The Conjuring Universe

หมวดหมู่ FILM ผู้เขียน

คริสต์ศตวรรษที่ 11 ยุคมืดของยุโรป ที่ประเทศโรมาเนีย ดยุกแห่งเซนต์คาร์ท่า ผู้ฝักใฝ่ในอำนาจมืดบูชาซาตาน เป็นพวกซาตานนิสต์ ดยุกแห่งเซนต์คาร์ท่าได้ทำการศึกษาวิธีอัญเชิญปีศาจมาสู่โลก จดบันทึกตำราที่เกี่ยวข้องกับมนต์ดำซาตานและปีศาจเอาไว้มากมาย

ดยุกแห่งเซนต์คาร์ท่า (the Nun 2018)

 

จนกระทั่งเขาทำสำเร็จ โดยการเขียนดาว 5 แฉกไว้บนพื้นห้องใต้ดินในปราสาทของตน บูชายัญด้วยชีวิตและเลือดมนุษย์ และอัญเชิญปีศาจผู้ต่อต้านพระเจ้า ครอบงำมนุษย์ด้วยสัญลักษณ์งู มีนามว่า “วาลัค” มาสู่โลกมนุษย์ทางช่องแยกบนดาว 5 แฉก

แต่ยังไม่ทันที่วาลัคจะออกมาจากรอยแยก นักรบครูเสดแห่งศาสนจักร ก็บุกมาสังหารดยุคแห่งเซนต์คาร์ท่า ใช้เครื่องรางที่มีโลหิตพระคริสต์ เทโลหิตปิดรอยแยกนั้นไว้ ผนึกประตูนรกห้องโถงนั้น และสลักคำว่า “ฟินี ฮิก ดิโอ” สุดเขตของพระเจ้า ไว้บนบานประตู

ประตูที่กักขังวาลัค (the Nun 2018)

 

หลังจากนั้น ศาสนจักรก็เปลี่ยนปราสาทนี้ให้เป็นวิหารแห่งเซนต์คาร์ท่า ศาสนจักรมอบหน้าที่ให้เหล่าแม่ชีมาเฝ้าวาลัคที่วิหารเซนต์คาร์ท่า แม่ชีทุกคนจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันสวดมนต์ทั้งวันทั้งคืน เพื่อสะกดวาลัคไว้ไม่ให้ออกมาจากรอยแยก

วาลัค จึงถูกกักขังอยู่หลังประตูนับตั้งแต่นั้น และห้ามผู้ใดเข้าออกบริเวณวิหารโดยเด็ดขาด  เครื่องรางที่มีโลหิตพระคริสต์ ก็ถูกเก็บซ่อนไว้ในผนังวิหารชั้นใต้ดินเช่นกัน เพราะปีศาจ มิอาจถูกทำลายได้ ทำได้เพียงขับไล่มันหรือกักขังมันเท่านั้น..

วาลัคในบันทึกของดยุกแห่งเซนต์คาร์ท่า (the Nun 2018)

 

ปี 1673 ที่แม็กซิโก ลาโยโรน่า สาวสวยซึ่งเป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ตกหลุมรักกับเศรษฐีหนุ่มรูปงาม ทั้งสองคนแต่งงานกัน พิธีใหญ่โตสมฐานะสามี จนกระทั่งทั้งสองมีลูกชายที่น่ารัก 2 คน แต่ลาโยโรน่าจับได้ว่าสามีตนเองมีชู้หญิงอื่น เธอรับกับการถูกหักหลังนี้ไม่ได้ จึงคิดแก้แค้นโดยการพรากสิ่งที่สามีเธอรักที่สุด นั่นคือชีวิตของลูกชายทั้งสอง

ลาโยโรน่าจับลูกตัวเองกดน้ำจนตายทั้งสองคน หลังจากนั้นเธอจึงรู้สึกเจ็บปวดและรู้สึกผิดมหันต์ที่ทำเรื่องเลวร้ายลงไป จึงฆ่าตัวตายโดยการกระโดดแม่น้ำ กำเนิดเป็นตำนานสุดหลอนไปทั่วแม็กซิโก ลาโยโรน่าจะล่อลวงเด็กๆให้จมน้ำเป็นตัวตายตัวแทนลูกๆของเธอ

ผีร้ายลาโยโรน่า (The Curse of La Llorona 2019)

 

ปี 1863 ที่แฮริสวิลล์ โร้ดไอแลนด์ อเมริกา เบทชีบ้า เชอแมน แม่มดผู้บูชาซาตาน เป็นพวกซาตานนิสต์ จับลูกที่เพิ่งคลอดได้ 7 วันบูชายัญเผาไฟทั้งเป็นหน้าเตาผิง วิ่งออกไปหน้าบ้านที่ท่าเรือ สาปส่งจะตามจองเวรทุกคนที่มาบุกรุกที่ดินเธอ จากนั้นก็แขวนคอตายใต้ต้นไม้หน้าบ้าน กลายเป็นแม่มดผีบ้าอาฆาต

หลังจากนั้น ไม่ว่าครอบครัวใดก็ตามมาซื้อบ้านบนที่ดินของแม่มดผีเบทชีบ้า ล้วนแล้วแต่โดนคุกคาม และถ้าเข้าขั้นวิกฤติจะโดนสิงสู่ให้ฆ่าลูกตัวเอง ทำให้เกิดการฆาตกรรมประหลาดบนที่ดินผืนนี้มาทุกยุคทุกสมัย

แม่มดผีเบทชีบ้า (the Conjuring 2013)

 

ปี 1943 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย อเมริกา แซมมวล มัลลินส์ เจ้าของบริษัท มัลลินส์ทอย “ของเล่นทำด้วยมือ” ที่ตนเองเป็นผู้ทำเองทุกชิ้น แซมมีภรรยาคือ เอสเธอร์ มัลลิน และลูกสาววัย 7 ขวบนามว่า แอนนาเบล “บี” มัลลินส์

แอนนาเบลคือสาวน้อยผู้ชอบเล่นซ่อนหาโดยทิ้งปริศนาเป็นกระดาษเขียนคำใบ้ วันหนึ่งขณะครอบครัวมัลลินส์กลับจากโบสท์  รถเสียข้างทาง แอนนาเบลวิ่งออกไปกลางถนนโดยไม่ระวัง จึงถูกรถยนต์ที่วิ่งมาอย่างเร็วชนตายคาที่

แอนนาเบล สาวน้อยที่เสียชีวิตตั้งแต่ 7 ขวบ (Annabelle: Creation 2017)

 

แซมและเอสเธอร์นั้นรับไม่ได้กับความเศร้าโศก จึงเรียกร้องกับอะไรก็ตามที่ได้ยิน ยอมอุทิศให้แม้ชีวิต เพียงขอร้องให้ได้ลูกกลับมา แน่นอนว่ามีบางสิ่งได้ยินเสียงเรียกนี้

ขั้นที่ 1 พัวพัน แซมและเอสเธอร์เริ่มได้ยินเสียงกุกกักรอบตัว และคำเรียกร้องทางกระดาษเขียนคำใบ้ดังเช่นแอนนาเบลชอบเล่น คำขออนุญาตให้สิงในตุ๊กตาหุ่นไม้ แซมและเอสเธอร์นั้นตกลงทันที

แซมและเอสเธอร์กำลังโดนล่อลวง (Annabelle: Creation 2017)

 

ขั้นที่ 2 คุกคาม แต่สิ่งที่มาสิงตุ๊กตาไม้ไม่ใช่สาวน้อยแอนนาเบลผู้ล่วงลับ หากแต่เป็นปีศาจร้ายนามว่าแรม มีสัญลักษณ์เป็นแพะ ล่อลวงให้มนุษย์มอบวิญญาณให้เพื่อบูชายัญซาตาน แรม พยายามล่อลวงแซมและเอสเธอร์ เริ่มปรากฎตัวเป็นแอนนาเบลให้ทั้งสองเห็น

ขั้นที่ 3 สิงสู่ และแรมเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งแรมที่ควบคุมหุ่นไม้ก็โจมตีเอสเธอร์จนตาบอด เพราะมันหวังชีวิตและดวงวิญญาณของเอสเทอร์มาบูชายัญ

ปีศาจแรมสิงตุ๊กตาไม้ (Annabelle: Creation 2017)

 

แซมและเอสเธอร์ ติดต่อไปที่คริสจักรเพื่อส่งบาทหลวงมาจัดการ นำตุ๊กตาไม้ยัดไว้ในตู้ห้องนอนแอนนาเบล หลวงพ่อพรมน้ำมนต์สะกดประตู แซมและเอสเธอร์ จึงไม่พบเจอเรื่องเหนือธรรมชาติอีกเลย แต่นั่นไม่ใช่จุดจบ ปีศาจแรมยังคงพยายามออกมาจากที่กักขัง แต่มันไม่สามารถล่อลวงแซมและเอสเธอร์ได้อีกแล้ว มันจึงรอที่จะล่อลวงผู่อื่นที่จะมาเป็นแขกที่บ้านนี้ในอนาคต..

 

ปี 1945 ที่วิหารเซนต์คาร์ท่า ประเทศโรมาเนีย เป็นเวลาเนิ่นนานหลายร้อยปี ที่เหล่าแม่ชีในวิหารนี้ ทำการสวดมนต์ทั้งวันทั้งคืนกักขังปีศาจวาลัคเอาไว้ในวิหาร แต่แล้ววิหารก็ถูกผลกระทบแรงระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้วิหารเสียหาย กระทบกระเทือนรอยแยกทางเข้าสู่โลกมนุษย์ของวาลัค และรอยแยกนั้นก็เปิดอีกครั้ง..

วิหารเซนต์คาร์ท่า ที่กักขังวาลัค (the Nun 2018)

 

ปี 1946 ที่วิหารเซนต์คาร์ท่า ประเทศโรมาเนีย ซิสเตอร์ชาล๊อท แม่ชีใจบุญผู้รับเลี้ยงเด็กกำพร้า ได้บังเอิญผ่านไปพำนักที่วิหารเซนต์คาร์ท่าช่วงเวลานึง

และซิสเตอร์ชาล๊อทก็ถ่ายรูปกับเพื่อนๆแม่ชีที่นั่นเอาไว้ โดยติดภาพปีศาจวาลัคมาด้วย แต่ซิสเตอร์ชาล๊อทไม่ทันเห็น และเหล่าแม่ชีก็ยังไม่ทันตั้งตัวรับมือเช่นกัน

ซิสเตอร์ชาล๊อทคนที่สาม และปีศาจวาลัคอยู่มุมขวาสุด (Annabelle: Creation 2017)

 

ขั้นที่ 1 พัวพัน แม้ปีศาจวาลัคยังออกจากวิหารเซนต์คาร์ท่าไม่ได้ในทันที แต่มันก็เริ่มล่อลวงเหล่าแม่ชีในวิหาร ค่อยๆเกิดความปั่นปวน วาลัคต้องการเย้ยพระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ จึงจำแลงตัวมาหลอกหลอนในร่างแม่ชี ดังเช่นที่ปรากฎบนรูปถ่ายของซิสเตอร์ชาล๊อท เพื่อให้มีร่างที่คล้ายกับผู้ที่สวดสะกดมันนั่นเอง..

ขั้นที่ 2 คุกคาม และเหล่าแม่ชีก็พ่ายแพ้ให้ปีศาจ เพราะตลอดเวลา 7 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่วิหารโดนระเบิด แม่ชีก็เริ่มตายลงไปทีละคนทีละคนจากฝีมือวาลัค ที่ปั่นหัวล่อลวงให้เกิดความกลัว ความอ่อนแอ และให้ยอมจำนน

 

ปี 1952  แต่แม่ชีทั้งหลายยอมตายแทนการโดนปีศาจสิงสู่ จนในที่สุด ก็เหลือแม่ชีเพียง 2 คน นั่นก็คือ ซิสเตอร์วิคตอเรีย แม่ชีที่เคร่งศาสนาที่สุด และ คุณแม่อธิการ ที่มีความหวังสุดท้ายแสนริบหรี่ นั่นคือหวังว่า ที่ซ่อนเครื่องรางโลหิตแห่งพระคริสต์จะอยู่หลังประตูนรกบานนั้น แม้ต้องเสี่ยง แต่มันคือวิธีสุดท้าย

สองแม่ชีผู้รอดชีวิต (the Nun 2018)

 

คุณแม่อธิการเข้าประตูห้องสุดเขตของพระเจ้าเพียงคนเดียว โดยหวังว่าภายในจะมีที่ซ่อนเครื่องลางโลหิตพระคริสต์ แต่คุณแม่อธิการคิดผิด เครื่องรางไม่ได้อยู่ในนั้น คุณแม่อธิการจึงถูกวาลัคฆ่าตายในนั้น ก่อนตายคุณแม่อธิการมอบกุญแจให้ซิสเตอร์วิคตอเรีย สั่งเสียให้ทำสิ่งที่ถูกต้อง จึงเหลือเพียงซิสเตอร์วิคตอเรียที่วาลัคต้องการที่สุด

ขั้นที่ 3 สิงสู่ ซิสเตอร์วิคตอเรียตัดสินใจจบชีวิตโดยการผูกคอกระโดดลงจากวิหาร เพื่อไม่ให้ร่างของเธอเป็นที่สิงสถิตย์ของปีศาจ ในมือยังคงกำกุญแจอยู่แน่น วาลัคจึงไม่มีร่างออกไปจากวิหาร มันต้องสิงมนุษย์เท่านั้น มันจึงยังคงถูกกักขังอยู่บริเวณวิหารเช่นเดิม

ซิสเตอร์วิคตอเรียผู้ใจเด็ด (the Nun 2018)

 

หลายวันต่อมา.. มัวริส “เฟร้นชี่” ทีย์โรว์ หนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศสกับแคนาดา ที่มาทำสวนปศุสัตว์ในหมู่บ้านเบรียเทน และมีหน้าที่ไปส่งอาหารให้วิหารเซนต์คาร์ท่า ก็ไปพบศพของซิสเตอร์วิคตอเรียห้อยคอต่องแต่งหน้าวิหาร เรื่องนี้จึงถึงหูวาติกัน

ที่นครวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี บิชอปเรียกตัวบาทหลวงเบิร์คผู้มีประสบการณ์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้เข้าพบ เพื่อมอบงานสืบสวนการฆ่าตัวตายของซิสเตอร์วิคตอเรียที่วิหารเซนต์คาร์ท่า โดยให้เหตุผลว่านั่นคือบาปหนักที่สุดในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิค

บาทหลวงเบิร์ค นักบวชสายปราบผี (the Nun 2018)

 

ซึ่งเหล่าสาธุคุณแห่งวาติกันรู้ทั้งรู้ว่า ที่นั่นคือที่กักขังวาลัค และห้ามไม่ให้ผู้ชายเข้าวิหารส่วนในโดยเด็ดขาดเพราะเป็นคอนแวนปิด บิชอปสั่งให้บาทหลวงเบิร์คไปรับตัวซิสเตอร์ไอรีนที่อังกฤษเดินทางไปโรมาเนียด้วย เพราะวาติกันรู้ว่าซิสเตอร์ไอรีนนั้นมีนิมิตพิเศษ และให้ซิสเตอร์ไอรีนเข้าไปในวิหารแทน น่าจะช่วยบาทหลวงเบิร์คได้มาก

ที่คอนแวนในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ บาทหลวงเบิร์คบินมารับตัวซิสเตอร์ไอรีน ที่ยังไม่ได้เข้าปฎิญาณตัวเป็นแม่ชี แต่เธอก็ต้องไปกับบาทหลวงเบิร์คตามคำสั่งของวาติกัน

ซิสเตอร์ไอรีน ผู้ที่เชื่อว่าตนได้นิมิตจากเบื้องบน (the Nun 2018)

 

ที่หมู่บ้านเบรียเทน ประเทศโรมาเนีย บาทหลวงเบิร์คและซิสเตอร์ไอรีน มาขอให้เฟร้นชี่ที่พบศพซิสเตอร์วิคตอเรียพาไปที่วิหารเซนต์คาร์ท่า ทั้งสามชีวิตต้องเดินทางไปโดยม้าลากจูง

แต่ม้าลากจูงนั้นหยุดอยู่เพียงเขตรอบนอกของวิหาร ไม่แหวกฝ่าไม้กางเขนที่ปักอยู่รอบป่าเข้าไป ทั้งสามคนจึงต้องเดินเท้าเข้าไปเอง ซึ่งเฟร้นชี่นั้นบอกเล่าเรื่องราวของวิหารให้นักบวชทั้งสองฟังระหว่างการเดินไป

เฟร้นชี่ ผู้เป็นพยานในเรื่องน่าสะพรึงครั้งนี้ (the Nun 2018)

 

ที่วิหารเซนต์คาร์ท่า ประเทศโรมาเนีย เฟร้นชี่พาบาทหลวงเบิร์คและซิสเตอร์ไอรีนไปที่ศพของซิสเตอร์วิคตอเรียก่อน และบาทหลวงเบิร์คก็นำกุญแจในมือศพซิสเตอร์วิคตอเรียออกมา

ขั้นที่ 1 พัวพัน เมื่อเข้าไปภายหน้าห้องโถงวิหารเซนต์คาร์ทาในเวลากลางวัน ทั้งสามก็ได้พบกับวิญญาณของคุณแม่อธิการเป็นสิ่งแรก เพราะทั้งสามไม่มีใครรู้ว่า แม่ชีที่นี่ตายหมดแล้ว ซึ่งวิญญาณคุณแม่อธิการก็คือวาลัค

คุณแม่อธิการแนะนำให้บาทหลวงเบิร์คและซิสเตอร์ไอรีนนอนพักที่คอนแวนก่อนหนึ่งคืน ซึ่งที่พักแยกออกจากวิหาร พรุ่งนี้นักบวชทั้งสองจะได้คำตอบจากสิ่งที่ต้องการเมื่อกลับมาที่วิหาร หลังจากนั้นเฟร้นชี่ก็ขอตัวกลับหมู่บ้านก่อนจะมืด และอีก 2 วันจะกลับมารับ

วิญญาณคุณแม่อธิการ (the Nun 2018)

 

แต่ระหว่างทางกลับ และตกกลางคืนพอดี เฟร้นชี่ก็โดนวาลัคที่จำแลงเป็นผีซิสเตอร์วิคตอเรียหลอกหลอนอย่างหนักบริเวณสุสานเขตวิหาร เช่นเดียวกับบาทหลวงเบิร์คและซิสเตอร์ไอรีน ที่โดนวาลัคหลอกหลอนปั่นประสาทอย่างหนักเช่นกัน

บาทหลวงเบิร์คถูกล่อให้ตกลงไปในหลุมศพ และพบกับบันทึกของดยุกแห่งเซนต์คาร์ท่าในหลุม ซิสเตอร์ไอรีนได้ยินเสียงและรีบมาช่วยออกไป นักบวชทั้งสองจึงรู้แล้วว่า กำลังเผชิญมากกว่าคดีฆ่าตัวตาย แต่นี่คือการเผชิญหน้ากับปีศาจชัดๆ

เช้าวันรุ่งขึ้น บาทหลวงเบิร์คเข้าไปในส่วนในวิหารไม่ได้จากกฎ จึงส่งกุญแจให้ซิสเตอร์ไอรีนเข้าไปสืบแทน และซิสเตอร์ไอรีนก็พบกับวิญญาณของซิสเตอร์โออาน่า ที่บอกเล่าประวัติของที่นี่ทุกอย่างให้รู้ ซึ่งซิสเตอร์ไอรีนต้องนอนพักในวิหารกลับคอนแวนไม่ทันแล้ว เนื่องจากวิหารกำลังจะปิด

ซิสเตอร์โออาน่า วิญญาณฝ่ายดีที่คอยช่วย (the Nun 2018)

 

ขั้นที่ 2 คุกคาม บาทหลวงเบิร์คที่เข้าวิหารส่วนในไม่ได้ จึงนั่งอ่านตำราของดยุกแห่งเซนต์คาร์ท่าทั้งวันที่ห้องโถง ซึ่งมีบันทึกของปีศาจวาลัค และบาทหลวงเบิร์คก็โดนล่อลวงให้ลงไปที่ชั้นใต้ดินโดนซอมบี้แม่ชีที่วาลัคจำแลงตัวมาโจมตี เฟร้นชี่ที่ตัดสินใจกลับมาช่วยก่อนกำหนดรับกลับ จึงช่วยบาทหลวงเบิร์คทันเวลา ทั้งสองคนไม่สนใจเรื่องกฎห้ามผู้ชายเข้าวิหารแล้ว

ซิสเตอร์ไอรีนเห็นภาพนิมิตเหล่าแม่ชี และโดนวาลัคเล่นงาน แต่เฟร้นชี่และบาทหลวงเบิร์คก็มาช่วยทัน ซิสเตอร์ไอรีนคิดว่า พรสวรรค์การเห็นนิมิตของเธอเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า จึงตัดสินใจปฎิญาณตนต่อหน้าบาทหลวงเบิร์คเพื่อเป็นแม่ชี 100%

ซิสเตอร์ไอรีนพบปริศนากลที่เหล่านักรบครูเสดใบ้ไว้ให้คนรุ่นหลัง ถึงตำแหน่งที่ซ่อนเครื่องรางโลหิตพระคริสต์ ปลายนิ้วของรูปปั้นพระแม่มารีชี้ทางไปตำแหน่งนึงบนผนัง ซิสเตอร์ไอรีนใช้กุญแจนั้นไขรูกุญแจบนผนังที่พระแม่มารีชี้ไป กระทั่งพบเครื่องรางโลหิตพระคริสต์ในผนังนั่นเอง

เครื่องรางโลหิตพระคริสต์ (the Nun 2018)

 

ขั้นที่ 3 สิงสู่ ทั้งสามเข้าไปในส่วนลึกต่อ มุ่งไปยังประตูสุดเขตแดนพระเจ้า  เพื่อพยายายามกักขังวาลัคไว้ดังเดิม ซึ่งหลังประตูบานนั้น เต็มไปด้วยเส้นทางและห้องมากมาย ทั้งสามจึงแยกทางกัน ซิสเตอร์ไอรีนพลาดท่าโดนวาลัคสิง บาทหลวงเบิร์คโดนเล่นงานบาดเจ็บหนักที่ดวงตา

เฟร้นชี่ ได้ยินเสียงร้อง จึงลุยเข้าไปช่วยซิสเตอร์ไอรีน วาลัคหลุดออกจากร่างซิสเตอร์ไอริน ทำให้เฟร้นชี่โดนวาลัคปล่อยงูสัญลักษณ์ของมันเข้าสู่ปากของเฟร้นชี่แทน และวาลัคก็ถูกซิสเตอร์ไอรีนพ่นโลหิตพระคริสต์ใส่หน้า ทำให้วาลัคหมดฤทธิ์ไปเยอะ แต่ก็ยังไม่ถูกกำจัด..

วาลัค ปีศาจโบราณในร่างแม่ชี (the Nun 2018)

 

ซิสเตอร์ไอรีนและบาทหลวงเบิร์คคิดว่าปราบวาลัคได้แล้ว แต่ไม่ใช่.. วาลัคนั้นสิงร่างของเฟร้นชี่ตั้งแต่ครั้งที่โจมตีเฟร้นชี่ในห้องใต้ดิน และออกไปจากเขตวิหารได้สำเร็จหลังจากรอคอยมาหลายร้อยปี ปรากฎเป็นสัญลักษณ์กางเขนกลับหัวอยู่ต้นคอของเฟร้นชี่ โดยเฟร้นชี่ก็ไม่รู้ตัว..

เฟร้นชี่ถูกปีศาจวาลัคสิงเข้าแล้ว (the Nun 2018)

 

ปี 1955 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากปีศาจแรมถูกจับขังในตู้เสื้อผ้าของห้องนอนแอนนาเบลได้ 12 ปี แซมและเอสเธอร์ก็ตัดสินใจเปิดบ้านให้เด็กๆกำพร้าไร้บ้านที่อยู่ในมูลนิธิของศาสนจักรได้มาอาศัย

แซมและเอสเธอร์คงรู้สึกอยากทำบุญให้ลูกสาวแอนนาเบลผู้ล่วงลับ โดยมีซิสเตอร์ชาล๊อท แม่ชีใจบุญพาเด็กสาว 6 คนเดินทางมาอาศัยบ้านตระกูลมัลลินส์

ซิสเตอร์ชาล๊อทเคยไปเยือนวิหารเซนต์คาร์ท่าในปี 1946 (Annabelle: Creation 2017)

 

เด็กสาวกำพร้าในความดูแลซิสเตอร์ชาล๊อทที่ชื่อเจนิช และ ลินดา สนิทสนมกันมากที่สุด ซึ่งเจนิชนั้นเป็นโรคโปลิโอต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัวเพื่อเดินตลอด นั่นทำให้เจนิชมีจิตใจที่อ่อนไหวที่สุด เข้าทางปีศาจแรมในการล่อลวง..

เจนิช สาวน้อยผู้น่าสงสาร (Annabelle: Creation 2017)

 

ขั้นที่ 1 พัวพัน เมื่อเด็กสาว 6 คนย้ายมาอยู่ได้เพียงไม่นาน ปีศาจแรมนั้นก็เริ่มส่งเสียงกุกกักให้เจนิชได้ยิน และเจนิชก็ทำผิดพลาดมหันต์ เมื่อเธอไปเปิดตู้ที่กักขังปีศาจแรมในตุ๊กตาหุ่นไม้ ทำให้แรมเป็นอิสระในรอบ 12 ปี แน่นอนว่าเจนิชเล่าเรื่องตุ๊กตาไม้แสนน่ากลัวนี้ให้ลินดาเพื่อนรักฟัง

เด็กกำพร้าทั้ง 6 คน ซิสเตอร์ชาล๊อทนั่งกลาง (Annabelle: Creation 2017)

 

ขั้นที่ 2 คุกคาม ปีศาจแรม เมื่อเป็นอิสระ มันก็เริ่มล่อลวงหลอกหลอนเด็กๆกำพร้าที่มาศัยบ้านตระกูลมัลลินส์ โดยเฉพาะเจนิชที่จิตอ่อนที่สุดก็โดนหนักสุด ปีศาจแรมที่กินความหวาดกลัวเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ มันปรากฎตัวเป็นหลายๆสิ่งที่เด็กๆกลัว ไม่ได้เป็นตุ๊กตาไม้อย่างเดียว

ขั้นที่ 3 สิงสู่ เมื่อเจนิชถูกหลอกหลอนจนจิตตกได้ที่ ในที่สุด ปีศาจแรมก็ใช้ร่างตุ๊กตาไม้จำแลงเป็นแอนนาเบล และทำการย้ายร่างของตนเองเข้าไปสู่ร่างของเจนิชด้วยวิธีคายของเหลวสีดำเข้าปาก บัดนี้ปีศาจแรมมีร่างมนุษย์แล้ว..

เจนิชโดนปีศาจแรมสิง (Annabelle: Creation 2017)

 

ลินดาเพื่อนรักของเจนิช นำเรื่องที่เจนิชพบตุ๊กตาไม้น่ากลัวในตู้ห้องนอนแอนนาเบลมาเล่าให้แซมเจ้าของบ้านฟัง แซมตกใจมากที่เจนิชไปปลดปล่อยปีศาจออกจากตู้ และแซมก็โดนแรมฆ่าตายลงไป โทษฐานที่กักขังมันนานถึง 12 ปี

ในคืนนั้นหลังจากแซมตาย และเจนิชกำลังหลับ ลินดาก็แอบนำตุ๊กตาไม้ไปทิ้งบ่อน้ำ ลินดาเกือบโดนลากให้ตกบ่อด้วย ดีที่ซิสเตอร์ชาล๊อทมาช่วยทัน แต่มันก็กลับมาจากบ่อน้ำ มานอนที่ของเจนิชแทน เจนิชหายตัวไป

ซิสเตอร์ชาล๊อททนไม่ไหว จึงนำตุ๊กตาไม้ไปถามกับเฮทเธอร์ ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง เฮทเธอร์จึงเล่าเรื่องปีศาจสิงตุ๊กตาให้ซิสเตอร์ชาล๊อทฟัง หลังจากนั้น เฮทเธอร์ก็ถูกปีศาจแรมฆ่าไปอีกคน

ศพเอสเธอร์ถูกตรึงด้วยไม้กางเขนปักมือ (Annabelle: Creation 2017)

 

ซิสเตอร์ชาล๊อทและลินดาปะทะกับปีศาจแรมในร่างเจนิช และซิสเตอร์ชาล๊อทก็กักขังเจนิชกับตุ๊กตาไม้ไว้ในตู้เสื้อผ้าเดิมได้สำเร็จ ปีศาจแรมกรีดร้องดังลั่น พลังของมันทำให้ไฟดับทั้งบ้าน

เวลาต่อมา.. เมื่อตำรวจมาบ้านครอบครัวมัลลินส์ และพังตู้เข้าไป กลับพบเพียงตุ๊กตาไม้ ตัวเจนิชทุบผนังอีกฝั่งหนีหายไปแล้ว บ้านมัลลินส์ร้างไม่มีใครอยู่อีกเลย บาทหลวงมาพิสูจน์ว่าตุ๊กตาไม้ไร้ปีศาจแล้ว มันเป็นแค่ทางผ่าน ปีศาจไปที่อื่นแล้ว และซิสเตอร์ชาล๊อท ก็พาเด็กๆที่เหลืออีก 5 คนไปหาบ้านใหม่

เจนิชที่โดนปีศาจแรมครอบงำ ซัดเซพเนจรไปเรื่อย อาการโปลิโอหายไปด้วยพลังปีศาจ จนกระทั่งไปอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าโยอาคิม อยู่ได้ไม่นาน พีท ฮิกกินส์ และ ชารอน ฮิกกินส์ ก็มาขอรับเลี้ยง โดยเจนิชบอกสามีภรรยาตระกูลฮิกกินส์ว่า เธอชื่อ แอนนาเบล

เจนิชมีชื่อใหม่ว่า แอนนาเบล ฮิกกินส์ (Annabelle: Creation 2017)

 

ที่ซานตามอนิกา เมืองลอสแองเจิลลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย เจนิช หรือ แอนนาเบล ฮิกกินส์ ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวฮิกกินส์ เติบโตมาเป็นเด็กเก็บกด เงียบขรึมไม่ค่อยพูดจา เพราะว่าโดนปีศาจแรมสิง บูชาซาตาน เป็นซาตานนิสต์

แอนนาเบลเริ่มก่อตั้งลัทธิบูชาปีศาจแรมแบบลับๆ โดยใช้ชื่อว่า “สาวกแห่งแรม”  โดยล่อลวงผู้มีจิตใจฝักใฝ่ซาตาน เริ่มทำการฆาตกรรมเพื่อบูชาซาตาน  เพื่อพยายามพาปีศาจแรมออกมาจากนรกได้อย่างสมบูรณ์ โดยที่ชารอนและพีทพ่อแม่บุญธรรมของแอนนาเบลไม่ระแคะระคาย

แอนนาเบล เติบโตมาเป็นซาตานนิสต์ ที่โดนแรมครอบงำ (Annabelle: Creation 2017)

 

ปี 1960 เอ็ด วอเรน นักมารวิทยา และ ลอเรน วอเรน ผู้มีสัมผัสสิ่งเหนือธรรมชาติ สองสามีภรรยาตระกูลวอเรน เริ่มออกช่วยเหลือผู้คนที่ถูกสิ่งชั่วร้ายรังควาน

สองสามีภรรยาตระกูลวอเรน ได้การรับรองจากศาสนจักรและวาติกัน ให้ทำการไล่ผีปีศาจเมื่อได้รับอนุญาต กลายเป็นคนมีชื่อเสียงในสาขาเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติอย่างแพร่หลายในวงการ

เอ็ดและลอเรน (the Conjuring 2013)

 

ปี 1965 ที่ซานตามอนิกา เมืองลอสแองเจิลลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย มีอา ฟอร์ม และ จอน ฟอร์ม สองสามีภรรยาวัยหนุ่มสาว ได้ย้ายบ้านมาอยู่ติดกับบ้านของครอบครัวฮิกกินส์ มีอากับจอนแห่งบ้านฟอร์ม สนิทสนมกับพีทและชารอนแห่งบ้านฮิกกินส์มาก ทั้ง 4 คนมักไปโบสถ์ฟังหลวงพ่อเปเรซเทศน์ทุกวันอาทิตย์ ในฐานะศาสนิกชนที่ดีเสมอมา

แต่มีอากับจอนไม่ค่อยเจอกับแอนนาเบลเท่าใดนัก เพราะแอนนาเบลมักเก็บตัวไม่เข้าสังคม และแอนนาเบลที่ถูกปีศาจแรมครอบงำ ก็หนีออกจากบ้าน สร้างความเสียใจให้กับพีทและชารอนมาก

พีทกับชารอน ยืนคุยกับมีอาและจอน ที่หน้าบ้าน (Annabelle 2014)

 

ปี 1967 ขณะที่มีอาท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที จอนสามีแพทย์หนุ่ม ก็ไปตามหาซื้อตุ๊กตาไม้เก่าของบริษัทมัลลินส์มาเป็นของขวัญให้มีอาภรรยาของตน เพราะจอนรู้ว่ามีอาตามหาตุ๊กตารุ่นนี้ของบริษัทมัลลินส์มาโดยตลอด แต่ไม่เคยหาได้ มีอาจึงดีใจมาก ซึ่งนี่คือตุ๊กตาตัวเดียวกันกับที่ปีศาจแรมเคยสิงสู่

ในคืนนั้นเองที่มีอาได้ตุ๊กตาไม้จากสามี แต่ที่บ้านข้างๆของครอบครัวฮิกกินส์ก็เกิดเรื่อง เมื่อเจนิชหรือแอนนาเบลที่หายหน้าไป 2 ปีนั้นกลับมาพร้อมแฟนหนุ่มซาตานนิสต์ลัทธิสาวกแห่งแรม ทั้งสองคนบุกเข้ามาฆ่าพีทและชารอนพ่อแม่บุญธรรมของตน

แอนนาเบลและแฟนหนุ่มโรคจิต (Annabelle: Creation 2017)

 

มีอาที่บ้านติดกัน ได้ยินเสียงชารอนร้องก่อนตาย จึงปลุกจอนที่กำลังหลับ จอนจึงเดินไปดูบ้านของครอบครัวฮิกกินส์ โดยที่มีอาเดินตามมาห่างๆ จอนพบศพของพีทและชารอนในห้องนอน จึงรีบวิ่งออกมาบอกให้มีอาเข้าบ้านโทรศัพท์แจ้ง 911

ขณะที่ตำรวจและรถพยาบาลกำลังมา แอนนาเบลและแฟนหนุ่มโรคจิตบุกเข้ามาในบ้านมีอา แอนนาเบลไปอุ้มตุ๊กตาไม้แสนรักที่ตนเองพรัดพรากมา 12 ปี และหนุ่มโรคจิตก็แทงมีดเข้าไปที่ท้องมีอา จอนวิ่งเข้ามาต่อสู้ แอนนาเบลพุ่งมาจู่โจมจอนอีกคน

จอนคลานไปดูมีอาที่ถูกแทงท้อง (Annabelle 2014)

 

ทุกอย่างโกลาหลจนกระทั่งตำรวจบุกเข้ามาและยิงหนุ่มโรคจิต แอนนาเบลเห็นดังนั้นจึงอุ้มตุ๊กตาเข้าไปในห้องเด็ก และทำพิธีเชือดคอตนเองย้ายปีศาจออกจากร่างกลับไปสิงตุ๊กตาไม้คืน รถพยาบาลรีบนำมีอาไปส่งโรงพยาบาล เคราะห์ดีที่ลูกในท้องมีอาปลอดภัยจากการถูกแทง

ขั้นที่ 1 พัวพัน ผ่านไปหลายวัน หลังจากเกิดเรื่อง จอนก็พามีอากลับมาที่บ้าน เหตุการณ์ประหลาดก็เริ่มตั้งแต่คืนแรก เมื่อจักรเย็บผ้าทำงานเอง เพราะปีศาจแรมที่สิงตุ๊กตาไม้เริ่มส่งเสียงให้หลอน ซึ่งมีอาไม่โอเคแล้วกับตุ๊กตาไม้ เพราะมันอยู่ในอ้อมกอดของแอนนาเบลก่อนตาย จึงสั่งให้จอนนำมันไปทิ้ง

จอนนำตุ๊กตาไม้มาทิ้ง (Annabelle 2014)

 

นักสืบเคล้กกลิ้น ผู้ทำคดีการฆาตกรรมครอบครัวฮิกกินส์ ก็มาอัพเดทเรื่องราวการสืบสวนให้จอนและมีอารับรู้ ว่าแอนนาเบลคือหนึ่งในลัทธิบูชาซาตานและปีศาจ แต่มีอารู้สึกพอแล้วกับเรื่องนี้ จึงไม่อยากฟังอีก

วันที่จอนต้องไปสัมภาษณ์งานในโรงพยาบาลที่พาซาดีน่า มีอาที่อยู่บ้านคนเดียวก็เกิดเรื่อง ทั้งป็อปคอนที่อบไว้ลืมจนไฟไหม้ และมีอาเจ็บท้องคลอดพอดี โชคดีที่มีคนมาช่วยทัน หลังจากมีอาคลอดลูกสาว มีอาจึงไม่อยากกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก

ที่พาซาดีน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย จังหวะเดียวกับที่จอนได้งานใหม่ที่พาซาดีน่า ครอบครัวฟอร์มจึงย้ายบ้านไปอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ที่เมืองพาซาดีน่า และมีอากับจอนก็ตั้งชื่อลูกสาวว่า ลีอา ซึ่งมีอากับจอน ยังคงไปโบสถ์ของหลวงพ่อเปเรซในซานตาโมนิก้าทุกอาทิตย์เช่นเคย

ครอบครัวฟอร์มอันสุขสันต์ (Annabelle 2014)

 

มีอารู้สึกถูกชะตากับ เอฟเวอลีน หญิงผิวดำเจ้าของร้านหนังสือในเมือง ผู้สูญเสียลูกสาวจากอุบัติเหตุ เอฟเวอลีนกลายเป็นเพื่อนใหม่ของลีอาเพียงคนเดียวตั้งแต่ย้ายมาอยู่ละแวกพาซาดีน่า

ขั้นที่ 2 คุกคาม แต่ปีศาจแรมที่สิงในตุ๊กตาไม้ยังคงตามมาหลอกหลอนครอบครัวฟอร์ม มันตามมายังบ้านใหม่ สร้างความแปลกใจให้จอนมาก เพราะเค้าเอาไปทิ้งถังขยะแล้ว แต่มีอายืนยันว่านี่คือตุ๊กตาของเธอ มีอาจึงนำมันขึ้นหิ้งในตู้ของห้องนอนลีอาอีกครั้ง

ตุ๊กตาไม้กลับมาคุกคามต่อ (Annabelle 2014)

 

แต่ปีศาจแรมคุกคามมีอาและลูกน้อยจนมีอาทนไม่ไหว มีอาปรึกษาเอฟเวอลีนจึงรู้ว่ามันคือการคุกคามของปีศาจ มีอาปรึกษานักสืบเคร้กกลิ้นจึงรู้ว่าสัญลักษณ์ที่แอนนาเบลใช้เลือดเขียนก่อนตาย ตรงกับที่เกิดขึ้นบนแขนเธอ และรู้ชื่อลัทธินี้แล้วว่าคือ “สาวกแห่งแรม”

ลีอาต้องตามตัวหลวงพ่อเปเรซมาช่วยเหลือ ตอนแรกนั้นหลวงพ่อเปเรซคิดจะตามตัวสามีภรรยานักปราบผีเอ็ดกับลอเรนมาช่วย แต่เอ็ดกับลอเรนนั้นไม่ว่าง หลวงพ่อเปเรซจึงอาสานำตุ๊กตาไม้กลับไปโบสถ์ของตน เผื่อว่าอาจจะสะกดปีศาจไว้ได้บ้าง

หลวงพ่อเปเรซยอมเสี่ยงกับตุ๊กตาปีศาจ (Annabelle 2014)

 

แต่ปีศาจแรมไม่ยอมให้หลวงพ่อเปเรชทำเช่นนั้น มันยังไม่บรรลุเป้าหมายหาคนมาบูชายัญวิญญาณ ปีศาจแรมจึงโจมตีหลวงพ่อเปเรซก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในโบสถ์ได้ หลวงพ่อเปเรซบาดเจ็บหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล หลวงพ่อเปเรซจึงเริ่มใส่ใจในภูติผีปีศาจอย่างจริงจังแล้ว เพราะโดนกับตัวเอง

ขั้นที่ 3 สิงสู่ ตุ๊กตาไม้กลับมาปั่นประสาทมีอาให้บูชายัญชีวิตตัวเองเพื่อช่วยลีอา และมีอาก็คล้อยตามจนเกือบจะกระโดดตึกตาย แต่จอนและเอฟเวอลีนมาช่วยไว้ทัน เอฟเวอลีนตัดสินใจใช้ชีวิตตนเองบูชาแรม จึงอุ้มตุ๊กตาไม้กระโดดลงตึกตายลงไป

เอฟเวอลีนสละวิญญาณแทนมีอา (Annabelle 2014)

 

ปี 1968 ตุ๊กตาไม้ที่มีปีศาจแรมสิง หลังจากหายไปจากที่เกิดเหตุ มันก็มาโผล่ที่ร้ายขายของเก่า หญิงชราคนนึงสะดุดตากับมัน และซื้อตุ๊กตาไม้ตัวนี้ให้เป็บของขวัญวันเกิดลูกสาว เด็บบี้ นางพยาบาลสาวใจดี

เด็บบี้ และ คามิลล่า เพื่อนสาวนางพยาบาลเช่นกัน  ชอบตุ๊กตาตัวนี้มาก แต่แล้วมันก็เริ่มเปลี่ยนท่าทางเองโดยไม่มีใครขยับ เริ่มย้ายที่โดยไม่มีใครแตะต้อง เอาไปทิ้งก็กลับเข้ามาในบ้านได้เอง เคสนี้ร้อนถึงเอ็ดและวอเรนมาช่วยเหลือ

เด็บบี้กำลังเล่าเรื่องราวให้เอ็ดและลอเรนฟัง (the Conjuring 2013)

 

เมื่อเอ็ดและวอเรนสอบสวนเด็กๆนางพยาบาล จึงรู้ว่าพวกเธอเคยใช้ร่างทรงสืบเรื่องตุ๊กตาไม้ ว่ามันเป็นของเด็กสาวที่ชื่อ แอนนาเบล ฮิกกิ้นส์ มาก่อน เด็บบี้จึงเรียกตุ๊กตาตัวนี้ว่า แอนนาเบล ตามชื่อเจ้าของเดิม

เอ็ดและวอเรนนำตุ๊กตากลับมาเก็บห้องใต้ดินในบ้านตัวเอง สืบเรื่องราวความเป็นมาของ แอนนาเบล ฮิกกินส์ จึงรู้ถึงเรื่องราวสะเทือนขวัญในอดีต เอ็ดและวอเรนจะเชิญบาทหลวงมารดน้ำมนต์สสวดสะกดปีศาจเดือนละสองครั้ง และห้ามใครเปิดตู้เก็บแอนนาเบลเด็ดขาด!!

เอ็ดจ้องตุ๊กตาแอนนาเบล (the Conjuring 2013)

 

ปี 1971 มัวริส “เฟร้นชี่” ทีย์โรว์ หนุ่มลูกครึ่งฝรั่งเศสกับแคนาดา ซึ่งโดนวาลัคเข้าสิงที่โรมาเนียตั้งแต่ปี 1952 เวลาผ่านมา 19 ปี เฟร้นชี่มีชีวิตที่เหลวแหลกเรื่อยมาเพราะโดนหลอนจากปีศาจวาลัค ในที่สุดเฟร้นชี่ก็โดนวาลัคครอบงำได้สมบูรณ์ สูญเสียตัวตนไป และเรื่องก็มาถึงเอ็ดกับลอเรน

เอ็ดกับลอเรน พร้อมด้วยบาทหลวงที่ได้อนุญาตจากวาติกัน เข้าไปช่วยเหลือเฟร้นชี่ แต่ก็สายเกินไปแล้ว เฟร้นชี่คลุ้มคลั่งยิงเมียตัวเองแต่โดนแค่แขน เฟร้นชี่จึงหันกระบอกปืนมายิงตัวตาย วาลัค จึงย้ายเป้าหมาย ไปตามติดลอเรนและเอ็ดที่มารังควานมันแทน

ลอเรนสัมผัสได้ถึงวาลัคในตัวเฟรนชี่ (the Conjuring 2013)

 

2 เดือนต่อมา ที่แฮริสวิลล์ โร้ดไอแลนด์ อเมริกา ครอบครัวเพอรอน ประกอบไปด้วย โรเจอร์ แคโรลีน และลูกสาวทั้ง 5 คน ได้ย้ายมาจากนิวเจอร์ซี่ และมาอยู่ในบ้านหลังใหม่หลังนี้ที่แฮริสวิลล์ ที่ซึ่งครอบครัวเพอรอนไม่รู้เลยว่า นี่คือบ้านของแม่มดผีเบทชีบ้า..

ขั้นที่ 1 พัวพัน ผีที่บ้านครอบครัวเพอรอนนั้นมีมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเหยื่อที่โดนเบทชีบ้าล่อลวงก่อนจะสิงให้ฆ่าลูกและฆ่าตนเอง  ผีทุกตัวพยายามเตือนครอบครัวเพอรอน แต่เบทชีบ้านั้นมีพลังรุนแรงกว่า และหมายจะล่อลวงแคโรลีนให้ฆ่าลูก โดยที่แคโรลีนยังไม่รู้

ครอบครัวเพอรอนที่แสนอบอุ่น กำลังโดนผีร้ายคุกคาม (the Conjuring 2013)

 

ขั้นที่ 2 คุกคาม แม่มดผีเบทชีบ้า เริ่มกระทำการรุนแรงต่างๆนาๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นาฬิกาทุกเรือนจะหยุดเดินเองเวลา 3.07 น. ทุกๆคืน (เวลาที่เบทชีบ้าผูกคอตาย) ต้องตั้งนาฬิกาใหม่ตลอด ทั้งปรากฎตัวให้เห็น ทำร้ายคนในครอบครัวเพอรอน เด็กๆเริ่มหวาดผวา จนไม่กล้าอยู่ลำพัง ต้องลงมานอนรวมกันที่ชั้นล่าง

ที่มหาลัยแมสซาซูเซส เอ็ดกับลอเรน กำลังบรรยายให้นักศึกษาฟังเรื่องราวของเฟร้นชี่  ถึงเรื่องราวการโดนปีศาจสิง และมีสัญลักษ์ไม้กางเขนกลับหัวบนตัวเฟร้นชี่ คือสื่อที่ปีศาจแสดงการต่อต้านพระเจ้า โดยมีแคโรลีนไปนั่งฟังด้วย

เอ็ดและลอเรนพบกับแคโรลีน (the Conjuring 2013)

 

เพราะแคโรลีนได้ข่าวสองสามีภรรยานักปราบผี แคโรลีนจึงเดินทางมาขอร้องให้เอ็ดกับลอเรนไปช่วยครอบครัวเพอรอนของเธอ และลอเรนก็ตกลง

ที่แฮริสวิลล์ โร้ดไอแลนด์ อเมริกา ลอเรนสัมผัสได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบเข้าบ้านเพอรอน ถึงเหล่าผีที่คุกคามและรายรอบตัวสมาชิกบ้านเพอรอน แต่ที่หนักที่สุด คือลอเรนเห็นแม่มดผีเบทชีบ้าจะจะกลางวันเสกๆ ผ่านทางนิมิตเห็นอดีต นั่นคือซากศพเบทชีบ้าที่ผูกคอตายใต้ต้นไม้หน้าบ้าน

เบทชีบ้าห้อยคอข้างหลังเอ็ด (the Conjuring 2013)

 

ลอเรนตัดสินใจช่วยครอบครัวเพอรอน และตามตัวดูรว์ ตากล้องส่วนตัวมาช่วยบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อส่งให้วาติกันอนุมัติทำพิธีปราบผี พร้อมกับไหว้วานให้นักสืบแบร้ดมาคอยดูแลความปลอดภัยด้วย คืนแรกผ่านไปโดยนาฬิกาไม่หยุดเวลา 3.07 น. อย่างที่เคยแล้ว

ขั้นที่ 3 สิงสู่ เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเหตุการณ์ปกติอย่างที่ไม่เคยเป็นมาหลายวัน ทำให้ครอบครัวเพอรอนรู้สึกโล่งใจมาก โรเจอร์พาลูกสาวทั้ง 5 คนไปเที่ยวนอกบ้านอย่างที่ไม่ได้ทำมานาน ดรูว์และแบร้ดไปด้วย แต่แคโรลีนอยากนอนพักอยู่บ้าน แม่มดผีเบทชีบ้าใช้จังหวะนี้ถ่ายของเหลวเข้าปากแคโรลีนเพื่อสิงเธอกลางวันแสกๆ

แคโรลีนโดนเบทชีบ้าเล่นงานตอนหลับ (the Conjuring 2013)

 

ในคืนนั้น ครอบครัวเพอรอนโดนเล่นงานหนัก แต่โดนหนักที่สุดคือแนนซี่ ที่โดนจิกผมลากไปทั่วห้องต่อหน้าต่อตาทุกคนในบ้าน โดยไม่ปรากฎภาพว่าใครดึงผม ลอเรนต้องใช้กรรไกรตัดผมจึงหยุด ดรูว์อัดวีดีโอเหตุการณ์นี้ไว้ได้ทั้งหมด

เช้าวันต่อมา โรเจอร์พาครอบครัวตนเองย้ายไปนอนโรงแรม เอ็ดกับลอเรนไปหาหลวงพ่อกอร์ดอน ผู้ติดต่อประสานงานกับวาติกัน เอาหลักฐานที่แนนซี่โดนสิ่งลึกลับลากไปทั่วห้องให้ดู

หลวงพ่อกอดอนกำลังดูเทป (the Conjuring 2013)

 

สิ่งนี้คือหลักฐาน เพื่อขอให้วาติกันอนุญาตการไล่ผี แต่เด็กๆครอบครัวเพอรอนไม่เคยเข้าพิธีล้างบาป แถมไม่ได้เป็นสมาชิกคาธิอลิค จึงใช้เวลานานกว่าเคสอื่น

ที่บ้านตระกูลวอเรน ปีศาจวาลัค เห็นช่องทางล่อลวง จูดี้ วอเรน ลูกสาวของเอ็ดและลอเรน จึงจำแลงกายเป็นตุ๊กตาแอนนาเบลหลอกจูดี้ ทำให้จูดี้ขวัญกระเจิง เอ็ดเข้าไปดูตุ๊กตาแอนนาเบล ก็พบว่ามันอยู่ในตู้ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน เพราะตู้ล๊อกอยู่

จูดี้โดนวาลัคเล่นงาน โดยทุกคนคิดว่าเป็นฝีมือแอนนาเบล (the Conjuring 2013)

 

ที่แฮริสวิลล์ โร้ดไอแลนด์ อเมริกา ในคืนนั้น แคโรลีนที่โดนเบทชีบ้าสิง ก็พาลูกสาวสองคนคือ คริสตินกับเอพริล กลับไปที่บ้านของเบทชีบ้า เอ็ดกับลอเรน พร่้อมด้วยดรูว์และแบร้ดและโรเจอร์รีบตามไป

ทุกคนช่วยเด็กๆทั้งสองได้ และลอเรนกับเอ็ดก็ต้องไล่ผีแม่มดเบทชีบ้าโดยไม่รอวาติกันอนุมัติแล้ว แคโรลีนอ๊วกเอาของเหลวที่เบทชีบ้าบ้วนใส่ปากออกมาจนหมด บัดนี้ครอบครัวเพอรอนเป็นอิสระแล้ว

แคโรลีนกลับมาเป็นปกติแล้ว (the Conjuring 2013)

 

 

ปี 1973 ลอสแองเจิลลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย แพรททิเซีย หญิงชาวแม็กซิโกแม่เลี้ยงเดี่ยวและลูกชายทั้งสองซึ่งยากจน ที่มักได้รับการเยี่ยมเยียนจาก แอนนา สาวสังคมสงเคราะห์แม่เลี้ยงเดียวเพราะสามีตำรวจตาย ที่ช่วยเหลือแครอบครัวแพททริเซียมา 4 ปีแล้ว

แพททริเซียและลูกๆของเธอ เริ่มโดนผีลาโยโรน่าหลอกหลอน เริ่มจากได้ยินเสียงผู้หญิงร่ำไห้ และมีหยดน้ำเต็มไปหมด ฝากรอยไหม้เป็นจ้ำที่แขน แพททิเซียรู้ตำนานหญิงร่ำไห้ดี จึงสั่งลูกชายทั้งสองห้ามไปโรงเรียน เรื่องไปถึงสังคมสงเคราะห์ แอนนาจึงต้องพาตำรวจมาดูที่บ้านแพททิเซียว่าเกิดอะไรขึ้น?

ผีร่ำไห้ ลาโยโรน่า (The Curse of La Llorona 2019)

 

แอนนาพบว่าแพททริเซียขังลูกตนเองไว้ จึงคิดว่าแพรททิเซียทำร้ายลูก เด็กๆทั้งสองถูกนำไปตรวจสุขภาพ และพบรอยไหม้ที่แขนจากฝีมือลาโยโรน่า แอนนาคิดว่านั่นคือฝีมือของแพททริเซีย

มันไม่จบแค่นั้น เด็กๆทั้งสองโดนลาโยโรน่าลวงไปฆ่าตายจนได้เพราะไม่มีแพททริเซียปกป้อง โดยการนำไปกดน้ำในแม่น้ำเฉกเช่นที่เธอเคยทำกับลูกเธอเมื่อ 300 ปีที่แล้ว

แพททริเซียที่ถูกจับข้อหาฆาตกรรมลูกตนเองโกรธแค้นแอนนามาก ขณะที่ถูกจับ จึงสวดส่งขอให้ลาโยโรน่ามานำชีวิตลูกๆของแอนนาทั้งสองคนไปแทนลูกของเธอ ผีลาโยโรน่าจึงหันเป้าไปที่ลูกทั้งสองของแอนนา

แพรททริเซียผู้โกรธแค้น (The Curse of La Llorona 2019)

 

ลูกชายและลูกสาวของแอนนา โดนเล่นงานตั้งแต่วินาทีแรกที่แอนนาพบศพลูกๆแพรททริเซีย ผีลาโยโรน่าหลอกหลอนเด็กๆทั้งสองขณะรอแอนนาในรถ

ศพของเด็กทั้งสองคนลูกๆแพททริเซีย อยู่ในโบสถ์ของหลวงพ่อเปเรซ ผู้ซึ่งเคยถูกผีศาจแรมในตุ๊กตาไม้แอนนาเบลเล่นงาน แอนนารู้สึกผิดที่ปกป้องเด็กไม่ได้ และมาเคารพศพ จึงพบหลวงพ่อเปเรซที่นี่ ที่ซึ่งเธอถามถึงตำนานลาโยโรน่าจากหลวงพ่อ

หลวงพ่อเปเรซ ผู้ซึ่งเคยเผชิญหน้ากับปีศาจแรมในตุ๊กตาแอนนาเบลมาแล้ว (The Curse of La Llorona 2019)

 

ผีลาโยโรน่า ตามเด็กๆลูกๆแอนนาไปถึงบ้าน เริ่มคุกคามหนักขึ้น ตั้งแต่ได้ยินเสียงร่ำไห้ ไปจนถึงการสัมผัส เกิดเป็นรอยไหม้ที่ขแขน จนกระทั่งแอนนาเห็นผีลาโยโรน่าจะจะ ขณะพยายามจับลูกสาวเธอกดน้ำในอ่าง

แอนนาจึงกลับไปหาหลวงพ่อเปเรซขอให้ท่านช่วย แต่ศาสนจักรกว่าจะทำเรื่องและส่งคนมาก็นานหลายสัปดาห์ อาจไม่ทันการณ์ หลวงพ่อเปเรซจึงให้แอนนาไปพบกับ ราฟาเอล อดีตบาทหลวงผู้ทำงานเป็นหมอผี

ราฟาเอล (The Curse of La Llorona 2019)

 

ราฟาเอลป้องกันผีลาโยโรน่าออกไปจากบ้านครอบครัวแอนนาได้ แต่แพททริเซียที่โกรธแค้นก็มาทำลายของขลังกันผีที่หน้าประตู ลาโยโรน่าเข้ามาได้อีกครั้ง เกือบจะเอาชีวิตลูกๆแอนนาสำเร็จ แต่แอนนาใช้ไม้กางเขนปักไปที่ร่างของลาโยโรน่าจนสลายเป็นผุยผงลงสู่นรกไป

ครอบครัวแอนนาปลอดภัยในที่สุด (The Curse of La Llorona 2019)

 

 

 

ปี 1974 ที่ย่านอามิตี้วิลล์ ลองไอซ์แลนด์ ณบ้านเลขที่ 112 โอเชี่ยนอเวนิว เกิดเหตุฆาตกรรมหมู่ 6 ศพ ซึ่งเป็นน้องๆและพ่อแม่ของ โรนัลด์ เดฟิโอ จูเนียร์ พี่ชายคนโตที่รอดชีวิตเพียงคนเดียว

โรนัลด์สารภาพกับตำรวจว่า เค้าคือคนเหนี่ยวไกสังหารครอบครัวตนเอง เพราะได้ยิน “เสียง” ของบางสิ่งสั่งให้ทำ ที่สุดแล้วศาลตัดสินจำคุกโรนัลด์เป็นเวลา 25 ปี ในเรือนจำนิวยอร์ค

โรนัลด์โดนสิ่งชั่วร้ายครอบงำให้ฆ่า (the Conjuring 2: 2016)

 

ปี 1975 ผ่านมา 1 ปีกว่าๆ ครอบครัวลัทซ์ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเดิมของครอบครัวเดฟิโอที่โดนฆาตกรรม แต่อยู่ได้เพียง 28 วัน ครอบครัวลัทซ์ก็ย้ายออกจากบ้านหลังนี้ เหตุเพราะจอร์จ หัวหน้าครอบครัวผู้เป็นพ่อเริ่มได้ยิน “เสียง” สั่งให้ทำความรุนแรง ครอบครัวลัทซ์ร้องขอให้ศาสนจักรเข้ามาพิสูจน์บ้านหลังนี้

 

ปี 1976 ผ่านไป 2 เดือน หลังจากครอบครัวลัทซ์ร้องขอไป ศาสนจักรก็ส่งเอ็ดกับลอเรนมาพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่? ลอเรนนั้นหลับตาเข้าไปสู่นิมิต และเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมที่โรนัลด์สังหารโหดครอบครัวตัวเองทั้งหมด

ลอเรนมาพิสูจน์เรื่องหลอนที่อามิตี้วิลล์ (the Conjuring 2: 2016)

 

แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ปีศาจวาลัคตามมาหลอกหลอนลอเรนในนิมิต โดยผ่านกระจกอย่างที่มันมักจะทำ

และนิมิตลอเรนยังเห็นเอ็ดสามีของเธอถูกไม้เสียกทะลุหลังออกมาข้างหน้าอกด้วย หลังจากนั้น เอ็ดและลอเรนก็โดนสื่อสาธารณะโจมตีอย่างหนักต่อเนื่องหลายเดือน เพราะเรื่องราวของอามิตี้วิลล์นั้นมีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ

วาลัคยังตามติดลอเรน (the Conjuring 2: 2016)

 

ปี 1977 ที่เมืองเอนฟิลด์  ประเทศอังกฤษ ครอบครัวฮอจสัน อันประกอบไปด้วยคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเพกกี้ และลูก 4 คน มาร์กาเร็ตอายุ 13 ปี, เจเน็ต อายุ 11 ปี, จอห์นนี่ อายุ 10 ปี, และ บิลลี่ อายุ 7 ปี อยู่กันมาก็ไม่เคยมีปัญหา..

จนกระทั่งวันหนึ่ง มากาเร๊ตและเจเน็ต เริ่มเล่นผีถ้วยแก้ว ถามโน่นถามนี่ พยายามสื่อสารกับบางสิ่ง แต่กระดานก็นิ่ง ซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด บางสิ่งได้รับรู้ถึงการติดต่อแล้ว..

ขั้นที่ 1 พัวพัน เด็กๆในบ้านเริ่มถูกบางสิ่งหลอกหลอน ซึ่งส่วนใหญ่ศูนย์กลางการหลอกหลอนมักอยู่ในห้องนอนเจเน็ต เริ่มแรกเพกกี้ไม่เชื่อลูกๆ คิดว่าเด็กๆโกหกเล่นกัน

ครอบครัวฮอจสัน (the Conjuring 2: 2016)

 

ขั้นที่ 2 คุกคาม บางสิ่งในบ้านเริ่มเล่นหนัก โดยการเคลื่อนย้ายสิ่งของในบ้านให้เห็นคาตา เพกกี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะเห็นคาตาว่าตู้เคลื่อนที่ไปปิดประตูเอง เพกกี้จึงแจ้งตำรวจ และย้ายลูกๆไปนอนบ้านครอบครัวน็อตติ้งแฮมฝั่งตรงข้าม

เมื่อตำรวจมาถึง ตำรวจก็พบเห็นเก้าอี้ห้องครัวของบ้านฮอจสันเคลื่อนที่ได้เอง ตำรวจทำอะไรไม่ได้ คงทำเพียงลงบันทึกประจำวันเอาไว้ เหตุการณ์เหนือธรรมชาติขนาดนี้ปิดนักข่าวไม่มิด นักข่าวจึงมาขอสัมภาษณ์ครอบครัวฮอจสัน

นักข่าวมาสัมภาษณ์มากาเร๊ตและเจเน็ต (the Conjuring 2: 2016)

 

ขั้นที่ 3 สิงสู่ ในระหว่างสัมภาษณ์ เจเน๊ต ก็เริ่มมีท่าทางแปลกๆ พูดว่าตนเองไม่ใช่เจเน็ตด้วยเสียงชายแก่ พร้อมกับบอกว่าตนเองชื่อ บิล วิลกินส์ ที่ตายในบ้านหลังนี้บนเก้าอี้ตัวเก่าที่มุมห้อง  เพกกี้ จึงต้องร้องขอให้ศาสนจักรเข้ามาช่วย

ที่อเมริกา บ้านครอบครัววอเรน ในช่วงเวลาที่ครอบครัวฮอจสันโดนคุกคามในอังกฤษ ที่อเมริกาในเวลาเดียวกัน เอ็ดที่เริ่มฝันเห็นปีศาจวาลัคในร่างแม่ชีบ่อยๆ จึงลงมือวาดมันลงผืนผ้าใบ ลอเรนเห็นรูปก็ตกใจ เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอพบในนิมิตที่บ้านอามิตี้วิลล์เมื่อปีที่แล้ว แถวยังนิมิตเห็นด้วย ซึ่งในนิมิต ลอเรนถามชื่อปีศาจ และจดมันไว้แล้วในไบเบิลว่า ว า ลั ค

เอ็ดวาดรูปปีศาจวาลัค (the Conjuring 2: 2016)

 

ลอเรนอยากจะวางมือชั่วคราว เพราะเริ่มรู้สึกถูกผีแม่ชีคุกคาม (ปีศาจวาลัค) แต่หลวงพ่อกอดอน นัดเอ็ดกับวอเรนไปพบ เปิดเทปบันทึกเสียงเจเน็ตให้ทั้งสองฟัง หลวงพ่อกอดอนขอให้เอ็ดกับลอเรนเดินทางไปอังกฤษ เพื่อสืบสวนเรื่องนี้ ลอเรนจึงไม่ได้พักอย่างที่ตั้งใจ

ปี 1977 ที่เมืองเอนฟิลด์  ประเทศอังกฤษ สิ่งที่สิงเจเน็ต ไม่ได้ถูกทิ้งไว้ในบ้านฮอจสัน แต่มันตามมาบ้านน็อตติ้งแฮมด้วย เพราะมันมากับเจเน็ต เพกกี้จึงจำใจพาเจเน็ตย้ายกลับบ้านตนเอง เพราะรู้ว่าคงหนีไม่พ้น ทำได้เพียงรอให้ศาสนจักรส่งคนมาช่วย ส่วนลูกๆคนอื่นยังคงอยู่ที่บ้านน็อตติ้งแฮม

เมื่อเอ็ดกับลอเรนมาถึงบ้านฮอจสัน ก็พบว่าห้องนอนของเจเน็ตนั้น เต็มไปด้วยไม้กางเขน ที่เพื่อนบ้านนำมามอบให้ ไม้กางเขนถูกติดเต็มผนังทั้งสี่ด้านของห้องเลยทีเดียว

เอ็ดตะลึงกับไม้กางเขนทั่วห้อง (the Conjuring 2: 2016)

 

เอ็ดกับลอเรนเริ่มสืบสวนจนเกือบจะได้เรื่อง โดยประเด็นการสืบสวนมุ่งไปที่ผีบิลหวงบ้านที่มาหาครอบครัว แต่แล้วการสืบสวนก็จบลง เมื่อนักข่าวสามารถนำหลักฐานเทป ว่าเจเน็ตแกล้งทำ ศาสนจักรจะไม่เสี่ยงกับคดีผีเก๊ เอ็ดกับลอเรนจึงต้องจากไป

แต่แล้วระหว่างจะกลับ เอ็ดนำคำพูดผีบิลที่เจเน็ตพูดสองเทปมาซ้อนทับ จึงจับใจความได้ว่า ผีบิลลี่อยากให้ช่วย ทันใดนั้นลอเรนก็เข้าสู่นิมิต

ผีบิลบอกกับลอเรน ว่าเค้าเพียงต้องการกลับมาหาครอบครัว (จากผีถ้วยแก้วที่เจเน็ตเล่น) แต่เมื่อไม่พบเค้าก็อยากจะไปภพภูมิอื่นต่อแล้ว ซึ่งไปไม่ได้ เพราะผีแม่ชี(วาลัค)

เอ็ดกับลอเรนจึงรีบกลับไปที่บ้านฮอจสัน ซึ่งบัดนี้เจเน็ตโดนวาลัคสิงสู่เต็มรูปแบบ ห้องนอนของเจเน็ตนั้นไม้กางเขนกลับหัวหมด แต่เอ็ดก็ช่วยเจเน็ตหลุดออกมาจากวาลัคได้  

วาลัค ปีศาจโบราณที่ออกมาจากนรกตั้งแต่ยุคมืด.. (the Conjuring 2: 2016)

 

ลอเรนเอ่ยชื่อวาลัคออกมาตามวิธีขับไล่ปีศาจ ทำให้วาลัคมันได้ยินชื่อตนเอง จึงโดนดูดกลับสู่ภพภูมิอื่นชั่วคราว (แน่นอนว่าในอนาคตถ้ามีใครอุตริอัญเชิญ มันก็จะกลับมาอีก)

เอ็ดที่เกี่ยวหน้าต่างไว้เพื่อช่วยเจเน็ต ก็เกือบจะตายโดนไม้เสียบแบบที่ลอเรนเห็นในนิมิต แต่ก็รอดมาได้ และบ้านฮอจสัน ก็ไม่โดนสิ่งชั่วร้ายคุกคามอีกเลย..

เอ็ดกับลอเรนช่วยเหลือผู้เดือดร้อนได้อีกเคส (the Conjuring 2: 2016)

 

จบ สวัสดีครับ

ผู้เขียน หลวงจีนหอไตร

Hello! Every one. จุดเริ่มต้นงานเขียนของผมก็คือ ผมเป็นนักอ่านก่อนครับ และที่ผ่านมาผมก็หาอ่านงานเขียนแนวสรุปภาพยนตร์ยากเย็นเหลือเกิน ผมจึงเริ่มเขียนบทความเองและสร้างเว็บไซต์เองซะเลย

ดูโพสท์ทั้งหมด