให้ลูกน้องวายร้ายคนสนิทที่ชื่อ Hugh Stamp ปลอมตัวเป็นกัปตันนักบินที่หนึ่ง และพอเครื่องบินเข้าใกล้เทือกเขาเอลฟ์จุดหมายของแผนการนี้ ฮิวจ์ก็สั่งให้ทุกคนบนเครื่องบินใส่หน้ากากออกซิเจน ซึ่งในหน้ากากนี้ก็ปล่อยยาสลบอ่อนๆเข้าไป ทำให้คนบนเครื่องบินหมดสติทั้งลำ และฮิวจ์ก็ตั้งระบบขับเครื่องบินลำนี้ให้พุ่งลงไปชนเทือกเขาเอลฟ์

ฮิวจ์ สแตมป์ จารชนนักฆ่าฝีมือฉกาจ ลูกน้อง ฌอร์น แอมโบรส

 

แต่ดร.เนคโครวิชไม่ยอมใส่หน้ากากออกซิเจน แอมโบรสจึงเร่งรัดสรุปให้จบ โดนการซัดดร.เนคโครวิชสลบไป และช่วงชิงวัคซีนเบลเลโรฟอนมา แต่แอมโบสไม่มีไวรัสไคเมร่า เนื่องจากแอมโบรสไม่รู้ว่า เชื้อไวรัสนั้นอยู่ในเลือดของดร.เนคโครวิชนั่นเอง ทุกคนในทีมนักฆ่าของแอมโบรสรีบกระโดดร่มหนีลงไปบริเวณเทือกเขาเอลฟ์ ก่อนที่ในไม่กี่นาที เครื่องบินพาณิชย์ที่มีผู้โดยสารทั้งลำจะชนกับเทือกเขาเอลฟ์และตายยกลำ ที่แอมโบรสทำเช่นนี้ ก็เพื่อทำลายหลักฐานการขโมยยาเบลเลโรฟอนนั่นเอง

ทีมจารชนของแอมโบรสกำลังเตรียมตัวกระโดดลงจากเครื่องบิน

 

เจ้าหน้าที่สวอนเบ็ครู้แค่เพียงว่า แอมโบรสจัดฉากอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนี้ และนำเอาสิ่งที่เรียกว่าไคเมร่าไป แต่สวอนเบ็คก็ยังไม่รู้อยู่ดี ว่าไคเมร่าคืออะไร สวอนเบ็คจึงตามหาตัวอีธานให้วุ่น (สวอนแบ๊คมีเบาะแสแค่คำว่าไคเมร่านะครับ โดยที่ไม่รู้ว่าแอมโบรสได้อะไรไปกันแน่)

กระทั่งสวอนเบ็คพบอีธานใช้เวลาพักร้อนในการปีนหน้าผา สวอนเบ็คจึงส่งภารกิจใหม่ให้อีธาน นั่นคืออีธานต้องตามหาสิ่งที่เรียกว่า ไคเมร่า และอีธานต้องจัดทีม ซึ่งบังคับว่า หนึ่งในทีมนี้ต้องเป็นหัวขโมยระดับต้นๆของวงการ และเป็นเพียงพลเรือนหญิงที่ชื่อ Nyah Nordoff-Hall ซึ่งอีธานมีเวลา 48 ชม. ในการนำตัวไนย่ามาร่วมทีม และอีธานต้องไปพบกับสวอนเบ็คที่เมืองเซวิลในประเทศสเปน

อีธานจึงไปล่อจับตัวไนย่าขณะที่เธอกำลังจะขโมยสร้อยเพชรของมหาเศรษฐี แต่ไนย่าไม่ยอมอ่อนข้ออีธานง่ายๆ จนกระทั้งอีธานตื๊อจนไนย่าใจอ่อน จนยอมตามอีธานมาที่เมืองเซวิล และทั้งคู่ก็มีสัมพันธ์สวาทกันที่นี่

ไนย่าและอีธาน

 

ในคืนนั้น อีธานก็เข้าไปพบกับสวอนเบ็ค และรู้แผนการที่แท้จริงของสวอนเบ็ค ว่าต้องการให้ไนย่าลอบเข้าไปใกล้ชิดแอมโบรส เพราะไนย่ากับแอมโบรมเคยเป็นแฟนเก่ากัน แต่ไนย่าทิ้งแอมโบรสมาได้ 6 เดือนแล้ว และหลบลี้หนีหน้าแอมโบรสมาตลอด โดยที่แอมโบรสก็พยายามหาตัวไนย่า แต่ก็ไม่เคยพบ

อีธานนั้นแม้ไม่เต็มใจจะใช้งานไนย่า แต่ก็ต้องลองถามความสมัครใจไนย่าก่อน ซึ่งไนย่าก็ยินดีร่วมทีมทำภารกิจนี้ด้วย และสายลับอีกสองคนที่อยู่ในทีมอีธานครั้งนี้ ก็คือ Billy Baird กับลูเธอร์เพื่อนเก่าอีธานตั้งแต่ครั้งจับหนอนบ่อนไส้ปี 1996 นั่นเอง

ลูเธอร์และบิลลี่ สายลับไอเอ็มเอฟผู้ร่วมทีมอีธานในภารกิจนี้

 

ลูเธอร์ฝังเครื่องติดตามตัวที่ไม่สามารถตรวจพบได้ในตัวไนย่า และวางแผนให้ไนย่ากลับไปหาแอมโบรส โดยไอเอ็มเอฟให้ตำรวจเมืองซีวิลตั้งข้อหาโจรกรรมเล็กๆน้อยๆกับไนย่า และจับเธอฝากขังไว้ที่เมืองเซวิล ซึ่งแอมโบรสนั้นเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของหน่วยราชการทั่วยุโรปอยู่แล้ว จึงพบตัวไนย่าตามแผนของไอเอ็มเอฟ

แอมโบรสก็ประกันตัวไนย่าออกมาจากคุกตามแผน ก่อนแอมโบรสจะสั่งลูกน้องให้รีบพาตัวไนย่ากลับมาที่บ้านของตนในเมืองซิดนีย์ทันที และแอมโบรสก็ไม่สงสัยในตัวไนย่าเลยแม้แต่น้อย แผนการทุกอย่าจึงลุล่วงไปด้วยดี ฮิวจ์นั้นไม่ไว้ใจไนย่า ในการที่เธอกลับมาในช่วงเวลาอันตรายอย่างนี้ แต่ฮิวจ์ก็ไม่กล้าขัดแอมโบรสมากนัก

แต่ที่สุดแล้วฮิวจ์ก็ลองพูดจาตักเตือนแอมโบรสให้ระวังไนย่า แต่แอมโบรสหลงไนย่าจนไม่รับรู้อะไร และบันดาลโทสะตัดปลายนิ้วก้อยของฮิวจ์เป็นการสั่งสอน ว่าไม่ให้ฮิวจ์วใส่ร้ายไนย่าสุดที่รักของตนเองอีก

ฮิวจ์โดนแอมโบลสตัดปลายนิ้วก้อย

 

แอมโบรสติดต่อกลับไปที่แมคคลอยเจ้าของบริษัทยไบโอไซต์เป็นเจ้าแรก เพื่อจะขายยาเบลเลโรฟอนคืนให้ในราคา 37ล้านเหรียญ และนัดพบกันเพื่อเจราจาที่สนามม้าในซิดนีย์ และแอมโบรสก็พาไนย่าไปด้วย

ในการเจรจาของแมคคลอยและแอมโบรสที่สนามม้าในครั้งนี้ แอมโบรสให้แมคคลอยดูตัวอย่างที่ไวรัสไคเมร่าเข้าสู่เซลล์เม็ดเลือดของ ดร.กร้าดสกี้ผ่านทางกล้องแฮนดี้แคม แต่แอมโบรสนั้นก็ยังไม่มีเชื้อไวรัสไคเมร่า อำนาจต่อรองจึงไม่สูงมากนัก เพราะถ้าแมคคลอยไม่แพร่เชื้อไวรัสไคเมร่า เบลเลโรฟอนก็ไม่มีความหมาย และเชื้อไวรัสไคเมร่าที่เหลือทั้งหมด ก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างแน่นหนาในห้องแลปฯบนตึกชั้นที่ 42 ของบริษัทไบโอไซต์นั่นเอง ซึ่งแอมโบรสมีวิธีเดียวที่จะได้เชื้อไวรัสไคเมร่า คือต้องบุกบริษัทไบโอไซต์ และนั่นคือการเสี่ยงมาก (ถ้าแอมโบรสไม่รีบฆ่าดร.เนคโครวิช เค้าก็จะมีทั้งเชื้อไวรัสที่พร้อมปล่อย และตัวยาเพื่อรักษาแล้ว) แอมโบรสนำการ์ดความจำออกจากกล้อง และใส่การ์ดนั้นไว้ในซองกระดาษเก็บไว้ในเสื้อสูทของตน

แอมโบรสนัดเจรจากับแมคคลอย

 

ทีมของอีธานนั้นก็ติดตามมาที่สนามม้านี้ด้วย และอีธานก็เห็นการเจรจาของแมคคลอยและแอมโบรส ก่อนที่แอมโบรสจะนำการ์ดไปเก็บในสูท ไนย่าจึงอาสาไปนำเอาการ์ดนั้นมาให้อีธานเอง

ไนย่าทำทีล้วงกระเป๋าเสื้อสูทแอมโบรสเพื่อขอเงินไปพนันม้า และหยิบซองบรรจุการ์ดออกมาได้อย่างว่องไวโดยที่แอมโบรสไม่รู้สึก ก่อนที่จะรีบนำไปให้อีธานที่จุดจำหน่ายตั๋วแทงพนันม้า

อีธานรีบนำการ์ดใส่กล้องของตนเองและเปิดดู พร้อมกับส่งไฟลีดีโอนี้ไปให้ลูเธอร์ในเวลาพร้อมกัน ในไฟล์วีดีโอนั้นคือระยะเวลาตั้งแต่ดร.กร้าดสกี้ติดเชื้อไคเมร่า และเสียชีวิตลงไปภายในเวลา 34 ชม. ทีมอีธานจึงรู้อย่างชัดเจนแล้วว่า ไคเมร่าคือเชื้อไวรัสร้ายแรง และเบลเลโรฟอนคือยารักษา

อีธานรีบให้ไนย่านำการ์ดไปใส่ไว้ในเสื้อสูทของแอมโบรสคืน ก่อนที่แอมโบรสจะรู้ตัวว่ามันหายไป และกำชับให้ไนย่าถอนตัวออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที
เมื่อไนย่ากลับไปหาแอมโบรส และแสร้งโอบเอวแอมโบรสเพื่อนำการ์ดใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทคืน แต่คราวนี้แอมโบรสรู้สึกตัวว่าไนย่าล้วงกระเป๋า โดยที่แอมโบรสก็ไม่พูดอะไร และแอมโบรสก็เริ่มสงสัยในตัวไนย่าบ้างแล้ว

แอมโบรสเริ่มระแคะระคายว่าไนย่าคิดไม่ซื่อ

 

ในคืนนั้นเอง แอมโบรสจึงปลอมตัวเป็นอีธาน และเรียกไนย่าออกมาพบกันที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ไนย่าเห็นหน้าอีธานก็เผยไต๋ทั้งหมดออกมาเอง โดยที่แอมโบรสไม่ได้พูดอะไรเลย ก่อนที่แอมโบรสในคราบอีธาน จะกำชับไนย่าว่าให้อยู่ที่นี่ต่อไปก่อน ซึ่งขัดกับเมื่อกลางวันที่อีธานให้ไนย่าถอนตัวและหนีออกมา แต่ไนย่าก็ทำตามที่แอมโบรสในคราบอีธานสั่ง

ในคืนนั้นเวลาเดียวกัน ทีมอีธานรมยาสลบแมคคลอยในรถลีมูซีนเพื่อจับตัวแมคคลอย ก่อนจะจัดฉากว่าแมคคลอยติดเชื้อไวรัสไคเมร่า และกำลังจะตาย อีธานก็ปลอมตัวเป็นดร.เนคโครวิช และแสร้งว่าตนเองยังไม่ตาย หากแต่ร่วมมือกับแอมโบรส แมคคลอยนั้นกลัวตายอยากได้ยาเบลเลโรฟอนมารักษา แมคคลอยจึงเผยไต๋สารภาพกับอีธานในคราบดร.เนคโคริชทุกอย่าง ว่าตนเองต้องการแพร่เชื้อไคเมร่าไปทั่วโลก และจะขายเบลเลโรฟอนเพื่อรักษา นั่นจะทำให้เขาผูกขาดตลาดยารักษาแต่เพียงผู้เดียวในโลก

แมคคลอยถูกจัดฉากให้ดูเหมือนว่าติดเชื้อไวรัสไคเมร่า

 

เมื่ออีธานได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดทุกแง่มุมแล้ว ก็รมยาสลบแมคคลอยอีกรอบ ก่อนที่แมคคลอยจะตื่นขึ้นมาบนรถลีมูซีนคันเดิม และแมคคลอยก็คิดว่าตนเองฝันไป ทีมอีธานจึงวางแผนบุกเข้าไปในแลปฯที่เก็บเชื้อไวรัสไคเมร่า และทำลายทิ้งให้หมด เพราะเมื่อไม่มีไวรัส ยารักษาก็ไร้ค่า ภารกิจนี้ก็คือ ในคืนถัดไปเวลา 23.01น. อีธานจะบุกห้องแลปฯไบโอไซต์บนตึกชั้นที่ 42 โดยเข้าจากทางด้านบนสุด นั่นคือต้องทิ้งตัวลงจากเฮลิคอปเตอร์ เพราะ 23.01น. คือช่วงเวลาเดียวที่ช่องบนตึกจะเปิดออก และเปิดเพียงแค่ 10 วินาที

ด้านทางฮิวจ์ก็สืบทราบมาว่า อีธานเข้าถึงตัวแมคคลอยแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่อีธานจะรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเช่นกัน แอมโบรสจึงรู้ว่า ในคืนถัดไปเวลา 23.01น.อีธานต้องบุกไบโอไซต์เพื่อไปเอาไคเมร่าแน่ๆ

ในคืนถัดไปนั้นเอง ทีมกองกำลังนักฆ่าของแอมโบรสจึงจัดหนัก และบุกเข้าไปในตึกไบโอไซต์ทางด้านล่างแบบโต้งๆ ต่างกับอีธานซึ่งแอบเข้าแบบลับๆข้างบน แต่แอมโบรสก็มาเกือบไม่ทัน เพราะอีธานทำลายไคเมร่าไปเกือบหมดทุกหลอดแล้ว ขณะที่อีธานกำลังจะทำลายไคเมร่าหลอดสุดท้าย ทีมแอมโบรสก็บุกมาถึงพอดี และยิงถล่มใส่อีธานแบบไม่ยั้ง ยาหลอดสุดท้ายจึงกระเด็นกระดอนนออกมาจากตู้ควบคุมเชื้อ และหล่นอยู่บนพื้นห้องแลปฯ แอมโบรสต้องสั่งให้ลูกน้องหยุดยิงถล่มแลปฯ เพราะเกรงว่าจะไปถูกไวรัสไคเมร่า

ปฎิบัติการที่เป็นไปไม่ได้ หรือ Mission Impossible II (2000)

 

เมื่อไนย่าเดินไปหยิบปืนบรรจุเชื้อไคเมร่าขึ้นมาได้แล้ว ไนย่าก็ทำสิ่งที่ไม่คาดคิด นั่นคือฉีดไคเมร่าใส่แขนตัวเอง ก่อนที่เธอจะเดินไปหาอีธาน ไนย่ารู้ว่าแอมโบรสไม่กล้าฆ่าเธอตอนนี้แน่ เพราะเชื้อไคเมร่าในตัวเธอคือเงินจำนวนมหาศาล

ไนย่าขอร้องให้อีธานกำจัดเธอซะ เรื่องทุกอย่างจะได้จบลง แต่อีธานก็บอกไนย่าว่า ไนย่าต้องอดทนอีก 20 ชม. และเขาจะนำเบลเลโนฟอนกลับมาฉีดให้เธอแน่นอน ก่อนที่อีธานจะระเบิดกำแพงตึกกระโดดตึกหนีออกไป ในเหตุการณ์นี้ คอมฯของลูเธอร์ก็ชำรุดนิดหน่อยด้วย ทำให้ไม่สามารถระบุพิกัดที่อยู่ของไนย่าได้ชั่วคราว และลูเธอร์ก็เร่งซ่อมแซมมันเป็นการด่วน

เช้าวันรุ่งขึ้น แอมโบรสก็นำไนย่าไปปล่อยกลางเมืองออสเตรเลีย เพื่อรอเวลาให้ไนย่าตาย และศพไนย่าจะแพร่เชื้อไคเมร่าไปทั่วออสเตรเลียเป็นที่แรก ก่อนที่จะลามไปประเทศอื่นๆทั่วโลกภายในเวลา2-3วัน

ไนย่าถูกแอมโบรสมาปล่อยไว้กลางเมืองซิดนีย์เพื่อแพร่เชื้อไคเมร่า

 

และแอมโบรสก็นัดพบกับแมคคลอยอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้แอมโบรสมีทั้งเชื้อไวรัสและเบลเลโรฟรอนทั้งสองอย่าง แอมโบรสต้องการหุ้นของบริษัทไบโอไซต์ 51% เพราะหลังจากที่เชื้อไวรัสไคเมร่าระบาดไปแล้ว บริษัทที่มียารักษาแต่เพียงผู้เดียวอย่างไบโอไซต์หุ้นจะพุ่งกระฉูดแน่นอน แมคคลอยจึงยินยอมตกลงข้อเสนอของแอมโบรสทุกอย่าง เพราะแอมโบรสขู่ว่า ขณะนี้เชื้อไวรัสไคเมร่าจะแพร่กระจายในออสเตรเลียในเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ หยุดไม่ได้แล้ว และถ้าแมคคลอยไม่ตกลง แอมโบรสก็จะนำเบลเลโรฟอนไปขายบริษัทยาเจ้าอื่น

อีธานบุกเข้าไปในการตกลงครั้งนี้ และล่อให้แอมโบรสส่งลูกน้องมาตามล่าตนเอง แอมโบรสส่งฮิวจ์ไปต่อสู้กับอีธาน แต่ฮิวจ์สู้อีธานไม่ได้ ก่อนที่อีธานจะจับตัวฮิวจ์และใช้เทปกาวปิดปากฮิวจ์ไว้ และสวมหน้ากากใบหน้าของตนเองกับฮิวจ์ ส่วนตัวอีธานเองก็สวมหน้ากากหน้าของฮิวจ์ (สลับหน้ากัน) และอีธานก็พาฮิวจ์ไปให้แอมโบรส แอมโบรสจึงยิงกระสุนรัวๆสังหารฮิวจ์ในคราบอีธานทันที

อีธานใช้จังหวะนี้ช่วงชิงยาเบลเลโรฟอนและหนีออกมาได้ ลูเธอร์และบิลลี่เพื่อนร่วมทีมอีธานรีบขับฮอฯมารับตัวอีธานที่จุดนัดพบ แต่พวกนักฆ่าของแอมโบรสก็ตามมาสกัดกั้นอีธานไว้ อีธานจึงต้องขับมอเตอร์ไซต์ที่ชิงมาจากพวกแอมโบรสหนีแทน และลูเธอร์ก็แจ้งอีธานว่า คอมของตนใช้ได้แล้ว และตรวจพบตำแหน่งของไนย่าพบแล้วเช่นกัน อีธานจึงสื่อสารไปหาลูเธอร์บนฮอฯให้ไปรับตัวไนย่ามาหาตน เพราะอีธานได้ยาเบลเลโรฟอนแล้ว

แอมโบรสขี่มอเตอร์ไซต์มาจนทันอีธาน และทั้งคู่ก็ขับมอเตอร์ไซต์บวกกัน ก่อนที่จะลงมาต่อสู้กันต่อที่หาดทราย และที่สุดแล้ว แอมโบรสก็ถูกอีธานสังหารลงได้สำเร็จ และก็ช่วยชีวิตไนย่าได้ทันท่วงที เชื้อไวรัสไคเมร่าและยารักษาเบลเลโรฟอนจึงไม่มีหลงเหลืออยู่อีกเลย

อีธานกำจัดแอมโบรสลงได้สำเร็จ

 

บทที่ 3 ปฏิบัติการตามล่าตีนกระต่าย

 

ปี 2006 อีธาน ฮันท์ อายุ 42 ปี อีธานในขณะนี้วางมือจากงานสายลับภาคสนาม และกลับมาประจำการที่แลงลีย์ในฐานะครูฝึกสายลับรุ่นใหม่ และหนึ่งในผู้ที่อีธานฝึกก็คือ Lindsey Farris ซึ่งอีธานก็ให้ฟาร์ริสผ่านการฝึกออกสู่ภาคสนามเพียงคนเดียวในจำนวนสายลับฝึกสอนทุกคนที่เค้าฝึก

อีธานฝึกการต่อสู้ให้ฟาร์ริส

 

อีธานตกหลุมรักกับพยาบาลสาวที่ชื่อ Julia Mead และกำลังจะแต่งงานกัน ซึ่งจูเลียไม่เคยล่วงรู้เลยว่าอีธานคือหนึ่งในสายลับชั้นยอดของโลก จูเลียคิดว่าอีธานทำงานอยู่ศูนย์ควบคุมจราจรเท่านั้น จนกระทั่งวันงานเลี้ยงฉลองหมั้นของอีธานและจูเลีย เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไอเอ็มเอฟที่ชื่อ John Musgrave ก็ติดต่ออีธานและแจ้งว่า ฟาร์ริสศิษย์เอกของอีธานโดนพ่อค้าอาวุธที่ชื่อ Owen Davian จับตัวอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมันนี เพราะฟาร์ริสไปสืบข่าวของเดเวียนจนพลาดท่าโดนเดเวียนจับได้นั่นเอง ไอเอ็มเอฟกำลังจัดทีมช่วยเหลืออยู่ มัสเกรฟจึงมาถามอีธานว่า สนใจกลับไปบู๊ภาคสนามในภารกิจช่วยเหลือนี้หรือไม่

งานหมั้นของจูเลียและอีธาน พร้อมกับแม่ของจูเลีย

 

อีธานกลับไปนอนครุ่นคิดในคืนนั้น และตัดสินใจนำทีมไปช่วยเหลือฟาร์ริสด้วยตนเอง อีธานจึงโกหกจูเลียว่า มีงานด่วนต้องเดินทางไปต่างเมืองวันสองวัน
ทีมอีธานในภารกิจช่วยเหลือฟาร์ริสครั้งนี้ประกอบไปด้วย เพื่อนคนเดิมลูเธอร์ และสายลับตัวฉกาจที่อีธานเพิ่งเคยร่วมงานด้วยครั้งแรก นั่นคือ Zhen Lei สายลับไอเอ็มเอฟสาวชาวจีน และ Declan Gormley

แต่เมื่อทีมอีธานปฏิบัติการช่วยเหลือฟาร์ริสที่เบอร์ลินได้ และกำลังจะขึ้นฮอฯกลับ ฟาร์ริสกลับปวดหัวจนแทบจะระเบิด เมื่ออยู่บนฮอฯอีธานจึงลองสแกนหัวกระโหลกของแฟริสดู จึงได้พบว่า เดเวียนยัดระเบิดเวลาขนาดเล็กมากไว้ในสมองฟาร์ริส และกำลังจะระเบิดในอีกไม่นาน
อีธานพยายามจะชาร์ทเครื่องปั๊มหัวใจ และช็อตไปที่สมองของฟาร์ริส เพื่อทำลายวงจรระเบิด แต่ก็ไม่ทันการณ์ ระเบิดในหัวฟาร์ริสทำงานก่อนที่เครื่องปั๊มหัวใจจะพร้อม ฟาร์ริสจึงสิ้นใจตายในทันที

อีธานช่วยชีวิตฟาร์ริสลูกศิษย์คนโปรดไม่สำเร็จ

 

Theodore Brassel ผู้อำนวยการของไอเอ็มเอฟ ตำหนิการทำงานของทีมอีธาน และการตัดสินใจส่งทีมเข้าไปช่วยเหลือของมัสเกรฟ พร้อมกับสั่งห้ามไม่ให้อีธานทำอะไรวู่วามลงไปอีก
ไม่กี่วันต่อมา อีธานก็ได้รับซองพัสดุจากเบอร์ลินที่ส่งมาโดยฟาร์ริสก่อนตาย อีธานตรวจดูในซองกลับไม่พบอะไร หากแต่มีบางสิ่งซ่อนอยู่ใต้แสตมป์ที่ติดมากับซองพัสดุนั้น และสิ่งนั้นก็คือไมโครดอท

อีธานให้ลูเธอร์ตรวจดูไมโครดอท กลับไม่พบอะไรในนั้น อีธานจึงคิดได้ว่า ฟาร์ริสอาจจะใช้วิธีส่งข้อมูลแบบสายลับรุ่นเก่า โดยใช้สนามแม่เหล็กเปิดข้อมูลในไมโครดอทก็เป็นได้
ในซากคอมพิวเตอร์แลปท็อปที่ถูกเผา ซึ่งอีธานนำมาจากภารกิจไปช่วยฟาร์ริสในตอนนั้น Benji Dunn เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีของไอเอ็มเอฟได้ตรวจพบข้อมูลการนัดหมายของเดเวียนที่นครวาติกัน และข้อมูลการประมูลของบางอย่างที่เรียกว่า Rabbit’s Foot หรือ ตีนกระต่าย อีธานจึงกำชับเบนจี้ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับมัสเกรฟหรือผ.อ.บราสเซลให้ทราบเรื่อง พร้อมกับจัดทีมไปจับตัวเดเวียนที่นครวาติกันเอง และในคืนก่อนเดินทาง จูเลียและอีธานก็จัดพิธีแต่งงานกันเงียบๆต่อหน้าบาทหลวง ทั้งคู่จึงเป็นสามีภรรยากันตามประเพณีแล้ว

เบนจี้กู้ข้อมูลในซากฮาร์ดไดรฟ์ของแลปท็อปโอเว่น

 

เมื่อไปถึงนครวาติกัน Zhen Lei ก็จับตาโอเว่นทุกฝีก้าว และพบว่าเดเวียนเดินไปหยิบกระเป๋าใบนึงที่ถูกวางทิ้งไว้โดยใครก็ไม่ทราบ และ Zhen Lei ก็แกล้งทำไวน์แดงหกใส่เสื้อของเดเวียน เดเวียนจึงต้องเข้าห้องน้ำเพื่อล้างเสื้อ และอีธานกับเดคแลนก็รออยู่ที่นั่นเพื่อสลับตัวอีธานกับเดเวียน สายลับเดคแลนจับตัวเดเวียนไป ก่อนที่อีธานซึ่งปลอมตัวเป็นเดเวียนจะนำกระเป๋าที่มีข้อมูลตีนกระต่ายมาอย่างง่ายดาย และทำทีว่ากลับออกจากงานไปพร้อมกับ Zhen Lei ก่อนที่ทั้งคู่จะระเบิดรถแลมโบกินีที่ Zhen Lei ขับมาเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอย ให้ทุกคนคิดว่าเดเวียนตายจากการระเบิดรถ และเดคแลนก็พาเดเวียนตัวจริงนั่งเครื่องบินกลับมาที่เวอร์จิเนีย ระหว่างทาง เดเวียนก็ขู่อีธานว่า อย่าให้เค้ารู้ว่าอีธานมีคนรักหรือไม่ เพราะเค้าจะจับตัวเธอคนนั้นมาทรมานต่อหน้าอีธานเป็นการแก้แค้น

Zhen Lei สายลับสาวออกมาพร้อมอีธานซึ่งปลอมตัวเป็นเดเวียน กับล่ามส่วนตัวและบอดี้การ์ดเดเวียนที่จับพิรุธไม่ได้

 

เมื่อเครื่องบินลงจอดที่เวอร์จิเนีย หน่วยติดอาวุธของไอเอ็มเอฟก็นำตัวเดเวียนขึ้นรถขนย้ายนักโทษเพื่อนำตัวไปที่แลงลีย์ บนรถของอีธานนั้น ลูเธอร์ก็แจ้งอีธานว่า เค้าได้ถอดไฟล์วีดีโอจากไมโครดอทได้แล้ว ซึ่งในนั้นเป็นคลิปที่ฟาร์ริสบอกกับอีธานว่า เธอแกะรอยโทรศัพท์ที่ติดต่อกับเดเวียนได้ และสายนั้นมาจากออฟฟิศของผ.อ.บราสเซล นั่นหมายความว่ามีหนอนบ่อนไส้ในที่ทำงานของอีธาน
ขณะที่ขบวนรถกำลังอยู่บนสะพานกลางทะเล ทีมจู่โจมผู้ก่อการร้ายของเดเวียนก็บุกมาช่วยเหลือเดเวียน และจัดหนักโดยการถล่มทั้งมิสไซร์และปืนกลหนักใส่ขบวนรถอีธานจนเละ ก่อนที่ทีมผู้ก่อการร้ายนี้จะช่วยเดเวียนไปได้สำเร็จ ทันทีที่เดเวียนขึ้นฮอฯหลบหนี เดเวียนก็สั่งให้ลูกน้องไปลักพาตัวจูเลียภรรยาของอีธานที่โรงพยาบาลทันที

เดเวียนหนีไปได้อย่างอุกอาจ

 

อีธานรีบโทรศัพท์ไปหาจูเลีย และน้องชายจูเลียบอกอีธานว่า เพื่อนของอีธานมาถามหา น้องชายจูเลียจึงให้ไปถามจูเลียที่โรงพยาบาล อีธานจึงรีบไปที่โรงพยาบาลที่จูเลียทำงานอยู่ แต่ก็สายไปแล้ว จูเลียหายตัวไปแล้ว

ขณะที่อีธานกำลังมืดแปดด้าน อีธานได้รับโทรศัพท์จากเดเวียน และบอกว่าข้อมูลของตีนกระต่ายอยู่ในกระเป๋าใบที่อีธานเอาไปจากตน และอีธานต้องนำตีนกระต่ายมาให้เดเวียนภายใน 48 ชม. ไม่เช่นนั้นเดเวียนจะฆ่าจูเลีย

ผ.อ.บราสเซลส่งทีมไอเอ็มเอฟมาจับตัวอีธานกลับไปแลงลีย์ เพราะอีธานขัดคำสั่งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มัสเกรฟก็มามอบอุปกรณ์ที่จะช่วยให้อีธานหนีออกไปได้ มัสเกรฟยังบอกใบ้กับอีธานว่า เบาะแสของตีนกระต่ายอยู่ที่เซียงไฮ้ประเทศจีน

มัสเกรฟและผ.อ.บราสเซล มองดูอีธานที่โดนจับไว้อย่างแน่นหนา

 

เมื่ออีธานไปถึงประเทศจีน อีธานก็พบกับทีมของตนรออยู่ที่นี่พร้อมหน้า และลูเธอร์ก็บอกกับอีธานว่า ตนเองดูข้อมูลในกระเป๋าเอกสารของเดเวียนแล้ว และพบว่าตีนกระต่ายอยู่ในตึกสูงตึกนึงในเซียงไฮ้นั่นเอง อีธานจึงวางแผนเข้าไปในตึกนี้ทางชั้นบนสุด อีธานได้ตีนกระต่ายที่อยู่ในกระป๋องขนาดเท่ากระป๋องสเปรย์มาอย่างรวดเร็ว และรีบหนีออกมาทันที

ปฎิบัติการที่เป็นไปไม่ได้ หรือ Mission: Impossible III (2006)

 

อีธานรีบโทรติดต่อเดเวียนทันที ซึ่งกำลังจะครบกำหนด 48 ชม.ในอีกแค่ 5 วินาทีเท่านั้น เดเวียนและจูเลียที่ถูกจับมาก็อยู่ที่เซียงไฮ้ด้วยเช่นกัน โดยที่เดเวียนตั้งเงื่อนไขว่า อีธานต้องไปพบที่จุดนัดเพียงคนเดียว อีธานจึงสั่งทีมของตนกลับเอเมริกาให้หมด ต่อจากนี้เค้าจะลุยคนเดียวเพื่อช่วยจูเลีย

ทีมของอีธานมาช่วยอีธานหาตีนกระต่ายที่เซียงไฮ้

เมื่ออีธานไปถึงจุดนัดพบ ก็มีรถลีมูซีนสีขาวมารับอีธาน ซึ่งในแก้วเครื่องดื่มมียาสลบอยู่ และอีธานต้องกินมัน เมื่ออีธานฟื้นคืนสติมา อีธานก็ถูกฝังระเบิดเข้าไปทางโพรงจมูก เช่นเดียวกับที่ฟาร์ริสลูกศิษย์ของตนเคยโดน และอีธานก็โดนจับใส่กุญแจมือล่ามไว้กับเก้าอี้ ต่อหน้าจูเลีย ซึ่งถูกใส่กุญแจมือล่ามไว้กับเก้าอี้เช่นกัน ก่อนที่เดเวียนจะเริ่มบีบคั้นอีธานและนับ 1 ถึง 10 ว่าตีนกระต่ายอยู่ที่ไหน ไม่เช่นนั้นเดเวียนจะยิงหัวจูเลีย แต่อีธานก็คิดว่าในกระป๋องนั่นคือตีนกระต่าย และโดนเดเวียนเอาไปจากตัวเค้าแล้ว อีธานจึงบอกเดเวียนว่าให้ไปแล้ว แต่เดเวียนทำท่าไม่เชื่อ และนับจนถึง 10 ก่อนจะยิงจูเลียต่อหน้าอีธาน และเดเวียนก็ออกจากห้องไป

เดเวียนยิงหัวจูเลียต่อหน้าอีธาน

 

มัสเกรฟเข้ามาในห้อง และเผยตัวเองว่าตนคือหนอนบ่อนไส้ในไอเอ็มเอฟที่ทำงานกับเดเวียนนั่นเอง และมัสเกรฟยังบอกอีธานว่า เหตุการณ์เมื่อสักครู่คือการพิสูจน์ว่า อีธานนำตีนกระต่ายของจริงมาหรือไม่ จึงต้องพิสูจน์ด้วยวิธีขู่จะยิงจูเลีย จนนาทีสุดท้ายอีธานก็ยังยืนยันว่านั่นคือตีนกระต่ายของจริง เดเวียนและตนจึงเชื่อ ส่วนผู้ที่ถูกยิงตายนั้นไม่ใช่จูเลีย หากแต่เป็นล่ามที่ทำงานพลาดในวาติกันใส่หน้ากากหน้าของจูเลียไว้ จนทำให้เดเวียนโดนอีธานจับนั่นเอง และนี่คือการลงโทษล่ามคนนั้น

ล่ามที่ทำงานผิดพลาด โดนเดเวียนลงโทษด้วยการสังหารทิ้ง

 

เหตุผลที่แท้จริงของมัสเกรฟและเดเวียนก็คือ ขายตีนกระต่ายให้ชาติในตะวันออกกลาง และนำกองกำลังอเมริกาบุกทำลายชาตินั้น ด้วยว่ามีเหตุผลในการรุกรานและเปิดสงคราม เพราะชาตินั้นจะก่อการร้ายจากตีนกระต่ายนั่นเอง ประชาคมโลกก็จะไม่ประณามอเมริกา เพราะมีเหตุผลในการบุก วินวินทั้งเดเวียนและมัสเกรฟ
แต่ผ.อ.บราสเซลผู้ตงฉินก็เข้ามาขัดมือขัดเท้าของมัสเกรฟอยู่เรื่อย ทำให้ตนทำงานไม่ถนัด และที่มัสเกรฟยังไว้ชีวิตจูเลียก็เพราะว่าเพื่อเอาไว้ต่อรองกับอีธาน มัสเกรฟต้องการรู้ข้อมูลที่ฟาร์ริสส่งให้อีธาน ว่ามันคืออะไร

อีธานจึงรู้ทันทีว่า มัสเกรฟส่งข่าวให้เดเวียนรู้ว่าฟาร์ริสสืบเรื่องนี้อยู่ และเข้าใกล้ความจริงแล้ว เดเวียนจึงจับตัวฟาร์ริสได้อย่างง่ายดายเพราะมัสเกรฟส่งข่าวนั่นเอง และทั้งคู่ก็ต้องเก็บฟาร์ริสปิดปาก แต่สิ่งที่มัสเกรฟไม่รู้ก็คือ ฟาร์ริสก็ยังไม่รู้เรื่องมากนัก

อีธานจึงตามน้ำมัสเกรฟไป และบอกว่าตนเองรู้ข้อมูลจากฟาร์ริสมากพอที่จะทำลายแผนของมัสเกรฟได้ทั้งหมด ก่อนที่อีธานจะขอสายจูเลียว่าเธอปลอดภัยจริงๆ มัสเกรฟจึงต่อสายให้อีธานคุยกับจูเลีย อีธานก็ใจชื้นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงจูเลียว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่มัสเกรฟประมาทสายลับตัวพ่ออย่างอีธานไปหน่อย จึงถือโทรศัพท์มาจ่อหูใกล้อีธานมากไป

อีธานกัดมือมัสเกรฟ และใช้มือที่โดนล็อคอยู่คว้าปลายเนคไทมัสเกรฟไม่ให้หนีไปไหนได้ ก่อนที่จะใช้หัวตนเองโขกหัวมัสเกรฟสองสามทีจนสลบ พร้อมกับนำปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อมัสเกรฟ และนำไส้ในปากกาไขกุญแจมือตนเอง (คือเก่งเวอร์แท้..)

มัสเกรฟเสียท่าอีธาน

 

อีธานโทรหาเบนจี้ เพื่อให้แกะรอยเบอร์ปลายสายล่าสุดของมือถือมัสเกรฟที่โทรออก ซึ่งนั่นก็คือที่ๆจูเลียโดนจับเอาไว้ เมื่อเบนจี้บอกพิกัดอีธานไปแล้ว อีธานจึงรีบมุ่งหน้าไปช่วยจูเลียทันที ซึ่งจูเลียถูกจับมัดไว้ในคลีนิค และที่นั่น เดเวียนก็ดักรออีธานอยู่ ระเบิดในสมองอีธานก็เริ่มทำงาน ทั้งสองสู้กันจนกระทั่งหลุดไปนอกคลีนิค เดเวียนจึงโดนอีธานทำให้รถชนตายไป ก่อนที่อีธานจะกลับมาแก้มัดจูเลีย

อีธานมาพบจูเลียตัวจริงที่คลีนิคแห่งนึงในเซียงไฮ้

 

และจูเลียก็ช่วยช๊อตสมองอีธานเพื่อทำลายวงจรระเบิดไม่ให้ทำงาน อีธานจึงหมดสติไป ด้านทางมัสเกรฟฟื้นคืนสติจากการถูกอีธานใช้หัวโขกจนสลบและบุกเข้ามาที่คลีนิคพอดี แต่มัสเกรฟก็พลาดท่าถูกจูเลียยิงปืนสังหาร

เมื่อทุกอย่างที่ประเทศจีนจบลง อีธานนำตีนกระต่ายไปมอบให้ผ.อ.บราสเซล และจนถึงตอนนี้ อีธานก็ยังไม่รู้ว่าตีนกระต่ายคืออะไร สุดท้ายแล้วอีธานก็เล่าเรื่องทุกๆอย่างในหน่วยไอเอ็มเอฟให้จูเลียฟัง และพาจูเลียไปรู้จักกับเพื่อนๆในทีมที่ไอเอ็มเอฟ ก่อนที่ทั้งคู่จะไปฮันนีมูนกันที่ประเทศโครเอเชีย

เพื่อนๆในทีมอีธานทำความรู้จักกับจูเลีย

 

และที่โครเอเชีย ในการฮันนี้มูนของจูเลียและอีธานนั้น รัฐมนตรีกลาโหมก็ส่งทีมสายลับไปคุ้มกันอีธานอีกที ซึ่งหัวหน้าหน่วยคุ้มกันนี้ก็คือ William Brandt สายลับไอเอ็มเอฟฝีมือดีอีกคนนึง ต่อมาแบรนท์ได้รับข่าวว่านักฆ่าชาวเซอร์เบียกลุ่มนึงจะมาสังหารอีธานและจูเลีย แต่แบรนท์บอกอีธานไม่ได้ เพราะมีคำสั่งจากรัฐมนตรีกลาโหมว่าห้ามเปิดเผยตัวกับอีธานเด็ดขาด จนกระทั้งแบรนท์ได้ข่าวว่าจูเลียหายตัวไป และมีคนพบชิ้นส่วนศพเธอในอีก 3 วันต่อมา แบรนท์รู้สึกผิดมากที่ไม่ได้เตือนอีธานในเรื่องนี้ แบรนท์จึงเลิกทำงานภาคสนามตั้งแต่นั้น และมาเป็นนักวิเคราะห์แทน

วิลเลี่ยม แบรนท์ สายลับมือดีของไอเอ็มเอฟ

 

แต่ความจริงแล้ว อีธานจัดฉากอีกชั้นนึง เพราะอีธานไปช่วยจูเลียได้ทันเวลา อีธานและรัฐมนตรีกลาโหมจึงจัดฉากว่า จูเลียตายไปด้วยฝีมือนักฆ่าชาวเซอร์เบียหกคนนี้ และอีธานก็สังหารทั้งหกคนแก้แค้นให้จูเลียเป็นการบังหน้า ไอเอ็มเอฟปฏิเสธความรับผิดชอบในการกระทำของอีธาน อีธานจึงถูกไปจับขังอยู่ในคุกแรงโคตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนจูเลียก็ได้ประวัติใหม่ และทำงานเป็นนางพยาบาลอยู่ที่ซีแอทเทิล ซึ่งเรื่องนี้มีผู้รู้แค่สองคน คือรัฐมนตรีกลาโหมและอีธาน เพราะรัฐมนตรีกลาโหมต้องการให้อีธานไปสืบข่าวของ เคิร์ต เฮนดริกส์ ในคุกแรงโค และวันใดวันนึง จะมีเพลง Ain’t That A Kick In The Head ของ Dean Martin ดังขึ้นไปทั่วคุก ซึ่งเป็นสัญญาณบอกอีธานว่าถึงเวลาแหกคุกแล้ว

เพลง Ain’t That A Kick In The Head ของ Dean Martin

 

 

บทที่ 4 ปฏิบัติการไร้เงา

 

ปี 2011 อีธาน ฮันท์ อายุ 47 ปี Trevor Hanaway สายลับฝีมือดีของไอเอ็มเอฟ ได้นำทีมปฏิบัติภารกิจช่วงชิงรหัสปล่อยนิวเคลียร์มาจาก มาเรค สเตฟานสกี้ที่สถานีรถไฟเมืองบูดาเบส ซึ่งในทีมมี 3 คน คือ ฮันโนเวย์ และเบนจี้ จนท.ด้านไอทีที่สอบผ่านภาคสนามมาได้ อีกคนก็คือแฟนสาวของฮันนาเวย์ที่ชื่อ Jane Carter

ภารกิจช่วงชิงรหัสปล่อยนิวเคลียร์นี้เหมือนจะง่ายดาย ฮันโนเวย์ช่วงชิงมาได้แบบสบาย แต่แล้วก็มีทีมลึกลับอีกทีมที่จะมาช่วงชิงรหัสปล่อยนิวเคลียร์นี้เช่นกัน และฮันนาเวย์ก็พลาดท่าถูกนักฆ่าสาวที่ชื่อ Sabine Moreau สังหารและช่วงชิงรหัสปล่อยนิวเคลียร์ไป โดยที่เจนแฟนสาวของฮันนาเวย์ก็มาช่วยไม่ทัน เจนเห็นแต่เพียงหน้าของมัวโรว์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟน ซึ่งถ่ายทอดผ่านเลนส์พิเศษในดวงตาของฮันนาเวย์ก่อนตาย

ฮันนาเวย์ร่ำลาเจนแฟนสาวเป็นครั้งสุดท้าย

 

เจนและเบนจี้จึงได้รับภารกิจด่วนจากรัฐมนตรีกลาโหม ให้ไปช่วยอีธานแหกคุกแรงโค ซึ่งอีธานนั้นแฝงตัวเข้าไปเป็นนักโทษอยู่ในคุกที่นี่ โดยที่เบนจี้แฮคระบบรักษาความปลอดภัยของคุกทั้งหมด ก่อนที่เบนจี้จะเปิดเพลง Ain’t That A Kick In The Head ของ Dean Martin ดังไปทั่วคุก ซึ่งเพลงนี้คือรหัสบอกอีธานว่าถึงเวลาแหกคุกตามจุดนัดพบแล้ว และที่จุดนัดพบนั้น เจนก็กำลังรอระเบิดพื้นอุโมงค์เพื่อพาอีธานหลบหนี โดยอีธานมีเวลามาที่จุดนัดพบจนถึงเพลงจบเท่านั้น อีธานพาเพื่อนในคุกซึ่งเป็นสายข่าวออกมาด้วยอีกหนึ่งคน นั่นก็คือ บอร์กเด้น และทั้งสองก็แหกคุกรัสเซียออกมาสำเร็จ ก่อนที่อีธานและบอร์กเด้นจะแยกทางกัน

บอร์กเด้นและเซอเก้ ซึ่งเซอเก้คือนามแฝงของอีธาน

 

อีธานถามเจนและเบนจี้ว่า เหตุใดรัฐมนตรีกลาโหมจึงนำตัวอีธานออกมาจากคุก แสดงว่าต้องมีเรื่องร้ายแรงแน่นอน เจนจึงแจ้งให้อีธานทราบว่า ภารกิจของทีมตนล้มเหลว และหัวหน้าทีมก็ถูกสังหาร และภารกิจนั้นคือการช่วงชิงรหัสปล่อยนิวเคลียร์

อีธานจึงได้รับภารกิจใหม่ ให้ไปนำไฟล์ของรหัสโคลบอลท์ออกมาจากวังเครมลินในกรุงมอสโคประเทศรัสเซีย ซึ่งอีธานยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโคลบอลล์คืออะไร ทั้งสามจึงเดินทางไปวังเครมลินในรัสเซีย เจนนั้นดูสถานการณ์อยู่ภายนอกในฐานะนักท่องเที่ยว ส่วนเบนจี้และอีธานก็ปลอมตัวเป็นนายทหารรัสเซียลอบเข้าไปในวังเครมลิน จนกระทั่งทั้งสองถึงห้องนิรภัยที่เก็บไฟล์ของรหัสโคลบอลท์อยู่ แต่อีธานกลับพบเพียงแฟ้มว่างเปล่า อีธานจึงรู้ว่าบัดนี้ทีมตนเองโดนแผนซ้อนแผนซะแล้ว

อีธานและเบนจี้ปลอมตัวเป็นนายทหารรัสเซีย

 

อีธานจึงสั่งลูกทีมทุกคนถอนตัวทันที ระหว่างทางขณะถอนกำลัง อีธานก็เดินสวนกับ Kurt Hendricks ซึ่งอีธานก็คุ้นหน้า แต่ไม่ทันเฉลียวใจเพราะกำลังหนีอยู่ ซึ่งอีธานก็จดจำใบหน้าเฮนดริกได้เป็นอย่างดี และเฮนดริกส์ก็วางระเบิดทั่ววังเครมลินไว้ เพื่อกลบเกลื่อนร่องรอย

อีธานวิ่งหนีออกมาจากวังเครมลินได้ไม่ไกล วังเครมลินก็ระเบิด และอีธานก็โดนแรงระเบิดซัดจนสลบไป อีธานรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาล พร้อมด้วยโดยจับใส่กุญแจมือล่ามไว้กับเตียงคนไข้

Anatoly Sidorov ตำรวจนักสืบรัสเซียก็พยายาสอบสวนอีธาน แต่นางพยาบาลก็มาห้ามไว้เพราะไม่อยากให้ตำรวจมารบกวนคนไข้ ซึ่งอีธานก็นำคลิปหนีบกระดาษบนแฟ้มนางพยาบาลคนนั้นไขกุญแจมือ และหนีนักสืบอนาโตลี่ไปได้

อีธานติดต่อไปทางสำนักงานใหญ่ไอเอ็มเอฟในแลงลีย์ เพื่อขอความช่วยเหลือถอนตัวจากพื้นที่อันตรายทันที รถช่วยเหลือมารับตัวอีธานในจุดนัดพบ แต่ภายในรถกลับมีรัฐมนตรีกลาโหมและนักวิเคราะห์อยู่ในรถคันนี้ด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์คนนี้ก็คือเจ้าหน้าที่แบรนท์หัวหน้าทีมคุ้มกันอีธานและจูเลียในโครเอเชียนั่นเอง

รัฐมนตรีกลาโหม และ วิลเลียม แบรนท์ ผู้ซึ่งวางมือจากงานสายลับมาเป็นนักวิเคราะห์แทน

 

รัฐมนตรีกลาโหมแจ้งอีธานว่า ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและอเมริกาไม่เคยสูงอย่างนี้มาหลายสิบปีแล้ว อีธานลองภูมิแบรนท์ว่าเป็นนักวิเคราะห์จริงหรือไม่ จากการสเก๊ตรูปเฮนดริคส์คร่าวๆบนฝ่ามือ และให้แบรนท์วิเคราะห์ดูว่าเป็นใคร ซึ่งแบรนท์ดูปุ๊บก็รู้ทันที ว่านี่คือ เคิร์ต เฮนดริคส์ อดีตหน่วยรบพิเศษของสวีเดน ซ้ำยังเคยเป็นศาสตราจารย์ด้านฟิสิกซ์ที่มหาลัย สต๊อกโฮม เชี่ยวชาญทฤษฎีนิวเคลียร์กลยุทธ์ แต่ถูกบีบให้ลาออก เพราะว่าต้องการสร้างสงครามนิวเคลียร์เพื่อล้างโลกใหม่ และเฮนดริคส์มีไอคิวสูงถึง 190 ทีเดียว

รัฐมนตรีกลาโหมนำภารกิจใหม่ให้อีธาน และภารกิจนี้มีชื่อว่า ” ปฏิบัติการไร้เงา ” หรือ ” Ghost Protocol ” และขณะนี้ไอเอ็มเอฟกำลังจะถูกยุบ ไอเอ็มเอฟจึงเหลือแค่ทีมอีธานเท่านั้น สายลับคนอื่นในโลกถูกยกเลิกภารกิจหมดแล้ว และเบนจี้กับเจนก็รออีธานอยู่ที่ตู้นึงในขบวนรถไฟ ซึ่งที่นั่นยังมีเงินทุนและอุปกรณ์สำหรับปฏิบัติภารกิจชิ้นต่อไปอยู่

อีธานรับภารกิจมาได้เพียงอึดใจ รถคันที่ทุกคนนั่งมาก็ถูกเจ้าหน้าที่รัสเซียยิงถล่มอย่างหนัก และรัฐมนตรีก็โดนสังหารไปด้วย รถทั้งคันเสียหลักพุ่งลงแม่น้ำ เพราะคนขับก็โดนยิงเช่นกัน เหลือเพียงแค่แบรนท์และอีธานที่ยังรอดชีวิตอยู่ และทั้งคู่ก็ไปยังขบวนรถไฟ ซึ่งเป็นจุดที่รัฐมนตรีกลาโหมบอกไว้ว่าเบนจี้และเจนรออยู่ที่นั่น

อีธานกำลังรับภารกิจใหม่บนตู้รถไฟ

 

และแล้ว อีธานก็รับรู้ความจริงว่า เคิร์ต เฮนดริคส์ ก็คือรหัสโคลบอลล์ที่ตนเองไปค้นหาในวังเครมลินที่ระบิดนั่นเอง ภารกิจต่อไปของทีมอีธานก็คือ ต้องไปหยุดนักฆ่าหญิงที่ชื่อมัวโรว์ที่ดูไบ เพราะมัวโรว์กำลังจะขายรหัสปล่อยนิวเคลียร์ให้ Marius Wistrom ลูกน้องของเฮนดริกส์ ทั้งสี่คนจึงเดินทางไปดูไบทันที อีธานยังโทรสั่งให้บอร์กเด้นพานักค้าอาวุธเถื่อนในตลาดมืดชาวรัสซียไปพบตนที่ดูไบด้วย

ที่ดูไบ ณ โรงแรมเบิจ ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก (ในปี 2011) ทีมอีธานต้องจัดฉากให้มัวโรว์มาพบอีธานและแบรนท์ และให้วิสตรอมไปพบกับเจน โดยที่มัวโรว์ต้องคิดว่าตนเองเจรจากับวิสตรอม ซึ่งแท้จริงคืออีธานกับแบรนท์ ส่วนทางด้านวิสตรอมต้องคิดว่าตนเองเจรจากับมัวโรว์ ซึ่งที่จริงก็คือเจน โดยเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน อีธานจะตามวิสตรอมไป เพื่อจับเฮนดริกส์ในภายหลัง และทีมอีธานจะจับมัวโรว์ที่นี่เดี๋ยวนั้นเลย

แต่มีปัญหาตรงที่ เบนจี้ไม่สามารถแฮคระบบของโรงแรมเบิจได้ ซึ่งทางเดียวก็คือ อีธานต้องเข้าไปในห้องควบคุมระบบทางหน้าต่างนอกตึก ทีมอีธานจึงเปิดกระจกห้องออก และอีธานก็ปีนขึ้นไปแฮคระบบที่ห้องควบคุมโดยตรง

ปฎิบัติการที่เป็นไปไม่ได้ หรือ Mission: Impossible – Ghost Protocol (2011)

 

เมื่อมัวโรว์และวิสตรอมมาถึง ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนทั้งหมด วิสตรอมได้รหัสปล่อยนิวเคลียร์ไป และมัวโรว์ก็ได้เพชรค่าตอบแทนจากวิสตรอมไปเช่นกัน แต่มัวโรว์สังเกตเลนส์พิเศษในดวงตาของแบรนท์ได้ ว่าคือชนิดเดียวกันกับของฮันนาเวย์ มัวโรว์และผู้ติดตามของเธอจึงปะทะกับแบรนท์และอีธาน และนี่เองที่อีธานได้รู้ว่าแบรนท์ไม่ใช่นักวิเคราะห์ธรรมดาแน่นอน เพราะสกิลการต่อสู้ของแบรนท์นั้นสูงพอๆกับตนเอง

ด้านมัวโรว์หนีไปได้ เจนจึงอาสาไปตามจับกลับมา ซึ่งเจนให้เบนจี้เฝ้ามัวโรว์ไว้ แต่เบนจี้ก็พลาดท่าให้มัวโรว์ เจนจึงเข้าไปต่อสู้กับมัวโรว์ และเพื่อเป็นการป้องกันตัว เจนจึงถีบมัวโรว์ตกตึก จากช่องกระจกที่ทีมอีธานเปิดไว้ก่อนหน้านี้นั่นเอง

นักฆ่าสาวชาวฝรั่งเศส ซาบิน มัวโรว์

 

ด้านอีธานกำลังตามตัววิสตรอมไป แต่นักสืบอนาโตลี่ก็ตามมาขัดขวางอีธาน และทำการต่อสู้เอะอะขึ้น วิสตรอมจึงวิ่งหนีไปในพายุทราย และในที่สุด วิสตรอมก็หนีอีธานไปจนพ้น ซึ่งแท้จริงแล้วเฮนดริกส์ปลอมตัวมาเป็นวิสตรอม และมาที่ดูไบด้วยตนเองเพื่อเอารหัสปล่อยนิวเคลียร์

เมื่อกลับมาที่เซฟเฮ้าส์ อีธานจึงกดดันให้แบรนท์บอกความจริง ว่าเหตุใดนักวิเคราะห์จึงเก่งกาจเช่นนี้ แต่ยังไม่ทันได้รู้เรื่องอะไร อีธานก็ต้องออกไปพบกับนักค้าอาวุธในตลาดมืด ที่อีธานนัดให้บอร์กเด้นพามาหาที่นี่

อีธานหยั่งเชิงฝีมือแบรนท์

 

อีธานซักถามพ่อค้าตลาดมืด ถึงพลเรือนที่ครอบครองดาวเทียมปลดระวาง ว่ามีใครครอบครองไว้บ้าง เพราะเฮนดริกส์ต้องใช้ดาวเทียมในการสั่งปล่อยนิวเคลียร์ ซึ่งพ่อค้าตลาดมืดก็บอกอีธานว่า มีพียงพลเรือนผู้เดียวในโลกที่ครอบครองดาวเทียมปลดระวางนี้ไว้ นั่นก็คือมหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทเลคอมชาวอินเดียที่ชื่อ Brij Nath ทีมของอีธานจึงออกเดินทางจากดูไบไปอินเดียทันที เพื่อหยุดยั้งดาวเทียมนี้ และผู้มีรหัสหยุดดาวเทียมก็คือตัวของ บริจ นาธ

ที่เมืองมุมไบในประเทศอินเดีย เจนจึงต้องไปอ่อยเหยื่อนาธเพื่อเอารหัสควบคุมดาวเทียม และในที่สุดทีมของอีธานก็หยุดยั้งและสังหารเฮนดริกส์ได้ทันการณ์ ก่อนที่จรวดนิวเคลียร์จะพุ่งถล่มอเมริกา และตกที่อ่าวเมืองซานฟรานซิสโกแทน

เจน คาร์เตอร์ กำลังอ่อยเหยื่อ บริจ นาธ

 

8 สัปดาห์ต่อมาที่เมืองซีแอตเทิล อีธานนัดทุกคนในทีมมารับภารกิจใหม่ รวมถึงลูเธอร์เพื่อนเก่าด้วย ซึ่งทุกคนยอมรับภารกิจหมด ยกเว้นแบรนท์คนเดียวเพราะยังรู้สึกผิดกับการตายของจูเลีย และแบรนท์ก็บอกความจริงกับอีธานทั้งหมด ว่าตนเป็นสายลับที่คุ้มกันทั้งสองที่โครเอเชีย แต่อีธานก็ไปสืบรู้สถานะของแบรนท์มาเองแล้วเช่นกัน อีธานจึงบอกความจริงกับแบรนท์ว่า จูเลียยังไม่ตาย แต่ต้องสร้างหลักฐานว่าตายแล้ว เพื่อปกป้องเธอจากผู้ก่อการร้าย ที่คิดจะใช้จูเลียเป็นเครื่องมือมาถึงตัวอีธาน แบรนท์จึงโล่งอกที่รู้ความจริง และยินยอมรับภารกิจครั้งใหม่ ซึ่งสถานที่นัดพบทีมของอีธานนั้น คือที่ที่ใกล้กับที่ทำงานจูเลียนั่นเอง

จูเลียรับรู้ได้ว่าอีธานเฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ

 

 

บทที่ 5  ปฏิบัติการรัฐอำพราง

 

ที่เมืองมินส์ก ประเทศเบลารุส อีธานได้ภารกิจใหม่ เพื่อหยุดยั้งการลำเลียงอาวุธชีวภาพแก้สวีเอ็กซ์ของผู้ก่อการร้าย ภารกิจนี้เบนจี้ร่วมทีมออกภาคสนามกับอีธานด้วย ลูเธอร์ก็ช่วยอยู่ไกลๆ โดยมีแบรนท์คอยควบคุมภารกิจโดยรวมอยู่ที่แลงลีย์ ซึ่งภารกิจก็ผ่านไปด้วยดี

อีธานดึงร่มชูชีพและนำแก้สวีเอ็กซ์ลงจากเครื่องบิน

 

ปี 2015 อีธาน ฮันท์ อายุ 50 ปี ที่กรุงลอนดอน อังกฤษ อีธาน ฮันท์ ต้องเดินทางมาที่ร้านขายแผ่นเสียง ซึ่งเป็นฉากหน้าของศูนย์ปฎิบัติการลับไอเอ็มเอฟที่ลอนดอน เพื่อส่งงานยึดแก้สวีเอ็กซ์ และรับภารกิจใหม่ แต่ที่ศูนย์ปฎิบัติการลับแห่งนี้ กลับโดนองค์กรลับของผู้ก่อการร้ายล่วงรู้ องค์กรนั้นคือ Syndicate (ซินดิเคท) หัวหน้าองค์กรคือ Solomon Lane (โซโลมอน เลน)

เนื่องจากอีธานตามล่าองค์กรซินดิเคทของเลนมานานถึงสองปี ตั้งแต่ปลายปี 2012 เลนจึงโต้ตอบกลับ โดยพาลูกน้องลอบเข้ามาวางกับดักในห้องทดลองฟังแผ่นเสียงเพื่อจับอีธาน

ระหว่างที่อีธานกำลังหาทางออกจากห้องนั้น เลนก็สังหารเจ้าหน้าที่สาวประจำศูนย์ปฎิบัติการลับไอเอ็มเอฟที่ลอนดอน ต่อหน้าต่อตาอีธานที่มองผ่านกระจกประตู หลังจากนั้นอีธานก็สลบไปเพราะโดนรมยาสลบ และอีธานก็โดนซินดิเคทจับตัวไป

โซโลมอน เลน

 

อีธานฟื้นขึ้นมาในห้องลับและโดนจับไขกุญแจมือไว้กับเสา โดยมีสายลับสองหน้าสาวอังกฤษที่ชื่อ Ilsa Faust (อิลซ่า เฟ้าสท์) กำลังเตรียมเครื่องมือเพื่อทรมานอีธาน ซึ่งในห้องนั้นมีสายลับของซินดิเคทหลายคนในห้อง

อิลซ่ายังไม่ทันทำอะไรอีธาน Janik Vinter (ยานิค วินเทอร์) ฉายาหมอจับกระดูกเพราะความโหดเหี้ยมในการชอบทรมาน ก็เข้ามาในห้องเพื่อจะสอบสวนอีธานด้วยตัวเอง ซึ่งอีธานจำยานิคได้ ว่ายานิคถูกประกาศว่าตายไปแล้ว 3 ปีก่อน

ยานิค วินเทอร์

 

แต่อิลซ่านั้นแอบขโมยลูกกุญแจไขข้อมืออีธาน และส่งซิกให้อีธาน อีธานจึงถีบยานิคกลิ้งไปโดนท่อน้ำเหล็กจนสลบ อิลซ่าเริ่มโจมตีสายลับซินดิเคทในห้อง และอีธานก็หลุดออกมาจนได้

อิลซ่าวิ่งหนีไปส่งอีธานที่ทางออก แต่อิลซ่าไม่ไปด้วย อิลซ่าต้องการแฝงตัวอยู่ในซินดิเคทดังเดิม โดยที่ตอนนี้อีธานไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแซ่ของ โซโลม่อน เลน และ อิลซ่า เฟ้าสท์ อีธานแค่จำหน้าทั้งคู่ได้

อิลซ่าปล่อยให้อีธานหนี

 

ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา วิลเลี่ยม แบรนท์ ถูกคณะกรรมการสูงของรัฐสภาเรียกตัวมาให้การ โดยผู้เรียกร้องให้มีการไต่สวนนี้คือผู้อำนวยการซีไอเอ Alan Hunley (อลัน ฮันลีย์) ผอ.ฮันลีย์ต้องการปิดหน่วยไอเอ็มเอฟจากเหตุการณ์สุดระห่ำตลอดหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดไอเอ็มเอฟมีส่วนทำให้วังเครมลินในรัสเซียโดนวางระเบิด จงใจให้รหัสปล่อยนิวเคลียร์ผู้ก่อการร้าย และทำให้เกือบโดนนิวเคลียร์ยิงถล่มซานฟรานซิสโก

ผอ.ฮันลีย์แห่งซีไอเอ

 

แต่แบรนท์ไม่ยอมปฎิเสธหรือรับสารภาพ หรือให้ข้อมูลอื่นใดเพิ่มเติม เนื่องจากต้องมีคำสั่งจากรัฐมนตรีกลาโหมเท่านั้น แบรนท์จึงจะยอมบอกรายละเอียดทุกภารกิจที่ถูกสอบสวน และตอนนี้ตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมยังคงว่าง เนื่องจากรัฐมนตรีกลาโหมตายในรัสเซียหลังเหตุการณ์เครมลินระเบิดไม่นาน

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสูงของรัฐสภาก็เห็นชอบตามคำร้องของผอ.ฮันลีย์ และยุบหน่วยไอเอ็มเอฟเข้าไปรวมอยู่ในซีไอเอ นั่นหมายถึงทรัพยากรและเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟทั่วโลก

แบรนท์ปฎิเสธการให้ข้อมูล

 

หลังจากแบรนท์ออกจากห้องไต่สวน อีธานซึ่งหนีซินดิเคทมาได้ ก็รีบโทรศัพท์สายปลอดภัยเข้ามาหาแบรนท์และบอกว่า ซินดิเคทมีจริง และอีธานจะเปิดโปงไล่ล่าองค์กรซินดิเคท แต่ผอ.ฮันลีย์ไม่เชื่อว่าซินดิเคทมีจริง และมองว่าอีธานคือภัยคุกคาม ซีไอเอจึงตามล่าจับเป็นอีธานนับตั้งแต่นั้น

ที่เมืองฮาวาน่า คิวบา ผ่านมา 6 เดือนหลังจากหน่วยไอเอ็มเอฟโดนยุบรวมเข้าไปอยู่ในซีไอเอ แต่ซีไอเอก็ยังตามจับตัวอีธานไม่ได้ซักที จนล่าสุดพบเบาะแสอีธานอยู่ที่คิวบา แต่เมื่อซีไอเอบุกเข้าไปภายในห้องกลับว่างเปล่า พบเพียงแผนผังที่อีธานทำไว้ถึงการโยงใยสายลับทั่วโลกที่ถูกประกาศว่าตายไปแล้ว

บอร์ดแผนผังของอีธานในฮาวาน่า

 

ที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ซีไอเอ แลงลีย์ อีธานส่งการ์ดเชิญการชมโอเปร่าฟรีในกรุงเวียนนาไปให้ เบนจี้ ดันน์ เพื่อให้เบนจี้ตามมาช่วย โดยเบนจี้ไม่รู้ว่าคนส่งคืออีธาน ซึ่งตอนนี้เบนจี้ทำงานนั่งโต๊ะในซีไอเอ

ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย เบนจี้เดินทางมาถึงก็ได้รับการติดต่อจากอีธานทันที โดยทั้งคู่ยังไม่พบหน้ากัน สื่อสารกันทางเสียงผ่านเครื่องรับสัญญาณที่แว่นตา และอีธานก็อธิบายภารกิจไม่เป็นทางการนี้

อีธานได้ข้อมูลมาว่า โซโลมอน เลน จะมาชมโอเปร่าคืนนี้ อีธานต้องการให้เบนจี้เป็นหูเป็นตาในงาน โดยการแฮคระบบควบคุมกล้องวงจรปิดภายในโรงโอเปร่า เพราะอีธานต้องการให้เบนจี้หาตัวเลน ติดเครื่องติดตามที่ตัวเลน แล้วอีธานจะตามเลนไป เบนจี้กลับบ้าน ภารกิจควรจะมีแค่นั้น

เบนจี้ในห้องเก็บของโรงละครโอเปร่า

 

แต่เบนจี้ก็เอะใจ เพราะเห็นรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของออสเตรียมาชมโอเปร่าด้วย ทำไมผู้ก่อการร้ายระดับโลกกับนักการเมืองผู้มีอิทธิพลในยุโรปจึงต้องอยู่ในสถานที่เดียวกัน นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่

ซึ่งในที่สุด เลนก็ไม่โผล่มาในการแสดงโอเปร่าอย่างที่อีธานคิด และอีธานก็เห็นอิลซ่าอีกครั้ง อิลซ่าอยู่บนนั่งร้านที่สูง เตรียมจะยิงใครบางคน ยังมีนักฆ่าของซินดิเคทอีกสองคนด้วย

การต่อสู้ของอีธานกับนักฆ่าซินดิเคท ก็ทำให้รัฐมนตรีรู้ตัว และออกจากงานไปขึ้นรถกลับทันที ในโรงโอเปร่าวุ่นวายโกลาหล อีธานหนีออกมาโดยพาอิลซ่ามาด้วย ทันใดนั้นรถของรัฐมนตรีก็เกิดระเบิดขึ้น รัฐมนตรีตายทันที

รถรัฐมนตรีระเบิดต่อหน้าต่อตาอิลซ่าและอีธาน

 

อีธานจับอิลซ่าไปขึ้นรถที่เบนจี้ขับมารับ และให้อิลซ่าอธิบายทุกอย่างว่ามันเกิดอะไรขึ้น อีธานยึดอาวุธทุกชิ้นในตัวอิลซ่า รวมถึงลิปติกยูเอสบี อิลซ่าจึงบอกว่า เนื่องด้วยเธอทำงานพลาดที่ลอนดอนโดยสะเพร่าทำให้อีธานหนีไป ทำให้เธอต้องมาทำงานที่ออสเตรียเพื่อซื้อใจ และเธอชื่อ อิลซ่า เฟ้าสท์

แผน A ของเลนคือ เลนสั่งให้อิลซ่าเดินทางมาฆ่ารัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรีย เพื่อเป็นการซื้อความไว้วางใจกลับมา แต่อิลซ่าคิดแค่จะยิงให้รัฐมนตรีบาดเจ็บไม่ได้คิดฆ่า และรัฐมนตรีจะปลอดภัยในโรงพยาบาล

แผน B ของเลนคือ นักฆ่าทั้งสองคนของซินดิเคทถูกเลนสั่งให้ตามมาเฝ้าอิลซ่าอีกที นักฆ่าคนแรกจะสังหารอิลซ่าถ้าทำงานพลาด และนักฆ่าคนที่สองจะเป็นคนลงมือสังหารรัฐมนตรีเอง

แผน C ของเลนคือ เลนสั่งสายลับซินดิเคทไปวางระเบิดในรถเดินทางของรัฐมนตรีด้วย เพื่อกันเหนียวอีกขั้น นั่นหมายความว่า ยังไงรัฐมนตรีต่างประเทศของออสเตรียก็ต้องตายคืนนี้จนได้

ในมืออีธานคือยูเอสบีลิปสติก

 

อิลซ่าบอกอีธานว่า ถ้าอีธานจะล้มซินดิเคท ต้องให้เธอกลับไป ทุกอย่างที่อีธานต้องรู้ อีธานได้มันไปแล้ว (ข้อมูลในยูเอสบีลิปสติก) ตอนนี้เองที่รถของสายลับซินดิเคทตามมา อิลซ่าจึงกระโดดลงรถทำทีว่าอีธานโยนลงไป และพวกซินดิเคทก็นำตัวอิลซ่าขึ้นรถ

ที่แลงลีย์ ฐานซีไอเอ ผอ.ฮันลีย์ปรี้ดแตกมาก ที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของออสเตรียถูกลอบวางระเบิดตายไป เนื่องจากเบนจี้ไปดูโอเปร่าในเวียนนา ผอ.ฮันลีย์รู้ทันทีว่าเบนจี้กับอีธานต้องรู้เรื่องนี้แน่นอน ผอ.ฮันลีย์จึงสั่งหน่วยเฉพาะกิจซีไอเอจับตายอีธานกับเบนจี้

ที่ท่าเรือในกรุงเวียนนา ออสเตรีย อีธานพาเบนจี้ไปที่ฐานลับเคลื่อนที่ซึ่งเป็นเรือ อีธานอยากให้เบนจี้กลับไปแลงลีย์ แต่เบนจี้อยากอยู่ช่วยอีธาน อีธานจึงอธิบายเหตุการณ์รุนแรงในโลกหลายๆอย่างที่ซินดิเคทอยู่เบื้องหลัง รวมถึงสายลับที่ถูกประกาศว่าตาย แต่กลับไปโผล่อยู่ในองค์กรซินดิเคท

เบนจี้ฟังอีธานอธิบาย

 

และอีธานก็นำลิปสติกยูเอสบีของอิลซ่ามาให้เบนจี้แกะรอยหาตัว เบนจี้ตรวจสอบพบข้อมูลบางอย่างในนั้น เป็นแผนผังพิมพ์เขียวของห้องนิรภัยในสถานที่หนึ่ง และที่นั่นตั้งอยู่ในโมรอคโค

ที่เซฟเฮ้าส์ซินดิเคท กรุงเวียนนา ออสเตรีย อิลซ่ากลับไปอธิบายให้เลนฟังว่า แผนของเธอล้มเหลวเพราะอีธานไปขัดขวาง ซึ่งตอนนี้อีธานรู้แค่เพียงว่าต้องไปโมรอคโค แต่อีธานไม่รู้ว่าที่นั่นมีอะไร เลนจึงส่งนักฆ่าซินดิเคทไปช่วยอิลซ่าที่โมรอคโค

เลนคาดคั้นอิลซ่าที่ทำพลาดมาสองครั้งแล้ว

 

ที่คาซาบลังก้า โมรอคโค เบนจี้กับอีธานตามมาจนพบตัวอิลซ่าในบ้านพักตากอากาศ อิลซ่าบอกอีธานว่า โซโลมอน เลน คืออดีตสายลับเอ็มไอซิกส์ หัวหน้าองค์กรซินดิเคทที่รัฐบาลอังกฤษตั้งขึ้นอย่างลับๆ ซินดิเคทยังไม่ทันเป็นรูปเป็นร่าง ก็โดนนายกรัฐมนตรีอังกฤษสั่งยุบไปแล้ว นี่เองที่เอ็มไอซิกส์อยากรู้ว่า ซินดิเคทยังคงอยู่ได้อย่างไร เอาเงินทุนมาจากไหน

เอ็มไอซิกส์ล่วงรู้ว่า มีลูกน้องเลนคนหนึ่ง ขโมยข้อมูลที่สำคัญมากของเลนไปเพื่อจะแบล็คเมล์เลน แต่สายลับคนนั้นก็ถูกจับ และโดนทรมานเพื่อให้บอกว่าข้อมูลสำคัญที่ขโมยไปถูกนำไปซ่อนที่ไหน แต่สายลับซินดิเคทคนนั้นดันตายก่อนได้บอก

อิลซ่า เฟ้าสท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสายลับเอ็มไอซิกส์ จึงถูกหัวหน้าส่งเข้าไปแทรกซึมอยู่ในซินดิเคทมาได้สองปีแล้ว คำสั่งที่อิลซ่าได้รับคือเพื่อสืบหาข้อมูลอันสำคัญของเลน (อิลซ่าน่าจะแฝงตัวเข้าไปตั้งแต่ปี 2012 ช่วงหลังจากเหตุการณ์ตอนท้ายภาพยนตร์เรื่อง MI 4: Ghost Protocol)

อิลซ่ากำลังอธิบายภารกิจสายลับสองหน้าของเธอ

 

ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา อิลซ่าตามหาเบาะแสจนรู้ว่า ข้อมูลสำคัญของเลนถูกซ่อนอยู่ที่โรงไฟฟ้าความปลอดภัยสุดยอดในโมรอคโค มีทหารเฝ้าฐาน ระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น เลนจึงส่งอิลซ่ามาที่นี่เพื่อนำข้อมูลนั้นกลับไปคืน และอีธานก็โผล่มาช่วงเวลานี้พอดี

ทีศูนย์ปฎิบัติการตามล่าอีธานของซีไอเอ แบรนท์ขอร้องให้ลูเธอร์ช่วยตามหาตัวอีธานกับเบนจี้ ก่อนที่ผอ.ฮันลีย์จะเจอก่อนและสั่งจับตาย (ตอนนี้สถานะลูเธอร์กับแบรนท์คือเจ้าหน้าที่ซีไอเอ) ซึ่งผอ.ฮันลีย์ไม่รู้ว่าลูเธอร์กำลังคิดช่วยอีธาน

ลูเธอร์พบข้อมูลของอิลซ่าว่า อิลซ่าถูกไล่ออกจากการเป็นสายลับเอ็มไอซิกส์ไปแล้ว และตอนนี้อิลซ่าอยู่ในโมรอคโค แบรนท์กับลูเธอร์จึงรีบไปโมรอคโคทันที

แบรนท์และลูเธอร์พยายามช่วยเพื่อน

 

ที่โรงไฟฟ้าความปลอดภัยสูง โมรอคโค อีธานกับเบนจี้ช่วยอิลซ่าเข้าไปนำข้อมูลนั้นออกมาจนได้ แต่อิลซ่ากลับนำข้อมูลในยูเอสบีหนีไปคนเดียว ซึ่งอิลซ่าก็ขัดขืนนักฆ่าซินดิเคทและขับบิ๊กไบค์หนีไป แต่โชคดีที่เบนจี้ก็อปปี้ข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว

ระหว่างที่นักฆ่าซินดิเคทขับบิ๊กไบค์ไล่ล่าอิลซ่า อีธานก็ขับรถตามไปด้วย จังหวะเดียวกับที่ลูเธอร์และแบรนท์มาเจอการไล่ล่าพอดีจึงขับรถตามไปอีกคัน การไล่ล่าก็จบลงที่อิลซ่าหนีนักฆ่าซินดิเคทกับอีธานไปจนได้

อิลซ่าขับบิ๊กไบค์หนีอีธานไปง่ายๆ

 

ที่ลอนดอน อังกฤษ อิลซ่านำข้อมูลสำคัญของเลนกลับไปมอบให้ Atlee (แอทลี่) ซึ่งเป็นผู้อำนวยการเอ็มไอซิกส์ โดยวางยูเอสบีไว้บนหนังสือพิมพ์ข้างๆตัวผอ.แอทลี่ ภารกิจอิลซ่าควรจะจบลงแล้ว

แต่ผอ.แอทลี่นั้นเพิ่มคำสั่งให้อิลซ่ากลับไปหาเลนเพื่อถล่มองค์กรซินดิเคทฆ่าทิ้งให้สิ้นซาก ซึ่งอิลซ่าไม่อยากกลับไป เพราะที่ผ่านมาอิลซ่าทำให้เลนลดความไว้วางใจครั้งแล้วครั้งเล่า กลับไปคราวนี้ไม่รอดแน่

ผอ.แอทลี่ขู่ว่าถ้าอิลซ่าไม่กลับไปหาเลนและฆ่าเลน ไม่ฆ่าอีธาน เธอจะไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลอังกฤษเพื่อกลับมาเป็นเจ้าหน้าที่โดยถูกต้อง นั่นหมายความว่าอิลซ่าจะกลายเป็นอาชญากรนอกกฎหมายไม่มีประเทศอยู่ทันที เพราะตามประวัติอิลซ่าถูกไล่ออกไปแล้ว ซึ่งเรื่องภารกิจล้วงข้อมูลซินดิเคทนี้มีผอ.แอทลี่รับรู้คนเดียว

ผอ.แอทลี่

 

ที่บ้านพักในโมรอคโค ทีมอีธานรู้แล้วว่าข้อมูลในยูเอสบีต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยสามอย่าง สแกนม่านตา ถอดรหัสเสียง และพิมพ์ลายนิ้วมือ ซึ่งอยู่ในบุคคลคนเดียว อีธานคิดออกทันทีว่านั่นก็คือนายกรัฐมนตรีอังกฤษ

อีธานไม่อยากเข้าไปเตือนรัฐบาลอังกฤษเรื่องนี้ อีธานระแวงว่านี่อาจจะเป็นแผนซ้อนแผนของเลน โดยที่แบรนท์ไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิง แบรนท์อยากเตือนรัฐบาลอังกฤษถึงเรื่องนี้

ที่สวนสาธารณะในลอนดอน อิลซ่านัดพบเลน และนำข้อมูลในยูเอสบีไปให้เลนอย่างฝืนใจ เลนจึงบอกอิลซ่าตรงๆ ว่าเค้ารู้มาตลอดว่าอิลซ่าเป็นสายลับสองหน้าทำงานให้รัฐบาลอังกฤษ ไม่ได้ฝักใฝ่ซินดิเคท แต่ที่ยังไม่ทำอะไรเพราะเลนประทับใจในความเก่งกาจของอิลซ่า เพราะอิลซ่าเก่งถึงขนาดขโมยข้อมูลนั้นกลับมาจนได้

อิลซ่ากำลังอยู่ในสถานการณ์อันตราย

 

แต่เมื่อเลนรู้ว่าข้อมูลในยูเอสบีนั้นว่างเปล่า เลนก็ปรี้ดแตกอีกครั้ง (ผอ.แอทลี่นำเครื่องล้างข้อมูลไปวางไว้ใต้หนังสือพิมพ์ ตอนที่อิลซ่านำยูเอสบีไปมอบให้ ข้อมูลจึงเกลี้ยง) อิลซ่าจึงต้องกลับไปหาอีธาน ตามคำสั่งเลนที่วางแผนบางอย่างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่สถานีรถไฟฟ้าลอนดอน อิลซ่านัดพบกับอีธาน อิลซ่ารู้ตอนนี้เองว่าเธอถูกผอ.แอทลี่ลอยแพ และอิลซ่าก็มอบโทรศัพท์ให้อีธานตามคำสั่งเลน ทีมอีธานมากันครบทั้งแบรนท์ /เบนจี้/และลูเธอร์

ทันใดนั้นก็มีคลื่นความถี่สูง ทีมอีธานทุกคนติดต่อกันไม่ได้ 5 วินาที และเบนจี้ก็โดนลักพาตัวไปอย่างรวดเร็ว อีธานดูในจอโทรศัพท์ที่เลนให้มา จึงรู้ว่าเบนจี้โดนยานิคฉายาหมอกระดูกจับตัวไป และอิลซ่าก็หายไปอีกครั้ง

เลนคุยทางโทรศัพท์สั่งให้อีธานนำข้อมูลที่ถูกถอดรหัสแล้วมาให้ตนเองภายในเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ มิเช่นนั้นเบนจี้ตาย ซึ่งมีวิธีเดียวคืออีธานต้องเข้าถึงตัวนายกรัฐมนตรีอังกฤษภายในเที่ยงคืน

ที่งานประมูล กรุงลอนดอน แบรนท์โทรนัดให้ผอ.ฮันลี่ย์แห่งซีไอเอมาพบที่งานเลี้ยงประมูลการกุศลในลอนดอน เพื่อแจ้งว่าเค้ายินดีร่วมมือจับตัวอีธาน เพราะอีธานคิดบ้าบิ่นจะลักพาตัวนายกอังกฤษ โดยมีข้อแม้ว่าจับเป็น และห้ามแจ้งรัฐบาลอังกฤษเรื่องนี้

ผอ.ฮันลีย์ไม่เชื่อคำแนะนำของแบรนท์ และเห็นผอ.แอทลี่แห่งเอ็มไอซิกซ์เดินเข้ามาพอดี ผอ.ฮันลีย์จึงแจ้งผอ.แอทลี่ว่านายกมีภัย และต้องแจ้งนายกเป็นการส่วนตัวโดยด่วน ผอ.แอทลี่จึงนำผอ.ฮันลีย์กับแบรนท์ไปรอในห้องรับรอง และตามตัวนายกมาที่ห้องนั้น ก่อนจะสั่งลูกน้องให้เฝ้าหน้าประตูห้ามใครเข้าเด็ดขาด

นายกอังกฤษ

 

การสนทนาภายในห้อง นายกอังกฤษนั้นเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าซินดิเคทยังอยู่ และคาดคั้นกับผอ.แอทลี่ว่าจริงหรือไม่ ผอ.ฮันลีย์จึงรู้ตอนนี้เองว่า สิ่งที่อีธานบอกนั้นคือเรื่องจริง ซินดิเคทมีจริง ซึ่งซินดิเคทคือองค์กรที่รวบรวมสายลับทั่วโลกมาทำงานให้ และสร้างประวัติให้สายลับเหล่านั้นใหม่ว่าตายไปแล้ว

หลังจากผอ.ฮันลีย์และนายกอังกฤษรู้เรื่องราวทุกอย่าง ผอ.แอทลี่ก็ยิงยาคลายเครียดชนิดแรงเข้าหน้าอกนายกอังกฤษ และถอดหน้ากากเผยให้เห็นว่าอีธานปลอมเป็นผอ.แอทลี่

อีธานถอดหน้ากาก

 

หลังจากนั้นอีธานก็ได้ทั้งสแกนดวงตา ลายนิ้วมือ และรหัสเสียงของนายกอังกฤษ เผยให้เห็นข้อมูลที่แท้จริง นั่นคือรหัสผ่านอนุมัติโอนเงินจากหลายๆบัญชีทั่วโลก เป็นจำนวนรวมทั้งหมด 2.4พันล้านดอลลาร์

แบรนท์กับอีธานร้องขอให้ผอ.ฮันลี่ย์ตามน้ำไปก่อน และรอแผนต่อไปที่จะเกิดขึ้น นั่นคือผอ.แอทลี่ตัวจริงต้องตามนายกอังกฤษเข้ามาในห้องรับรองอย่างแน่นอน และอีธานก็ยิงยาคลายเครียดชนิดแรงใส่ผอ.แอทลี่อีกคน เพื่อให้สารภาพทุกอย่างต่อหน้านายกที่กำลังเบลอ

อีธานกับแบรนท์กรอกข้อมูลให้นายกอังกฤษว่า ผอ.แอทลี่ทำผิดกฎหมายร้ายแรง อิลซ่าบริสุทธิ์ และผอ.ฮันลีย์คือผู้คลี่คลายทุกอย่าง ผอ.ฮันลีย์จึงได้หน้าไป ผอ.ฮันลีย์จึงยอมปล่อยให้อีธานกับแบรนท์ตามไปจับเลนให้ได้

การทำงานร่วมกันของสายลับทั้งสาม

 

ที่ศูนย์อาหารริมแม่น้ำเทมส์ ลอนดอน เบนจี้ถูกมัดติดกับระเบิดเวลาที่มีระบบตรวจจับการสั่นสะเทือน นั่นหมายความว่าห้ามเคลื่อนย้ายเบนจี้โดยพลการเด็ดขาด ระเบิดนี้จะทำให้คนที่นี่ตายนับพันคนทันที

ผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆเบนจี้คืออิลซ่า และอีธานก็มาตามนัด ซึ่งระเบิดเวลานั้นนับถอยหลังเหลือแค่ไม่กี่นาทีจะถึงเวลาเที่ยงคืนตามนัด หน้าที่ของอิลซ่าคือ ฆ่าเบนจี้กับอีธานทันทีที่เลนได้ข้อมูล มิเช่นนั้นตายหมู่นับพันคนแน่นอน

เบนจี้กับระเบิดเวลา

 

เลนคุยกับอีธานผ่านเบนจี้ เพื่อถามหาข้อมูลในยูเอสบี แต่อีธานรู้ความต้องการของเลนแล้วว่าต้องการเงินเพื่อไปทำชั่วต่อ อีธานจึงให้รหัสบัญชีถอนเงิน 50 ล้านดอลกับเลน แลกกับการปล่อยเบนจี้ (เลนไม่เชื่อในระบบปกครองของทั่วโลก จึงก่อวินาศกรรมเพื่อสั่นคลอนการปกครอง จึงต้องมีเงินทุนทำชั่ว)

แต่เลนสั่งแค่หยุดเวลาระเบิด และสั่งลูกน้องบุกชาร์จอีธาน อีธานจึงสั่งให้อิลซ่าเอาปืนจ่อตนเองไว้ และฆ่าเค้าทันทีถ้าใครเข้ามาใกล้ เลนจึงต้องสั่งให้ลูกน้องหยุด ปลดระเบิดเบนจี้ เพื่อให้เบนจี้ออกไปจากพื้นที่กลับไปสมทบกับแบรนท์และลูเธอร์ หลังจากนั้นเลนก็สั่งจับตายอิลซ่า และจับเป็นอีธาน

ที่สุดแล้วการต่อสู้ก็จบลงด้วยการที่อิลซ่าฆ่ายานิคหมอจับกระดูก และทีมอีธานล่อจับเลนแบบเป็นๆได้ โดยรมยาสลบเลนเหมือนที่เลนเคยทำกับอีธานในร้านขายแผ่นเสียง อิลซ่าพ้นมลทินทุกอย่างและจากอีธานไป ส่วนเลนถูกส่งให้รัฐบาลอังกฤษ

โซโลมอน เลน ถูกจับโดยทีมอีธาน

 

หลายวันต่อมา.. ที่วอชิงตัน ผอ.ฮันลีย์มาร้องขอคณะกรรมการสูงของรัฐสภา ให้เปิดไอเอ็มเอฟอีกครั้ง (นี่คือแผนของอีธานกับแบรนท์บอกให้เล่าตามนี้) ว่าการล้มเลิกไอเอ็มเอฟเมื่อ 6 เดือนก่อนคือฉากบังหน้า เพราะไม่รู้ว่าซินดิเคทแทรกซึมใครบ้าง

เมื่อคณะกรรมการสูงของรัฐสภาหันไปถามแบรนท์ว่าคิดยังไงกับภารกิจนี้ แบรนท์จึงบอกว่า “ผมไม่สามารถยืนยันหรือปฎิเสธรายละเอียดปฎิบัติการ โดยไม่มีคำสั่งท่านรัฐมนตรี” อลัน ฮันลีย์ จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่แบบรวดเร็ว แบรนท์จึงยอมอธิบายภารกิจแบบละเอียด พร้อมกับที่ไอเอ็มเอฟกลับมาทำงานอีกครั้ง

อลัน ฮันลีย์ รัฐมนตรีคนใหม่ และผู้บังคับบัญชาสูงสุดของไอเอ็มเอฟ

 

 

 

บทที่ 6 ผ่าปฏิบัติการสะท้านโลก

 

ปี 2017 อีธาน ฮันท์ อายุ 52 ปี หลังจากอีธานจับกุมเลนผ่านมาได้ 2 ปี หากแต่พวกสายลับที่อยู่ในองค์กรซินดิเคทที่ล่มสลายนั้น ยังคงสานต่อเจตนารมณ์เลน โดยการรับจ้างก่อความวุ่นวายให้รัฐบาลต่างๆในโลกให้สั่นคลอนเช่นเดิม อย่างที่เลนทำ โดยพวกสายลับเหล่านี้เรียกตัวเองว่า The Apostles (ดิ อพอสเซิลส์)

ที่เมืองเบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ ไอเอ็มเอฟสืบพบว่า กลุ่มอพอสเซิลส์ได้รับการว่าจ้างจากชายลึกลับหัวรุนแรงนามว่า John Lark (จอห์น ลาร์ค) ให้นำพลูโตเนียม 3 ลูกไปให้ อีธานจึงได้รับภารกิจใหม่ นั่นคือการช่วงชิงพลูโตเนี่ยม 3 ลูก มาจากการซื้อขายระหว่างผู้ขายพลูโตเนี่ยมกับกลุ่มอพอสเซิลส์ ซึ่งลาร์ค จะนำพลูโตเนี่ยมทั้ง 3 ลูกไปให้ Nils Debruuk (นิลส์ เดลบรู้ค) ผู้เชี่ยวชาญอาวุธนิวเคลียร์ชาวนอร์เวย์ไปสร้างระเบิด

ที่เมืองเบอร์ลิน เยอรมัน อีธาน/ลูเธอร์/และเบนจี้ ตัดหน้าการซื้อขายพลูโตเนี่ยมระหว่างผู้ขายกับกลุ่มอพอสเซิลส์ แต่การซื้อขายก็ถูกอพอสเซิลส์ซ้อนแผนอีกที และช่วงชิงพลูโตเนี่ยมทั้ง 3 ลูกไปได้สำเร็จ เพราะอีธานเลือกช่วยชีวิตลูเธอร์

ทีมอีธานพลาด

 

อีธานจึงพุ่งเป้าไปที่ นิลส์ และจัดฉากจนนิลส์หลงกลยอมเผยข้อมูลในมือถือ อีธานต้องการใช้ข้อมูลนั้น สืบไปหาตัวของ จอห์น ลาร์ค นั่นเอง

ที่ฐานทัพอากาศ Ramstein รัมสไตน์ ประเทศเยอรมัน อีธานพบมากับรัฐมนตรีกลาโหมฮันลี่ย์ เพื่ออัพเดทข้อมูลที่พบในโทรศัพท์นิลส์เรื่องของลาร์ค นั่นคือลาร์คนัดพบกับ Alanna Mitsopolis (อลานน่า  มิสโซโปลีส) หญิงสาวที่ทรงอิทธิพลในตลาดมืดของยุโรป เธอมีฉายาว่า White Widow (ไวท์วีโด) หรือ แม่ม่ายขาว โดยลาร์คและแม่ม่ายขาวจะนัดพบกันคืนนี้ อีธาน ต้องไปที่จุดนัดพบที่ว่าภายใน 2 ชั่วโมงพร้อมกับ August Walker (ออกัส วอล์คเกอร์) ซึ่งเป็นซีไอเอ

รัฐมนตรีกลาโหมฮันลี่ย์

 

ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส อีธานและออร์กัสแฝงตัวเข้าไปในผับหรู ภารกิจคือ คาดว่าแม่ม่ายขาวมีพลูโตเนี่ยม 3 ลูกที่หายไป อีธานและออร์กัสต้องหาตัวลาร์ค จิ้มยาสลบใส่ อีธานจะปลอมตัวเป็นลาร์คและไปซื้อขายพลูโตเนี่ยมกับแม่ม่ายขาวแทน จับตัวลาร์คกลับไปให้ซีไอเอ จบปิ้ง

แต่ภารกิจยุ่งเหยิงกว่าที่คิด เกิดการปะทะกันในห้องน้ำ บุคคลที่อีธานและออร์กัสคาดว่าเป็นลาร์คนั้น เก่งกาจกว่าที่คิด และคว่ำทั้งสองสายลับลงได้ อิลซ่าที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ก็มายิงเข้ากลางหัวลาร์คทันที อีธานจึงทำหน้ากากปลอมตัวไม่ได้ เพราะหน้าลาร์คเละจากแรงกระสุนที่อิลซ่ายิง

ออร์กัส/อีธาน/อิลซ่า มองศพที่หัวเละ

 

ออร์กัสรอให้ทีมเก็บกวาดมาเคลียร์ศพในห้องน้ำ อีธานไม่มีทางเลือก จึงต้องสวมรอยเป็นลาร์คทั้งๆที่เป็นหน้าตนเอง โดยหวังว่าแม่ม่ายขาวกับลาร์คจะไม่เคยเห็นหน้ากัน วัดดวงเอา อิลซ่าจึงห่วงอีธานและประกบติดตามไปด้วย

ในพื้นที่วีไอพีภายในผับ แม่ม่ายขาวที่ฉากหน้าเป็นนักการกุศล กำลังบอกเล่ากับแขกในงานว่า ตนเองภูมิใจในตัวแม่ขนาดไหน และอีธานก็รู้ตอนนี้เองว่า แม่ม่ายขาว คือลูกสาวของ แม๊กซ์ ผู้ทรงอิทธิพลในตลาดมืด ที่อีธานเคยพบตั้งแต่ปี 1996 นั่นคือ 21 ปีที่แล้วโน่น (กลับไปอ่านเรื่องราวของแม๊กซ์ได้ ในบทที่ 1 ครับ)

แม่ม่ายขาว ลูกสาวของแม๊กซ์

 

อีธานที่อ้างตัวเป็นลาร์ค แจ้งเตือนแม่ม่ายขาวว่า มีพวกสายลับไม่ทราบฝ่ายมาเพื่อฆ่าเค้าและฆ่าเธอ เค้าจะพาแม่ม่ายขาวออกไปจากที่นี่เอง ว่าแล้วอีธานก็พาแม่ม่ายขาวแหวกนักฆ่าเหล่านั้นออกมาจากผับจนได้ โดยมีอิลซ่าและออร์กัสคอยช่วยอยู่ห่างๆ ทำให้แม่ม่ายขาวประทับใจในตัวอีธานมาก

ในคืนนั้น ที่เซฟเฮ้าส์ของแม่ม่ายขาว แม่ม่ายขาว มอบพลูโตเนียมให้ลาร์ค 1 ลูกก่อน และภารกิจก็ยุ่งเข้าไปอีก เพราะอีธานกับออร์กัสได้รับข้อมูลใหม่ว่า แม่ม่ายขาวเป็นเพียงนายหน้า อพอสเซิลส์ต้องการให้ลาร์คชิงตัว โซโลมอน เลน มามอบให้พวกเขา เพื่อแลกกับพลูโตเนี่ยมอีก 2 ลูก โดยพี่ชายของแม่ม่ายขาววางแผนไว้ว่า ลาร์คต้องฆ่าเจ้าหน้าที่ขบวนรถขนนักโทษในวันพรุ่งนี้ทั้งหมดไม่ให้มีพยาน ทำให้อีธานที่แสร้งเป็นลาร์คอึดอัดมาก และต้องคิดหาทางออกโดยด่วน อีธานไม่อยากฆ่าเจ้าหน้าที่ด้วยกัน 

ที่กลางตึกแห่งนึงในกรุงปารีส ออร์กัสอัพเดทรายงานภารกิจที่ผ่านมาให้ Erika Sloane (อีริก้า สโลน) ผ.อ.ซีไอเอคนล่าสุดให้ฟัง ออร์กัสมีทฤษฎีว่า ศพในห้องน้ำไม่ใช่ลาร์คตัวจริง หากแต่เป็น อีธาน ฮันท์ ที่เป็น ลาร์คตัวจริง ทำให้ผ.อ.สโลนเริ่มคิดว่า อีธานคือลาร์คเช่นกัน

เอริก้า สโลน ผ.อ.ซีไอเอ

 

ที่กลางเมืองปารีส อีธานวางแผนซ้อนแผนกับเบนจี้และลูเธอร์ ทำให้ไม่มีเจ้าหน้าที่ตายสักคนเดียวในภารกิจชิงตัวเลนออกมาจากรถคุมขัง แต่ระหว่างทางไปที่ปลอดภัย อีธานก็ต้องปะทะกับอิลซ่าที่หวังฆ่าเลน หลังจากสลัดอิลซ่าหลุดแล้ว ทีมอีธานก็ต้องถอดเครื่องติดตามตัวออกจากตัวเลนก่อน อีธานยังไม่มอบเลนให้แม่ม่ายขาว มีการนัดส่งตัวกันที่อังกฤษในวันต่อไป

อีธานนัดพบกับอิลซ่า จึงรู้ว่าคืนก่อนในผับที่ปารีส อิลซ่าไปที่นั่นเพื่อคุ้มกับลาร์ค เพื่อให้ลาร์คได้ตัวเลน และอิลซ่าจะฆ่าเลน  รัฐาลอังกฤษต้องการให้เลนตาย เพราะเลนรู้เรื่องภายในอังกฤษมากเกินไป แต่เมื่ออิลซ่าพบว่าลาร์คจะฆ่าอีธาน อิลซ่าจึงฆ่าลาร์คซะก่อน

ชัดเจนว่าอิลซ่าและอีธานมีใจให้กัน ช่วยเหลือกันตลอด

 

ที่เซฟเฮ้าส์ลับของอีธานในลอนดอน อังกฤษ ทีมอีธานประกอบด้วย เบนจี้/ อีธาน/ ออร์กัส/ และ ลูเธอร์ พาตัวเลนมาพบกับฮันลีย์ที่นี่ หลังจากจับเลนไปขังและฉีดยาสลบ ฮันลี่ย์ก็แจ้งทีมว่า แม่ม่ายขาวคือสายข่าวของเอฟบีไอ ที่ทำภารกิจชิงพลูโตเนี่ยมนี้แลกกับการลี้ภัยไปอเมริกา และผ.อ.สโลนแห่งซีไอเอสั่งให้ฮันลีย์จับตัวฮันท์กลับไปสอบสวน เพราะฮันท์คือผู้ต้องหาว่าเค้าคือ จอห์น ลาร์ค

อีธานวางแผนซ้อนแผน หลอกจนออร์กัสยอมเผยตัวว่า ตนเองคือ จอห์น ลาร์ค ตัวจริง ฮันลีย์จึงไม่จับอีธาน มาจับออร์กัสแทน ผ.อ.สโลนที่ได้รับรู้พร้อมกับทุกคน ก็คิดจะจับทุกคนไปสอบสวนกันเหนียวไว้ก่อน ผ.อ.สโลนจึงสั่งทีมจู่โจมที่ซุ่มอยู่ที่นั่นบุกจับทุกคน ทำให้ออร์กัสหรือลาร์คพาเลนหนีออกมาได้ตอนช่วงชุลมุน

เลนและลาร์ค ที่หัวรุนแรงแบบสุดโต่ง

 

ที่แคว้นแคสเมีย เลนและลาร์คมาวางระเบิดอีกสองลูกที่นี่ ซึ่งจูเลียอดีตภรรยาอีธานมาออกค่ายที่นี่เช่นกัน ทุกอย่างเป็นแผนของเลน แต่ในที่สุดแล้ว ทีมอีธานก็สังหารเลนและลาร์คลงได้ที่นี่ พร้อมกับที่ปลดชนวนระเบิดได้สำเร็จ ผ.อ.สโลนมาช่วยอีธานพอดีเช่นกัน

สามีใหม่ของจูเลยมารักษาเบื้องต้นให้อีธาน

 

จบครับ สวัสดีครับ _/\_

ผู้เขียน หลวงจีนหอไตร

Hello! Every one. จุดเริ่มต้นงานเขียนของผมก็คือ ผมเป็นนักอ่านก่อนครับ และที่ผ่านมาผมก็หาอ่านงานเขียนแนวสรุปภาพยนตร์ยากเย็นเหลือเกิน ผมจึงเริ่มเขียนบทความเองและสร้างเว็บไซต์เองซะเลย

ดูโพสท์ทั้งหมด