Monsterverse

หมวดหมู่ FILM ผู้เขียน

Spoiler Alert !! ปี 1943 เรือ USS Lawton (เรือลอว์ตัน) ถูกบางสิ่งโจมตีอย่างหนักกลางทะเลบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ทุกคนบนเรือตายหมด ยกเว้นชายที่ชื่อ William Randa (วิลเลี่ยม แรนด้า) ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียว แรนด้ารู้ว่าสิ่งที่โจมตีเรือเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ขนาดมหึมา แต่ไม่มีใครเชื่อเค้า

แรนด้าเริ่มค้นคว้าหาสิ่งยืนยัน ถึงการมีอยู่จริงของสัตว์ยักษ์ดึกดำบรรพ์ ที่หลบซ่อนอยู่ในส่วนใดส่วนนึงของโลกอันกว้างใหญ่ แรนด้าเก็บหลักฐานไว้มากมาย และเสาะหาผู้มีอุดมการณ์เดียวกันมาโดยตลอด

ปี 1944 บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังระอุ ร้อยโท แฮงค์ มาร์ลโลว์ นักบินของกองทัพสหรัฐฯ กำลังขับเครื่องบินขับไล่ ยิงต่อสู้กับ กังเต อิคาริ นักบินของญี่ปุ่นอย่างเอาเป็นเอาตาย

สุดท้ายเครื่องบินของทหารทั้งสองสัญชาติก็เสียหายหนักจนร่วงทั้งคู่ เครื่องบินทั้งสองลำมาตกที่เกาะ Skull Island หรือ “เกาะกระโหลก” เกาะลึกลับบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้

แฮงค์ มาร์ลโลว์ (Kong: Skull Island 2017)

 

ที่เกาะกระโหลก มาร์ลโลว์กับอิคาริดึงร่มชูชีพทัน ทำให้ตกลงมาโดยไม่บาดเจ็บ ทั้งสองยิงปืนสาดกระสุนใส่กันจนหมดแม็ก และยังวิ่งไล่ฆ่ากันไปทั่วเกาะกระโหลก ขณะที่อิคาริกำลังจะปักมีดสั้นลงไปที่คอของมาร์ลโลว์ Kong (คอง) ลิงยักษ์ขนาดมหึมาตัวเท่าภูเขาก็ปรากฎตัวขึ้น  แต่คองไม่ทำอันตรายใดๆกับมนุษย์ตัวน้อยทั้งสอง

อิคาริและมาร์ลโลว์พบกับคองครั้งแรก (Kong: Skull Island 2017)

 

ผ่านไปหลายวัน หลังจากหายช๊อก อิคาริกับมาร์ลโลว์นั้นก็เริ่มรู้ว่า ความบาดหมางของทั้งสองคือเรื่องไร้สาระ เมื่อเทียบกับการที่ทั้งสองต้องพยายามเอาชีวิตรอดจากเกาะนี้ ซึ่งมีสัตว์ยักษ์ทั่วทั้งเกาะ แต่ทั้งสองก็ไม่มีปัญญาออกไปจากเกาะได้ อิคาริกับมาร์ลโลว์ จากศัตรูคู่แค้นสงคราม จึงกลับกลายเป็นเพื่อนรักกัน เพราะต้องอยู่ช่วยเหลือกัน

กังเต อิคาริ (Kong: Skull Island 2017)

 

ปี 1946 ที่สหรัฐฯ แฮร์รี่ ทรูแมน ประธานาธิปดีสหรัฐฯ อนุมัติงบลับเพื่อสนับสนุนโครงการ Monarch (โมนาร์ช) ให้ถือกำเนิดขึ้น เพื่อค้นคว้าสัตว์โบราณและสถานที่ลึกลับบนโลกที่ยังไม่เคยปรากฎ วิลเลี่ยม แรนด้า จึงเข้ามาร่วมเป็นนักวิทยาศาสตร์ของโมนาร์ซด้วย

 

ที่เกาะกระโหลก อิคาริกับมาร์ลโลว์ สองเพื่อนซี้ต่างสัญชาติ ทำความคุ้นเคยกับชนเผ่าพื้นเมือง และเริ่มช่วยกันต่อเรือเพื่อหาหนทางออกไปจากเกาะ แต่เมื่ออยู่กันมาหลายปี อิคาริก็มาตายจากไปซะก่อน มาร์ลโลว์จึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยมาร์ลโลว์อาศัยอยู่กับชนเผ่าพื้นเมืองที่เกาะนี้ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ยักษ์บนเกาะ..

 

ปี 1954 บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก เรือดำน้ำนิวเคลียร์ ได้ดำลงไปในใต้ทะเลลึก และลงไปได้ลึกที่สุดเท่าที่มนุษยชาติจะทำได้ในตอนนั้น จนกระทั่งบังเอิญไปปลุกไคจูที่นอนจำศีลมาหลายล้านปี ที่มนุษย์ขนานนามว่า โกจิร่า (Gojira) หรือ ก็อดซิลล่า (Godzilla)

“ก็อดซิลล่า” คิง ออฟ มอนสเตอร์ (Godzilla 2014)

 

ตอนแรกนั้นสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกา ต่างโทษกันไปโทษกันมาเรื่องก็อดซิลล่า ว่าเป็นฝีมือของฝ่ายตรงข้าม จนกระทั่งสองประเทศมหาอำนาจได้รับข้อมูลจากโมนาร์ซ ที่ค้นคว้าวิจัยไคจูโดยเฉพาะ ว่าเจ้าสิ่งนั้นคือก็อดซิลล่า ไคจูดึกดำบรรพ์ที่กำเนิดมาก่อนมนุษย์หลายล้านปี

นักวิทยาศาสตร์ของโมนาร์ซยุค 50′ (Godzilla 2014)

 

บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก โซเวียตและอเมริกา จึงรวมหัวถล่มนิวเคลียร์ Castle Bravo (แคสเซิล บราโว) บริเวณหมู่เกาะ Bikini (บิกินี่่) อัดใส่ก็อดซิลล่าตู้มใหญ่เพื่อหวังสังหาร และปล่อยข่าวว่านี่คือการทดลองนิวเคลียร์

แต่ระเบิดนิวเคลียร์ก็ไม่สามารถฆ่าก็อดจิได้ รังสีจากนิวเคลียร์เพิ่มพลังให้ก็อตจิซะด้วยซ้ำ และเมื่อก็อดจิโดนโจมตี ก็เบื่อๆเซ็งๆมนุษย์ จึงทำตัวอินดี้ดำน้ำหายไปในห้วงทะเลอันมืดมิดใต้มหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้ไม่มีใครพบเห็นก็อดจิอีกเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..

นิวเคลียร์ที่หวังจะฆ่าก็อดจิแต่ให้ผลตรงกันข้าม (Godzilla 2014)

 

เข้าสู่ยุค 70′ สหภาพโซเวียตกับสหรัฐอเมริกาเริ่มมีความตึงเครียดต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มส่งสายลับเข้าแทรกแซงประเทศอื่นๆ ชาวโลกเรียกบรรยากาศนี้ว่า “สงครามเย็น”

ประเทศเวียตนาม กลายเป็นหนึ่งในความขัดแย้งของสองประเทศมหาอำนาจ เมื่อสหภาพโซเวียตสนับสนุนเวียตนามเหนือ และอเมริกาสนับสนุนเวียตนามใต้ ชาวโลกเรียกสงครามนี้ว่า “สงครามตัวแทน” อเมริกันส่งทหารของตนเข้าไปสู้ในเวียตนามมากมาย แต่ก็รบไม่ชนะเวียตนามเหนือซักที

ปี 1973 จนกระทั่งอเมริกาเริ่มถอดใจ และสั่งให้ทหารอเมริกันที่ยังเหลือทยอยกลับบ้าน รวมถึงพันโท Preston Packard (เพรสตัน แพ็คคาร์ด) นายทหารรุ่นใหญ่ ก็กำลังจะถูกส่งกลับบ้านเช่นกัน

พันโทแพ็คคาร์ด (Kong: Skull Island 2017)

 

แต่เหมือนพันโทแพ็คคาร์ดยังอยากรบอยู่ ทั้งชีวิตของเขาคือการรบ แพ็คคาร์ดจึงทำเรื่องขอให้รัฐบาลสหรัฐฯส่งตนเองและหน่วยของตนไปที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่การกลับไปนอนเล่นที่บ้านในสหรัฐฯ

และก็สมใจผู้พันแพ็คคาร์ด เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯต้องการทหารฝีมือดีชุดหนึ่งไปนำทางการสำรวจ “เกาะกระโหลก” เนื่องด้วยโครงการดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติแห่งสหรัฐฯ Landsat (แลนแซท) จับภาพเกาะกระโหลกอันลึกลับนี้ได้ทางดาวเทียม

ภาพถ่ายทางดาวเทียมของเกาะกระโหลก (Kong: Skull Island 2017)

 

แต่เรื่องที่แลนแซทรู้ตำแหน่งที่ตั้งของเกาะกระโหลกและกำลังจะไปสำรวจนั้น ก็รู้ไปถึงองค์กรโมนาร์ชเช่นกัน โมนาร์ชจึงส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง วิลเลี่ยม แรนด้า และนักธรณีวิทยาคือ ฮูสตัน บรูคส์ ให้รีบไปพบกับวุฒิสมาชิกผู้อนุมัติเงินสนับสนุนโมนาร์ซ เพื่อขอไปร่วมสำรวจกับแลนด์แซทด้วย

แรนด้า และ บรู้คส์ กำลังต่อรองกับวุฒิสมาชิก (Kong: Skull Island 2017)

 

ที่ไซง่อน ประเทศเวียตนาม เมื่อแรนด้าได้ไฟเขียวร่วมทีมสำรวจเกาะกระโหลก แรนด้าก็ต้องการนายพรานฝีมือสูงนำทางภารกิจ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินต้องหนีออกจากป่า

แรนด้าจึงไปพบกับนายทหารนักบินหนุ่มชาวอังกฤษที่ปลดประจำการแล้ว นั่นคือกัปตัน James Conrad (เจมส์ คอนราด)  และจ่ายค่าจ้างก้อนโตให้คอนราด คอนราดจึงร่วมทีมไปอีกคน

นายพราน เจมส์ คอนราด อตีตนายทหารอังกฤษ (Kong: Skull Island 2017)

 

รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้ส่งให้ตากล้องสงครามฝีมือดีอย่าง Mason Weaver (เมสัน วีฟเวอร์) ไปร่วมทีมสำรวจเกาะกระโหลกครั้งนี้กับแลนแซทด้วย เพราะรัฐบาลสหรัฐฯต้องการภาพขั้นตอนการทำภารกิจนี้อย่างละเอียดกลับมา

วีฟเวอร์ คือสุดยอดตากล้องด้านงานลุยถ่ายภาพสงคราม บวกกับวีฟเวอร์ต้องการไปเช่นกัน จึงเข้าทาง เพราะเธอรู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างที่รัฐบาลปกปิดประชาชนอยู่

เมสัน วีฟเวอร์ ตากล้องสาวขาลุย (Kong: Skull Island 2017)

 

สุดท้ายเลย แรนด้าต้องการนักชีววิทยา แรนด้าจึงเรียกตัวนักวิทยาศาสตร์สาวชาวจีนในโมนาร์ซมาร่วมภารกิจอีกคนคือ San Lin (ซาน หลิน) เมื่อทุกคนในทีมสำรวจเกาะกระโหลกที่แรนด้าต้องการพร้อมแล้ว ทุกคนจึงมาบรีฟงานรับภารกิจกับแลนแซทกันรอบสุดท้ายที่ “ประเทศไทย” ก่อนที่เรือรบของสหรัฐฯ จะนำทีมสำรวจมุ่งหน้าสู่ตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อไปที่ เกาะกระโหลก

หลิน และ บรูคส์ (Kong: Skull Island 2017)

 

ที่มหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ เมื่อไปถึงบริเวณเกาะกระโหลก ที่มีเมฆพายุล้อมรอบเกาะตลอดเวลา ทีมสำรวจจึงต้องกระจัดกระจายขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับเหล่าทหาร และบินฝ่าพายุฝนฟ้าคะนองฟ้าฝ่าเข้าไป จนเมื่อเข้าบริเวณเกาะ ทุกอย่างก็สงบ ทีมสำรวจมีเวลา 3 วัน ที่จะทำการสำรวจให้จบ และกลับมาที่จุดนัดพบเพื่อขึ้นเรือรบกลับ

สภาพอากาศที่แปรปรวนรอบๆเกาะกระโหลก (Kong: Skull Island 2017)

 

 

วันที่ 1 ที่เกาะกระโหลก

 

บรู้คส์ นักธรณีวิทยาของโมนาร์ช เริ่มสั่งให้ทหารทิ้งระเบิดสั่นสะเทือนลงบนผิวเกาะ โดยบอกทหารว่าทำเพื่อสำรวจชั้นดินว่าเป็นเช่นไร และบรู้คส์ก็พบว่า เกาะกระโหลกนั้นมีโพรงใต้ดิน เป็นแผ่นดินซ้อนแผ่นดินอีกที่หนึ่งเลยทีเดียว

ทันใดนั้น คอง ลิงยักษ์ตัวมหึมาสูงเท่าภูเขา ก็โผล่ออกมาโจมตีฝูงเฮลิคอปเตอร์ของพันโทแพ็คคาร์ด ทำให้ลูกน้องทหารพันโทแพ็คคาร์ดมากมายตายลงไป แต่ทีมสำรวจพลเรือนยังอยู่กันครบ

คองสู้กับทหารอเมริกัน (Kong: Skull Island 2017)

 

เมื่อคองเล่นงานเหล่ามนุษย์ผู้บุกรุกจนกระเจิดกระเจิง คองก็จากไป ทิ้งความแค้นให้พันโทแพ็คคาร์ดเป็นอย่างมากที่เสียลูกน้องไปเยอะ และตอนนี้ ผู้รอดชีวิตก็แตกเป็น 3 กลุ่ม กระจัดกระจายไปทั่วเกาะ

 

กลุ่มที่ 1 คือ พันโทแพ็คคาร์ด / กับลูกน้องทหารหลายคน / คนของแลนด์แซท 1 คน / และแรนด้า

กลุ่มที่ 2 คือ คอนราด / วีฟเวอร์ / บรู้คส์ / หลิน / คนของแลนด์แซท 1 คน / และทหาร 1 คน

กลุ่มที่ 3 มีเพียงคนเดียวคือ พันตรี Jack Chapman (แจ็ค แชปแมน) กับอาวุธทำลายล้างมากมายที่อยู่บน ฮ. ของตน

 

กลุ่มที่ 1 คือพันโทแพ็คคาร์ดนั้น มุ่งหน้าไปบริเวณตะวันตกของเกาะ เพื่อตามหาพันตรีแชปแมน จุดประสงค์จริงๆของพันโทแพคคาร์ดคือ ต้องการอาวุธทำลายล้างที่อยู่บน ฮ.ของแชปแมน และนำมาฆ่าคองแก้แค้นให้ลูกน้องตน

แพคคาร์ดขู่แรนด้าให้บอกความจริงเรื่องคอง (Kong: Skull Island 2017)

 

กลุ่มที่ 2 คือคอนราด ก็พาทีมของตนเองมุ่งหน้าไปตะวันออกเพื่อไปจุดนัดพบรับกลับ จนไปพบกับชาวพื้นเมืองบนเกาะกระโหลก พร้อมๆกับได้พบกับ ร้อยโทแฮงค์ มาร์ลโลว์ ทหารอเมริกันผู้ที่ติดอยู่บนเกาะนี้ 29 ปีเข้าไปแล้ว

มาร์ลโลว์ติดเกาะจนแก่ (Kong: Skull Island 2017)

 

มาร์ลโลว์เล่าให้พวกคอนราดฟังว่า “คอง” ถือว่าเป็น “คิง” ของเกาะกระโหลกแห่งนี้ สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่คอง แต่เป็นสิ่งที่อาศัยอยู่ใต้ดินต่างหาก มาร์ลโลว์เรียกพวกสัตว์ประหลาดใต้ดินว่า “สกัลล์ครอว์เลอร์” ซึ่งคองมีหน้าที่ป้องกันพวกสกัลล์ครอว์เลอร์ไม่ให้มารุกรานสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลกบนเกาะ

วีฟเวอร์กับคอนราดกำลังฟังประวัติของเกาะกระโหลกจากมาร์ลโลว์ (Kong: Skull Island 2017)

 

คอนราดโน้มน้าวให้มาร์ลโลว์หนีไปด้วยกัน มาร์ลโลว์จึงให้พวกของคอนราดช่วยสร้างเรือยนต์ต่อ ที่เขาและอิคารินักบินญี่ปุ่นเพื่อนรักผู้ล่วงลับของเขาสร้างค้างไว้ให้เสร็จ

กลุ่มที่ 3 พันตรีแชปแมนที่เครื่องตกบริเวณฝั่งตะวันตกของเกาะนั้น รอดชีวิตได้เพียงไม่นาน พันตรีแชปแมนก็โดนสกัลล์ครอว์เลอร์ตัวนึงกินเข้าไป

แชปแมนผู้น่าสงสาร (Kong: Skull Island 2017)

 

 

วันที่ 2 ที่เกาะกระโหลก

 

อีกฟากของเกาะกระโหลก เมื่อคอนราดและมาร์ลโลว์สร้างเรือเสร็จ ก็เดินทางมุ่งสู่ตะวันออกไปที่จุดนัดพบที่เรือรบรอรับกลับทันที ซึ่งระหว่างเดินทาง ทีมคอนราดก็ต้องเสียทีมแลนแซท 1 คนที่มาด้วย เพราะฝูงนกยักษ์ที่โฉบจับตัวไปฉีกร่างกัดกินกลางอากาศ

ทีมคอนราดติดต่อกับทีมพันโทแพ็คคาร์ดได้กลางทาง และนัดพบกันเพื่อรับขึ้นเรือ แต่พันโทแพ็คคาร์ดต้องการไปช่วยพันตรีแชปแมนที่บริเวณฝั่งตะวันตกของเกาะ

แม้คอนราดจะไม่ค่อยอยากไป เพราะมาร์ลโลว์เตือนว่าที่นั่นคือถิ่นที่อยู่ของสกัลล์ครอว์เลอร์ แต่หน้าที่คอนราดคือนำทางทีมสำรวจและพาทุกคนกลับบ้าน คอนราดจึงยอมไป และทุกคนที่ยังรอดชีวิต ก็พบโครงกระดูกพ่อแม่คองที่นี่

ซากโครงกระดูกของพ่อแม่คอง ที่ถูกสกัลล์ครอว์เลอร์ฆ่าตายไปนานแล้ว (Kong: Skull Island 2017)

 

ระหว่างที่อยู่ใจกลางถิ่นของสกัลล์ครอว์เลอร์ ทุกคนก็โดนสกัลล์ครอว์เลอร์ 2 ตัวโจมตีอย่างหนัก แรนด้าก็ตายไปอีกคน พร้อมๆกับทหารอีกจำนวนหนึ่งที่โดนฆ่าตายไป

และตอนนี้เอง ที่สกัลล์ครอว์เลอร์อาเจียนหัวกระโหลกพันตรีแชปแมน กับป้ายห้อยคอของแชปแมนออกมา คอนราดจึงรู้ว่าพันตรีแชปแมนตายแล้ว

สกัลล์ครอว์เลอร์ (Kong: Skull Island 2017)

 

เมื่อฆ่าสกัลล์ครอว์เลอร์สองตัวนี้ได้สำเร็จ คอนราดก็แจ้งพันโทแพ็คคาร์ดว่า พันตรีแชปแมนตายแล้ว แต่พันโทแพ็คคาร์ดก็ยังยืนยันจะไปจุดที่ฮ.ตกอยู่ดี และเผยความจริงว่า ต้องการฆ่าคอง ความเห็นจึงแตก เหล่าพลเรือนนั้นขอกลับไปรอที่เรือของมาร์ลโลว์ และให้เหล่าทหารไปที่จุดฮ.ตกกันเอง

ในคืนที่ 2  พันโทแพ็คคาร์ดที่ได้อาวุธหนักจากฮ.ของแชปแมน ก็จุดระเบิดล่อคองให้เข้ามาในโซนโจมตี ที่มีทั้งทะเลเพลิงจากน้ำมันและระเบิดอานุภาพทำลายล้างสูง คองเกือบจะโดนพันโทแพ็คคาร์ดฆ่าสำเร็จอยู่แล้ว แต่คอนราดก็ตัดสินใจกลับมาช่วยคอง

ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายกำลังตึงเครียด และเหล่าทหารเริ่มรู้ว่าพันโทแพ็คคาร์ดหัวหน้าตนเองเสียสติ สกัลล์ครอว์เลอร์ตัวใหญ่ซึ่งเป็นจ่าฝูงก็ออกมาโจมตีคอง คองฮึดสู้ ทุกคนหนีการต่อสู้ของสัตว์ประหลาดยักษ์รีบมุ่งหน้าไปขึ้นเรือของมาร์ลโลว์ ยกเว้นพันโทแพ็คคาร์ดที่ดื้อดึงจะกดระเบิดให้ได้ จึงโดนคองทุบตายไปเลย

แพคคาร์ดบ้าจนนาทีสุดท้ายของชีวิต (Kong: Skull Island 2017)

 

 

วันที่ 3 ที่เกาะกระโหลก

 

ในที่สุด คนที่ยังรอดก็คือ หลิน บรู้คส์ คอนราด วีฟเวอร์ มาร์ลโลว์ และทหารอีก 3 นาย ก็วิ่งหนีกลับมาขึ้นเรือของมาร์ลโลว์ได้หมด ทางด้านคองก็ฆ่าสกัลล์ครอว์เลอร์ตัวหัวหน้าได้เช่นกัน หลังจากนั้นทุกคนก็ได้กลับอเมริกา มีเพียงคอนราดและวีฟเวอร์ที่ถูกโมนาร์ซกักตัวไว้ชั่วคราว เพื่อบอกภารกิจต่อไป..

คองยืนมองผู้มาเยือนจากไป.. (Kong: Skull Island 2017)

 

หลายวันต่อมา.. หลินและบรู้คส์ สองนักวิทยาศาสตร์ของโมนาร์ซ เข้ามาบอกคอนราดกับวีฟเวอร์ในห้องสอบสวนลับว่า คอง ไม่ใช่คิงเพียงตัวเดียวบนโลกนี้ ยังมีไคจูอีกหลายตัวกระจัดกระจายซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโลก เช่น ก็อดซิลล่า มอธร่า คิงกิโดร่า โรแดน ที่ปรากฎเป็นภาพจารึกไปทั่วทุกอารยธรรมเก่าแก่

ภาพของกิโดราบนผนังถ้ำโบราณ (Kong: Skull Island 2017)

 

ทั้งสองคนต้องช่วยงานโมนาร์ซตามหาไคจูต่อไป เริ่มด้วยภาพถ่ายของวีฟเวอร์บนเกาะกระโหลก คือข้อมูลชั้นดีของโมนาร์ซเลยทีเดียว และโมนาร์ซ ก็เริ่มสร้างบังเกอร์หลบภัยไว้ทั่วโลก เผื่อว่าวันหนึ่ง โลกจะโดนไคจูเหล่านี้รุมถล่ม จะได้มีที่ซ่อนตัว

วีฟเวอร์และคอนราด เข้ามาเอี่ยวโดยไม่ตั้งใจ (Kong: Skull Island 2017)

 

ปี 1999 ที่ฟิลิปปินส์  ในการขุดเจาะเหมืองแร่ที่ฟิลิปปินส์นั้น ทีมสำรวจเหมืองก็ค้นพบโพรงรังสี ทีมสำรวจเหมืองคิดว่าเป็นการค้นพบแร่ยูเรเนียม จึงรีบขุดกันยกใหญ่ จึงทำให้เกิดการถล่มของชั้นดิน เผยให้เห็นโพรงขนาดมหึมาใต้ผิวโลก ซึ่งเหมือนกับแผ่นดินอีกชั้นอยู่ใต้โลก ทำให้คนงานเหมืองกว่า 40 ชีวิตจมหายลงไปกับการถล่มด้วย แต่สิ่งที่ทีมกู้ภัยลงไปพบในโพรงกลับน่าตะลึงยิ่งกว่า ..

เหมืองที่ฟิลิปปินส์ถล่มเป็นโพรงขนาดใหญ่ (Godzilla 2014)

 

โมนาร์ซ จึงส่งนักวิทยาศาสตร์ของตนเองมาฟิลิปปินส์โดยด่วน เพื่อมาหาคำตอบกับสิ่งที่ทีมกู้ภัยค้นพบ นักวิทยาศาสตร์ของโมนาร์ซคือ ด็อกเตอร์ Ishiro Serizawa (อิชิโร่ เซริซาว่า) และด็อกเตอร์ Vivienne Graham (วิเวียนเน่ เกรแฮม) ทั้งสองรีบลงไปในโพรงใต้ดินขนาดมหึมาทันที

ดร.เซริซาว่า และ ดร.เกรแฮม (Godzilla 2014)

 

และนักวิทยาศาสตร์ของโมนาร์ซทั้งสองก็พบกับซากฟอสซิลของก็อดซิลล่า ดร.เกรแฮมคิดว่าอาจจะเป็นก็อดซิลล่าเมื่อยุค 50′ ที่โซเวียตกับอเมริการะเบิดนิวเคลียร์ถล่มใส่ แต่ดร.เซริซาว่าไม่เห็นด้วย ก็อดซิลล่าตัวที่เป็นฟอสซิลนี้ แก่กว่าก็อดซิลล่าที่โมนาร์ซค้นพบในยุค 50′ มากโขอยู่

ซากฟอสซิลของก็อดซิลล่าที่ตายมาหลายล้านปี (Godzilla 2014)

 

สิ่งที่ทีมกู้ภัยและสองด็อกเตอร์ของโมนาร์ซค้นพบอีกอย่างคือ มีสปอร์ของปรสิตเป็นไข่ 2 ใบ เกาะอยู่ที่ซากฟอสซิลของก็อดซิลล่า และไข่ปรสิตใบนึงได้แตกออกไปแล้ว จากการที่บรรยากาศบนผิวโลกเข้ามารบกวนบรรยากาศในโพรงนี้ที่ถูกปิดไว้หลายล้านปีนั่นเอง ความกลัวของโมนาร์ซตลอดหลายสิบปีตั้งแต่พบคองเริ่มเป็นจริง เมื่อไคจูที่จำศีลมาหลายล้านปีเริ่มตื่นขึ้นแล้ว..

และจากการดูร่องรอย ชัดเจนว่าตัวอ่อนปรสิตไคจูที่ตื่นขึ้นตัวนั้นมุ่งหน้าลงทะเลไป โมนาร์ซจึงเก็บไข่ปรสิตอีกใบที่ยังไม่แตก เอาไปเก็บในที่กักเก็บขยะนิวเคลียร์ รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกา

ร่อยรอยของปรสิตตัวอ่อนแหวกป่าเป็นทางลงสู่ทะเล (Godzilla 2014)

 

ที่ญี่ปุ่น วันต่อมา.. นักวิทยาศาสตร์ผู้เชียวชาญนิวเคลียร์ ด็อกเตอร์ Joseph Brody (โจเซฟ โบรดี้) แห่งสถานีโรงงานนิวเคลียร์แห่งเมือง Janjira (เจนจิร่า) ในประเทศญี่ปุ่น ได้ตรวจพบแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นเมื่อวานในฟิลิปปินส์ และแรงสั่นสะเทือนนั้นมุ่งหน้ามาที่โรงงานของตนเองแล้ว

โจเซฟพยายามเตือนเพื่อนร่วมงานให้ตรวจสอบโดยละเอียด มิเช่นนั้นเขาจะสั่งปิดเครื่องปฎิกรณ์ แต่ทุกคนกลับคิดว่าโจเซฟตื่นตูมไปเอง (ครอบครัวโบรดี้ย้ายมาอยู่ในเมืองเจนจิร่าเลย)

ดร.โจเซฟ โบรดี้ (Godzilla 2014)

 

Sandra Brody (ซานดร้า โบรดี้) ภรรยาของโจเซฟ และเป็นช่างห้องเครื่องด้วย ซานดร้าจึงนำทีมลงไปตรวจสอบในห้องปฎิกรณ์ ทันใดนั้นก็เกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรง ไฟฟ้าในโรงงานดับวูบวาบ

ซึ่งมี “บางสิ่ง” ทำให้เตาปฎิกรณ์เกิดระเบิดขึ้น แซนดร้ายอมสละชีวิตของตนสั่งให้โจเซฟปิดประตูห้องปฎิกรณ์ เพื่อกันไม่ให้กัมมันตภาพรังสีหลุดออกไป และซานดร้าก็ตายลงที่นั่น

ซานดร้า โบรดี้ (Godzilla 2014)

 

หลังจากนั้นโรงงานก็ถล่ม หวอเตือนภัยพิบัติดังไปทั่วเมืองเจนจิร่า ทุกคนในโรงงานนิวเคลียร์เจนจิร่าถูกกันออกจากพื้นที่ทั้งหมดทันที และรัฐบาลญี่ปุ่นก็กักกันทั้งเมืองนั้นเป็นพื้นที่ห้ามเข้าโดยเด็ดขาด

ทุกชีวิตต้องทิ้งบ้านทิ้งเรือนในเมืองเจนจิร่าและอพยพออกมาอยู่ที่อื่นกันหมดโดยด่วนที่สุด ไม่มีเวลาแม้แต่จะเก็บข้าวของ เมืองเจนจิร่ากลายเป็นสถานที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีห้ามเข้าโดยเด็ดขาดนับตั้งแต่นั้น

แต่โจเซฟรู้ว่า นั่นไม่ใช่อุบัติเหตุ มีบางสิ่งฆ่าเมียของเขา และโจเซฟก็ยังคงทำงานอยู่ในโตเกียวโดยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ แต่ทุกๆวันโจเซฟก็จะค้นคว้าหาคำตอบในสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่เมียเขาต้องตาย โจเซฟจึงเริ่มสืบทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดทั่วโลกในอดีตถึงปัจจุบัน..

ข่าวในปี 1954 ก็อดซิลล่าปรากฎตัวครั้งแรก (Godzilla 2014)

 

หลังจากก็อดจิโผล่ในยุค 50′ คองโผล่ในยุค 70′ และโรงงานนิวเคลียร์ในเมืองเจนจิร่าโดนโจมตีด้วย “บางสิ่ง” องค์กรโมนาร์ช จึงเริ่มที่จะออกตามหาเหล่าไคจูไปทั่วทั้งโลกอย่างจริงจัง โนาร์ชตั้งชื่อเรียกไคจูเหล่านี้ว่า Titan (ไททัน) ความตั้งใจก็คือ เมื่อองค์กรโมนาร์ชพบเหล่าไททันที่ยังคงจำศีลอยู่ พวกเขาก็จัดการทำค่ายกักกันความปลอดภัยสูงล้อมไททันเหล่านั้นเอาไว้

 

ปี 2014 ที่ซานฟรานฯ สหรัฐฯ ผ่านไป 15 ปี หลังจากซานดร้าตายในโรงงานนิวเคลียร์ที่เจนจิร่า ลูกชายเพียงคนเดียวของซานดร้ากับโจเซฟก็คือ ร้อยโท Ford Brody (ฟอร์ด โบรดี้) เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยกำจัดสรรพาวุธระเบิดแห่งกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งบัดนี้ฟอร์ดมีภรรยาคือ Elle Brody (แอล โบรดี้) ทั้งสองสามีภรรยามีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่ที่ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย และทั้งสองมีลูกชายด้วยกันชื่อ Sam Brody (แซม โบรดี้)

แอล โบรดี้ และ ฟอร์ด โบรดี้ (Godzilla 2014)

 

ในวัยเด็ก ฟอร์ดมักจะได้ยินพ่อพร่ำเพ้อถึงสิ่งที่ฆ่าแม่ แต่ฟอร์ดไม่ค่อยสนใจฟัง เมื่อฟอร์ดเติบโตและรับราชการทหาร ฟอร์ดและโจเซฟผู้พ่อก็ไม่ค่อยได้พบกันอีก

จนกระทั่งทางกงศุลแจ้งฟอร์ดมาว่า โจเซฟพ่อของเค้าโดนจับข้อหาบุกรุกเขตหวงห้ามในเมืองเจนจิร่า ฟอร์ดจึงบอกลาลูกเมียชั่วคราวเพื่อเดินทางไปญี่ปุ่น เพื่อประกันตัวพ่อที่ไม่ได้พบกันมานาน

ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังจากฟอร์ดประกันตัวโจเซฟออกมา ฟอร์ดจึงรู้ว่าพ่อของตนยังคงหมกมุ่นกับการค้นหาคำตอบ วันที่โรงงานนิวเคลียร์เมืองเจนจิร่าระเบิดไม่หยุดหย่อน

ฟอร์ดมารอรับโจเซฟที่สถานีตำรวจในเมืองโตเกียว (Godzilla 2014)

 

โจเซฟจึงเล่าให้ฟอร์ดฟังว่า โจเซฟมีทฤษฎีคือ สิ่งนั้นที่ทำโรงงานนิวเคลียร์เจนจิร่าระเบิดนั้น “พูด” ออกมาได้ด้วยตำแหน่งสะท้อนกลับ และมันก็เงียบไปเลย 15 ปี จนกระทั่งในเวลานี้ สิ่งนั้นมันเริ่ม “พูด” อีกครั้ง และมันพูดออกมาจากโรงงานนิวเคลียร์ในเมืองเจนจิร่านั่นเอง ครั้งนี้ฟอร์ดยอมลุยกับพ่อ เพื่อจบๆเรื่องค้างคาใจของพ่อไป สองพ่อลูกจึงแอบเข้าไปในเมืองเจนจิร่าอีกครั้ง

โจเซฟอธิบายให้ฟอร์ดฟังถึงทฤษฎีของตน (Godzilla 2014)

 

ที่เมืองเจนจิร่า ประเทศญี่ปุ่น ทั้งสองเข้าไปนำแผ่นดิสก์เก่าเก็บที่โจเซฟทิ้งไว้ในบ้านเดิม พร้อมกับแฟ้มข้อมูลมากมายที่โจเซฟบันทึก โจเซฟพบว่าไม่มีการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีทางอากาศอีกด้วย แสดงว่ามีบางหน่วยงานจงใจปกปิดบางอย่างไม่ให้คนทั่วไปรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่

ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นก็ตามมาจับทั้งคู่ได้อีกรอบ แต่คราวนี้เจ้าหน้าที่พาสองพ่อลูกเข้าไปที่โรงงานนิวเคลียร์เจนจิร่า ซึ่งบัดนี้โมนาร์ซนำโดยดร.เกรแฮมและดร.เซริซาว่า เข้ามาครอบครองที่แห่งนี้ไว้ เพราะกำลังเฝ้าระวัง “บางสิ่ง” อยู่นั่นเอง

ดร.เซริซาว่า และ ดร.เกรแฮม  ปิดความลับนี้มานาน 15 ปี (Godzilla 2014)

 

ขณะที่โจเซฟเริ่มโวยวาย ดร.เกรแฮมและดร.เซริซาว่าก็ฟังโจเซฟไปพลาง ดูข้อมูลในแฟ้มของโจเซฟไปพลาง ดร.เซริซาว่าเริ่มเห็นด้วยกับทฤษฎีของโจเซฟ แต่สิ่งนั้นที่โมนาร์ซวิจัยและเฝ้ามันมาตลอด 15 ปี ก็เริ่มตื่นและหลุดออกมาจากดักแด้ ก่อนจะเริ่มทำลายล้างสิ่งรอบๆตัวมัน

โมนาร์ซเรียกไททันตัวนี้ว่า M.U.T.O. ซึ่งมูโตสร้างสนามพลังแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ทำให้ไฟฟ้าทั้งโรงงานดับสนิท ฆ่าคนไปมากมาย ก่อนที่มูโตจะบินหนีหายไป ฟอร์ดจึงเห็นไททันครั้งแรกในชีวิต และเชื่อในตัวโจเซฟผู้พ่อแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้โจเซฟบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย

มูโตเพศผู้มีปีก สิ่งที่ทำให้โรงงานนิวเคลียร์ระเบิดเมื่อ 15 ปีที่แล้ว (Godzilla 2014)

 

เช้าวันต่อมา.. กองทัพของรัฐบาลสหรัฐฯเข้ามาควบคุมสถานการณ์ และรีบมานำตัวดร.เกรแฮมกับดร.เซริซาว่าไปขึ้นกองเรือรบ USS Saratoga (ซาราโทก้า) เพื่อปฎิบัติภารกิจไล่าล่ามูโตโดยด่วน ดร.เซริซาว่าจึงขอให้พาโจเซฟกับฟอร์ดไปด้วย

ที่เรือรบซาราโทก้า ดร.เซริซาว่าก็พบกับผู้บัญชาการเรือคือ พลเรือตรี William Stenz (วิลเลี่ยม สเตนซ์) แต่ทั้งคู่ยังไม่ได้คุยอะไรกันมาก โจเซฟพ่อของฟอร์ดก็ขาดใจตายลงไปที่เรือรบนี่เอง ดร.เซริซาว่าจึงรีบตามตัวฟอร์ดมา

พลเรือตรี วิลเลี่ยม สเตนซ์ ผู้บัญชาการเรือรบซาราโทก้า (Godzilla 2014)

 

ดร.เซริซาว่าและดร.เกรแฮมเริ่มเล่าให้ฟอร์ดฟังว่า สิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ไททันเหล่านี้รวมถึงก็อดซิลล่า กำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งที่โลกยังเต็มไปด้วยรังสีอันตราย ทำให้พวกมันมีชีวิตอยู่ในสภาพรังสีอันตรายเช่นนิวเคลียร์หรือยูเรเนียมได้สบายๆ

และมูโต ก็เป็นปรสิตที่ดูดซับรังสีรุนแรงมาใช้เป็นพลังงานได้ พวกมูโตยังมีความสามารถจำศีลได้ยาวนานนับหลายล้านปี ถ้าสภาพการจำศีลสมบูรณ์อุณภูมิและบรรยากาศคงที่

การที่มูโตตื่นขึ้นที่ฟิลิปปินส์นั้น นั่นก็เพราะมีการขุดเจาะลงไปในโพรงใต้ดินที่พวกมันจำศีล ทำให้รบกวนบรรยากาศการจำศีลของมัน มูโตตัวอ่อนหนึ่งตัวหลุดออกมาและรีบเร่งค้นหาแหล่งที่มีรังสีอันตราย ที่นั่นก็คือโรงงานนิวเคลียร์ที่เมืองเจนจิร่านั่นเอง และมันก็ดูดซับรังสีนิวเคลียร์อยู่ที่นั่นในร่างดักแด้มาเป็นเวลา 15 ปี บัดนี้มันจึงตื่นขึ้นมาอีกครั้งและออกตามหาบางอย่าง โมนาร์ซก็ยังไม่รู้ว่าที่มูโตตามหามันคืออะไร?

ฟอร์ดกำลังฟังความเป็นมาของก็อดจิและมูโต (Godzilla 2014)

 

ดร.เซริซาว่าพยายามถามฟอร์ด ว่าโจเซฟเคยบอกอะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฟอร์ดจำได้เพียงว่า โจเซฟบอกว่ามูโตมันพูดได้ในแบบของมัน ด้วยวิธีที่เรียกว่าตำแหน่งสะท้อนกลับ ดร.เซริซาว่าจึงพยายามค้นหาคลื่นความถี่ที่จับได้จากตัวมูโต ก่อนหน้าที่มันจะออกจากดักแด้

หลังจากนั้นดร.เซริซาว่าก็ไปส่งฟอร์ดขึ้นฮ.เดินทางไปที่ฮาวาย เพื่อจะต่อเครื่องบินกลับซานฟรานซิสโกไปหาลูกเมีย หลังจากนั้นดร.เซริซาว่าก็พบว่า มีบางสิ่งกำลังพูดโต้ตอบมูโตอยู่จริงๆ

ที่เมืองโฮโนลูลู ฮาวาย ขณะที่ฟอร์ดเดินทางมาถึงและกำลังจะนั่งรถไฟไปที่สนามบิน เป็นเวลาเดียวกับที่ทุกคนบนเรือรบซาราโทก้ากำลังเครียดที่จะตามล่าตัวมูโต พลเรือตรีสเตนซ์ก็ได้รับรายงานว่า เรือดำน้ำรัสเซียหายไปจากกลางทะเลแปซิฟิก และหน่วยลาดตระเวณทหารของพลเรือตรีสเตนซ์ก็พบว่า เรือดำน้ำนั้นมันไปโผล่ในป่าลึกฮาวาย มูโตลากมันขึ้นมาบนฝั่งนั่นเอง

มูโตกำลังกินระเบิดนิวเคลียร์ของเรือดำน้ำรัสเซียอยู่ (Godzilla 2014)

 

พลเรือตรีสเตนซ์ส่งเครื่องบินติดอาวุธหนักเพื่อเข้าไปโจมตีมูโต แต่มูโตก็สร้างคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้า ส่งผลให้อุปกรณ์ที่ใช้พลังงานทุกชนิดดับสนิท รวมถึงเครื่องบินรบด้วย เครื่องบินรบจึงร่วงระเบิดตูมตาม และฮาวายทั้งเมืองก็ไฟฟ้าดับทันที

ที่กลางทะเลลึกนอกชายฝั่งฮาวายในเวลาเดียวกัน เรือรบซาราโทก้าก็ตรวจจับบางอย่างกำลังดำน้ำแหวกมาด้วยความเร็วสูง และมุ่งหน้ามาที่ฮาวาย สิ่งนั้นคือก็อดจิตัวที่เคยโผล่ยุค 50′ บัดนี้ก็อดจิปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งเพื่อสร้างสมดุลย์ให้โลกโดยการกำจัดมูโตภัยคุกคามโลกนั่นเอง และก็อดจิก็เดินขึ้นฝั่งฮาวายพร้อมกับคลื่นยักษ์ถาโถมชายฝั่ง รุนแรงเทียบเท่าสึนามิ

เมื่อพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าของมูโตหมดไป ไฟฟ้าทั้งเมืองฮาวายก็กลับมาติดอีกครั้ง คนทั้งเมืองจึงเห็นมูโตทำลายเมือง และก็อดจิก็เข้ามาสู้กับมูโต ท่ามกลางสายตามนุษย์และสำนักข่าว

การสู้กันของไททันทั้งสองตัวนั้นแพร่ภาพไปทั่วโลก และมูโตก็บินหนีไปอีกครั้ง ข่าวใหญ่นี้แอลเและแซมลูกเมียของฟอร์ดที่อยู่ซานฟรานซิสโกก็เห็นเช่นกัน

แอล โบรดี้ กำลังดูข่าวการต่อสู้ของก็อดจิกับมูโตตัวผู้ (Godzilla 2014)

 

เบื้องต้นดร.เซริซาว่าคิดว่า มูโตกำลังพูดกับก็อดจิ แต่แล้วเมื่อดร.เซริซาว่าเห็นก็อดจิพยายามไล่ล่ามูโต ดร.เซริซาว่าก็คิดได้ว่า ก็อดจิน่าจะได้ยินคลื่นที่ว่า และตามมูโตไปมากกว่า ซึ่งสิ่งที่มูโตกำลังคุยด้วย แท้จริงคือตัวอ่อนมูโตอีกตัวซึ่งอยู่ในที่กักเก็บขยะนิวเคลียร์ในรัฐเนวาด้า

กองเรือรบซาราโทก้าแล่นตามประกบก็อดจิไปเรื่อยๆ (Godzilla 2014)

 

ที่รัฐเนวาด้า สหรัฐฯ พลเรือตรีสเตนซ์จึงสั่งให้หน่วยทหารจู่โจมบนฝั่ง ไปที่กักเก็บขยะนิวเคลียร์ในรัฐเนวาด้าโดยด่วน ซึ่งก็สายไปแล้ว มูโตอีกตัวออกจากดักแด้มาแล้วเช่นกัน และถล่มเมืองลาสเวกัสเละเทะวินาศสันตะโร (ดูดซับรังสีจากกากนิวเคลียร์ไปได้เยอะเช่นกัน)

มูโตเพศเมียไม่มีปีกบินไม่ได้ แต่ตัวใหญ่กว่าตัวผู้ (Godzilla 2014)

 

นักวิชาการของกองทัพคำนวนจากเส้นทางได้ว่า มูโตทั้งสองตัวน่าจะไปพบกันที่ซานฟรานซิสโก เพื่อหาแหล่งรังสีขนาดใหญ่ตามทางที่จะไป และแพร่พันธุ์ที่นั่น แน่นอนว่าก็อดจิก็ต้องตามไปด้วย ทางทหารจึงต้องการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ฆ่าทิ้งให้หมดซะเลยทั้ง 3 ตัว

ดร.เกรแฮมย้อนว่า พวกมูโตกินรังสีอันตรายเป็นอาหาร แล้วยังจะไปหยิบยื่นรังสีรุนแรงอย่างนิวเคลียร์ให้มันอีกงั้นหรือ?

ซึ่งด้านทางดร.เซริซาว่ามีทฤษฎีว่า การที่ก็อดจิปรากฎตัวอีกครั้งนั้น ก็เพื่อมาตามล่ามูโตตามกฎสมดุลย์ทางธรรมชาติที่มีมานับตั้งแต่โลกดึกดำบรรพ์ ซึ่งมนุษย์ไม่เข้าใจ น่าจะปล่อยให้ก็อดจิสังหารมูโตทั้งสอง ปล่อยให้พวกมันสู้กันเอง

“Let Them Fight !!” ดร.เซริซาว่ากล่าวไว้.. (Godzilla 2014)

 

ด้านทางฟอร์ดเมื่อรู้ว่าซานฟรานฯกำลังโดนบุก ฟอร์ดก็ดั้นด้นอาสาไปกับกองกำลังทหารระหว่างทาง เพื่อไปให้ถึงซานฟรานฯให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยลูกเมีย และฟอร์ดก็มาสมทบกับกองกำลังของพลเรือตรีสเตนซ์ที่ซานฟรานฯจนได้

ที่เมืองซานฟรานซิสโก เกิดความโกลาหลและวุ่นวายหนักมาก เพราะประชาชนส่วนใหญ่เมื่อได้ข่าวว่าจะโดนมูโตบุก ต่างก็รีบอพยพหนีตายกันอุตลุด แต่ก็หนีไปไม่ได้เยอะ มูโตตัวผู้และตัวเมียถล่มซานฟรานซิสโกเละเทะก่อนมนุษย์อพยพออกได้ทัน รวมถึงลูกเมียฟอร์ดก็ยังติดอยู่ในเมืองซานฟรานฯ หลังจากนั้นมูโตก็วางไข่ยุบยับเต็มใต้ดินไปหมด

มูโตตัวผู้มีปีกตัวเล็ก มูโตตัวเมียตัวใหญ่ไม่มีปีก (Godzilla 2014)

 

เมื่อก็อดจิขึ้นฝั่งซานฟรานฯ ก็ตรงเข้าไปลุยกับมูโตทั้งสองทันที ไททันทั้งสองฝ่าย สู้กันหลายชั่วโมงยันค่ำ แต่ที่สุดแล้วก็อดจิก็ฟาดหางสังหารตัวผู้ และพ่นลำแสง Atomic Breath (อตอมมิคเบรธ) กรอกปากสังหารมูโตตัวเมียลงไปได้สำเร็จ

ก็อดจิกับอตอมมิคเบรธ (Godzilla 2014)

 

รวมถึงฟอร์ดและพรรคพวกทหารก็ระเบิดไข่ของมูโตซะราบคาบไปก่อนหน้านี้ ก็อดจิซึ่งอ่อนล้าจากการต่อสู้อย่างหนักหน่วงก็ล้มตึงตามลงไป ซึ่งเหล่ามนุษย์คิดว่าก็อดจิตายไปแล้วเช่นกัน

หลายชั่วโมงผ่านไป.. แต่แล้วพอถึงตอนเช้า ก็อดจิกลับฟื้นขึ้นมาได้ และเดินลงทะเล ข่าวทั่วโลกเสนอข่าวว่าก็อดจิคือมอนสเตอร์ที่ช่วยโลก ชาวซานฟรานฯก็คิดเช่นนั้น ก่อนที่ก็อดจิจะดำหายลงไปในท้องทะเลลึกอีกครั้ง ส่วนฟอร์ดก็พบกับลูกเมียในที่สุด..

ก็อดจิคำรามส่งท้าย (Godzilla 2014)

 

นักวิทยาศาสตร์หัวกระทิชั้นแนวหน้าแห่งโมนาร์ช Dr. Emma Russell (ดร.เอ็มม่า รัสเซล) ก็สูญเสียลูกชายตัวน้อยไปจากการที่มูโตถล่มซานฟรานฯ เอ็มม่าจึงรื้อฟื้นการสร้างเครื่อง “Orca” (ออร์ก้า) ที่เธอและสามี Dr. Mark Russell (ดร.มาร์ค รัสเซล) ช่วยกันคิดค้น แต่พับโครงการกันไป บัดนี้เอ็มม่าต้องการนำออร์ก้ามาพัฒนาต่อ

เพราะออร์ก้า เป็นอุปกรณ์โซนาร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อส่งคลื่นความถี่ที่มีเพียงปลาวาฬได้ยิน และจับสัญญาณสะท้อนกลับนี้ติดตามมัน สื่อสารกับมัน  ซึ่งเอ็มม่าหวังใช้เครื่องออร์ก้านี้ติดต่อกับเหล่าไททันแทน จากข้อมูลที่ได้จากดร.เซริซาว่า และ ดร.เกรแฮม ที่บันทึกปากคำของโจเซฟไว้ว่า พวกไททันเหล่านี้ “พูด” ได้  แต่มาร์ค สามีของเอ็มม่า ลาออกจากโมนาร์ชทันทีที่ลูกชายตายลงไป

ดร.มาร์ค รัสเซล (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ปี 2017 ที่บอสตัน หลังจากมาร์คลาออกจากโมนาร์ช มาร์คกลับมาบ้านที่บอสตัน พยายามจะกลับมาเป็นครอบครัว แต่ก็ทำไม่ได้ มาร์คเริ่มติดเหล้า ตีตัวออกห่างจากครอบครัว ปลีกวิเวกในป่าเขา เพราะยังเสียใจเรื่องลูกชายที่ตาย มาร์คไม่ต้องการให้มีไททันอยู่บนโลกซักตัว ไม่ยกเว้นแม้ก็อดซิลล่า

ส่วนด้านเอ็มม่า ก็พาลูกสาว Madison Russell (แมดิสัน รัสเซล) ตะลอนๆพาไปด้วยทุกหนแห่งที่เธอต้องไปทำงานให้โมนาร์ช เอ็มม่ายังได้สอนและบอกข้อมูลของบรรดาไททันให้แมดิสันรับรู้อย่างมากมายระหว่างที่ตะลอนไปด้วยกัน

โมนาร์ชต้องการติดตามก็อดจิอย่างใกล้ชิด จึงได้สร้างฐานบัญชาการกลางมหาสมุทรแปซิฟิกที่ชื่อว่า Castle Bravo (แคสเซิลบราโว) ตามชื่อของการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ยุค 50′ ซึ่งฐานแห่งนี้เต็มไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีนำสมัย เป็นฐานใหญ่ยักษ์ที่ซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้กับจุดที่โซเวียตและสหรัฐฯพยายามจะฆ่าก็อดจิในยุค 50′ นั่นเอง

เจ้าหน้าที่โมนาร์ชในฐานแคสเซิลบราโว (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ที่มลฑลยูนาน ประเทศจีน องค์กรโมนาร์ชค้นพบไททันนามว่า Mothra (มอธร่า) มันคือควีนออฟมอนสเตอร์ ที่ยังคงจำศีลอยู่ในโพรงถ้ำลึก โมนาร์ชจึงส่งเอ็มม่าไปจีน ทำค่ายล้อมรอบมอธร่า ตั้งชื่อค่ายนี้ว่า “ด่านโมนาร์ชที่ 61”

ด่านโมนาร์ช มีเพื่อเฝ้าระวังว่าไททันอาจจะตื่นขึ้นมาตอนไหนก็ได้เหมือนมูโต และห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าภายในพื้นที่โดยเด็ดขาด ซึ่งแน่นอนว่า ยังมีด่านโมนาร์ชอีกมากมายกระจายทั่วโลก ที่ตั้งค่ายกักกันไททันเอาไว้ ซึ่งมีมากถึง 17 ด่านแล้วในตอนนี้

เอ็มม่าและแมดิสันในด่านโมนาร์ชที่ 61 (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ปี 2019 ที่อเมริกา โมนาร์ชโดนโจมตีอย่างหนักจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพราะว่ารัฐบาลต้องการกำจัดไททันเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปจากโลก แต่ดร.เซริซาว่าและดร.เกรแฮมรวมถึง Dr. Sam Coleman (ดร.แซม โคลแมน) ยังคงพยายามอธิบายให้รัฐบาลสหรัฐฯฟังว่า ไททันมีทั้งดีและไม่ดี และพวกมันคือผู้ครองโลกที่แท้จริงมาตั้งแต่หลายล้านปีก่อน

ดร.โคลแมน ผู้ควบคุมฝ่ายเทคโนโลยีของโมนาร์ช (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

มลฑลยูนาน ประเทศจีน ที่ด่านโมนาร์ชที่ 61 มอธร่า กำลังทำท่าจะตื่นในรอบหลายล้านปี จากการที่เครื่องออร์ก้าส่งคลื่นความถี่โซนาร์ออกไปกระตุ้นมัน

มอธร่าในร่างต้นที่ตื่นขึ้นตัวนี้ ไม่มีท่าทีคุกคามมนุษย์เลย และเอ็มม่าก็พาแมดิสันเข้าไปใกล้ๆกับมอธร่า แมดิสันและเอ็มม่าตื่นเต้นกันมาก ที่ไททันยักษ์ตัวนี้มีท่าทีเป็นมิตรเช่นนั้น

แมดิสันกำลังเอื้อมมือไปสัมผัสมอธร่า (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ขณะที่มอธร่าตื่นขึ้นนี้ ผู้ก่อการร้ายอดีตนายทหารอังกฤษ นายพัน Jonah Alan (โจนาห์ อลัน) และลูกน้องร่วมอุดมการณ์ ก็บุกมาด่านโมนาร์ชที่ 61 ในช่วงนี้พอดี สังหารเจ้าหน้าที่โมนาร์ชไปมากมาย แต่โจนาห์กลับไม่ฆ่าเอ็มม่าและแมดิสัน หากแต่จับกลับไปแทน ด้วยเหตุผลบางอย่าง

ที่แคมป์ลับผู้ก่อการร้าย นั่นก็เพราะว่า โจนาห์รบมาบ่อย จนเห็นความเละเทะของมนุษย์ ดังนั้นตั้งแต่ก็อดซิลล่าปรากฎตัวขึ้นในปี 2014 โจนาห์จึงหวังให้เหล่าไททันผู้ครองโลกมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ตื่นขึ้นมาเพื่อชำระล้างโลกจากเหล่ามนุษย์ โจนาห์จึงหวังให้เอ็มม่าปลุกเหล่าไททันทั้งโลกขึ้นมาด้วยเครื่องออร์ก้าของเธอนั่นเอง

โจนาห์ หัวหน้าผู้ก่อการร้าย (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ทางด้านมอธร่าที่ตื่นขึ้น ก็เดินทางออกไปหลายไมล์จากด่านโมนาร์ชที่ 61 ทำกระบวนการฟักตัวในดักแด้ใต้น้ำตกกลางป่าลึกของจีน โมนาร์ชอีกทีมที่เข้ามาพื้นที่ คุมทีมโดย Dr. Ling (ดร.หลิน) หัวหน้าฝ่ายดูแลเฝ้าระวังไททัน จึงรีบจัดทีมเฝ้ารังดักแด้ของมอธร่าหลังน้ำตกนี้ ที่ไม่รู้จะฟักตัวออกมาตอนไหน

ดร.หลิน (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ที่ฐานแคสเซิลบราโวของโมนาร์ช ใต้มหาสมุทรแปซิฟิก ผู้บัญชาการฝ่ายทหารประจำฐานก็คือ พันเอกหญิง Diane Foster (ไดแอน ฟอสเตอร์) และเจ้าหน้าที่โมนาร์ช รีบไปพาตัวมาร์คสามีของเอ็มม่ามาที่ฐานแคสเซิลบราโวทันที เพื่อหวังว่ามาร์คจะติดต่อเอ็มม่าได้ โดยการแกะรอยเครื่องออร์ก้า

พันเอกฟอสเตอร์ (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ขณะที่ทุกคนกำลังวิเคราะห์เรื่องราวกัน ก็อดจิที่รับคลื่นความถี่ได้ว่ามอธร่าตื่นขึ้นแล้ว ก็อดจิจึงปรากฎตัวอีกครั้งในรอบ 5 ปี ก็อดจิดิ่งออกมาจากรังใต้ทะเลลึก แวะทักทายทุกคนที่ฐานแคสเซิลบราโวนิดนึง แล้วก็มุ่งตรงไปยังที่ใดที่หนึ่งบนแผ่นดิน

มาร์คแนะนำให้ Dr. Rick Stanton (ดร.ริค สแตนตัน) ตามรอยเส้นทางของก็อดจิ ว่ามุ่งหน้าไปทางไหน เพราะที่นั่นอาจจะพบกับเอ็มม่าและแมดิสัน และจากการแกะรอยก็พบว่า ที่ก็อดจิมุ่งไปก็คือ แอนตาร์คติกา ซึ่งโมนาร์ชรู้ทั้งรู้ว่า โมนาร์ชล้อมค่ายกักกัน Monster Zero (อสูรซีโร่) ซึ่งถูกแช่แข็งในภูเขาหิมะที่นั่น

ดร.สแตนตัน (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ที่ยานบินลำเลียง Argo (อาร์โก้) ของโมนาร์ช ระหว่างทางไปที่แอนตาร์คติกา โมนาร์ชจึงต้องบรีฟทุกคนให้รู้ ว่าอสูรซีโร่คืออะไร และจากคำบอกเล่าของ Dr. Ilene Chen (ดร.ไอริน เฉิน) เจ้าหน้าที่โมนาร์ชฝ่ายข้อมูลโบราณของเหล่าไททันอธิบายว่า อสูรซีโร่คือคู่ปรับตลอดกาลของก็อดจิ และมันเคยปรากฎตัวมาแล้วหลายพื้นที่ทั่วโลกในอดีตกาล อ้างอิงจากบันทึกไว้ในอารยธรรมโบราณต่างๆทั่วโลก ถึงความร้ายกาจของมัน

ดร.เฉิน แฝดของ ดร.หลิน (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ที่แอนตาร์คติกา แต่โมนาร์ชมาช้าเกินไป ทีมผู้ก่อการร้ายของโจนาห์ทำการปลุกอสูรซีโร่ขึ้นมาแล้ว พร้อมๆกับที่ก็อดจิปรากฎตัวมาซัดกับอสูรซีโร่โครมคราม หลายๆฝ่ายต่อสู้กันชุลมุนทั้งมนุษย์และไททัน หลังจากนั้นอสูรซีโร่ก็บินหายไปพร้อมกับพายุเฮอริเคนที่มันสร้าง

ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทำให้มาร์ครู้ว่า เอ็มม่าภรรยาของตนมีส่วนในเรื่องการปลดปล่อยเหล่าไททันด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นเอ็มม่าก็หายไปกับกลุ่มก่อการร้ายของโจนาห์อีกครั้ง และดร.เกรแฮมก็เสียชีวิตลงไปจากการปะทะครั้งนี้

ดร.เกรแฮมตายลงไปพร้อมกับการตื่นของอสูรซีโร่ (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ที่ยานบินลำเลียงอาร์โก้ของโมนาร์ช หลังจากทุกคนที่ยังรอดชีวิตกลับมาขึ้นเครื่องบิน พันเอกฟอสเตอร์ก็เริ่มรู้สึกว่า เอ็มม่านั้นมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้มากกว่าที่ทุกคนคิด ซึ่งมาร์คก็มายืนยันอีกเสียงว่าภรรยาตนมีส่วนแน่นอน แม้ว่าทุกคนไม่ค่อยเชื่อ

และความสงสัยของทุกคนก็หมดลง เมื่อเอ็มม่ามอนิเตอร์ทางไกลมาหาเพื่อนๆในโมนาร์ชบนยานอาร์โก้ บอกทุกอย่างทั้งหมด ว่าเธอทำไปทำไม? นั่นก็เพราะเอ็มม่าต้องการปลดปล่อยเหล่าไททันทุกตัวในโลกทีละตัว เพื่อให้เหล่าไททันชำระโลกที่ถูกทำลายโดยฝีมือมนุษย์

ซึ่งเหตุการณ์ที่โจนาห์บุกด่านโมนาร์ชที่ 61 และปลดปล่อยมอธร่า เอ็มม่าเป็นผู้ติดต่อโจนาห์และร่วมมือกันให้ทำแบบนั้น เพราะเอ็มม่ากับโจนาห์มีอุดมการณ์เดียวกันนั่นเอง

เอ็มม่าบอกความจริงกับทุกคน (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

เมื่อตัดการสื่อสารกับเอ็มม่า โมนาร์ชก็แกะรอยได้ว่า กลุ่มก่อการร้ายของโจนาห์กำลังเดินทางไปที่เกาะ Isla de Mara (อิสลา เดอ มาร่า) เขตประเทศแม็กซิโก ที่ตั้งด่านโมนาร์ชที่ 51 เพื่อปลดปล่อย Rodan (โรแดน) เพราะเอ็มม่าแฮ๊คระบบของโมนาร์ช ปลดปล่อยที่กักกันโรแดนแล้วนั่นเอง

ด้านทางแมดิสันนั้นรู้สึกแย่กับเอ็มม่าแม่ของตนเองมาก ที่กล้าทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้เพื่ออุดมการณ์แปลกประหลาดสุดโต่ง แมดิสันมองแม่ตนเองเเป็นอสูรที่เลวร้ายยิ่งกว่าเหล่าไททันด้วยซ้ำ

แมดิสันผิดหวังในตัวแม่ (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ที่เกาะอิสลา เดอ มาร่า แม็กซิโก โมนาร์ชติดต่อรัฐบาลแม็กซิโก ให้รีบอพยพมนุษย์ออกจากเกาะโดยด่วน รวมถึงโมนาร์ชส่งทหารสหรัฐฯเข้าไปช่วยเหลือด้วย แต่ก็ไม่ได้มากนัก เมื่อโรแดนตื่นขึ้นแล้วกลางปล่องภูเขาไฟต่อหน้ามนุษย์บนเกาะ ฟาดงวงฟาดงาไม่สนหน้าไหน โรแดนเกิดมาเพื่อเหวี่ยงอย่างเดียว และบินผ่านเมืองอย่างเร็วจนเกิดคลื่นลมที่รุนแรง

โมนาร์ชส่งเครื่องบินจู่โจมหลายลำเข้าพื้นที่ล่อโรแดนให้บินออกจากเกาะไปกลางทะเล พร้อมๆกับที่อสูรซีโร่บินมาพร้อมพายุเฮอริเคนก็พุ่งมาหาโรแดนจอมบู๊เช่นกัน แต่อสูรซีโร่ก็โจมตีโรแดนซะหายซ่าจนร่วง

โรแดนปะทะอสูรซีโร่ (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

อสูรซีโร่กำลังจะโจมตียานอาร์โก้ แต่ก็อดจิก็โผล่มาโจมตีอสูรซีโร่ช่วยมนุษย์ ช่วงเวลาเดียวกันนี้ นายพนสเตนซ์สั่งยิง Oxygen Destroyer  (อ๊อกซิเจนเดสทรอยเยอร์) ลงพื้นที่ ผลทำให้ก็อดจิหมดสติจมดิ่งลงใต้สมุทรไป

แต่อ๊อกซิเจนเดสทรอยเยอร์กลับทำอะไรอสูรซีโร่ไม่ได้ ทำได้เพียงไล่มันไปที่อื่นเท่านั้น ทุกคนในโมนาร์ชคิดว่าก็อดจิตายไปแล้ว หากแต่ก็อดจิกลับไปที่รังของมันใต้มหาสมุทร เพื่อซึมซับรังสีอันตรายฟื้นฟูร่างกายตนเอง

ก็อดซิลล่าปะทะอสูรซีโร่ (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

อสูรซีโร่ บินไปที่ปล่องภูเขาไฟที่เกาะอิสลา เดอ มาร่า และทำการปล่อยคลื่นความถี่บางอย่างออกไป ผลทำให้บรรดาไททันทั่วโลกถูกปลุกให้ตื่นจากการจำศีลขึ้นพร้อมๆกัน

ที่ป่าในมลฑลยูนาน ประเทศจีน มอธร่าที่ฟักตัวในดักแด้ ก็ออกมาจากดักแด้ในเวลานี้ต่อหน้าต่อตาดร.หลินที่เฝ้าอยู่  มอธร่าสยายปีกอันกว้างใหญ่ของมัน ก่อนจะบินหายไป โดยมอธร่าบินมุ่งไปหารังก็อดซิลล่าบริเวณฐานแคสเซิลบราโวนั่นเอง

มอธร่า ควีนออฟมอนสเตอร์ ในร่างสมบูรณ์ (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ขณะที่ดร.เฉินอธิบายกับมาร์คเรื่องที่ว่า ครอบครัวเธอมักมีลูกแฝดหญิง และแฝดในครอบครัวเธอเป็นเจ้าหน้าที่โมนาร์ชมา 3 ชั่วอายุคนแล้ว แน่นอนว่ายุคของดร.เฉินก็มีแฝดเป็นเจ้าหน้าที่โมนาร์ชอีกคนเช่นกัน นั่นก็คือดร.หลินที่เฝ้ามอธร่าอยู่ในจีน ทั้งคู่เปรียบเสมือนนางฟ้าแฝดที่อยู่ข้างกายมอธร่ามาทุกยุค 

ทุกคนในโมนาร์ชตั้งคำถามว่า ทำไมอสูรซีโร่ไม่ตายจากการขาดอ๊อกซิเจนเฉกเช่นสิ่งมีชีวิตบนโลกชนิดอื่น แถมยังมีหัวงอกออกมาเพิ่มได้ด้วย แหกกฎทุกอย่างของสิ่งมีชีวิตบนโลก บวกกับที่ดร.เฉินศึกษาเรื่องอสูรซีโร่ย้อนหลัง

ดร.เฉินจึงฟันธงว่า อสูรซีโร่นั้น ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตบนโลก หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่ตกลงมายังโลกหลายล้านปีที่แล้ว และมันถูกคนโบราณเรียกขานว่า Ghidorah (กิโดรา)

ที่แคสเซิลบราโว ขณะที่ทีมไล่ล่าไททันของโมนาร์ชกลับฐาน ทุกคนก็พบกับนายพลสเตนซ์และกองทัพสหรัฐฯอีกขโยงใหญ่ที่มารอพบ เพื่ออัพเดทสถานการณ์ไททันถล่มทุกเมืองทั่วโลกโดยไร้แบบแผน

นายพลเสตนซ์ (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

แต่ดร.เฉินและมาร์คนั้นแย้งทฤษฏีของนายพลสเตนซ์เรื่องไม่มีแบบแผน เพราะว่าการกระทำไททันทุกตัวมีแบบแผน นั่นคือการทำตามกิโดราที่เป็นจ่าฝูง ฉะนั้น ต้องกำจัดกิโดรา แล้วพวกไททันที่เหลือมนุษย์จะจัดการมันง่ายขึ้น

ที่ฐานลับกลุ่มผู้ก่อการร้ายของโจนาห์ เอ็มม่าเริ่มได้สติ ว่าการปลดปล่อยไททันไม่ใช่การชำระโลกให้ดีขึ้น แต่เป็นการทำลายโลกให้เลวร้ายลงต่างหาก เอ็มม่ากับโจนาห์จึงแตกคอกันแล้วตอนนี้

เอ็มม่ากับโจนาห์เริ่มความเห็นไม่ตรงกัน (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ที่แคสเซิลบราโว มอธร่าโผล่มาสยายปีกเรืองแสง God Ray (ก้อดเรย์) ที่นอกฐาน ซึ่งดร.หลินก็ตามมา มอธร่าบินลอยอยู่พิกัดนึงกลางทะเล พร้อมๆกับสัญญาณชีวิตของก็อดจิกลับมา โมนาร์ชจึงรู้ว่าก็อดจิกับมอธร่ามีความสัมพันธุ์กันทางธรรมชาติ มาร์คคิดออกทันที ว่าต้องใช้นิวเคลียร์ให้มากที่สุดไปโยนใส่ก็อดจิเพื่อคืนพลังให้

ที่สหรัฐอเมริกา ยานอาร์โก้นำโดยผู้พันฟอสเตอร์และดร.เฉินบินมาต่อสู้กับกิโดรา ที่สร้างพายุเฮอริเคนจู่โจมเมืองวอชิงตันดีซีอย่างหนัก ในเวลาเดียวกับที่แมดิสันนั้นขโมยเครื่องออร์ก้าหนีเอ็มม่าแม่ของเธอออกมาจนได้ และเดินทางมาที่เมืองบอสตันเมืองที่บ้านของครอบครัวตนเองตั้งถิ่นฐานก่อนครอบครัวแตก แมดิสันเปิดคลื่นความถี่ย่านนึงในเครื่องออร์ก้า ผลทำให้เหล่าไททันที่กำลังทำลายโลกตามหัวเมืองต่างๆต่างหยุดนิ่งกันหมด

แมดิสันพยายามช่วยโลก (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ที่ใต้ทะเลแปซิฟิก ทีมช่วยเหลือก็อดจินำโดยดร.เซริซาว่าและมาร์คเดินทางโดยเรือดำน้ำ ดำดิ่งลงไปในทะเลลึกบริเวณที่มอธร่าบินลอยอยู่เหนือผิวน้ำ โดนคลื่นใต้น้ำดูดไปทำให้เรือดำน้ำเสียหายหนัก ในที่สุดก็ค้นหารังก็อดจิจนพบ

ที่นั่นนั้นเต็มไปด้วยจารึกและรูปปั้นจากยุคแรกเริ่มอารยธรรมมนุษย์ที่จมอยู่ใต้สมุทรมายาวนาน บ่งบอกว่ามนุษย์บูชาให้ก็อดจิเป็นพระเจ้ามาตั้งแต่โบราณกาลมาแล้ว ดร.เซริซาว่าพยายามบอกมาร์คว่า เราไม่อาจเข้าใจในเหล่าไททันพวกนี้ได้ แต่มาร์คต้องไว้ใจในตัวก็อดจิ และปล่อยให้ธรรมชาติของเหล่าไททันสร้างสมดุลย์ให้โลกเอง

แต่ทีมโมนาร์ชที่ลงไปช่วยเหลือก็อดจิก็ประสบปัญหาใหญ่ เพราะแรงกระแทกตอนโดนน้ำวนทำให้ยิงตอปิโดนิวเคลียร์ไม่ได้ ถ้ารอให้ก็อดจิฟื้นเองก็คงต้องกินเวลาหลายปี ดร.เซริซาว่าจึงสละชีวิตนำนิวเคลียร์ไปจุดระเบิดใส่ก็อดจิด้วยตนเอง  

“ลาก่อน เพื่อนยาก” (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

เรือดำน้ำพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำ ดร.เซริซาว่าตาย ก็อดจิฟื้นขึ้นมา พุ่งขึ้นมาเหนือน้ำ และพ่นอะตอมมิคเบรธขึ้นฟ้าโชว์ไปหนึ่งที หลังจากก็อดจิพ่นอะตอมมิคเบรธโชว์ ก็อดจิก็ก้มลงมองหน้ามาร์คและดร.หลิน ก่อนจะดำน้ำหายไป สิ่งนี้ยิ่งทำให้มาร์ครู้แล้วว่า ก็อดจิไม่ได้คิดร้ายอะไรกับโลกมนุษย์

ก็อดซิลล่าฟื้นขึ้นมาแล้ว (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ทั้งมาร์คผู้เป็นพ่อและเอ็มม่าผู้เป็นแม่ต่างรู้แล้วว่า แมดิสันลูกสาวของทั้งสองคือผู้ปล่อยสัญญาณจากเครื่องออร์ก้า และพิกัดการปล่อยสัญญาณนั้นอยู่ที่บอสตัน

ที่แคสเซิลบราโว มาร์คนั้นตรวจคลื่นละเอียดจนพบว่า เอ็มม่าแฝงคลื่นความถี่ของสัญญาณมนุษย์ลงไปแทรกซึมกับเหล่าไททันด้วย แน่นอนว่ามาร์คกับทีมโมนาร์ชรีบรุดไปบอสตันทันที

ที่ฐานลับกลุ่มผู้ก่อการร้ายของโจนาห์ ทางด้านโจนาห์แม้จะขัดใจที่เครื่องออร์ก้าหายไป แต่โจนาห์ก็ยอมปล่อยเอ็มม่าไปหาลูกสาว ซึ่งโจนาห์ปล่อยเอ็มม่าไปบอสตันคนเดียวไม่ได้ให้ลูกน้องไปช่วย

ที่บอสตัน กิโดรานั้นบินมาพร้อมพายุเฮอริเคน เพราะกิโดราตามสัญญาณคลื่นความถี่จากเครื่องออร์ก้ามาได้เช่นกัน แมดิสันเมื่อเห็นกิโดราตามหาตนเอง จึงรีบโยนเครื่องออร์ก้าทิ้งจนเครื่องพัง ผลทำให้เหล่าไททันกลับเป็นอิสระอีกครั้ง และมุ่งหน้ามาทางบอสตันเช่นกัน จังหวะเดียวกับที่กิโดรากำลังจะพ่นไฟใส่แมดิสัน ก็อดจิและฝูงบินของโมนาร์ชก็โผล่มาโจมตีกิโดราทันที

ก็อดจิปะทะคิงกิโดรากลางเมืองบอสตัน (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ดร.สเตรนตันตรวจเจอว่า ก็อดจิมีพลังรังสีนิวเคลียร์เต็มเปี่ยมจนล้น จากนิวเคลียร์ที่ดร.เซริซาว่าผู้ล่วงลับไปป้อนให้ และมันกำลังจะระเบิดภายใน 12 นาที รุนแรงเท่าระเบิดปรมณูเลยทีเดียว ทีมของโมนาร์ชและมาร์คต้องรีบตามหาตัวแมดิสันและหนีออกจากพื้นที่ภายในเวลานี้ให้ได้

มาร์คและเอ็มม่าได้พบกันในรอบ 3 ปีและโดยสารรถคันเดียวกันเพื่อตามหาลูก มาร์คตำหนิเอ็มม่าเรื่องที่ทำให้ลูกสาวหนี และเรื่องที่คิดบ้าๆปล่อยเหล่าไททันออกมาจนโลกวุ่นวาย

ทั้งสองทะเลาะกันลั่นรถ ทหารที่นั่งมาด้วยช่วยพูดให้ทั้งสองคิดได้ว่า แมดิสันน่าจะหนีกิโดรากลับไปที่บ้านครอบครัวของพวกเค้า และมาร์คกับเอ็มม่าก็พบแมดิสันลูกสาวที่บ้านนั่นเอง

ด้านทางกิโดราที่สู้กับก็อดจิก็ใช้วิธีแรงๆ โดยการหนีบก็อดจิบินขึ้นฟ้าถึงชั้นบรรยากาศ และปล่อยก็อดจิลงมาให้ตกลงพื้นในลักษณะ Armageddon (อมาเกดดอน) เกิดเป็นลูกไฟล้อมตัวก็อดจิดุจดังอุกกาบาตที่ตกลงโลก และกระแทกผิวโลกอย่างรุนแรง มอธร่าที่เพิ่งบินตามมาถึง ก็แผ่รังสีก้อดเรย์เกิดเป็นแสงสว่างจ้าปลุกก็อดจิให้ฟื้นอีกรอบ หลังจากนั้นมอธร่าก็เข้าไปโจมตีกิโดรา

กิโดราและมอธร่าปะทะกัน (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

มาร์คซ่อมเครื่องออร์ก้า และจูนสัญญาณให้ตรงกับกิโดรา เพื่อล่อให้กิโดราติดตามเครื่องออร์ก้าไป ยื้อเวลารอให้ก็อดจิฟื้นตัว ซึ่งหลังจากแมดิสันกับมาร์คขึ้นเครื่องบินเตรียมหนี เอ็มม่าก็สละชีวิตนำเครื่องออร์ก้าขึ้นรถขับหนีห่างเพื่อนๆและครอบครัวออกไป เพื่อล่อคิงกิโดราให้ติดตามตนเองไป และเอ็มม่าก็โดนกิโดราสังหารตายลงไป

ก็อดจิที่ได้รับรังสีนิวเคลียร์นั้นกลายร่างเป็น Burning Godzilla (เบิร์นนิ่ง ก็อดซิลล่า) ร่างทั้งร่างของก็อดจิลุกท่วมด้วยเปลวเพลิงรังสีนิวเคลียร์ และปล่อยเพลิงนิวเคลียร์โจมตีกิโดราจนล้ม ก่อนจะพ่นอะตอมมิคเบรธสังหารกิโดราลงไปได้สำเร็จ

เบิร์นนิ่ง ก็อดซิลล่า (Godzilla: King of the Monsters 2019)

 

ไททันที่ตื่นขึ้นมานั้นได้แก่ โรแดน มูโต สคิลลา บิฮีมอท ที่มายังเมืองบอสตัน และพบว่ากิโดร่าราชันจากต่างดาวโดนก็อดจิฆ่า ต่างก็ยอมก้มหัวให้ก็อดจิ ราชันแห่งมอนสเตอร์ที่แท้จริง ท่ามกลางสายตาของเจ้าหน้าที่โมนาร์ช

ที่เกาะอิสลา เดอ มาร่า แม็กซิโก โจนาห์ อลัน เดินทางมาที่นี่ เพราะได้รับการติดต่อจากตลาดมืด ที่ต้องการขายหัวของกิโดราที่ขาดในระหว่างการต่อสู้ แน่นอนว่าโจนาห์ตกลงซื้อทันที และโจนาห์มีจุดหมายในการเอาหัวกิโดราไปทำบางอย่างแน่นอน

จบ สวัสดีครับ

 

 

ผู้เขียน หลวงจีนหอไตร

Hello! Every one. จุดเริ่มต้นงานเขียนของผมก็คือ ผมเป็นนักอ่านก่อนครับ และที่ผ่านมาผมก็หาอ่านงานเขียนแนวสรุปภาพยนตร์ยากเย็นเหลือเกิน ผมจึงเริ่มเขียนบทความเองและสร้างเว็บไซต์เองซะเลย

ดูโพสท์ทั้งหมด

Tags: