Transformers (เวอร์ชั่น ไมเคิล เบย์)

หมวดหมู่ FILM ผู้เขียน

นานแสนนาน ณ จักรวาลอันไกลโพ้น.. AllSpark (ออลสปาร์ค) ขุมพลังอันลึกลับที่ปรากฎมาพร้อมจักรวาลเกิดใหม่ ได้ปล่อยประจุพลังอันสุดแสนมหาศาลและอัศจรรย์ของมัน สรรสร้างและสปาร์คให้กำเนิดดวงดาวแห่งชีวจักรกลยักษ์นามว่า Cybertron (ไซเบอร์ตรอน)

 

ปฐมบทแห่งชีวจักรกล..

 

ไม่มีใครล่วงรู้ว่าออลสปาร์คมาจากไหน และใคร.. เป็นเจ้าของมัน ซึ่งเผ่าพันธุ์ชีวจักรกลชุดแรกที่สปาร์คกำเนิดออกมาจากออลสปาร์ค ถูกเรียกขานว่า Seven Primes (เซเว่นไพร์ม) ที่เป็นบรรพบุรุษของไซเบอร์ตรอนยุคเริ่มแรก

เมื่อหกสิบห้าล้านปีที่แล้ว ณ กาแล๊กซี่ทางช้างเผือก อันห่างไกลแสนไกลจากดาวไซเบอร์ตรอน ผู้สร้างลึกลับ (Creators) ได้มาเยือนโลก และทำให้โลกเข้าสู่ยุคไดโนเสาร์สูญพันธุ์ ในตอนนั้นนั่นเอง ผู้สร้างทิ้งเมล็ดพันธุ์ชีวจักรกลเอาไว้ (Seed) ทำให้สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนร่างกลายเป็นโลหะทั้งโลก ไดโนเสาร์จึงสูญพันธุ์

ผู้สร้างบุกโลกในยุคไดโนเสาร์

 

ที่ดวงดาวไซเบอร์ตรอน เซเว่นไพร์มแห่งดาวไซเบอร์ตรอนนั้นเป็นชนชั้นพลังสูงส่ง เปลี่ยนร่างแปลงร่างไม่ได้ และกำเนิดออกมาจากออลสปาร์คโดยตรงเลย (ไม่เคยเป็นมือถือหรือโทรทัศน์วิทยุมาก่อนเหมือนพวกรุ่นหลังๆ) หนึ่งในเซเว่นไพร์มนั้นคือ Megatronus Prime

เมก้าโตรนัส ไพรม์ หนึ่งในเซเว่นไพร์ม

 

ซึ่งเมก้าโตรนัสไพรม์ เป็นผู้ที่มีพลังสูงที่สุดในหมู่พี่น้องไพร์มทั้งเจ็ด เทเลพอร์ทได้ ดึงดูดวัตถุได้ และความสามารถอีกหลายอย่าง ฯลฯ เมก้าโตรนัสไพรม์มีชีวิตยืนยาวแทบจะอมตะ แต่ถูกทำลายได้ และเมก้าโตรนัสไพรม์ก็เป็นผู้ก่อตั้งชนชั้นนักรบปกป้องดวงดาวแห่งเหล่าไซเบอร์ตรอน อันมีนามเรียกขานว่า Decepticons (ดีเซปติคอน)

สัญลักษณ์ดีเซปติคอน

 

เผ่าพันธุ์รุ่นต่อๆมาของไซเบอร์ตรอน ที่สปาร์คกำเนิดมาจากแหล่งพลังงานออลสปาร์คเริ่มมีพลังหลากหลายรูปแบบขึ้น เช่น แปลงร่าง หรือ เทเลพอร์ท ฯลฯ และเหล่าเซเว่นไพร์มก็รู้แล้วว่า ออลสปาร์คนั้นไม่ได้มีพลังงานอนันต์ หากแต่หมดได้เช่นกัน โดยพลังงานในออลสปาร์คคือ Energon (เอเนอจอน) เหล่าเซเว่นไพร์มจึงต้องหาหนทางเติมเอเนอจอนให้ออลสปาร์ค เพราะออลสปาร์คนั้นเป็นภาชนะที่บรรจุเอเนอจอนอีกที (เอเนอจอนจะเข้าไปเป็นแหล่งพลังชีวิตของเผ่าพันธุ์ไซเบอร์ตรอนทุกตัว คล้ายๆแบตเตอรี่พลังงานสูง)

เซเว่นไพรม์

 

เซเว่นไพร์มค้นพบว่า พลังงานดวงอาทิตย์ที่ดับลง คือแหล่งพลังงานเอเนอจอนของออลสปาร์คนั่นเอง เหล่าเซเว่นไพร์ม จึงสร้างมหาเครื่องจักรดับดวงอาทิตย์ขึ้นมา เพื่อดูดพลังเอเนอจอน และออกแสวงหาดวงอาทิตย์ไปทั่วทุกทุกระบบกาแล๊กซี่ในจักรวาล แต่มีกฎเหล็กของไพร์มทั้งเจ็ดตกลงกันไว้ว่า ต้องไม่กระทบและทำลายสิ่งมีชีวิตบนดวงดาวอื่นๆในจักรวาลเด็ดขาด

17,000 ปีก่อนคริสตกาล หนึ่งในเซเว่นไพร์มคือ เมก้าโตรนัสไพรม์ ได้นำพาดีเซปติคอนมาที่โลกมนุษย์ เพื่อหวังจะดับดวงอาทิตย์และดูดพลังเอเนอจอน โดยใช้กุญแจขุมพลังลึกลับนามว่า Matrix of Leadership (เมทริกซ์แห่งจิตวิญญาณผู้นำ) ทำการแหกกฏเปิดมหาเครื่องจักรเก็บเอเนอจอน เพื่อทำลายดวงอาทิตย์แห่งระบบสุริยะจักรวาล ซึ่งนั่นจะทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกมนุษย์ต้องตายทั้งหมด

มนุษย์ยุคโบราณต่อสู้กับเหล่าดีเซปติคอน

 

ไพร์มที่เหลือทั้งหกคนและไซเบอร์ตรอนส่วนนึง จึงเข้าต่อสู้กับเมก้าโตรนัสไพรม์และเหล่าดีเซปติคอน ไพร์มทั้งหกทำได้เพียงโจมตีจนเมก้าโตรนัสไพรม์บาดเจ็บสาหัส แต่มิอาจจะปราบความแข็งแกร่งของเมก้าโตรนัสไพรม์ได้

ไพร์มทั้งหกจึงช่วงชิงเมทริกซ์แห่งจิตวิญญาณผู้นำไปจากเมก้าโตรนัสไพรม์ และรีบนำมันไปยังสถานที่ลับแห่งนึงบนโลก ก่อนจะสละชีวิตทั้งหกของตนหลอมรวมเป็นสุสานแห่งไพร์ม เพื่อปกป้องซ่อนพลังงานเมทริกซ์แห่งจิตวิญญาณผู้นำเอาไว้ และใช้พลังเฮือกสุดท้ายของไพร์มสะกดพลังเมก้าโตรนัสไพรม์เอาไว้ ทำให้ไม่มีไซเบอร์ตรอนพวกไหนค้นหาเมทริกซ์แห่งจิตวิญญาณผู้นำพบอีกเลย..

Matrix of Leadership

 

เมก้าโตรนัสไพรม์ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดิ ฟอลเลน จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ฟอลเลนมิอาจจะกลับมาแข็งแกร่งได้อีกเลยนับตั้งแต่เหล่าพี่น้องไพร์มทั้งหกสะกดพลังครั้งนั้น ฟอลเลนยังรอเวลาเพื่อนำพลังแห่งเอเนอจอนมาซ่อมแซมร่างกายให้แกร่งอีกครา.. (ตราบใดที่ยังมีไพร์มอยู่ ฟอลเลนจะไม่แข็งแกร่ง)

ในช่วงเวลาแห่งความสุขสงบนี้เอง ก็กำเนิดชนชั้นนักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจของเผ่าพันธุ์ไซเบอร์ตรอน ซึ่งถูกเรียกขานว่า Autobots (ออโต้บอท) มีผู้นำคือ Sentinel Prime (เซนทิเนลไพร์ม) ซึ่งเป็นสายเลือดผู้สืบทอดของหนึ่งในเจ็ดของเซเว่นไพร์มนั่นเอง เซนทิเนลไพร์ม จึงได้รับพลังแห่งไพร์ม ทำให้มีพลังและความสามารถเหนือกว่าเหล่าออโต้บอททั้งมวล

โดยทั้งออโต้บอทและดีเซปติคอนต่างก็มีสัญลักษณ์เป็นของตนเองสลักอยู่ในร่างกายทุกตัว (เรื่องพละกำลังของออโต้บอทและดีเซปติคอนพอๆกันนั่นละ แต่แบ่งหน้าที่กันทำแค่นั้น)

สัญลักษณ์ออโต้บอท

 

จากเหตุการณ์ที่ ฟอลเลน คิดจะทำลายล้างระบบสุริยะจักรวาล หนึ่งในชีวจักรกลประเภท Seeker (ซีคเกอร์=พวกบินได้) ของดีเซปติคอนนั้น จึงหันหลังให้กับกลุ่มตนเอง และมาสังกัดออโต้บอทแทน ซี้กเกอร์ผู้นั้นคือ jetfire (เจ็ทไฟร์) โดยภารกิจของเจ็ทไฟร์ก็คือออกค้นหาสุสานแห่งไพร์มอย่างลับๆนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..

เจ็ทไฟร์ ผู้อาวุโสแห่งไซเบอร์ตรอน และดีเซปติคอนผู้กลับใจ

 

ผ่านเหตุการณ์ที่ฟอลเลนหมดสิ้นความแข็งแกร่งมาเนิ่นนานหลายพันปี.. เหล่าดีเซปติคอนในตอนนี้จึงมีผู้นำคนใหม่คือ Lord Megatron (ลอร์ดเมกาตรอน) ลอร์ดเมกาตรอนล่วงรู้หนทางที่จะติดต่อกับฟอลเลน ลอร์ดเมกาตรอนจึงโดนชักจูงเข้าสู่ด้านมืดและฝากตัวเป็นศิษย์ของฟอลเลน ทำให้ลอร์ดเมกาตรอนมีความทะเยอทะยานไม่แพ้อาจารย์ของตน

ลอร์ดเมกาตรอนหวังจะยึดครองออลสปาร์คและใช้มันสร้างกองทัพเครื่องจักรอันเกรียงไกร เพื่อยึดครองทุกอย่างในห้วงจักรวาล โดยมีฟอลเลนชักใยอยู่เบื้องหลัง (ตอนนี้ลอร์ดเมกาตรอนยังไม่ล่วงรู้ถึงเมทริกซ์แห่งจิตวิญญาณผู้นำ  และยังไม่รู้ว่า เอเนอจอน คือขุมพลังงานที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์ไซเบอร์ตรอน)

ลอร์ดเมกาตรอนผู้ชั่วร้าย

 

นั่นจึงทำให้ดวงดาวไซเบอร์ตรอนที่สงบสุขมาเนิ่นนาน เกิดลุกเป็นไฟเพราะลอร์ดเมกาตรอนนำเหล่าดีเซปติคอนก่อสงครามขึ้นอีกครั้ง โดยทำการรุกรานดวงดาวไซเบอร์ตรอนของตนเองอย่างหนัก จุดหมายก็เพื่อค้นหาออลสปาร์ค

เหล่าออโต้บอทซึ่งรักความถูกต้องและสันติ จึงรวมกลุ่มกันต่อต้านลอร์ดเมกาตรอนและดีเซปติคอน โดยในตอนนี้ผู้นำของออโต้บอทคือ Optimus ซึ่งออฟติมัสคือเชื้อสายราชวงศ์ไพร์ม จึงได้รับพลังและความสามารถแห่งไพร์มมาเช่นเดียวกับเซนทิเนลไพร์ม ออฟติมัสจึงต่อชื่อท้ายตนเองว่าไพร์ม

สงครามของออโต้บอทและดีเซปติคอนบนดาวไซเบอร์ตรอน

 

ออฟติมัสไพร์มและเหล่าออโต้บอท ได้เข้าต่อสู้กับลอร์ดเมกาตรอนและเหล่าดีเซปติคอนอย่างหนักหน่วง กินเวลายาวนาน สงครามของออโต้บอทและดีเซปติคอนลุกลามจนทำให้ทั้งดวงดาวไซเบอร์ตรอนพังพินาศย่อยยับ และไม่มีทีท่าว่าฝ่ายใดจะได้ชัยง่ายๆ

และสุดท้ายทหารเอกของออฟติมัสไพร์มนามว่า Bumble Bee (บัมเบิล บี) ก็ส่งออลสปาร์คต้นกำเนิดชีวจักรกลออกไปจากดาวไซเบอร์ตรอนได้สำเร็จ แต่โปรแกรมประมวลเสียงของบัมเบิลบีก็ถูกลอร์ดเมกาตรอนทำลายในการรบนี้ และออลสปาร์คก็ได้สูญหายไปในห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ในระหว่างสงครามนี้นี่เอง พร้อมกับที่ดวงดาวไซเบอร์ตรอนถูกทำลายลงไปเพราะสงครามครั้งนี้ เหล่าไซเบอร์โตรเนี่ยน จึงกระจัดกระจายไปทั่วทุกกาแล๊กซี่ในจักรวาลนับตั้งแต่นั้น…

ออฟติมัสไพรม์ตอนยังไม่เปลี่ยนร่างเป็นรถคอนวอย

 

เซนทิเนลไพร์มหลังจากสละตำแหน่งผู้นำออโต้บอทให้ออฟติมัสไพร์ม ในช่วงสุดท้ายของสงครามนั้น เซนทิเนลไพรม์ก็ทำการบรรทุกเครื่องสร้างสะพานอวกาศอันเป็นเสานับร้อยแท่งขึ้นยาน The Ark ออกเดินทางมุ่งสู่ห้วงอวกาศอันไกลโพ้น แต่ยานดิอาร์คก็ถูกเหล่าดีเซปติคอนยิงจรวดตามไปในอวกาศ ทำให้ยานดิอาร์คเสียหายอย่างหนัก และลอยเคว้งคว้างไร้ทิศทางอยู่ในกาแล็กซี่นานแสนนาน..

10,000 ปีก่อนคริสตกาล ออลสปาร์คก็ลอยมาจนถึงโลกมนุษย์ เพราะมีเครื่องเก็บเอเนอจอนเครื่องสุดท้ายอยู่ที่อียิปต์ออลสปาร์คจึงตรงดิ่งมาที่โลกเลย ออลสปาร์คตกลงอย่างรุนแรงบริเวณทวีปอันรกร้างที่กว้างใหญ่ (ทวีปอเมริกาในปัจจุบัน) และทะลุลงไปในพื้นแผ่นดินจนลึกเป็นโพรงใหญ่..

ออลสปาร์ค

 

ต่อมาอีกเนิ่นนาน.. อารยธรรมเก่าแก่ของมนุษย์ได้พบกับสุสานแห่งไพร์มบริเวณทะเลแดง และพบมหาเครื่องจักรทำลายดวงอาทิตย์ในดินแดนไอยคุปต์ อารยธรรมโบราณพวกนั้นจึงสร้างปีรามิดทับสถานที่ของทั้งสองแห่งเอาไว้.. (สุสานแห่งไพร์มซ่อนอยู่ที่มหานครโบราณเพตรา และ เครื่องจักรทำลายดวงอาทิตย์เก็บเอเนอจอนซ่อนอยู่ในปีรามิดแห่งกีซ่า)

โบราณสถานในหน้าผา เพตรา

 

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันที่ชาวไอยคุปย์สร้างวิหารเพตรา Cybertronian Knight (อัศวินแห่งไซเบอร์ตรอน) ซึ่งมีทั้งหมด 12 ตน ที่ลอบนำเอา “ไม้เท้า” ซึ่งเป็นหนึ่งในไอเทมขุมพลังของของไซเบอร์ตรอนออกมานั้น พวกเขาก็มุ่งหน้ามาซ่อนที่โลก พร้อมกับที่พวกตนเองก็อยู่ที่โลกเลยนับตั้งแต่นั้น (โลกมนุษย์ มีบางอย่างที่ดึงดูดเหล่าชีวจักรกล)

หลายพันปีก่อนคริสตกาล เมกาตรอนตามแกะรอยออลสปาร์คจนพบว่ามันมุ่งตรงมาที่โลก เมื่อได้พิกัดที่แน่นอน เมกาตรอนจึงมุ่งหน้ามาที่โลกทันทีตามระบบนำร่องที่วางไว้ แต่ระบบนำร่องการร่อนลงบนพื้นผิวโลกของเมกาตรอนนั้นโดนสนามแม่เหล็กโลกรบกวนอย่างหนัก จนทำให้เมกาตรอนตกลงพื้นโลกอย่างรุนแรง และสลบหลับไหลอยู่ภายใต้ทะเลน้ำแข็งบริเวณอาร์คติกเซอร์เคิลนับตั้งแต่นั้น..

เหล่าดีเซปติคอนที่เหลือจากสงครามเดอะฟอลเลน (พวกที่แปลงร่างได้ และพวกซีคเกอร์บางตัว) ก็ยังคงแฝงตัวอยู่บนโลกมนุษย์เพื่อตามหาเมทริกซ์แห่งจิตวิญญาณ กำเนิดเป็นสัญลักษณ์ภาษาของไซเบอร์ตรอนปะปนกับทุกๆอารยธรรมบนโลกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..

ปรากฎภาษาเก่าแก่ของไซเบอร์ตรอนในซากอารยธรรมทั่วโลก

 

คริสตศักราชที่ 484 ที่โลกมนุษย์ ณ ใจกลางป่าที่ใดที่หนึ่งในประเทศอังกฤษ King Arthur (คิงอาเธอร์) นำเหล่าอัศวินคู่ใจและเหล่าทหารเข้าต่อสู้กับเหล่าคนเถื่อนชนเผ่าแซกซอนที่มารุกราน โดยคิงอาเธอร์นั้นมีกองกำลังน้อยกว่าเหล่าคนเถื่อนชนเผ่าแซกซอนถึง 10 เท่า และจวนเจียนจะแพ้อยู่แล้ว

การต่อสู้ของคิงอาเธอร์ในยุคกลาง (Transformers 5)

 

 

แต่คิงอาเธอร์ก็ยังมีความหวังกับ Merlin (เมอร์ลิน) ซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นผู้วิเศษ พ่อมดเมอร์ลินสัญญาว่าจะนำเวทมนตร์กลับมาช่วยคิงอาเธอร์สู้กับเหล่าคนเถื่อนชนเผ่าแซกซอน แม้ว่า Lanslot (แลนซล๊อต) อัศวินคู่ใจของคิงอาเธอร์ จะไม่เคยเชื่อในตัวของเมอร์ลินเลยก็ตาม แลนซล๊อตคิดว่า เมอร์ลินก็แค่ขี้เมาที่แอบอ้างตัวเองเป็นผู้วิเศษเท่านั้น

อีกด้านนึงของป่า ห่างไกลจากการสู้รบ เมอร์ลินควบม้าเข้าไปยังซากยานอวกาศดึกดำบรรพ์ของชีวจักรกลแห่งไซเบอร์ตรอน ที่อพยพมาที่โลกนานแสนนานมาแล้ว และขอร้องให้สิ่งที่อยู่ภายในนั้น ออกมาช่วยอังกฤษรบ จากการรุกรานของเหล่าคนเถื่อนชนเผ่าแซกซอน

คำขอร้องของเมอร์ลินเป็นจริง เมื่อผู้นำของอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนออกมาตอบรับคำขอร้องนี้ และมอบไม้เท้าไอเทมสำคัญของไซเบอร์ตรอนให้กับเมอร์ลินเป็นผู้รักษา ทำให้เมอร์ลินเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถดึงอำนาจวิเศษออกมาจากไม้เท้านี้ได้

เมอร์ลินรับไม้เท้าจากผู้นำอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอน 

 

 

อัศวินแห่งไซเบอตรอนได้ทำการรวมร่างเป็น Dragonstorm (ดราก้อนสตอร์ม) และบินตามเมอร์ลินกลับไปที่สมรภูมิรบ เพื่อช่วยคิงอาเธอร์สู้กับเหล่าคนเถื่อนชนเผ่าแซกซอน

ในที่สุด คิงอาเธอร์ก็มีชัยชนะในศึกนี้ เพราะได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนนั่นเอง ซึ่งหนึ่งในเครื่องรางของอัศวินไซเบอร์ตรอนก็คือ ดาบเอ๊กซ์คาลิเบอร์

ดาบเอ๊กซ์คาลิเบอร์คือไอเทมจากไซเบอร์โตรเนี่ยน

 

ที่ปราสาทอาเธอร์ ณ เมือง Camelot (คาเมล๊อต) หลังจากเสร็จสิ้นศึกกับเหล่าคนเถื่อนชนเผ่าแซกซอน คิงอาเธอร์และเหล่าอัศวินโต๊ะกลม รวมถึงเหล่าอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนทั้ง 12 ตน ได้ทำการให้สัตย์คำมั่นต่อกันที่นี่ว่า จะร่วมกันปกป้องโลกใบนี้สืบเนื่องต่อๆไปจนชั่วลูกชั่วหลาน และถ่ายทอดความเป็นมาของพวกตนให้เหล่าอัศวินโต๊ะกลมรับรู้ด้วย

12 อัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนร่วมสาบานกับอัศวินโต๊ะกลมที่คาเมล๊อต

 

ผ่านมาเนิ่นนานหลายปี.. พ่อมดเมอร์ลินได้เสียชีวิตลงไป เหล่าอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนนำศพของเมอร์ลินกับไม้เท้าวิเศษใส่โลงหิน และนำโลงศพนั้นไปเก็บรักษาในยานอวกาศของตน เหล่าอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอน 11 ตนเข้าสู่โหมดจำศีล เพื่อเฝ้าโลงศพเมอร์ลินในยานอวกาศนับตั้งแต่นั้น

มีเพียงอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนผู้เดียว ที่ออกมาแฝงตัวอยู่บนโลกมาทุกยุคทุกสมัย เพื่อเฝ้าระวังหากว่าโลกมนุษย์อาจจะโดนรุกราน อัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนผู้นี้จึงทำการมองหามนุษย์ ที่เหมาะสมกับการสืบทอดตำแหน่งอัศวินต่อจากตนเอง และมนุษย์ผู้นั้นจะได้ครอบครองดาบเอ๊กซ์คาลิเบอร์ เพื่อร่วมมือกับพวกพ้องอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนที่เหลือต่อสู้สืบต่อไป..

ซึ่งก็ได้กำเนิดกลุ่มมนุษย์ชนชั้นสูงที่สืบสายเลือดอัศวินโต๊ะกลม ผู้สืบทอดอุดมการณ์ของกษัตริย์อาเธอร์ คนกลุ่มนี้มีชื่อว่า Order of Witwiccans (ภาคีแห่งวิตวิคแคน) พวกเขาคือกลุ่มที่สู้เพื่อความถูกต้อง และดูแลปกป้องเฝ้าระวังสายเลือดตระกูลเมอร์ลิน

ภาคีแห่งวิตวิคแคน

 

ภาคีแห่งวิตวิคแคน มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้เหล่าดีเซปติคอนล่วงรู้ถึงตัวตนของสายเลือดเมอร์ลิน โดยมีเหล่าออโต้บอทส์โบราณคอยสู้อยู่เคียงข้างภาคีแห่งวิตวิคแคนไปทั่วทั้งโลกทุกยุคทุกสมัย (ซึ่งตระกูลของ แซม วิตวิคกี้ พระเอกในภาค 1 2 3 ก็คือเช่นกัน)

ด้านทางสายเลือดของตระกูลเมอร์ลินที่สืบทอดมาทุกยุคทุกสมัย ก็ถูกถ่ายทอดเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่น ถึงเรื่องราวของไม้เท้าวิเศษและพิกัดที่ซ่อนของมัน เพราะมีเพียงลูกหลานเมอร์ลินเท่านั้นที่จะปลุกพลังไม้เท้าวิเศษให้ตื่นขึ้นได้..

ที่โลก ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2.. ออโต้บอทส์ลูกพี่ลูกน้องสองตนนามว่า Bumblebee และ Hot Rod (บัมเบิ้ลบี กับ ฮ็อทร้อด) ล่วงรู้แล้วว่า ออลสปาร์คอยู่บนโลก ทั้งสองจึงมาที่นี่ และมีโอกาสได้เข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตรต่อสู้กับนาซีแบบลับๆ ส่งผลให้ฝ่ายพันธมิตรมีชัยชนะสงครามเหนือฝ่ายอักษะ

บัมเบิ้ลบี กับ ฮ็อทร้อด บุกฐานที่มั่นนาซี

 

ปี 1897 Archibald Witwicky กัปตันเรือนักสำรวจดินแดนใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครค้นพบ (กัปตันอาชิบาลด์ คือ 1 ในสายเลือดอัศวินภาคีแห่งวิตวิคแคน) ได้พาลูกเรือ 41 ชีวิต ฝ่าทะเลน้ำแข็งเข้าสู่บริเวณมหาสมุทอาร์คติก เพื่อหวังจะไปให้ถึงอาร์คติกเซอร์เคิล และกัปตันอาชิบาลด์ก็ได้พบกับร่างชีวจักรกลอันหลับไหลของจอมวายร้ายเมกาตรอน ซึ่งเมกาตรอนอยู่ในสภาพแช่แข็ง

กัปตันอาชิบาลด์เผลอไปเปิดระบบนำทางของเมกาตรอน ทำให้ดวงตาเมกาตรอนยิงเลเซอร์ฉาบพิกัดสถานที่ของออลสปาร์คไว้ในแว่นตาของกัปตันอาชิบาลด์ นับตั้งแต่นั้นกัปตันอาชิบาลด์ก็ถูกหาว่าเป็นบ้า เมื่อกลับมาพูดถึงแต่เรื่องมนุษย์น้ำแข็งยักษ์ในอาร์คติกเซอร์เคิล

กัปตัน อาชิบาลด์ วิทวิคกี้ พบ เมกาตรอนถูกแช่แข็ง (Transformers 2)

 

ปี 1913 มนุษย์มีการค้นพบออลสปาร์คอันขนาดมโหฬารที่รัฐโคโรลาโด สหรัฐอเมริกา มันอยู่ในพื้นโพรงพิภพบริเวณใกล้แม่น้ำโคโรลาโด มีหน่วยงานรัฐฯไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้..

ปี 1931 ประธานาธิปดีสหรัฐฯ Herbert Hoover จึงสั่งให้สร้างเขื่อนฮูเวอร์ครอบออลสปาร์คเอาไว้ และก่อตั้งหน่วยงานลับ Sector Seven (เซคเตอร์เซเว่น) ไว้ภายในเขื่อน เพื่อเก็บรักษาออลสปาร์คไม่ให้มนุษย์หรือต่างดาวตรวจพบสัญญาณออลสปาร์ค และเริ่มเก็บหลักฐานการพบเห็นชีวจักรกลบนโลกมนุษย์เรื่อยมานับตั้งแต่นั้น

ออลสปาร์คบนโลกมนุษย์

 

เหล่าดีเซปติคอนนำโดยรองผู้นำคือ Starscream (สตาร์สครีม) เริ่มมาที่โลก โดยมาอย่างลับๆและเงียบที่สุด เพื่อออกตามหาเบาะแสของเมกาตรอนที่หลับไหลและออลสปาร์คที่สูญหาย เหล่าดีเซปติคอนแปลงร่างเป็นยานยนต์ต่างๆ และปะปนอยู่กับมนุษย์ไปทั่วทั้งโลก โดยไม่รู้ว่ามนุษย์โลกกลุ่มนึงเริ่มสืบรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาแล้ว

ปี 1935 หน่วย Sector Seven ได้ค้นพบร่างของเมกาตรอนตั้งแต่ปี 1934 ที่อาร์คติกเซอร์เคิลตามข้อมูลของกัปตันอาชิบาลด์ และตั้งชื่อเรียกเมกาตรอนว่า N.B.E. –01 (เอ็น.บี.อี.-วัน) ก่อนจะนำเมกาตรอนมาเก็บไว้ที่ฐานลับใต้เขื่อนฮูเวอร์รัฐโคโลาโด และแช่แข็งเมกาตรอนไว้ในสภาพเดิมนับตั้งแต่นั้น โดยตั้งชื่อโครงการว่า “โครงการมนุษย์น้ำแข็ง”

ปี 1946-1950 ด้านทางเจ็ทไฟร์ที่ตามหาสุสานแห่งไพรม์มาเนิ่นนานหลายพันปี เอเนอจอนในร่างชีวจักรกลของเจ็ทไฟร์ก็เหลือน้อยเต็มทน (ไม่มีชีวิตยืนยาวเหมือนฟอลเลนนะ คนละคลาส) ทำให้เจ็ทไฟร์เข้าสู่โหมดหลับไหลในสภาพเครื่องบิน Blackbird

เจ็ทไฟร์แปลงร่างเป็นแบล็คเบิร์ดหลับไหลมานับตั้งแต่นั้น

 

ปี 1962 หลังจากที่ยานอวกาศดิอาร์คของเซนทิเนลไพร์มลอยเคว้งคว้างนานหลายพันปีในอวกาศ เอเนอจอนของชีวจักรกลแห่งไซเบอร์ตรอนต่างก็หมดสิ้นทุกตัวแล้ว (ตายหมดนั่นเอง) ในที่สุดดิอาร์คก็ไปตกที่ดวงจันทร์ของโลกมนุษย์

อเมริกาและสหภาพโซเวียต ตรวจพบสัญญาณบางอย่างร่อนลงบนดวงจันทร์ได้พร้อมๆกัน ซึ่งอเมริกาคิดว่านั่นคือยูเอฟโอ ประธานาธิปดีเคนาดี้จึงสั่งให้นาซ่ารีบทำโครงการสำรวจอวกาศเพื่อขึ้นไปตรวจบนดวงจันทร์โดยด่วน

แต่โซเวียตส่งกระสวยอวกาศ Luna 3 ขึ้นไปถ่ายภาพบนดวงจันทร์ทางด้านมืดทันทีในปีนั้นเลย (ด้านที่แสงอาทิตย์ไม่ส่อง) ซึ่งโซเวียตไม่พบภาพอะไร

ดิอาร์คกระแทกผิวพื้นดวงจันทร์อย่างรุนแรง

 

ปี 1963 กระสวยอวกาศของสหภาพโซเวียต Luna 4 ขึ้นไปถ่ายภาพบรรยากาศบนดวงจันทร์อีกครั้ง เพราะโซเวียตยังคาใจที่ตรวจพบสัญญาณบางอย่างร่อนลงบนดวงจันทร์เมื่อปีที่แล้ว และจากภาพถ่ายครั้งที่สองนี้ โซเวียตก็พบแท่งเสาประหลาดเกือบร้อยแท่ง วางเรียงรายอยู่รอบๆดิอาร์คทางด้านมืดของดวงจันทร์ (เสาสร้างสะพานอวกาศของเซนทิเนลไพร์ม)

ภาพเสาสร้างสะพานอวกาศบนด้านมืดบนดวงจันทร์

 

ปี1969 แปดปีต่อมาหลังจากดิอาร์คตกที่ดวงจันทร์ นาซ่าก็ส่งมนุษย์ไปกับ Apollo 11 ขึ้นไปบนดวงจันทร์ เพื่อเก็บทุกอย่างที่นั่นมาให้ละเอียด เหล่านักสำรวจอวกาศตัดสัญญาณถ่ายทอดสดที่ส่งมาโลก 21 นาที เพื่อเก็บหลักฐานทุกอย่างที่พบในดิอาร์คกลับโลกให้มากที่สุด หลังจากนั้นนาซ่าก็ส่งยานอวกาศขึ้นไปที่ดวงจันทร์อีกหลายครั้ง (ยังไม่เคยเข้าไปในยาน และไม่พบเสาสร้างสะพานอวกาศนับร้อยเหมือนที่รัสเซียเห็น)

ปี 2003 นาซ่าส่งยานสำรวจ Beagle 2 ไปที่ดาวอังคาร และรถสำรวจย่อยคือ Beagle 2 Rover (รถคันเล็กๆที่ติดกล้องวิ่งเก็บภาพดาวอังคาร) ก็ได้บันทึกภาพของหุ่นยนตร์ยักษ์ต่างดาวได้ ก่อนที่ระบบสื่อสารของ Beagle 2 จะตัดไปเพราะโดนหุ่นยนตร์ยักษ์ต่างดาวทำลาย เรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดที่รัฐบาลสหรัฐฯยุคนั้นและหน่วย Sector Seven เก็บไว้ตลอดมา..

หุ่นยนต์ยักษ์ต่างดาวที่ Beagle 2 Rover เก็บภาพไว้ได้บนดาวอังคาร

 

ปี2004-2006 บัมเบิ้ลบีที่ถูกออฟติมัสไพร์มส่งมาที่โลกมนุษย์หลายสิบปีแล้ว เพื่อค้นหาเบาะแสของออลสปาร์คและอารักขาทายาทของกัปตันอาชิบาลด์ เพราะเหล่าออโต้บอทล่วงรู้แล้วว่า ดีเซปติคอนมากมายลงมาที่โลกเพื่อค้นหาออลสปาร์ค โดยมีโครงการมนุษย์น้ำแข็งที่กัปตันอาชิบาลด์ค้นพบเป็นตัวเชื่อมเรื่องราว

บัมเบิ้ลบี จึงแปลงร่างเป็นเชฟโรเลตคาเมโร่สีเหลือง และเริ่มตามหาทายาทกัปตันอาชิบาลด์ เพราะเริ่มมีสัญญาณของสงคราม ว่าดีเซปติคอนเตรียมจะเปิดเผยตัวและปะทะกับมนุษย์บนโลกแล้ว..

 

บทที่ 1 การโจมตีของดิเซปติคอน

 

Samuel Witwicky (แซมมวล วิตวิคกี้) หนุ่มไฮสคูลวัย 17 ปี ทายาทของกัปตันอาชิบาลด์ที่เจอร่างเมกาตรอนคนแรกบนโลก แซมได้นำสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของกัปตันอาชิบาลด์มาลงขายในอีเบย์ เพื่อหาเงินซื้อรถคันแรกของตนเอง รวมถึงแว่นตาที่มีพิกัดออลสปาร์คด้วย

ที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพสหรัฐฯในการ์ต้า ก็โดนดีเซปติคอนอย่างหนัก เพราะดีเซปติคอนต้องการรู้ข้อมูลของโครงการมนุษย์น้ำแข็ง โดยทหารทั้งฐานโดนฆ่าตายเรียบเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอย เหลือรอดชีวิตเพียงหน่วยของผู้กอง William Lennox (วิลเลี่ยม เลนน๊อกซ์) และดีเซปติคอนก็ยังไม่ได้ข้อมูลโครงการมนุษย์น้ำแข็งไป  ดีเซปติคอนจึงมุ่งเป้าไปที่อื่นอีก เหตุการณ์นี้ทำให้รัฐมนตรีกลาโหม John Keller สั่งประชุมนักถอดรหัสชั้นหัวกระทิทันที เพื่อหาสัญญาณที่แฮคให้ได้ ว่าชาติใดโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ

ดีเซปติคอนเปิดเผยตัวโจมตีมนุษย์

 

ที่อเมริกา แซมและพ่อกำลังจะเข้าไปซื้อรถในเต๊นท์รถมือสองของ Bobby Bolivia โดยมีรถเชฟโรเลตคาเมโร่สีเหลืองสุดประหลาดไร้คนขับได้แล่นตามรถของแซมและพ่อ (บัมเบิ้ลบีนั่นละ) คาเมโร่เหลืองคันนั้นเข้าไปจอดปะปนในเต๊นท์รถ จนทำให้บ๊อบบี้คิดว่าเป็นรถในเต๊นท์ตนเอง

แซมอยากได้คาเมโร่ แต่บ็อบบี้อยากขายคันอื่นให้มากกว่า คาเมโร่เหลืองคันนั้นจึงสร้างคลื่นเสียงทำให้กระจกรถคันอื่นๆในเต๊นท์แตกทั้งหมด บ๊อบบี้จึงจำต้องขายคาเมโร่เหลืองให้แซมในราคา 4,000 ดอลลาห์

Chevrolet Camaro ยุค’70

 

แซม วิทวิคกี้ ขับรถคามาโร่เหลืองคันแรกของตนเองไปที่นัดพบของเหล่าวัยรุ่นที่ป็อบๆในโรงเรียน แต่ก็โดนพวกหัวโจกวัยรุ่นไล่กลับ และแซมก็ได้เห็นว่า Mikaela Banes สาวสวยสุดฮ๊อทเพื่อนร่วมชั้นของตนทิ้งแฟนหนุ่ม และจะเดินกลับบ้านเอง แซมจึงขับคาเมโร่ไปส่งมิเคล่าที่บ้าน ทั้งสองจึงรู้จักกันนับตั้งแต่นั้น

แซมและมิเคล่า

 

ในคืนนั้นเองที่แซมได้เห็นว่า รถคาเมโร่ของตนเองแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ และส่งสัญญาณบางอย่างขึ้นไปในอวกาศ (บัมเบิ้ลบีส่งสัญญาณเรียกพวกออโต้บอทที่เหลือให้ตามมาที่โลก เพราะรู้แน่ชัดแล้วว่าแว่นตาของแซมมีพิกัดของออลสปาร์คที่ตามหามาเนิ่นนานนับพันปี) แซมจึงโทรแจ้ง 911 ว่ารถของตนเองแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ต่างดาวได้ และเรื่องนี้ก็ล่วงรู้ไปถึงหน่วย Sector Seven

ในคืนเดียวกันบนแอร์ฟอร์ซวัน ดีเซปติคอนหน่วยสอดแนมนามว่า Frenzy ก็ลอบขึ้นไปบนเครื่องบิน เพื่อเจาะข้อมูลโครงการมนุษย์น้ำแข็ง กระทรวงกลาโหมตรวจจับสัญญาณเดิมที่พบในฐานการ์ต้าตอนโดนแฮค จึงมั่นใจว่าผู้คุกคามแอร์ฟอร์ซวันและฐานปฏิบัติการพิเศษในการ์ต้าคือพวกเดียวกัน

เฟรนซี่

 

แอร์ฟอร์ซวันต้องลงจอดฉุกเฉินทันที และเฟรนซี่ก็หนีไปได้ โดยมี Barricade ซึ่งเป็นดีเซปติคอนแปลงร่างเป็นรถตำรวจมารับที่สนามบิน กลาโหมตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตของทำเนียบขาวที่เฟรนซี่พยายามแฮคได้ทัน แต่เฟรนซี่ก็ยังได้ข้อมูลของกัปตันอาชิบาลด์ ผู้ค้นพบมนุษย์น้ำแข็งคนแรกมาจากฐานข้อมูลทำเนียบขาวแล้ว แถมยังฝังไวรัสล้มเครือข่ายความมั่นคงไว้ด้วย

และเฟรนซี่นำข้อมูลที่ได้จากการแฮคครั้งนี้แกะรอยจากฐานข้อมูลตำรวจ เชื่อมโยงจนไปถึงแซม วิตวิคกี้ ทายาทกัปตันอาชิบาล และยังรู้อีกว่า พิกัดออลสปาร์คนั้นอยู่ในแว่นตากัปตันอาชิบาลด์ ซึ่งแว่นที่ว่านี้แซมกำลังลงประมูลขายในอี-เบย์

แซม วิตวิคกี้ และบัญชีอี-เบย์ ในฐานข้อมูลอินเตอร์เน็ตของตำรวจ

 

เช้าวันรุ่งขึ้น หน่วยทหารของผู้กองเลนน๊อกซ์ที่รอดชีวิตก็ปะทะกับ Scorponok ดีเซปติคอนที่แปลงร่างเป็นแมงป่อง ที่ตามมาสังหารมนุษย์ผู้รอดชีวิตจากฐานทัพในการ์ต้า เหตุการณ์นี้ทำให้กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯพบเห็นดีเซปติคอนเป็นๆเต็มตาผ่านทางกล้องติดเครื่องบินรบ และเครื่องบินรบสหรัฐฯก็ปราบ Scorponok สำเร็จ ตัวมันมุดทรายหนีไป และเหลือเพียงหาง ผู้กองเลนน๊อกซ์จึงเก็บหางของ Scorponok กลับอเมริกาเพื่อวิจัยต่อไป..

Scorponok

 

และในเวลาเดียวกันที่สหรัฐฯ บัมเบิ้ลบีก็กลับมาบ้านครอบครัววิตวิคกี้ แซมตกใจจึงปั่นจักรยานแม่หนี และขี่ไปเจอกับมิเคล่าพอดี มิเคล่าเห็นแซมมีอาการแปลกๆ จึงขี่มอเตอร์ไซต์ตามแซมไปอีก จนกระทั่งแซมไปเจอกับ Barricade ดีเซปติคอนที่แปลงร่างเป็นรถตำรวจซึ่งมากับเฟรนซี่

จังหวะเดียวกับที่มิเคล่าตามมาทัน จึงพลอยซวยไปด้วย บัมเบิ้ลบีเข้าช่วยเหลือแซมกับมิเคล่าจาก Barricade ที่มุ่งหวังทำร้าย นี่จึงทำให้แซมไว้ใจบัมเบิ้ลบี แต่เฟรนซี่ก็แปลงร่างเป็นโทรศัพท์มือถือแซมแฝงตัวไปกับแซมด้วย

ในคืนนั้นเอง เหล่าออโต้บอทส่วนนึงนำโดยออฟติมัสไพร์มก็เดินทางมาถึงโลกมนุษย์ และแปลงร่างเป็นรถต่างๆ บับเบิ้ลบีจึงพาแซมและมิเคล่าไปแนะนำให้รู้จักกับออฟติมัสไพร์มและเหล่าเพื่อนๆออโต้บอท

ออฟติมัสไพร์มอธิบายเรื่องราวให้แซมและมิเคล่าฟัง

 

ออฟติมัสไพร์มต้องการแว่นตาของกัปตันอาชิบาลด์ แซมจึงพาเหล่าออโต้บอทกลับไปที่บ้านเพื่อเอาแว่นตา จังหวะเดียวกันนั้นเองที่ Agent Seymour Simmons แห่งหน่วยเซคเตอร์7 ก็มาถึงบ้านครอบครัววิตวิคกี้พอดี และจับตัวทั้งพ่อแม่ของแซมทั้งแซมและมิเคล่าเพื่อไปที่ Sector Seven ทั้งหมด

เอเจ้นท์ซีมัวร์ ซิมม่อน แห่งหน่วยเซคเตอร์ 7

 

ระหว่างทางออฟติมัสไพร์มมาขวางไม่ให้ซีมัวร์จับแซมไป แต่หน่วยเซคเตอร์7ชุดไล่ล่าก็ตามมาสกัดกั้นอีกที เหตุการณ์นี้ทำให้บับเบิ้ลบีถูกซีมัวร์จับแช่แข็งกลับไปเซคเตอร์7 และแซมกับมิเคล่าก็โดนจับไปด้วยเช่นกัน ส่วนทางออฟติมัสไพร์มก็ได้แว่นตาของกัปตันอาชิบาลด์มาแล้ว

ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหม จอห์น เคลเลอร์ กำลังประชุมเครียดกับคณะกรรมการความมั่นคงสหรัฐฯ โดยกำลังรอท่าทีประธานาธิปดีว่าจะเอายังไง Thomas Banachek หัวหน้าหน่วยเซคเตอร์7 ก็มาขอเข้าพบรัฐมนตรีเคลเลอร์ตามคำสั่งประธานาธิปดี ทันใดนั้นไวรัสที่เฟรนชี่ฝังไว้ก็ทำให้ระบบความมั่นคงของสหรัฐฯล่มทั้งหมด

ทอม เบนาเชค หัวหน้าหน่วยเซคเตอร์ 7

 

เบนาเชคเล่าให้รัฐมนตรีเคลเลอร์ฟัง ถึงเรื่องราวการค้นพบชีวจักรกลเหล่านี้ตั้งแต่หลายสิบปีที่แล้ว ทั้งเรื่องที่ค้นพบหุ่นยนต์ยักษ์บนดาวอังคาร และโครงการมนุษย์น้ำแข็ง

เช้าวันรุ่งขึ้น รัฐมนตรีเคลลี่จึงพาผู้เชี่ยวชาญของกลาโหมไปที่เซคเตอร์7ในเขื่อนฮูเวอร์ แซมกับมิเคลล่าก็มาถึงแล้วเช่นกัน รวมถึงผู้กองเลนน๊อกซ์และทีมด้วย เบนาเชคกับซีมัวร์จึงพาทุกคนไปดูร่างของเมกาตรอนที่ถูกแช่แข็ง และดูความมหัศจรรย์ของออลสปาร์ค ที่สปาร์คให้เครื่องจักรธรรมดาเช่นโทรศัพท์มือถือ กำเนิดใหม่เป็นชีวจักรกล

เมกาตรอนโดนแช่แข็ง

 

เฟรนซี่ซึ่งแฝงตัวมากับแซม จึงค้นพบออลสปาร์คหลังจากดีเซปติคอนตามหามาเนิ่นนานนับหมื่นปี เฟรนซี่รีบรายงานไปให้บรรดาดีเซปติคอนทั้งหมดรู้ทันที และดีเซปติคอนนำโดยรองผู้นำดีเซปติคอน Starscream ก็กำลังจะมารวมพลกันที่เขื่อนฮูเวอร์

ออฟติมัสไพร์มและเหล่าออโต้บอทก็ล่วงรู้แล้ว ว่าออลสปาร์คอยู่ที่เขื่อนฮูเวอร์ จากระบบนำร่องบนแว่นตากัปตันอาชิบาลด์นั่นเอง ออโต้บอทจึงรวมพลบุกเขื่อนฮูเวอร์ทันทีเช่นกัน

ออโต้บอทจากซ้ายไปขวา

ผู้เชี่ยวชาญอาวุธไอออนไฮด์,ผู้นำออฟติมัสไพร์ม,หน่วยแพทย์แรตเชท,และผู้หมวดแจ๊ซ

 

สตาร์สครีมนำดีเซปติคอนมาถึงเขื่อนฮูเวอร์ก่อน และโจมตีโรงไฟฟ้าที่แช่แข็งเมกาตรอนไว้ แซมจึงบอกให้เซคเตอร์7ปล่อยบัมเบิ้ลบีทันที เพราะตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปนอกจากบัมเบิ้ลบี

ทุกคนรีบพาบัมเบิ้ลบีไปที่ออลสปาร์ค บัมเบิ้ลบีทำการเปิดระบบย่อส่วนออลสปาร์คขนาดมโหฬารให้เล็กเหลือเท่าลูกแตงโม ผู้กองเลนน็อกซ์เสนอให้รีบนำออลสปาร์คไปซ่อนที่เมืองมิกชั่นจากพวกดีเซปติคอนชั่วคราว เพื่อถ่วงเวลาให้กองทัพมาช่วยและนำออลสปาร์คไปซ่อนที่อื่น กองกำลังของผู้กองเลนน็อกซ์จะคุ้มกันพวกของบัมเบิ้ลบีระหว่างเดินทางให้ โดยมีแซมกับมิเคล่าไปกับบัมเบิ้ลบี

ออลสปาร์คย่อส่วนในมือบัมเบิ้ลบี

 

ส่วนรัฐมนตรีเคลเลอร์กับซีมัวร์ก็ไปหาเครื่องส่งสัญญาณวิทยุโบราณ เพื่อส่งสัญญาณให้กองบินสหัฐฯที่อยู่ใกล้ๆส่งกำลังมาสนับสนุนทางอากาศโดยด่วน (เพราะระบบสื่อสารปกติไม่ได้ ล่มไปด้วยไวรัสของเฟรนซี่แล้ว) และรัฐมนตรีเคลเลอร์กับซีมัวร์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญกลาโหมก็สังหารเฟรนซี่ได้สำเร็จ

ทันใดนั้นน้ำแข็งในโรงเก็บเอ็นบีอีวันก็ละลายเพราะไม่มีไฟฟ้า ลอร์ดเมกาตรอนจึงกลับคืนชีวิตอีกครั้งหลังจากหลับไหลไปหลายพันปี สิ่งแรกที่ลอร์ดเมกาตรอนผู้นำแห่งดีเซปติคอนทำก็คือ ถามหาออลสปาร์ค สตาร์สครีมจึงรายงานว่า บัดนี้ออลสปาร์คโดนออโต้บอทนำออกไปจากเขื่อนฮูเวอร์แล้ว เหล่าดีเซปติคอนจึงไล่ตามบัมเบิ้ลบีไปทันที

เมกาตรอนฟังรายงานภารกิจของสตาร์สครีม

 

ขณะที่บัมเบิ้ลบีและขบวนรถคุ้มกันของผู้กองเลนน๊อกซ์ ลอบออกจากเขื่อนฮูเวอร์ไปได้สักพัก เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองมิกชั่น พวกออโต้บอทนำโดยออฟติมัสไพร์มก็สวนทางมาพอดี ออโต้บอทจึงร่วมคุ้มกันออลสปาร์คบนรถบัมเบิ้ลบีไปด้วย ซึ่งพวกดีเซปติคอนก็ตามมาโจมตีขบวนรถ แต่เหล่าออโต้บอทก็คุ้มกันให้จนบัมเบิ้ลบีและแซมนำออลสปาร์คไปจนถึงเมืองมิกชั่นสำเร็จ

ออฟติมัสไพร์มพบบัมเบิ้ลบีกลางถนน

 

 

รองผู้นำและผู้บัญชาการหน่วยบินรบแห่งดีเซปติคอน สตาร์สครีม ที่แปลงร่างเป็น F-22 Raptor ออกโรงมาลุยออโต้บอทในเมืองมิกชั่นด้วยตนเอง ไอออนไฮด์กับบัมเบิ้ลบีนำรถบรรทุกแถวนั้นมาป้องกันการปะทะของจรวด F-22 ให้เหล่ามนุษย์ ผลทำให้บัมเบิ้ลบีบาดเจ็บสาหัสจนขาขาดทั้งสองข้าง บัมเบิ้ลบีจึงมอบออลสปาร์คให้แซมเก็บรักษา

แซม วิตวิคกี้ รับออลสปาร์คมาจากบัมเบิ้ลบี

 

Brawl หน่วยรบภาคพื้นดินของดีเซปติคอนที่แปลงเป็นรถถัง ก็มาลุยกับออโตบอทระลอกสอง โดยเข้าต่อสู้กับแรตเชท,ไอออนไฮด์,และแจ๊ซ โดยมีทหารมนุษย์หน่วยของผู้กองเลนน๊อกซ์คอยยิงช่วย

จ่าเอปป์กำลังวางแผนการรบกับผู้หมวดเลนน๊อกซ์

 

มิเคล่าไปนำรถลากกำลังจะไปรับบัมเบิ้ลบีในสมรภูมิรบ ด้านแซมก็จะต้องนำออลสปาร์คขึ้นดาดฟ้าเพื่อส่งให้หน่วยทหารนำไปเก็บ โดยมีแรตเชทและไอออนไฮด์อาสาคุ้มกันให้แซม หากแต่เมกาตรอนนั้นก็ออกลุยเองเช่นกัน และเมกาตรอนก็สังหารออโตบอทนามว่าแจ๊ซไปเป็นตัวแรก..

ลอร์ดเมกาตรอนฉีกร่างผู้หมวดแจ๊ซ

 

ออฟติมัสไพร์มซึ่งมาช้าก็มาถึงกลางสมรภูมิรบซะที และเข้าปะทะกับเมกาตรอนทันที เหล่ากองกำลังทหารของมนุษย์ก็ช่วยออฟติมัสไพร์มยิงจรวดถล่มเมกาตรอน

พวกของผู้หมวดเลนน๊อกซ์ ร่วมมือกับออโต้บอททั้งสองคือไออนไฮด์กับแรตเชทสู้กับเหล่าดีเซปติคอนที่เหลือ รวมถึงบัมเบิ้ลบีที่มิเคล่าไปรับออกมาก็ร่วมสู้ด้วย จนในที่สุดก็ปราบดีเซปติคอนที่อยู่ในสมรภูมินี้ไปได้ทุกตัว

แม้ไร้ขา บัมเบิ้ลบีก็ยังมีพิษสงรอบตัว

 

ลอร์ดเมกาตรอนกับออฟติมัสไพร์มสู้กันจนบาดเจ็บหนักทั้งคู่ ออฟติมัสไพร์มจึงอยากให้แซมนำออลสปาร์คใส่เข้าไปในช่องอกของตน เพื่อใช้เอเนอจอนในร่างทำลายออลสปาร์คและตายไปพร้อมกัน

แต่แซมตัดสินใจนำออลสปาร์คจิ้มหน้าอกเมกาตรอนแทน ผลทำให้ออลสปาร์คถูกทำลายลงไป และเมกาตรอนก็ดับชีวิตลงไปพร้อมกับออลสปาร์ค เหลือเพียงแค่เศษออลสปาร์คชิ้นเล็กๆที่ยังคงมีพลังเอเนอจอนอยู่เหลือเฟือ.. (สตาร์สครีมหนีกลับไปหาฟอลเลนที่ดวงจันทร์ของดาวเสาร์แล้ว)

ออฟติมัสไพร์มหยิบเศษออลสปาร์คออกมาจากหน้าอกลอร์ดเมกาตรอน

 

ต่อมาอีกหลายวัน.. ประธานาธิปดีสั่งปิดหน่วยเซคเตอร์7 ซากศพเมกาตรอนถูกนำไปถ่วงลงก้นทะเลที่ลึกที่สุดของโลก บัมเบิ้ลบีขออยู่กับแซมต่อไป และออฟติมัสไพร์มก็ส่งสัญญาณออกไปหาเหล่าออโต้บอททั่วทั้งจักรวาล ให้มาอยู่ที่โลกมนุษย์

ออฟติมัสไพร์มส่งสัญญาณเรียกเหล่าออโต้บอทที่เหลือ

 

เพราะเมื่อไม่มีออลสปาร์ค ออฟติมัสไพร์มก็ไม่สามารถสร้างโลกใหม่ให้เหล่าไซเบอร์ตรอนได้นั่นเอง สุดท้าย.. ออฟติมัสไพร์มก็ตัดสินใจมอบชิ้นส่วนออลสปาร์คให้รัฐบาลสหรัฐฯเก็บรักษา..

 

บทที่ 2 การกลับมาของ ฟอลเลน

 

เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ที่เหล่าออโตบอทร่วมมือกับกองทัพสหรัฐฯ ทำการไล่ล่าเหล่าดีเซปติคอนที่ยังหลงเหลือไปทั่วโลกหกครั้งในหกทวีปอย่างลับที่สุด (เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ยังไม่รู้) ซึ่งกองกำลังหน่วยจู่โจมเฉพาะกิจนี้มีชื่อหน่วยว่า NEST นำภารกิจภาคสนามโดยออฟติมัสไพร์มและมนุษย์คือผู้พันเลนน๊อกซ์ (เลนน๊อกซ์ได้เลื่อนขั้นจากนายร้อยเป็นนายพัน)

ที่ประเทศจีน ครั้งล่าสุดของการไล่ล่าดีเซปติคอนกลุ่มนึง คือที่เมืองเซียงไฮ้ในจีน ซึ่งดีเซปติคอนพวกนั้นมีนามว่า Sideways และ Demolishor ก่อนดีเซปติคอนตาย ดีเซปติคอนทิ้งคำพูดไว้ว่า.. “ฟอลเลนจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” ซึ่งออฟติมัสไพร์มก็ไม่รู้จักฟอลเลนว่าชื่อนี้มีความหมายและสำคัญเช่นไร.. (คนละยุคกัน)

ออฟติมัสไพร์มและไอออนไฮด์ในเซี่ยงไฮ้

 

ที่บ้านครอบครัววิตวิคกี้ แซม วิตวิคกี้ ก็กำลังจะย้ายออกจากบ้าน เพื่อไปเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันรัฐนิวเจอร์ซี่ แต่ระหว่างขนของอยู่นั้น แซมก็โทรหามิเคล่า เพื่อจะชวนไปอยู่นิวเจอร์ซี่ด้วยกัน แต่มิเคล่าต้องอยู่กับพ่อที่เพิ่งออกจากคุก ระหว่างคุยโทรศัพท์นั้นแซมก็หยิบเสื้อตัวที่ใส่ในวันดีเดย์ออกมาระลึกความหลัง (วันดีเดย์ในที่นี้ หมายถึงวันที่สังหารเมกาตรอน)

มิเคล่าคุยโทรศัพท์กับแซม

 

ระหว่างคุยๆอยู่ เศษออลสปาร์คชิ้นเล็กๆที่ปักอยู่ในเสื้อแซมก็หล่นออกมา (แซมไม่เคยซักเสื้อตัวที่ใส่วันนั้นเลย เก็บไว้เป็นที่ระทึก) แซมบอกมิเคล่าว่าพบเศษออลสปาร์คติดอยู่ในเสื้อ ทันใดนั้นเศษออลสปาร์คก็ส่งองค์ความรู้ภาษาไซเบอร์ตรอนโบราณให้แซมผ่านดวงตา แล่นเข้าไปในสมองทันที และปล่อยสปาร์คออกมาแปล็บปล๊าบช๊อตมือของแซม และเศษออลสปาร์คก็ร่วงลงพื้น หลอมพื้นห้องแซมทะลุลงไปชั้นล่างในห้องครัวพอดี แซมจึงวางสายมิเคล่า

เศษออลสปาร์คอีกหนึ่งชิ้น

 

เอเนอจอนที่สปาร์คออกมานั้นทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวกำเนิดเป็นชีวจักรกลหลายชีวิต แซมจึงรีบบอกให้บัมเบิ้ลบีออกมาระงับความวุ่นวายนี้โดยด่วน บัมเบิ้ลบีสู้กับชีวจักรกลตัวจิ๋วกำเนิดใหม่อันป่าเถื่อน จนบ้านครอบครัววิตวิคกี้พังเละเทะ รัฐบาลนั้นมีสัญญาซ่อมแซมบ้านให้ครอบครัววิตวิคกี้ฟรีอยู่แล้ว

ชีวจักรกลที่กำเนิดจากเศษออลสปาร์ค

 

แซมรีบไปเก็บเศษออลสปาร์คในครัวใส่หลอดแก้ว และไปบอกลาบัมเบิ้ลบี ว่าไม่ต้องคุ้มกันตนเองอีกต่อไป ให้บัมเบิ้ลบีกลับไปอยู่กับพี่น้องออโต้บอทได้แล้ว

และแซมยังบอกลามิเคล่า ก่อนจะย้ำให้ไปเยี่ยมบ่อยๆด้วย พร้อมกับมอบเศษออลสปาร์คกับมิเคล่าให้เก็บรักษา แต่ดีเซปติคอนสอดแนมนามว่า Wheelie ก็พบเห็นเศษออลสปาร์คชิ้นนี้ จึงรายงานไปให้ Soundwave ดีเซปติคอนที่ลอยอยู่ชั้นบรรยากาศโลกรับรู้ ซาวด์เวฟจึงสั่งให้วีลลี่ช่วงชิงเศษออลสปาร์คมาจากมิเคล่าให้จงได้

วีลลี่ในร่างรถบังคับขนาดเล็ก

 

ที่ฐานลับสุดยอดแห่งหน่วย NEST ของกองทัพสหรัฐฯ ผู้พันเลนน๊อกซ์และออฟติมัสไพร์ม กลับไปที่ฐานลับกองทัพแหล่งพำนักเหล่าออโต้บอท (เพราะมีออโต้บอทเดินทางมาโลกเพิ่มเติม) เพื่อสรุปภารกิจให้นายพลมอร์โชเวอร์ ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพสหรัฐฯฟังผ่านทางไกล

นายพลมอร์โชเวอร์ ผ.บ.หน่วย NEST และผ.บ.เหล่าทัพ

 

ในการสรุปครั้งนี้ ผ.อ.กัลลาเวย์ที่ปรึกษาความมั่นคงของทำเนียบขาวได้เดินทางมาฟังสรุปด้วย และพล่ามน้ำไหลไฟดับ ว่าต้องการให้ออโต้บอทออกไปจากโลกมนุษย์ เพราะคิดว่าเรื่องวุ่นวายทุกอย่างเป็นเพราะออโต้บอท

ผ.อ.กัลลาเวย์ ที่ปรึกษาความมั่นคงของทำเนียบขาว

 

แถมผ.อ.กัลลาเวย์ยังพล่ามด้วยว่า เศษออลสปาร์คที่ดึงออกมาจากเมกาตรอนอยู่ในฐานลับนี้ และการสนนาสื่อสารผ่านทางไกลครั้งนี้ ก็ถูกดักฟังโดยดีเซปติคอนนามว่าซาวเวฟเช่นกัน เพราะซาวด์เวฟเกาะอยู่บนดาวเทียมสื่อสารนอกชั้นบรรยากาศโลกเพื่อดักฟังข้อมูลตรงๆเลย จึงทำให้ดีเซปติคอนรู้พิกัดเมกาตรอนและเศษออลสปาร์คทั้งสองชิ้น และมีหนทางที่จะคืนชีพให้เมกาตรอน..

ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันรัฐนิวเจอร์ซี่ พ่อแม่ของแซมก็มาส่งแซมในหอพักของมหาลัย และแซมก็พบกับสาวมหาลัยสุดฮ๊อทนามว่า Alice ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการใกล้ชิดแซม

อลิซ สาวฮ๊อทลึกลับ

 

ที่นอกชั้นบรรยากาศโลก ซาวด์เวฟส่งดีเซปติคอนนามว่า Ravage ลงมาที่บริเวณฐานลับของหน่วย NEST ช่วงชิงเศษออลสปาร์คเพื่อคืนชีพเมกาตรอน

Ravage

 

Ravage บุกเดี่ยวลุยเข้าไปยังปล่องท่อในฐานทัพอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปล่อยดีเซปติคอนสอดแนมขนาดจิ๋วหลิ๋วนามว่า Microcon ที่แยกร่างเป็นชิ้นส่วนเล็กๆมากมายหลายส่วน ลงไปค้นหาเศษออลสปาร์คในฐานทัพ เมื่อไมโครคอนค้นพบเศษออลสปาร์ค มันก็กลับมารวมร่างกัน และดีเซปติคอนก็ได้เศษออลสปาร์คไปได้

ไมโครคอนพบเศษออลสปาร์คที่ยังมีเอเนอจอนเหลือเฟือ

 

เช้าวันรุ่งขึ้นที่กลางทะเลแอตแลนติคเหนือ อันเป็นสถานที่ซึ่งทิ้งเมกาตรอนเอาไว้ Ravage พาเหล่าดีเซปติคอนชุดกู้ชีพหลายตัวมาเพื่อซ่อมแซมเมกาตรอน และด็อคเตอร์ก็ใช้เอเนอจอนในเศษออลสปาร์คปลุกชีพเมกาตรอนได้สำเร็จ

เมกาตรอนฟื้นคืนชีพขึ้นมา ก็บินด้วยความเร็วสูงมุ่งหน้ากลับไปที่ดวงจันทร์ของดาวเสาร์ทันที ซึ่งสตาร์สครีมบัญชาการเหล่าดีเซปติคอนชั่วคราวระหว่างที่เมกาตรอนไม่อยู่ (ที่แห่งนี้ดีเซปติคอนซุ่มฟูมฟักตัวอ่อนเผ่าพันธุ์ไซเบอร์ตรอนมากมาย แต่ต้องได้เอเนอจอนมาสปาร์คพลังชีวิตด้วย ไม่งั้นตัวอ่อนก็ตายหมด)

หน่วยกู้ชีฟดีเซฟติคอนคืนชีพเมกาตรอน

 

ที่ดวงจันทร์ของดาวเสาร์ เมกาตรอนเข้าไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลวให้เมก้าโตรนัสไพรม์ หรือ ดิฟอลเลน ฟัง ว่ามิอาจนำออลสปาร์คกลับมาได้ตามคำสั่ง (สั่งให้ไปเอาตั้งแต่หลายพันปีที่แล้วนั่นละ) ฟอลเลนจึงเฉลยให้ศิษย์เอกฟังเป็นครั้งแรกว่า ออลสปาร์คเป็นเพียงภาชนะเก็บเอเนอจอนและสร้างชีวจักรกล แต่เอเนอจอนต่างหากคือขุมพลังแห่งชีวิตทั้งมวลของเหล่าชีวจักรกล

และองค์ความรู้ทั้งมวลของออลสปาร์ค ที่จะพาไปถึงเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำ ซึ่งเป็นกุญแจเปิดเครื่องเก็บเอเนอจอนและทำให้ฟอลเลนกลับมาแกร่งอีกครั้ง บัดนี้ได้เข้าไปอยู่ในสมองของมนุษย์ที่ชื่อ แซม วิตวิคกี้ แต่มีไพร์มผู้สืบทอดคนสุดท้ายอีกหนึ่งตนที่ปกป้องแซมอยู่ (ออฟติมัสไพร์ม) พวกดีเซปติคอนจึงมุ่งเป้าไปที่แซม วิตวิคกี้..

เมก้าโตรนัสไพรม์ หรือ  ดิฟอลเลน ที่ยังมีชีวิต หลังจากผ่านมานานเกือบสองหมื่นปี

 

ที่โลกมนุษย์ แซมเริ่มเชื่อมต่อกับสัญลักษณ์ภาษาโบราณของไซเบอร์ตรอนได้ และเขียนภาษาเหล่านั้นบนกระดานดำ จนดูเหมือนว่าแซมสติแตกในชั้นเรียนที่มหาลัยปรินซ์ตัน แซมจึงโทรบอกอาการประหลาดนี้ให้มิเคล่าฟัง และสั่งห้ามไม่ให้มิเคล่าแตะต้องเศษออลสปาร์คเด็ดขาด

ด้านทางมิเคล่าที่กำลังคุยโทรศัพท์กับแซมอยู่ ดีเซปติคอนนามว่าวีลลี่ก็สะกดรอยตามมิเคล่ามาจนถึงอู่รถที่บ้านของมิเคล่า และพยายามจะขโมยเศษออลสปาร์คอีกชิ้นในตู้เซฟของมิเคล่า มิเคล่าเห็นพอดี วีลลี่จึงเข้าโจมตีมิเคล่า แต่วีลลี่ก็ถูกมิเคล่าจี้ไฟใส่ลูกกะตา และจับตัวขังได้สำเร็จ มิเคล่าจึงพาวีลลี่และเศษออลสปาร์คขึ้นเครื่องบินไปหาแซมที่นิวเจอซี่ทันที

วีลลี่ผู้น่าสงสาร

 

ที่มหาลัยปรินซ์ตัน ในวันถัดมา แซมก็เขียนอักษรโบราณของไซเบอร์ตรอนมากมายในหอพัก อลิซหญิงสาวลึกลับก็เข้ามาหาแซมอีกครั้ง และเข้าไปจูบแซมบนเตียงนอน

จังหวะพอดีที่มิเคล่าถึงพอดี มิเคล่าจึงหัวเสียมากที่แซมจูบผู้หญิงคนอื่น จึงปึงปังกลับออกไป แต่แล้วอลิซก็กลับร่างเป็นดีเซปติคอนนักสังหาร ซึ่งอลิซจะมาดูดสมองแซมเอาองค์ความรู้ออลสปาร์คนั่นเอง

ร่างจริงของอลิซ มือสังหารของดีเซปติคอน

 

อลิซไล่ล่าแซมไปทั่วมหาลัย สุดท้ายอลิซก็โดนแรงโมโหของมิเคล่าขับรถชนและเหยียบซ้ำจนตาย พวกของแซมนึกว่ารอดแล้ว แต่ Grindor ก็มาจับแซมกับมิเคล่าไปพบกับเมกาตรอนในโรงงานร้าง

ที่โรงงานร้าง เมกาตรอนให้ Doctor ดีเซปตีคอนหน่วยวิทยาศาสตร์ตรวจสมองของแซม ด็อคเตอร์ใช้เครื่องอ่านสมองชอนไชเข้าไปในหัวกระโหลกแซมเพียงแป็บเดียว ด็อกเตอร์ก็อ่านและฉายโฮโลแกรมสิ่งที่แซมเห็นในสมองออกมาได้ทั้งหมด

ด็อคเตอร์

 

บัมเบิ้ลบีพาออฟติมัสไพร์มมาช่วยเหลือแซมและมิเคล่าได้พอดี ออฟติมัสไพร์มสั่งให้บัมเบิ้ลบีพาแซมหนีไป ออฟติมัสไพร์มสังหารกรินดอร์ลงไปได้ แต่ออฟติมัสไพร์มก็โดนลอร์ดเมกาตรอนสังหารเช่นกัน ฟอลเลนจึงเป็นอิสระอีกครา เพราะไพร์มคนสุดท้ายตายลงไปแล้ว.. (พลังแห่งไพร์มสะกดฟอลเลนอยู่)

ออฟติมัสไพร์มโดนลอร์ดเมกาตรอนสังหารกลางป่า

 

หลังจากฟอลเลนกลับมาทรงอำนาจและพลังเช่นเดิม ดีเซปติคอนจึงเคลื่อนพลเพื่อจะทำสงครามโจมตีโลกมนุษย์อย่างเปิดเผย โดยตอนนี้เหล่าออโต้บอทก็ไร้ผู้นำ เพราะออฟติมัสไพร์มตายไปแล้ว

ฟอลเลนส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมไปทุกการสื่อสารทั่วโลก เพื่อประกาศสงคราม และตามหาตัวมนุษย์ที่ชื่อ แซม วิตวิคกี้ สำนักข่าวทั่วโลกต่างรายงานถึงข่าวนี้..

ฟอลเลนบอกมนุษย์ทุกคนบนโลกว่ามิได้อยู่ตามลำพังในจักรวาลอันกว้างใหญ่..

 

หน่วย NEST นำร่างอันไร้ชีวิตของออฟติมัสไพร์มกลับฐาน และผ.อ.กัลลาเวย์ก็บ้าพลังสั่งควบคุมตัวเหล่าออโต้บอท ทำให้เกือบๆจะโดนออโต้บอทยั๊ว ดีที่ผู้พันเลนน๊อกซ์มาช่วยไกล่เกลี่ย แต่ตอนนี้ผ.อ.กัลลาเวย์กุมอำนาจทุกอย่างไว้ สั่งยุบหน่วย NEST และให้นำร่างออฟติมัสไพร์มกลับฐานดิเอโก้การ์เซียโดยด่วน

ออโต้บอทถูกสั่งให้เลิกต่อสู้

 

แซมนั้นหลังจากพบเห็นข่าวของตนเองถูกฟอลเลนหมายหัว แซมก็หวังไว้กับที่พึ่งสุดท้าย นั่นคือ ซีมัวร์ ซิมม่อน อดีตเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเซคเตอร์7 เพื่อให้ซีมัวร์ช่วย

ที่ห้องลับของซีมัวร์ ซีมัวร์ก็พยายามบอกทุกคนถึงการมีอยู่ของชีวจักรกลปะปนอยู่บนโลก ตั้งแต่ยุคก่อนคริสตกาล ปรากฏเป็นสัญลักษณ์ประหลาดไปทุกๆอารยธรรมทั่วโลก

ต่อมา เมื่อมีการก่อตั้งหน่วยเซคเตอร์ 7 เมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว ก็มีการพบเห็นชีวจักรกลที่แปลงร่างเป็นยานยนต์โบราณต่างๆ เซคเตอร์ 7 จึงตั้งชื่อโปรเจคนี้ว่า black knife โดยซีมัวร์พยายามผลักดันโปรเจคแบล็คไนฟ์อย่างมาก แต่แล้วโปรเจคก็ถูกยุบไป (พวกนี้คือดีเซปติคอนที่หลงเหลือจากสงครามดิฟอลเลน)

Project : Black Knife

 

มิเคล่าจึงไปนำตัววีลลี่ออกมาจากท้ายรถ และขอร้องให้วีลลี่บอกถึงรูปภาพยานยนต์ต่างๆในโปรเจคแบล็คไนฟ์ วีลลี่เมื่อถูกสาวสวยขอร้องดีๆก็ยอมบอก ว่าไม่รู้จักภาษาโบราณเหล่านั้น แต่รู้ว่ายานยนต์โบราณพวกนี้ เป็นชีวจักรกลรุ่นอาวุโสของไซเบอร์ตรอน จัดเป็นพวกประเภท Seeker  คือพวกบินได้ และซี้กเกอร์ก็แปลภาษาไซเบอร์ตรอนโบราณให้แซมได้

วีลลี่ยังรู้จากภาพถ่ายโปรเจคแบล็คไนฟ์ด้วยว่า พิกัดหนึ่งในซี้กเกอร์ยังอยู่ในพิพิธภัณฑ์การบินสมิธโซเนียน เหล่าออโต้บอทที่คุ้มกันแซมจึงพาทุกคนเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์การบินสมิธโซเนียนทันที

วีลลี่บอกพิกัดซี้กเกอร์

 

แซมพบกับ Jetfire ซี้กเกอร์ดีเซปติคอนโบราณที่กลับใจมาอยู่กับออโต้บอท เจ็ทไฟร์หลับไหลอยู่ในสภาพเครื่องบินรบโบราณแบล็คเบิร์ด แซมใช้เศษออลสปาร์คเพื่อสปาร์คเอเนอจอนเข้าไปในตัวเจ็ทไฟร์ ก่อนที่เจ็ทไฟร์จะเทเลพอร์ทพาเหล่าออโต้บอทและพวกแซมไปที่อียิปต์ และอธิบายถึงสัญลักษณ์ไซเบอร์ตรอนโบราณ ซึ่งเขียนถึงเรื่องราวของสุสานแห่งไพร์มกับเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำ และสงครามดิฟอลเลนเมื่อ17,000ปีที่แล้ว (กรุณากลับไปอ่านเรื่องราวใน บทที่1)

เจ็ทไฟร์ ซี้กเกอร์ดีเซปติคอนผู้ย้ายฝ่ายมาอยู่ออโต้บอท

 

ที่เจ็ทไฟร์เทเลพอร์ทมาที่นี่ เพราะอียิปต์คือเบาะแสสุดท้ายของการสืบหาตำแหน่งเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำ แซมจึงมีความหวังว่าจะคืนชีพออฟติมัสไพร์มได้ด้วยเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำนี่เอง และบัดนี้ แซมก็ไขปริศนาสุดท้ายที่เจ็ทไฟร์บอกได้แล้ว ว่าที่ซ่อนสุสานแห่งไพร์มคือมหานครในหน้าผา เพตรา บริเวณทะเลแดงฝั่งจอร์แดน ซึ่งติดกับอียิปต์นั่นเอง

เจ็ทไฟร์บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของขุมพลังเอเนอจอนที่เกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์

 

แซมให้ซีมัวร์หาเบอร์ความปลอดภัยโทรหาผู้พันเลนน๊อกซ์ เพื่อช่วยพาร่างของออฟติมัสไพร์มมาที่มหานครเพตรา แซมมีหนทางชุบชีวิตออฟติมัสไพร์ม แม้จ่าเอปป์จะไม่ค่อยเชื่อ แต่ผู้พันเลนน๊อกซ์เห็นว่าน่าลองเสี่ยง

ที่ฝั่งจอร์แดนบริเวณทะเลแดง แซมเดินทางไปที่มหานครเพตราทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดแซมก็ค้นพบสุสานแห่งไพร์มจนได้ และครอบครองเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำแล้ว แต่ทันทีที่แซมสัมผัส เมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำก็สลายกลายเป็นผุยผง แต่แซมก็โกยผงของเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำใส่ถุงผ้า และมุ่งหน้าไปฝั่งอียิปต์ตามหาหน่วยของผู้พันเลนน๊อกซ์

เมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำก่อนจะสลายกลายเป็นผุยผง

 

ที่ฝั่งอียิปต์บริเวณทะเลแดง หน่วยของผู้พันเลนน๊อกซ์นำร่างของออฟติมัสไพร์มมาถึงแค่อียิปต์ และไม่สามารถไปต่อได้ เพราะสัญญาณทั่วบริเวณโดนดีเซปติคอนตัดหมด จึงจุดสัญญาณพลุบอกทางให้แซมเห็นพิกัด ซึงห่างจากแซมถึงสองไมล์ ซึ่งเมื่อดีเซปติคอนรู้แน่ชัดว่าหน่วยของผู้กองเลนน๊อกซ์พาร่างออฟติมัสไพร์มมาที่อียิปต์ เมกาตรอนจึงสั่งเคลื่อนพลบุกใส่กองกำลังมนุษย์ทันที

เจ็ทไฟร์บินมาที่อียิปต์เพื่อช่วยออโต้บอทกับมนุษย์ และสังหารดีเซปตีคอนไปหลายตัว Scorponokซึ่งรอดชีวิตมาเมื่อสองปีที่แล้วก็โผล่มาอีกครั้ง และเข้าโจมตีทะลวงหน้าอกของเจ็ทไฟร์จนเป็นรู เจ็ทไฟร์ฉีกร่างของScorponok แต่ตัวเองก็บาดเจ็บสาหัสกำลังจะตายเช่นกัน

นายพลมอร์โชเวอร์พยายามส่งกำลังพลสหรัฐฯเข้าไปช่วยหน่วยของผู้กองเลนน๊อกซ์ทันทีเช่นกัน และแซมกับมิเคล่าก็มาถึงหน่วยของผู้กองเลนน๊อกซ์แล้ว แต่พวกดีเซปติคอนรู้แน่ชัดแล้วว่ามหาเครื่องจักรทำลายดวงอาทิตย์เก็บเอเนอจอนอยู่ในปีรามิดแห่งกีซ่าที่อียิปต์

ดีเซปติคอนนามว่า Devastator กำลังคุ้ยยอดปีรามิดแห่งกีซ่า

 

กำลังพลหน่วยบินรบที่นายพลมอร์โชเวอร์ส่งมาช่วยหน่วยของผู้กองเลนน๊อกซ์ ก็ทำการยิงจรวดและระเบิดปูพรมไปทั่วบริเวณที่ผู้กองเลนน๊อกซ์ส่งสัญญาณควันบอก พวกของผู้กองเลนน๊อกซ์หนีระเบิดทัน แต่แซมโดนแรงของระเบิดของเมกาตรอนเต็มๆจนบาดเจ็บสาหัสหัวใจหยุดเต้นไป

ในนิมิตรของแซมขณะหัวใจหยุดเต้นนั้น แซมก็พบกับวิญญาณของไพร์มดั้งเดิมทั้งหกคน ที่บอกว่าแซมคือผู้คู่ควรที่จะเข้าถึงความลับของเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณ เพราะแซมมุ่งมั่นในการช่วยเหลือทายาทไพร์มคนสุดท้ายอย่างออฟติมัส และไพร์มทั้งหกก็บอกให้แซมนำเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำไปสปาร์คที่หน้าอกของออฟติมัสไพร์มเพื่อคืนชีวิต

แซมพบกับไพร์มรุ่นแรกทั้งหกตัว (ไพร์มตัวที่เจ็ดคือดิฟอลเลน)

 

ทันใดนั้นแซมก็ฟื้นคืนชีวิตหัวใจเต้นอีกครั้ง และฝุ่นผงของเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำก็หลอมรวมกันเป็นเช่นเดิม แซมรีบมุ่งหน้าไปที่ร่างของออฟติมัสไพร์ม และจิ้มเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำใส่หน้าอกออฟติมัสไพร์มทันที ออฟติมัสไพร์มจึงฟื้นคืนชีวิต และเข้าถึงประวัติศาสตร์ของเหล่าไพร์มรุ่นแรกทั้งเจ็ดตัวได้ในบัดนั้น..

ทันใดนั้นฟอลเลนก็เทเลพอร์ทมาช่วงชิงเมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำไปจากออฟติมัสไพร์ม และเทเลพอร์ทอีกทีเพื่อไปบนยอดปีรามิดแห่งกีซ่าซึ่งเมกาตรอนรออยู่ ก่อนจะใส่เมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำเข้าไปในเครื่องเพื่อให้ทำงาน ซึ่งกำลังจะทำลายดวงอาทิตย์แห่งระบบสุริยจักรวาลในไม่ช้า..

ดิฟอลเลนกลับมาโลกมนุษย์อีกครั้งในรอบเกือบสองหมื่นปี

 

เหล่ากองกำลังทหารมนุษย์จึงระดมยิงอาวุธทุกชนิดใส่ยอดปีรามิดแห่งกีซ่าเพื่อโจมตีฟอลเลน แต่ฟอลเลนก็ใช้พลังดึงดูดอาวุธทุกชนิดของมนุษย์มาทำลายทั้งหมด (ยิ่งกว่าแม็กนีโต้อีก เพราะดูดวัตถุได้หมด)

เจ็ทไฟร์ชาบซึ้งที่ได้เห็นไพร์มตัวเป็นๆอีกครั้งในรอบหลายพันปี จึงมอบพลังเฮือกสุดท้ายของตนเองให้กับไพร์มคนสุดท้าย อะไหล่ชิ้นส่วนในการบินของเจ็ทไฟร์เข้าไปประกอบกับร่างเดิมของออฟติมัสไพร์ม ทำให้ออฟติมัสไพร์มบินได้และพลังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ออฟติมัสไพร์มจึงบินไปหาฟอลเลนและเมกาตรอนบนยอดปีรามิดแห่งกีซ่าทันที

ออฟติมัสไพร์มเสริมออฟชั่นการบิน

 

ออฟติมัสไพร์มบินมาถึงก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ยิงกระสุนทำลายมหาเครื่องจักรทำลายดวงอาทิตย์เก็บเอเนอจอนทิ้งทันที ฟอลเลนและเมกาตรอนรุมส้กับออฟติมัสไพร์มยังเอาไม่อยู่ และออฟติมัสไพร์มก็ยิงเสกหน้าเมกาตรอนจนหน้าแหกแหว่งไปซีกนึง

เมกาตรอนโดนยิงเสกหน้าลูกกะตาหายไปข้างนึง

 

ก่อนที่ออฟติมัสไพร์มจะยิงซ้ำใส่เมกาตรอนไปอีกดอกใหญ่ จนทำให้เมกาตรอนบาดเจ็บสาหัสลุกขึ้นมาช่วยฟอลเลนไม่ไหว ซึ่งฟอลเลนสู้ออฟติมัสไพร์มไม่ได้เลย และโดนออฟติมัสไพร์มสังหารอย่างรวดเร็วและไร้ปราณี..

จุดจบของดิฟอลเลน ไพร์มผู้ยิ่งใหญ่

 

สตาร์สครีมห้ามไม่ให้เมกาตรอนเข้าปะทะกับออฟติมัสไพร์มในตอนนี้ และหนีไปตั้งหลักกันก่อนจะดีกว่า เมกาตรอนและสตาร์สครีมจึงบินหนีไปได้อีกครั้ง.. หลังจากเสร็จศึกกับฟอลเลน  เหล่าออโต้บอทที่เหลือก็ยังคงปกป้องโลกมนุษย์ต่อไป..

 

บทที่ 3 ภัยซ่อนเร้นบนดวงจันทร์

 

รัฐบาลทั่วโลกตระหนักถึงการมีอยู่ของชีวจักรกลบนโลกมนุษย์ ทั้งดีเซปติคอนและออโตบอท ทุกๆเมืองใหญ่จึงติดตั้งเครื่องตรวจจับเอเนอจอนไว้ เพื่อเฝ้าระวังชีวจักรกลพวกวายร้ายอย่างดีเซปติคอน..

หลังจากดิฟอลเลนสิ้นชีพ โลกมนุษย์ก็สงบสุขเรื่อยมา แซม วิตวิคกี้ ได้ทุนเรียนมหาลัยปรินซ์ตันจนจบการศึกษา แต่แซมก็โดนมิเคล่าบอกเลิก และทิ้งแซมไป หลังจากอกหักได้ไม่นาน แซมก็ได้รับเหรียญแห่งอิสรภาพจากประธานาธิปดีโดยตรง (The Medal of Freedom)

ประธานาธิปดีโอบาม่ามอบเหรียญให้แซมในทำเนียบขาว

 

ซึ่งในงานรับเหรียญที่ทำเนียบขาวนั้นเอง แซมก็ได้พบกับแฟนสาวคนใหม่คือ Carly Spencer สาวสวยสุดฮ๊อทชาวอังกฤษ ซึ่งตอนนั้นคาร์ลี่ทำงานกับสถานทูตอังกฤษ และมาเยี่ยมทำเนียบขาวพอดี จึงพบกับแซมนั่นเอง

เมื่อเรียนจบมาได้สามเดือน แซมก็ย้ายมาอยู่กับคาร์ลี่ที่วอชิงตันดีซี เพราะคาร์ลี่ย้ายมาทำงานอยู่ในบริษัทในเครือของ Hotchkiss Gould Investments ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีเครือข่ายธุรกิจหลายอย่างในอเมริกา ส่วนแซมนั้นยังหางานทำไม่ได้ และอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นต์ของคาร์ลี่ฟรีๆ (คาร์ลี่เลี้ยงแซมนั่นละ) โดยแซมพา Wheelie และ Brains ซึ่งเป็นดีเซปติคอนกลับใจมาอยู่ด้วย

คาร์ลี่ สเปนเซอร์

 

พวกออโต้บอทนั้นอยู่ที่โลกและทำงานกับหน่วย NEST เช่มเดิม เมื่อไม่มีการปรากฏตัวของดีเซปติคอน ออโต้บอทจึงช่วยมนุษย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของมนุษย์ด้วยกัน ทำงานสายลับไปทั่วโลก แต่ออฟติมัสไพร์มก็สั่งไม่ให้เหล่าออโต้บอทชะล่าใจ และจับตาความเคลื่อนไหวของศัตรูที่แท้จริงอย่างดีเซปติคอนอยู่ตลอด ห้ามวางใจเป็นอันขาด..

ผู้พันเลนน๊อกซ์ได้รับการติดต่อลับๆจากผ.อ. Alexi Voskhod ที่ปรึกษาทั่วไปกระทรวงพลังงานของประเทศยูเครน ซึ่งผ.อ.วอส์คฮ้อดมาบอกผู้พันเลนน๊อกซ์ถึงข้อมูลของสิ่งที่อาจจะเป็นวิทยาการต่างดาว และอยู่ในห้องทดลองในนิคมเชอโนบิลมาหลายสิบปีแล้ว (ยูเครนเคยอยู่ในสหภาพโซเวียตมาก่อน)

Chernobyl

 

ที่เชอโนบิล เมืองที่ร้างตั้งแต่ปี 1986 เพราะปนเปื้อนกันมันตภาพรังสีเข้มข้นจากเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ระเบิด จนมนุษย์มิสามารถอยู่ไม่ได้ ผ.อ.วอส์คฮ้อดพาหน่วย NEST มาจนถึงห้องทดลองลับในที่แห่งนี้ ที่บัดนี้เหลือเพียงซาก และมาถึงสิ่งของบางอย่าง ที่ดูเหมือนว่าเป็นขององค์กรอวกาศโซเวียตมาทดลอง (ในจักรวลานี้อ้างว่า โซเวียตเอาวิทยาการต่างดาวที่ว่ามาทดลองกับนิวเคลียร์ จนเชอโนบิลเละ อย่างที่เห็น)

ผ.อ.วอส์คฮ้อด สังเกตเห็น Laserbeak (เลเซอร์บีค) ดีเซปติคอนที่แปลงร่างเป็นอีแร้งเหล็กแอบซุ่มดูอยู่ในมุมมืดสูงๆไกลๆ ผ.อ.วอส์คฮ้อดจึงหนีออกไปอย่างรีบร้อน และปล่อยให้ผู้พันเลนน๊อกซ์กับหน่วย NEST ลุยหาสิ่งที่คิดว่าเป็นเทคโนโลยีต่างดาวในเชอโนบิลกันเอง

ผ.อ.วอส์คฮ้อดหวาดกลัวเลเซอร์บีค

 

จังหวะเดียวกันที่หน่วย NEST จับสัญญาณของเอเนอจอนกำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วได้ ทันใดนั้นดีเซปติคอนจอมทำลายล้างนามว่า Shockwave ก็ลุยหน่วย NEST จนตึกเมืองเชอโนบิลพังเป็นแถบๆ แต่ออฟติมัสไพร์มก็ออกมาปะทะกับช็อคเวฟทันทีเช่นกัน ช็อคเวฟจึงหนีไป และทิ้งสิ่งที่มันจะมาเอาไปด้วย ซึ่งออฟติมัสไพร์มก็จำได้ว่า สิ่งนั้นมันคือชิ้นส่วนระบบขับเคลื่อนยานดิอาร์ค (อ่านเรื่องราวของดิอาร์คใน บทที่ 1) และเลเซอร์บีคก็ตามมาฆ่าผ.อ.วอส์คฮ้อด ก่อนที่มันจะหนีไปอีกตัว

ช็อคเวฟ

 

ที่วอชิงตันดีซี แซมได้เข้าทำงานที่บริษัทเอกชนที่ชื่อ Accuretta Systems ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับโทรคมนาคมการบินสหรัฐฯชั้นหัวกระทิ โดยมีหนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดของบริษัทแนะนำมาโดยตรงให้แซมเข้าทำงาน แซมยังไม่รู้ว่าคณะกรรมการบอร์ดคนนั้นเป็นใคร (ภายหลังแซมจึงรู้ว่า Dylan Gould เจ้านายของคาร์ลี่แฟนสาวของแซมนั่นละเป็นคนฝากงานให้ เพราะกูลด์คือหนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดของบริษัทแอคคูแรตต้าซิสเตมส์ และกูลด์ยังเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของอเมริกาอีกด้วย)

Bruce Brazos เจ้าหน้าที่อาวุโสของแอคคูแรคต้าซิสเตมส์รับแซมเข้าทำงาน

 

ที่ฐานลับหน่วย NEST ผอ.ฝ่ายข่าวกรองสหรัฐฯ Charlotte Mearing ได้เข้ามาพบออฟติมัสไพร์มที่ฐานลับของหน่วย NEST และพานักบินอวกาศของยานอพอลโล่ 11 คือ Buzz Aldrin มาอธิบายถึงเหตุผลจริงๆที่นาซ่าขึ้นไปสำรวจบนดวงจันทร์ นั่นก็เพราะเมื่อยุค 60′ มีการตรวจจับสัญญาณการร่อนลงของยานต่างดาวบนดวงจันทร์ ออฟติมัสไพร์มจึงบอกทุกคน ว่ายานต่างดาวนั้นชื่อ ดิอาร์ค แห่งเหล่าออโต้บอท ซึ่งเซนทิเนลเป็นผู้บังคับการของยาน (เรื่องราวของเซนทิเนลอยู่ในบทที่ 1)

ออฟติมัสไพร์ม กำลังคุยกับ ผ.อ.ชาล๊อต มีอาริ่ง

 

ที่ดวงจันทร์ ออฟติมัสไพร์มกับแรตเชทขับ Xantium ยานสำรวจอวกาศของออโต้บอทมาที่นี่ เพื่อสำรวจยานดิอาร์ค และออฟติมัสไพร์มก็พบกับเสาสร้างสะพานอวกาศ 4 แท่ง และเสาควบคุมหลัก 1 แท่ง รวมเป็น 5 แท่ง พร้อมกับร่างของเซนทิเนล ซึ่งเคยเป็นไพร์มผู้นำออโต้บอทคนก่อนหน้าออฟติมัสไพร์ม เมื่อกลับถึงโลก ผ.อ.มีอาริ่งก็ยึดเสาทั้ง 5 แท่งของเซนทิเนลเอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย

แท่งที่มีแสงสีแดงคือเสาหลักควบคุมสะพานอวกาศ

 

ที่กลางทุ่งหญ้าในป่าทวีปอาฟริกา ซาวด์เวฟและเลเซอร์บีครวมถึงสตาร์สครีม เข้ามารายงานภารกิจกับลอร์ดเมกาตรอน ว่าแผนการหลอกล่อให้ออโต้บอทค้นพบชิ้นส่วนของดิอาร์คเป็นผลสำเร็จ และออโต้บอทก็งับเหยื่อเต็มๆ โดยออโต้บอทมุ่งหน้าไปดวงจันทร์เพื่อค้นหายานดิอาร์คตามแผน

เมื่อแผนลุล่วง ลอร์ดเมกาตรอนจึงสั่งให้ปิดปากมนุษย์ทุกคนที่ทำงานให้ดีเซปติคอน เพราะมนุษย์เหล่านั้นหมดประโยชน์แล้ว ซาวด์เวฟจึงสั่งให้เลเซอร์บีคไล่สังหารทุกคนที่ทำงานให้ ซึ่งมนุษย์พวกนั้น คือพวกที่รู้ความลับเรื่องด้านมืดดวงจันทร์กับยานดิอาร์ค (ผ.อ.วอส์คฮ้อดก็เป็นหนึ่งในมนุษย์ที่ถูกบังคับเพื่อทำงานให้ดีเซปติคอน)

สามขุนพลชั้นหัวหน้าแห่งดีเซปติคอน ซาวด์เวฟ / เมกาตรอน / และ สตาร์สครีม

 

ที่บริษัทแอคคูแรคต้าซิสเตมส์ คาร์ลี่ขับ Mercedes-Benz SLS AMG ซึ่งกูลด์เจ้านายของคาร์ลี่มอบให้เป็นของขวัญมาหาแซมที่บริษัท ซึ่งแซมก็ไม่เข้าใจว่ากูลด์จะซื้อรถแพงระยับเช่นนี้ให้คาร์ลี่ทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะหวังได้ตัวคาร์ลี่ ถึงจะอ้างว่าเป็นโบนัสที่ทำงานดีก็เถอะ

เมื่อคาร์ลี่กลับไป Jerry Wang พนักงานอาวุโสของบริษัทแอคคูแรคต้าซิสเตมส์ก็เข้ามาประกบแซมทันที และมอบบันทึกลับต่างๆที่เกี่ยวข้องกับด้านมืดของดวงจันทร์ให้แซมไปอ่าน

หวางมอบบันทึกข้อมูลลับให้แซม

 

เมื่อแซมกลับมานั่งอ่านบันทึกลับของหวางและปะติดปะต่อเรื่องราวได้ แซมก็ขึ้นไปหาหวางที่ตึกชั้นบน แต่หวางกลับมีท่าทีแปลกๆ และไล่แซมออกไปจากห้องตนเอง ทันทีที่แซมออกไปจากห้องหวาง เลเซอร์บีคก็ฆาตกรรมอำพรางหวางด้วยการผลักหวางตกตึกตายไป

ระหว่างที่พนักงานในบริษัทแอคคูแรตต้าซิสเตมส์กำลังตื่นตกใจกับการที่หวางกระโดดตึกตาย เลเซอร์บีคซึ่งแปลงร่างเป็นเครื่องซีร๊อกซ์ก็เผยตัว และโจมตีคนในตึกเพื่อจะหนีออกไปจากตึก แซมจึงรู้ทันทีว่าเรื่องด้านมืดของดวงจันทร์ การตายของหวาง และดีเซปติคอน ทุกอย่างนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน

เลเซอร์บีค หน่วยปฎิบัติการลับของดีเซปติคอน

 

ที่ฐานลับหน่วย NEST แซมรีบพาคาร์ลี่ไปที่ฐานลับของหน่วย NEST ตอนแรกทหารรักษาความปลอดภัยไม่ให้แซมเข้าไปในหน่วย บัมเบิ้ลบีจึงออกมารับรองแซมให้ แซมจึงรีบบอกถึงเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้พันเลนน๊อกซ์ฟัง

แต่ผ.อ.มีอาริ่งนั้นไม่ต้องการให้คนนอกที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐบาลเข้ามาวุ่นวาย จึงส่งให้แซมกลับออกไปพร้อมกับส่งบัมเบิ้ลบีไปคุ้มกันแซม แต่ก่อนแซมกลับนั้น ออฟติมัสไพร์มก็กำลังใช้เมตทริกซ์แห่งจิตวิญาณผู้นำคืนชีพให้เซนทิเนลพอดี

เมื่อเซนทิเนลตื่นจากหลับไหล สิ่งแรกที่เซลทิเนลถามถึง คือแท่งเสาสะพานอวกาศนับร้อยแท่งที่ตนเองประดิษฐ์ แต่บัดนี้เหลืออยู่เพียงแค่ 4 แท่ง และเสาควบคุมหลักอีก 1 แท่ง

เซนทิเนลอดีตผู้นำออโต้บอท กำลังคุยกับ ผ.อ.ชาล๊อต มีอาริ่ง

 

เซนทิเนลยังเล่าด้วยว่า เสาสะพานอวกาศนั้นมีเพื่อเปิดสะพานอวกาศขนาดใหญ่ เพื่ออพยพชาวไซเบอร์ตรอนไปสู่ดินแดนอื่นๆ ยิ่งมีเสาเยอะ ประตูมิติยิ่งกว้างขึ้นเท่านั้น ซึ่งที่เหลือเพียง 5 แท่งก็อยู่ในความครอบครองของหน่วย NEST ตามคำสั่งผ.อ.มีอาริ่ง ส่วนเสาสะพานอวกาศที่เหลือเป็นร้อยแท่งนั้นไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน?

ที่อพาร์ทเม้นต์ของคาร์ลี่ แซมก็มานั่งขบคิดกับบัมเบิ้ลบี ว่าเหตุใดดีเซปติคอนถึงตามสังหารมนุษย์ (เพราะปกติดีเซปติคอนจะไม่สังหารมนุษย์ถ้าไม่ได้อยู่ในการสู้รบ ไม่เคยไล่ตามฆ่ามนุษย์เจาะจงเช่นนี้มาก่อน)

เนื่องด้วยหน่วย NEST ไม่ตามเรื่องนี้ แซมจึงคิดถึงเพื่อนเก่าที่จะช่วยตามเรื่องนี้ได้ คนผู้นั้นคืออดีตเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเซคเตอร์ 7 นามว่า ซีมัวร์ ซิมม่อน ซึ่งตอนนี้ซีมัวร์นั้นรวยจากการเขียนหนังสือขาย Code-Neme HERO เป็นหนังสือแฉเรื่องราวการร่วมมือกันของออโต้บอทและมนุษย์เพื่อทำภารกิจลับต่างๆในโลก

ปกหนังสือ รหัสลับวีรบุรุษ

 

และเมื่อซีมัวร์รู้จากแซมว่า ดีเซปติคอนเผยตัวอีกครั้งในรอบหลายปี ซีมัวร์จึงนำข้อมูลและอุปกรณ์ไฮเทคทุกอย่างที่จำเป็นมาที่อพาร์ทเม้นต์ของคาร์ลี่ทันที เพื่อสืบหาเบาะแสของดีเซปติคอนที่ไปเกี่ยวข้องกับโครงการสำรวจดวงจันทร์ (ซีมัวร์กะจะได้ข้อมูลไปเขียนหนังสือเพิ่ม)

คาร์ลี่กลับมาห้องเพื่อชวนแซมไปงานดินเนอร์ที่กูลด์เชิญ แต่แซมนั้นมีเรื่องต้องทำ คาร์ลี่จึงขับเบ๊นซ์ที่กูลด์มอบให้ไปงานเลี้ยงคนเดียว และมีท่าทีว่าจะบอกเลิกแซม

และเบรนก็ค้นข้อมูลทุกอย่างจนพบว่า รัสเซียไม่ยอมส่งยานอวกาศขึ้นไปในปี 1972 ด้วยเหตุผลบางอย่าง แซมกับซีมัวร์จึงพุ่งเป้าไปที่โครงการสำรวจอวกาศรัสเซีย

เบรน ชีวจักรกลสมองใส อดีตดีเซปติคอนที่กลับใจมาอยู่กับแซม

 

ซีมัวร์กับแซมไปหาอดีตนักบินอวกาศของรัสเซียสองคนที่หนีมากบดานในอเมริกา จนรู้ข้อมูลใหม่ว่า ในปี 1963 กระสวยอวกาศลูน่าโฟร์ของรัสเซีย ถ่ายภาพแท่งเสานับร้อยแท่ง กระจายรอบยานดิอาร์คในด้านมืดของดวงจันทร์ แต่ในปัจจุบันมันหายไปหมดแล้ว จึงเป็นไปได้ว่าช่วงเวลาช่องว่าง 9 ปีตั้งแต่ลูน่าโฟร์ถ่ายภาพแท่งเสายังมีอยู่ จนถึงอพอลโล่ 11 ของอเมริกาขึ้นไปนั้น แท่งเสานับร้อยอาจจะเป็นดีเซปติคอนเอาไป..

ภาพถ่ายจากลูน่าโฟร์พบเสานับร้อยแท่งในด้านมืดดวงจันทร์

 

แต่แซมยังสงสัยว่า ในเมื่อดีเซปติคอนมีเสานับร้อยแท่งแล้ว ทำไมจึงทิ้งเซนทิเนลเอาไว้ ซีมัวร์จึงออกความเห็นว่า นั่นก็เพราะตอนนั้นดีเซปติคอนเข้ายังไม่ถึงตัวเซนทิเนล และเซนทินัลก็หมดพลังเอเนอจอนไปแล้ว (นี่ละดีเซปติคอนถึงต้องวางแผนให้ออฟติมัสไพร์มคืนชีพเซนทินัล)

ซีมัวร์และแซมจึงรีบโทรหาผ.อ.มีอาริ่งเพื่อเตือนว่า เรื่องทั้งหมดนี้คือแผนการของดีเซปติคอนหลอกให้ออโต้บอทขึ้นไปกู้ชีพเซนทิเนลบนดวงจันทร์ เพื่อใช้เซนทิเนลเปิดระบบสะพานอวกาศ และลำเลียงกองทัพดีเซปติคอนที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วจักรวาลมาที่โลก

ระหว่างทางที่แซมกับซีมัวร์รีบบึ่งรถไปหน่วย NEST เหล่าออโต้บอทที่คุ้มกันแซมและซีมัวร์บนท้องถนน ก็ต้องปะทะกับดีเซปติคอนมือสังหารที่ตามมาเพื่อจะฆ่าแซม และซีมัวร์ก็โดนดีเซปติคอนโจมตีจนตกรถบาดเจ็บ

ซีมัวร์โดนดีเซปติคอนโยนออกมาจากรถ

 

เมื่อแซมไปถึงหน่วย NEST และรายงานทุกอย่างให้ผู้พันเลนน๊อกซ์ฟัง ว่าเซนทิเนลคือกุญแจของทุกอย่าง ผู้พันเลนน๊อกซ์จึงสั่งให้ไอออนไฮด์คุ้มกันเซนทิเนล

แต่แล้วเซนทิเนลก็บอกความจริงว่า ตนไม่เห็นหนทางที่ออโต้บอทจะชนะสงครามกับดีเซปติคอน และเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ชีวจักรกลของไซเบอร์ตรอนทั้งมวลเอาไว้ เซนทิเนลจึงต้องร่วมมือกับเมกาตรอน ว่าแล้วเซนทิเนลก็ยิงกระสุนคอสมิคตัวละลายสังหารไอออนไฮด์ทันที ( ชื่อปืนของเซลทิเนลคือ Cosmic Rust Gun )

ไอออนไฮด์ตายด้วยมือผู้ทรยศออโต้บอท เซนทิเนล

 

เซนทิเนลยังไล่ยิงบัมเบิ้ลบีและหน่วย NEST ทั้งหน่วยให้ล่าถอย ก่อนจะประกาศก้องว่า เค้าคือไพร์มผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดต้องเชื่อฟังมนุษย์ และเซนทิเนลก็ได้เสาทั้ง 5 แท่งหนีไป

(ย้อนความไปเมื่อนับหมื่นปีที่แล้วบนดาวไซเบอร์ตรอน เซนทิเนลกับเมกาตรอนแอบตกลงกันลับๆ ว่าจะใช้สะพานอวกาศย้ายเหล่าไซเบอร์ตรอนไปที่ดาวดวงอื่นนั่นแล..)

เซนทิเนลมาพบกับเมกาตรอนที่อนุสรณ์สถานลินคอล์น (Lincoln Memorial) และทำการเปิดสะพานอวกาศทันที ออโต้บอทและออฟติมัสไพร์มมาถึงทันทีเช่นกัน ออฟติมัสไพร์มพยายามมาห้ามเซนทิเนล แต่ก็ไม่ทัน บัดนี้เหล่าดีเซปติคอนส่วนนึงผ่านเข้าสู่สะพานอวกาศมุ่งหน้ามาที่โลกมนุษย์แล้ว..

เหล่าดีเซปติคอนมากมายมุ่งหน้าเข้าสู่สะพานอวกาศ

 

ออฟติมัสไพร์มเข้าต่อสู้กับเซนทินัล แต่สู้ไม่ได้ และเซนทิเนลก็ไว้ชีวิตออฟติมัสไพร์ม ก่อนจะบอกว่าสักวันออฟติมัสไพร์มจะเข้าใจ เหล่าดีเซปติคอนและเซนทิเนล ก็หาย ปะปนไปอยู่ในที่ต่างๆบนโลกมนุษย์อีกครั้ง..

แซมได้รับคำแนะนำจากพ่อแม่ให้ไปง้อคาร์ลี่ที่งานเลี้ยงของกูลด์ แซมจึงรีบไปพาตัวคาร์ลี่กลับ แต่เบ๊นซ์สปอร์ตที่กูลด์ให้เป็นของขวัญคาร์ลี่ แท้จริงคือซาวด์เวฟดีเซปติคอนชั้นหัวกระทินั่นเอง ซาวด์เวฟจึงทำการจับคาร์ลี่ไว้ และเลเซอร์บีคก็มาสมทบอีกตัว

ซาวด์เวฟ ทหารเอกหน่วยสอดแนมของดีเซปติคอน

 

กูลด์เล่าให้แซมฟังว่า ซาวด์เวฟกับเลเซอร์บีคนั้นมาพบกับพ่อของตนเองตั้งแต่ปี 1972 และอยู่เบื้องหลังการล้มเลิกโครงการสำรวจดวงจันทร์ของอเมริกากับรัสเซีย ตระกูลของกูลด์รวมถึงมนุษย์อีกหลายๆคนก็ทำงานให้ดีเซปติคอนเรื่อยมานับตั้งแต่นั้น..

กูลด์ให้แซมใส่ The Watch-bot ดีเซปติคอนสอดแนมที่แปลงร่างเป็นนาฬิกาเข้าไปแทรกซึมกับออโต้บอท เพื่อรู้แผนการโต้กลับของออโต้บอท และถ้าแซมพยายามฟ้องออโต้บอทว่าเกิดอะไรขึ้น วอทซ์-บอทจะทำลายระบบประสาทที่เชื่อมต่อสมองของแซมทันที แซมก็จำเป็นต้องทำเพื่อช่วยคาร์ลี่ที่ถูกซาวด์เวฟจับไว้

วอทซ์-บอท

 

ขณะที่ผู้พันเลนน๊อกซ์ประชุมเครียดกับนายพลมอร์โชเวย์และเหล่าทัพในเพนตากอน ผู้พันเลนน๊อกซ์ก็ได้ข่าวว่า เซนทิเนลส่งข้อความเสียงมาที่ยูเอ็น เพื่อให้ยูเอ็นฟังว่า เผ่าพันธุ์ไซเบอร์ตรอนต้องการเพียงทรัพยากรจากโลกมนุษย์เท่านั้น เพื่อจะนำไปฟื้นฟูดาวไซเบอร์ตรอน แล้วดีเซปติคอนจะไม่ทำลายโลก แต่มีข้อแม้ว่ามนุษย์ต้องเนรเทศออโต้บอทออกไปจากโลกให้หมด

ผู้พันเลนน๊อกซ์กับผ.บ.เหล่าทัพนายพลมอร์โชเวย์

 

แซมก็ไปถึงตัวผ.อ.มีอาริ่งในหน่วย NEST ตามคำสั่งดีเซปติคอนแล้ว และวอทซ์-บอทก็พยายามดึงข้อมูลในฐาน NEST มาให้มากที่สุด ทำให้แซมมีอาการประหลาดเพราะถูกวอทซ์-บอทบังคับร่างกาย แต่ในนาทีนั้นเอง อเมริกาก็ประกาศขับไล่ออโต้บอทออกนอกโลกตามคำสั่งของเซนทิเนล

แซมและผ.อ.มีอาริ่งยืนดูข่าวรายงานเนรเทศออโต้บอท

 

มนุษย์นำเหล่าออโต้บอทที่อยู่ในหน่วย NEST ทั้งหมดเดินทางไปขึ้น Xantium ยานสำรวจอวกาศของออโต้บอท ซึ่งนี่คือการเนรเทศออโต้บอทไปนอกโลก โดยแซมก็ไปร่วมส่งออโต้บอทด้วย ซึ่งจ่าเอปป์เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ควบคุมการปล่อยยานครั้งนี้

จ่าเอปป์ อดีตหน่วย NEST

 

แซมโทรไปรายงานกับกูลด์ว่า เหล่าออโต้บอททั้งหมดถูกเนรเทศออกนอกโลกไปแล้ว ทันใดนั้นยาน Xantium ก็เกิดระเบิดกลางท้องฟ้า ซึ่งยังไม่พ้นชั้นบรรยากาศโลกเลยด้วยซ้ำ เพราะสตาร์สครีมซึ่งอยู่นอกชั้นบรรยากาศโลกบินสวนเข้ามา และยิงจรวดใส่ยาน Xantium

ทันทีที่ยานระเบิด วอทซ์-บอทก็ปล่อยแซม แต่คาร์ลี่ก็ถูกกูลด์จับไปที่ชิคาโก้ แซมรู้ก็เพราะว่า แซมให้บอดี้การ์ดของซีมัวร์แกะรอยสัญญาณโทรศัพท์ที่คุยกับกูลด์นั่นเอง

ซีมัวร์ขาบาดเจ็บเดินไม่ได้

 

แซมกำลังจะลุยเดี่ยวเพื่อช่วยคาร์ลี่ในชิคาโก้ แต่จ่าเอปป์ก็อาสาจะช่วยแซม โดยจ่าเอปป์จะระดมเพื่อนๆในหน่วย NEST มาช่วยแซมด้วย เพราะจ่าเอปป์ต้องการแก้แค้นเพื่อนๆออโต้บอทที่โดนสังหารหมู่

ที่ชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ เซนทิเนลใช้บริเวณตึกทรัมป์ทาวเวอร์เป็นศูนย์กลางของสะพานอวกาศ (ตึกของ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิปดี 2016 นั่นละครับ ตอนนั้นทรัมป์ใช้โฆษณาแบบไท-อินเข้าไปในหนังเลย) และตึก Hotchkiss Gould Investments ของกูลด์คือที่ที่เสาหลักตั้งอยู่ โดยเหล่าดีเซปติคอนนั้นกระจายเสาไปทั่วทั้งโลกแล้ว

ซึ่งแท้จริงแผนของเซนทิเนลและดีเซปติคอนก็คือ เปลี่ยนโลกทั้งโลกให้เป็นดาวไซเบอร์ตรอน และจับมนุษย์หกพันล้านชีวิตมาเป็นทาสแรงงาน นี่คือแผนร่วมมือเฉพาะกิจของเซนทินัลและเมกาตรอนเท่านั้น และเซนทิเนลก็สั่งปิดเมืองชิคาโก้ ห้ามไม่ให้สิ่งใดเข้า-ออกได้อีก

เซนทิเนลไพร์มและลอร์ดเมกาตรอนแห่งเผ่าพันธุ์ไซเบอร์ตรอน

 

เมื่อเหล่ามนุษย์ตระหนักว่า พวกตนคิดผิดที่ขับไล่ออโต้บอท ก็สายไปแล้ว บัดนี้ทั่วทั้งโลกลุกเป็นไฟ เมื่อดีเซปติคอนรุกรานอย่างหนัก โดยเฉพาะเมืองชิคาโก้ ที่เป็นศูนย์กลางของดีเซปติคอนนั้น เละเทะที่สุด

เมืองชิคาโก้ที่สิ้นหวัง

 

เมื่อเพื่อนๆหน่วย NEST ของจ่าเอปป์และแซมจนมาถึงชิคาโก้ เหล่าออโต้บอทก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง เพราะออโต้บอทเดาได้ว่าเหตุการณ์นี้ต้องเกิดขึ้น ตอนนั้นที่ Xantium บินขึ้น ออโต้บอทจึงออกมาแฝงตัวอยู่ที่กระสวยลูกแรกที่ขับเคลื่อนยาน และกระสวยก็ตกลงทะเล ก่อนที่จะโดนสตาร์สครีมระเบิดนั่นเอง ทีมเอปป์กับเหล่าออโต้บอทจึงวางแผนบุกสายฟ้าแลบเข้าไปให้ถึงสถานที่ตั้งเสาหลักและตัวของเซนทิเนล ส่วนแซมก็จะตามหาตัวคาร์ลี่

ออฟติมัสไพร์มนำเหล่าออโต้บอทมายับยั้งแผนชั่วของเซนทิเนลกับเมกาตรอน

 

แซมไปช่วยคาร์ลี่หนีออกมาได้ และเอปป์ก็พยายามติดต่อกล้องโดรนของหน่วย NEST ที่ผ.อ.มีอาริ่งส่งมา เพื่อให้คาร์ลี่บอกพิกัดที่ตั้งเสาหลักสะพานอวกาศ นั่นก็คือที่ตึก Hotchkiss Gould Investments ของกูลด์ ผู้พันเลนน๊อกซ์รู้ดังนั้น จึงจัดทีมจู่โจมฝีมือดีอีกชุด บุกเข้าไปในพื้นที่เมืองชิคาโก้เพื่อช่วยทีมจ่าเอปป์กับแซม

ช็อคเวฟดีเซฟติคอนหน่วยทะลวงฟัน ก็ทำให้พื้นที่และตึกรามบ้านช่องเมืองชิคาโก้บรรลัยย่อยยับไปเลย ทำเอาเหล่าออโต้บอทและหน่วยทหารมนุษย์กระเจิดกระเจิง ออฟติมัสไพร์มจึงรู้ว่าคงแปลงร่างเป็นคอนวอยทุกสู้ไม่ได้แล้ว ต้องแปลงร่างเป็นเครื่องบินเท่านั้น (ได้ความสามารถบินมาจากเจ็ตไฟร์ในภาคสอง)

แต่เหล่าออโต้บอทถูกดีเซปติคอนจับเป็นได้ และสตาร์สครีมก็สังหาร Wheeljack ต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆออโต้บอท ซาวด์เวฟกำลังจะสังหารบัมเบิ้ลบีตามไปด้วย ทันใดนั้นวีลลี่กับเบรนก็พังยานของดีเซปติคอนที่ลอยอยู่บนฟ้า ชิ้นส่วนยานตกลงมามากมาย บัมเบิ้ลบีจึงใช้จังหวะวุ่นวายชุลมุนนี้ฮึดสู้ และสังหารซาวด์เวฟหนึ่งในขุนพลของเมกาตรอนลงไปได้ พร้อมกับเหล่าออโต้บอทก็เป็นอิสระ

ซาวด์เวฟโดนบัมเบิ้ลบียิงไส้แตก

 

ผู้พันเลนน๊อกซ์มาสมทบกับจ่าเอปป์เพื่อนเก่า พร้อมกับที่หน่วยทางอากาศก็สนับสนุนเต็มที่ และทีมผู้พันเลนน๊อกซ์ก็ทำช๊อกเวฟซะบาดเจ็บหนัก

ออฟติมัสไพร์มบินลุยพวกดีเซปติคอนเข้ามา ก่อนที่ออฟติมัสไพร์มจะมาสังหารช๊อกเวฟที่โดนทีมผู้พันเลนน๊อกซ์เล่นงานก่อนหน้านี้ (ช๊อกเวฟคือตัวที่เคยโผล่ในเชอโนบิลนั่นละ) ทันใดนั้นเซนทิเนลก็เปิดสะพานอวกาศได้สำเร็จ (มันต้องใช้เวลารวบรวมพลังงานเพื่อเปิด)

แต่ออฟติมัสไพร์มก็ทำลายตึกที่เก็บแท่งเสาหลักสะพานอวกาศลงไปได้ ทำให้สะพานปิดทันที ไพร์มทั้งสองคือเซนทิเนลและออฟติมัสจึงสู้กัน ซึ่งกูลด์ก็ไปเปิดสะพานได้อีกครั้ง

สิ่งต่างๆบนดาวไซเบอร์ตรอน กำลังถูกย้ายมาโลก

เซนทินัลออกคำสั่งให้เหล่าดีเซปติคอนโจมตีออฟติมัสไพร์ม แต่เหล่าออโต้บอทและมนุษย์ก็พุ่งเป้าโจมตีไปที่ดีเซปติคอนเช่นกัน ทำให้เหล่าดีเซปติคอนโดนลูกจรวดของมนุษย์สังหารไปมากมาย รวมถึงเซนทิเนลก็โดนจรวดมนุษย์และออโต้บอทโจมตีอย่างหนัก แต่การต่อสู้ของออฟติมัสไพร์มและเซนทิเนลก็ยังสู้กันอย่างหนักหน่วงไม่มีลดละ

ระหว่างนี้คาร์ลี่ก็ไปไซโคความคิดลอร์ดเมกาตรอนที่นอนบาดเจ็บอยู่ ว่าถ้าเรื่องทั้งหมดจบลง เมกาตรอนก็จะเป็นแค่ลูกน้องเซนทิเนล มิอาจนั่งบัลลังค์ของผู้นำเผ่าพันธุ์ไซเบอร์ตรอนได้ (และกูลด์ก็โดนแซมผลักใส่เสาหลักโดนช็อตตายไป พร้อมกับที่บัมเบิ้ลบีทำลายเสาหลักได้สำเร็จ สะพานอวกาศจึงปิด)

ลอร์ดเมกาตรอนปรี๊ดแตก

 

ระหว่างที่ออฟติมัสไพร์มกำลังเพลี่ยงพล้ำให้เซนทิเนลและกำลังจะโดนสังหาร ทันใดนั้นเมกาตรอนก็โผล่เข้ามาร่วมสู้อีกคน และเข้าโจมตีเซนทิเนลทันที เพราะเมกาตรอนไม่ต้องการให้เซนทิเนลมายึดอำนาจของตนเองไป

เมื่อเซนทินัลบาดเจ็บหนักเพราะโดนเมกาตรอนเล่นทีเผลอ เมกาตรอนก็ไปท้าออฟติมัสไพร์มสู้ แต่เมกาตรอนก็โดนออฟติมัสไพร์มสังหารอย่างรวดเร็ว และออฟติมัสก็สังหารเซนทิเนลที่บาดเจ็บหนักอย่างง่ายดายไปอีกตัว

ซากเมกาตรอนทางซ้าย และซากเซนทิเนลทางขวา กับออฟติมัสแขนเดียว

 

โลก.. กลับมาสงบสุขอีกครั้ง แต่ชะตากรรมของเหล่าออโต้บอทบนโลกมนุษย์กำลังจะเปลี่ยนไป..

 

บทที่ 4 มนุษย์ไล่ล่าชีวจักรกล

 

หลังจากที่เมกาตรอนและเซนทิเนลถูกออฟติมัสไพร์มสังหาร เหตุการณ์ความสูญเสียของทั้งชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์ที่ชิคาโก้ในครั้งนั้น ทำให้เผ่าพันธุ์ไซเบอร์ตรอนแทบไม่มีที่ยืนในสังคมมนุษย์อีกต่อไป และมนุษย์ก็เรียกขานพวกเผ่าพันธุ์ชีวจักรกลแห่งไซเบอร์ตรอนว่า Transformers

กองกำลังมนุษย์ไล่ล่าดีเซปติคอนอย่างหนักจนแทบไม่เหลือซักตัว แต่ก็มีกองกำลังลับของซีไอเอนำโดยเจ้าหน้าที่อาวุโส Harold Attinger (ฮาโรลด์ แอททิงเกอร์) ทำการสร้างหน่วยปฏิบัติการลับที่ชื่อว่า Cemetery Wind เพื่อทำการไล่ล่าออโต้บอทด้วย ซึ่งปฎิบัติการ Cemetery Wind นี้ไม่มีใครรู้ว่า นี่คือการร่วมมือของซีไอเอกับชีวจักรกลผู้มีนามว่า Lockdown

ล๊อคดาวน์ มือปราบนักล่าค่าหัวฝีมือสูง

 

และสาเหตุที่ล๊อคดาวน์กับลูกน้องนั้นต้องเดินทางมาโลกมนุษย์ เพราะนั่นคือคำสั่งของ “Creator” (ผู้สร้าง) ภารกิจรองของล๊อคดาวน์คือไล่ล่าสังหารออโต้บอทและดีเซปติคอนให้หมด โทษฐานทำให้สมดุลย์ของสิ่งมีชีวิตในห้วงจักรวาลปั่นป่วน และภารกิจหลักของล๊อคดาวน์คือ จับเป็นออฟติมัสไพร์มไปพบผู้สร้าง โดยข้อตกลงคือ ล๊อคดาวจะให้เมล็ดพันธุ์แห่งชีวจักรกลกับฮาโรลด์ (Seed) แลกกับการจับตัวออฟติมัสไพร์มได้สำเร็จ

เหล่าออโต้บอทในตอนนี้จึงเปรียบเสมือนผู้อพยพต่างด้าวที่มนุษย์ไม่ยินดีให้ที่พักพิง ออฟติมัสไพร์มส่งสัญญาณเตือนภัยให้เหล่าออโต้บอททุกตัวไม่ให้ติดด่อกับมนุษย์อีกต่อไป และอยู่กบดานแฝงตัวเงียบๆ เพราะออฟติมัสไพร์มเริ่มรู้ว่ามนุษย์บางกลุ่ม (Cemetery Wind) ไล่ล่าออโต้บอทเพราะมี “บางอย่าง” ช่วยเหลือ

ที่แม็กซิโกซิตี้ หลังจากส่งสัญญาณเตือนภัยแล้ว ออฟติมัสไพร์มก็โดนมิสไซน์ของล๊อคดาวน์ลอบโจมตีไปสามลูกเต็มๆ แต่หน่วยปฎิบัติการลับ Cemetery Wind ก็ไล่ตามออฟติมัสไพร์มไม่ทัน

ออฟติมัสไพร์มใช้พลังเฮือกสุดท้ายแปลงร่างเป็นรถคอนวอยเก่าๆและขับเข้าสหรัฐฯหายสาปสูญไปเลย บัมเบิ้ลบีจึงขึ้นมาบัญชาการออโตบอทชั่วคราว และออโตบอทต่างอยู่กันอย่างหลบซ่อนตามคำสั่งออฟติมัสไพร์มนับตั้งแต่นั้น..

ออฟติมัสไพร์มแปลงร่างเป็นรถคอนวอยเก่าๆสนิมเขรอะ

 

 

3 ปีต่อมา..

 

ที่อาร์คติก นักสำรวจสาว Darcy Tirrel ซึ่งทำงานอยู่บริษัท Kinetic Solutions Incorporated หรือเรียกย่อๆว่า KSI ดาซี่รับทำงานขุดแร่เก่าแก่ที่อยู่ลึกมากในชั้นพื้นผิวโลก และหนึ่งในทีมขุดแร่ที่ทำการขุดบริเวณขั้วโลกก็แจ้งดาร์ซี่ว่า พบกับไดโนเสาร์ร่างเป็นเหล็กยุคดึกดำบรรพ์หกสิบห้าล้านปีที่แล้ว ดาซี่ต้องมาให้เห็นกับตา เมื่อดาซี่เห็น ดาซี่จึงรีบกลับอเมริกาเพื่อรายงานเรื่องนี้กับประธานบริษัททันที

ดาซี่พบไดโนเสาร์ร่างเหล็กกล้า

 

วันที่ 1 รัฐเทกซัส วิศกรหนุ่มใหญ่นักประดิษฐ์ตกอับนามว่า Cade Yeager และเพื่อนหุ้นส่วนธุรกิจคือ Lucas Flannery ไปทำการเหมาของเก่าในโรงหนังร้างเมืองเล็กๆของตนเอง เพื่อนำมาคัดแยกและซ่อมแซมขายต่อไป ถ้าสิ่งไหนยังใช้ได้ แคดก็จะนำไปโมดิฟายประดิษฐ์เพิ่มเติม

และแคดก็พบกับรถคอนวอยประหลาด ที่มาอยู่ในโรงหนังได้อย่างไรก็ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งตัวเจ้าของโรงหนัง แคดจึงคิดว่างานนี้ได้ของดีแล้ว..(ออฟติมัสไพร์มคงกระเสือกกระสนหนีมาถึงเมืองเล็กๆนี้ในเทกซัส)

แคด เยเกอร์ พบกับออฟติมัสไพร์มผู้หลับไหลมาสามปี

 

เมื่อแคดกลับมาถึงบ้าน แคดก็โดนลูกสาววัยรุ่นสุดสวย Tessa Yeager โวยวายใหญ่โต ว่าเอาเงินเก็บไปซื้อขยะมาทำไมมากมาย แถมคราวนี้ได้ขยะชิ้นโตอย่างรถคอนวอยสนิมเขรอะมาด้วย แคดจึงบอกเทสซ่าว่า จะถอดชิ้นส่วนรถคอนวอยคันนี้มาขาย และคงได้เงินมากแน่นอน ซึ่งจริงๆแล้วแคดใช้เงินของลูคัสซื้อคอนวอยมา

เทสซ่า และ ลูคัส

 

ปฎิบัติการลับ Cemetery Wind นำโดยหัวหน้าภาคสนาม James Savoy (เจมส์ ซาวอย) ทหารรับจ้างฝีมือดีผู้สูญเสียน้องสาวไปในชิคาโก้วันนั้น ทำให้เจมส์เจ็บแค้นไซเบอร์ตรอนทุกพวก ไม่แยกว่าเป็นออโต้บอทและดีเซปติคอน

และวันแห่งการไล่ล่า.. ก็มาถึงคิวของแรตเชทหน่วยแพทย์ของออโต้บอท แรตเชทถูกกองกำลังของเจมส์โจมตีจนขาขาดบาดเจ็บหนัก ล๊อคดาวน์ลอบยิงมิสไซน์ซ้ำอีกลูก และล๊อคดาวน์ก็ปรากฎตัวออกมา เพื่อถามหาตัวออฟติมัสไพร์มว่าหายไปไหน เมื่อแรตเชทไม่บอก ล๊อคดาวน์จึงฆ่าแรตเชทด้วยมือตนเอง

แรตเชทถูกล๊อคดาวน์สังหารอย่างเหี้ยมโหด

 

วันที่ 2 รัฐเทกซัส ขณะที่แคดกำลังจะรื้อรถคอนวอยและแงะจรวดมิสไซน์ออก ออฟติมัสไพร์มก็ตื่นจากหลับไหลฟาดงวงฟาดงา ซึ่งออฟติมัสไพร์มอยู่ในสภาพบาดเจ็บหนัก แต่หลังจากออฟติมัสไพร์มได้สติแล้ว ออฟติมัสไพร์มก็เล่าให้แคดฟังว่า ตนเองถูกซุ่มโจมตีในแม็กซิโกซิตี้ และซมซานหนีมาหมดสติถึงรัฐเทกซัสอย่างที่เห็น

ออฟติมัสไพร์มต้องการกลับไปหาพี่น้องออโต้บอท เพราะมีแต่ออโต้บอทเท่านั้นที่ซ่อมแซมตนเองได้ แต่แคดดูแล้วว่า สภาพออฟติมัสไพร์มหนักขนาดจนยืนแทบไม่ไหว คงจะไปไหนไม่ได้แน่นอน แคดจึงอาสาซ่อมแซมออฟติมัสไพร์มด้วยตัวเอง เพราะแคดเป็นวิศวกรอยู่แล้ว

แคดกำลังซ่อมออฟติมัสไพร์ม

 

ขณะที่แคดซ่อมแซมออฟติมัสไพร์มและใช้ลูคัสไปซื้อของที่จำเป็น ลูคัสกลับโทรบอกรัฐบาลถึงการพบทรานฟอร์เมอร์ที่แปลงร่างเป็นรถคอนวอยสนิมเขรอะ เพราะลูคัสหวังรางวัลนำจับ ทำให้เรื่องนี้รู้ไปถึงซีไอเอ

ฮาโรลด์จึงสั่งให้หน่วยลับในสังกัด Cemetery Wind ที่นำโดยเจมส์มุ่งหน้าไปที่เทกซัสเพื่อจับออฟติมัสไพร์มทันที และล๊อคดาวน์ก็ตามไปติดๆเพื่อซุ่มลอบโจมตีเช่นเคย ฮาโรลด์สั่งให้เจ้าหน้าที่ซีไอเอที่อยู่ในห้องสั่งการออกไปให้หมด เพราะต่อจากนี้คือปฏิบัติการลับที่ผู้ไม่เกี่ยวข้องรู้ไม่ได้ (เพราะฮาโรลด์ทำให้ทุกคนในซีไอเอเชื่อว่านี่คือการไล่ล่าดีเซปติคอน)

ฮาโรลด์ แอททิงเกอร์ ซีไอเอที่ร่วมมือกับล๊อคดาวน์ไล่ล่าออฟติมัสไพร์ม

 

วันที่ 3 รัฐเทกซัส เจมส์กับหน่วยไล่ล่า Cemetery Wind ก็เดินทางมาถึงบ้านของแคด พร้อมกับที่แคดซ่อมแซมออฟติมัสไพร์มได้เกือบมีสภาพเต็มร้อย เจมส์สั่งให้ลูกน้องค้นรอบๆบริเวณบ้านของแคดอย่างละเอียด ถึงแม้แคดจะพยายามขวางก็ไม่เป็นผล แต่ก็ยังไม่พบออฟติมัสไพร์ม

เจมส์ ซาวอย เผชิญหน้ากับ แคด เยเกอร์

 

แคดเผลอเรียกสรรพนามรถคอนวอยว่า “เขา” เจมส์จึงรู้ว่าแคดรู้จักออฟติมัสไพร์ม เจมส์จึงสั่งจับทุกคนในบ้านรวมถึงเทสซ่า และเจมส์ก็นับถอยหลังให้แคดสารภาพที่ซ่อนออฟติมัสไพร์ม ไม่เช่นนั้นเจมส์จะสั่งฆ่าทุกคนหมด แคดทนเห็นลูกสาวกำลังจะถูกยิงไม่ได้ จึงบอกว่าออฟติมัสไพร์มซ่อนอยู่ในโรงนา

เทสซ่าโดนปืนจ่อหัว

 

แต่ในโรงนานั้นหน่วยไล่ล่าก็ไม่พบออฟติมัสไพร์ม เพราะออฟติมัสไพร์มไปหลบอยู่ชั้นใต้ดินโรงนาอีกที ทันใดนั้นออฟติมัสไพร์มก็โผล่ออกมาฝ่าวงล้อมหน่วยไล่ล่า และหนีแหวกออกมาจนได้ แคดใช้จังหวะนี้พาเทสซ่าหนี และนำโดรนติดกล้องของหน่วย Cemetery Wind มาด้วย

ล๊อคดาวน์ที่ซุ่มอยู่บนดาดฟ้าโรงงาน เมื่อเห็นว่าออฟติมัสไพร์มปรากฏตัว ล๊อคดาวน์ก็ยิงมิสไซน์ถล่มบ้านของแคดทันที แคดพาเทสซ่ากับลูคัสวิ่งหนีออกมา และจู่ๆก็มีรถเชฟโรเล็ตซิ่งเข้ามารับคนทั้งสามไป เค้าก็คือ Shane Dyson แฟนหนุ่มนักแข่งรถของเทสซ่านั่นเอง

เชน ไดสัน

 

หน่วยไล่ล่ายานยนต์วิ่งไล่รถของเชน คอปเตอร์ของหน่วยไล่ล่าก็ไล่ตามออฟติมัสไพร์มที่แปลงรางเป็นคอนวอย ส่วนล๊อคดาวน์ก็แปลงร่างเป็น Lamborghini Aventador LP 700-4 Coupe วิ่งเข้ามาไล่ล่าออฟติมัสไพร์มอีกคน

เชนซิ่งรถแบบนักแข่งมืออาชีพหนีจนมาถึงทางตันบริเวณโรงงานร้าง ออฟติมัสไพร์มมารับทุกคนหนีไปอีกทอด แต่ล๊อคดาวน์ก็ตามมาติดๆและโยนระเบิดใส่มนุษย์ทั้งสี่คน

เชน/แคด/เทสซ่า ทั้งสามหนีมาขึ้นรถของออฟติมัสไพร์มได้ทัน แต่ลูคัสก็ต้องโดนระเบิดชีวภาพของล๊อคดาวน์ตายไป ออฟติมัสไพร์มพามนุษย์ทั้งสามมากบดานที่ปั๊มน้ำมันร้างอันห่างไกล และให้ซ่อนอยู่ที่นี่จนกว่าเขาจะกลับมา

สภาพศพของลูคัสที่โดนระเบิดล๊อกดาวน์

 

ในคืนนั้นที่ปั๊มร้าง แคดนำโดรนติดกล้องของหน่วย Cemetery Wind มาหาเบาะแสเพิ่มเติม และพบว่าหน่วยนี้ไล่ล่าออโต้บอทและสังหารไปหลายตัวแล้ว

วันที่ 4 รัฐเทกซัส เช้าวันรุ่งขึ้น ออฟติมัสไพร์มก็มารับมนุษย์ทั้งสามมุ่งไปที่จุดนัดพบออโต้บอทที่ยังรอดชีวิต และเมื่อออฟติมัสไพร์มขับสวนกับคอนวอยรุ่นใหม่ ออฟติมัสไพร์มก็สแกนรถคั้นนั้นเพื่อแปลงร่างเป็นรถรุ่นใหม่คันนั้น พร้อมกับเปลี่ยนเป็นสีประจำตัวเดิม คือน้ำเงินสดลายเพลิงแดงเข้ม และออโต้บอทก็เหลือเพียง 5 ตัวเท่านั้น (รวมออฟติมัสไพร์มด้วย)

Bumblebee, Optimus Prime, Hound, Drift (Crosshairs ไม่อยู่ในเฟรม)

 

ในคืนนั้น แคดจึงฉายภาพในโดรนที่ยึดมาจากหน่วย Cemetery Wind ให้เหล่าออโต้บอทดู เพื่อให้เห็นว่ามนุษย์ไล่ล่าออโต้บอทโดยร่วมมือกับล๊อคดาวน์ และเทคโนโลยีโดรนรวมถึงยุทโธปกรณ์ต่างๆของหน่วย Cemetery Wind นั้นผลิตโดยบริษัท KSI และบริษัทตั้งอยู่ในชิคาโก้ พวกออโต้บอทและมนุษย์ทั้งสามจึงมุ่งหน้าไปที่ชิคาโก้ทันที

วันที่ 5 เมืองชิคาโก้ แผนของแคดคือกะจะเข้าไปในส่วนยุทธวิธีทางทหารของ KSI เพื่อล้วงข้อมูลลับว่าบริษัท KSI มีส่วนรู้เห็นในการไล่ล่าออโต้บอท และจะใช้ข้อมูลนี้แบล็คเมล์รัฐบาลให้เลิกยุ่งกับตนและลูกสาว และเพื่อให้เหล่าออโต้บอททั้งห้ารู้ว่าใครคือผู้สั่งไล่ล่าออโต้บอทที่ตายไป

ออโต้บอททั้งห้าวางแผนกับ แคด เยเกอร์

 

ในวันเดียวกันที่แคดกะจะลอบเข้าบริษัท KSI นี้เอง ดาร์ซี่ก็มาขอเข้าพบกับประธานบริษัท KSI นั่นก็คือ Joshua Joyce เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการค้นพบไดโนเสาร์ร่างเหล็ก

นักสำรวจสาว Darcy Tirrel

 

แต่จ๊อยซ์ไม่ค่อยสนสิ่งที่ดาร์ซี่ไปพบที่อาร์คติก เพราะจ๊อยซ์นำชิ้นส่วนร่างกายของเผ่าพันธุ์ไซเบอร์ตรอนมาวิจัยผสมผสานกับแร่ที่จ๊อยซ์ไปขุดมาทั่วโลก จนพบว่ามันมีคุณสมบัติเปลี่ยนรูปร่างอันน่าทึ่ง และจ๊อยซ์ทดลองจนควบคุมแร่ธาตุได้ตามใจนึก ซึ่งจ๊อยซ์ตั้งชื่อแร่ธาตุตัวใหม่นี้ว่า Transformium

โจชัว จ๊อยซ์ กับแร่ทรานฟอเมี่ยมที่ให้แปลงร่างเป็นอะไรก็ได้

 

จ๊อยซ์ใช้ทรานฟอร์เมี่ยมสร้างชีวจักรกลต้นแบบตัวแรกที่มนุษย์สร้างเอง และตั้งชื่อมันว่า Galvatron โดยจ๊อยซ์ใช้ออฟติมัสไพร์มเป็นแม่แบบของกัลวาตรอน แต่กัลวาตรอนกลับออกมาคล้ายเมกาตรอนมากกว่าทุกครั้ง จ๊อยซ์จึงต้องสั่งให้เริ่มขั้นตอนสร้างใหม่อยู่เรื่อย (จ๊อยซ์ได้ซากหัวกระโหลกเมกาตรอนมาวิจัยด้วย)

กัลวาตรอนที่มีร่างเป็นทรานฟอร์เมี่ยม

 

ฮาโรลด์มาพบกับจ๊อยซ์ เพราะจ๊อยซ์ทวงถามว่า เมื่อไหร่ตนจะได้เมล็ดพันธุ์แห่งชีวจักรกลจากล๊อคดาวน์ตามสัญญาซักที (จ๊อยคิดจะนำเมล็ดพันธุ์มาสร้างทรานฟอร์เมี่ยมเพิ่ม เพราะที่ให้ดาร์ซี่ไปหามีเพียงน้อยนิดบนโลก)

ด้านแคดนั้นก็ลอบเข้าไปจนถึงศูนย์วิจัยในเขตหวงห้ามของ KSI และพบว่าบริษัท KSI นั้นมีซากของทั้งดีเซปติคอนและออโต้บอท แคดส่งภาพการชำแหละแรตเชทให้เหล่าออโต้บอททั้งห้าดู ทำให้ออฟติมัสไพร์มฉุนขาดและสั่งออโต้บอทเคลื่อนพลบุก KSI ทันที

ดาร์ซี่โผล่มาพอดีจึงเข้ามาคุยกับแคด โดยดาร์ซี่นั้นไม่รู้ว่านั่นคือออโตบอท ไม่ใช่ดีเซปติคอนอย่างที่ทุกคนเข้าใจ และแคดก็ถูกจับได้ แคดจึงถูกจับไปให้ฮาโรลด์สอบสวน (ฮาโรลด์ที่ร่วมมือกับล๊อคดาวน์และจ๊อยซ์คือพวกเดียวกันทั้งหมด)

ทันใดนั้นออฟติมัสไพร์มกับออโต้บอทอีกสี่ตัวก็โผล่มาลุยบริษัท KSI เพื่อทำลายโครงการหุ่นทรานฟอร์เมี่ยมที่มนุษย์สร้างจากร่างของเผ่าพันธุ์ไซเบอร์ตรอน บัมเบิ้ลบีและดริฟท์ไปช่วยแคด และออฟติมัสไพร์มกับฮาวด์และครอสแฮร์ก็บุกถึงตัวประธานบริษัท KSI โจชัว จ๊อยซ์

ออฟติมัสไพร์มยืนประจันหน้ากับ โจชัว จ๊อยซ์

 

แต่ออฟติมัสไพร์มก็สังหารมนุษย์ไม่ลงอยู่ดี และจ๊อยซ์ก็บอกออฟติมัสไพร์มว่า เค้ามีสิทธิ์ในวิทยาการที่เค้าคิดค้นขึ้นได้จากซากชีวจักรกล ออฟติมัสไพร์มจึงฝืนใจจำต้องสั่งออโต้บอทถอยทัพ

เหตุการณ์นี้สมใจของฮาโรลด์ที่จะมีข้ออ้างกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อไล่ล่าออโต้บอทอย่างเปิดเผยไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป ฮาโรลด์กล่อมให้กัลวาตรอนที่จ๊อยซ์คิดค้นนั้น ออกปฏิบัติการแบบสมบูรณ์เพื่อไล่ล่าออโต้บอท จ๊อยซ์จึงต้องเออออตามไปด้วย กัลวาตรอนและสติงเกอร์จึงออกไล่ล่าออโต้บอท

Stinger หุ่นยนต์ที่มนุษย์สร้างเลียนแบบบัมเบิ้ลบี

 

แต่แล้วในการไล่ล่าออโต้บอทบนท้องถนนครั้งนี้ กัลวาตรอนกลับไม่ค่อยทำตามที่ถูกโปรแกรมไว้ และอยู่เหนือการควบคุมของ KSI โดยที่ทุกคนในห้องปฎิบัติการที่ KSI ก็ไม่มีใครรู้ว่าระบบกัลวาตรอนเป็นอะไร รวนตรงไหน? จ๊อยซ์เริ่มรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเลยเถิด เพราะมีคนบริสุทธิ์ที่อยู่บนท้องถนนตายเพราะกัลวาตรอนไปหลายคนแล้ว แต่ฮาโรลด์ก็ยังดึงดันที่จะไล่ล่าต่อไป

ขณะที่กัลวาตรอนกำลังสู้กับออฟติมัสไพร์มอย่างดุเดือดสูสี มิสไซน์ของล๊อคดาวน์ก็พุ่งเข้าที่ร่างของออฟติมัสไพร์มเต็มๆ และล๊อคดาวน์พร้อมกับยานเดินทางอวกาศ Knight Ship (ยานแห่งอัศวิน) ซึ่งล๊อคดาวน์ดัดแปลงให้กลายเป็นคุกคุมขังนักโทษชีวจักรกลก็ลงจอด

ออฟติมัสไพร์มและกัลวาตรอนสู้กัน

 

ล๊อคดาวน์ยังยิงมิสไซน์ใส่ออฟติมัสไพร์มซ้ำไปอีกลูก จนทำให้ออฟติมัสไพร์มบาดเจ็บสาหัส ฮาโรลด์จึงบอกให้จ๊อยซ์ควบคุมกัลวาตรอนกลับบริษัท KSI เพราะพวกของฮาโรลด์คือล๊อคดาวน์มาเก็บงานให้แล้ว

และล๊อคดาวน์ ก็จับออฟติมัสไพร์มขึ้นยานไนท์ชิปไป พร้อมกับที่เทสซ่าติดร่างแหโดนจับไปแบบไม่ตั้งใจด้วย (เทสซ่าอยู่ในซากรถข้างๆออฟติมัสไพร์มจึงโดนดึงดูดไปด้วย)

ออฟติมัสไพร์มโดนมิสไซน์ของล๊อคดาวน์ยิงจนหมดสภาพ

 

และบนยานไนท์ชิปนี้เอง ที่ออฟติมัสไพร์มเหลือบไปเห็นหัวหน้าของ Ancient Warriors นักรบชีวจักรกลในตำนานผู้ยิ่งใหญ่นามว่า Grimlock ก็ถูกล๊อคดาวน์จับมาขังเช่นกัน

ที่กลางเมืองชิคาโก้ ยานไนท์ชิปของล๊อคดาวน์ก็มาบินอยู่เหนือเมืองชิคาโก้ เพื่อส่งมอบเมล็ดพันธุ์แห่งชีวจักรกล แฮโรลด์ส่งเจมส์ไปนำเมล็ดพันธุ์แห่งชีวจักรกลจากล๊อคดาวน์ตามสัญญา เมื่อเจมส์ไปนำเอาเมล็ดพันธุ์บนยานไนท์ชิปแล้ว ล็อคดาวน์ก็เตรียมจะนำยานไนท์ชิปเดินทางไปหาผู้สร้างทันที แต่เทสซ่าซึ่งบังเอิญอยู่บนยานก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง

พวกออโต้บอทและแคดกับเชนก็เตรียมจะบุกยานไนท์ชิปเพื่อช่วยเทสซ่ากับออฟติมัสไพร์ม และก็ช่วยได้สำเร็จ ออโต้บอทนั้นขโมยยานสะสมอาวุธและนักโทษที่คุมขังออฟติมัสไพร์มออกมาโดยที่ล๊อคดาวน์ไม่รู้ตัว และล๊อคดาวน์ก็บินออกนอกชั้นบรรยากาศโลก

เมื่อออฟติมัสไพร์มมาประชุมกับเหล่าออโต้บอท เบรนซึ่งถูก KSI จับไปนานก็บอกว่า แท้จริงแล้วจิตของเมกาตรอนยังไม่ตาย และกัลวาตรอนคือร่างใหม่ของเมกาตรอนนั่นเอง เพราะเบรนเป็นคนช่วยสร้าง

เบรน อัจฉริยะของเหล่าออโต้บอท (อดีตดีเซปติคอน)

 

เทสซ่าจึงบอกออโต้บอทว่า เจมส์ที่มาไล่ล่าเธอกับพ่อในเทกซัส ไปนำเอาเมล็ดพันธุ์มาจากล๊อคดาวน์ ออฟติมัสไพร์มจึงบอกทุกคนว่า ถ้ามนุษย์ใช้เมล็ดพันธุ์บนโลก สิ่งมีชีวิตทั้งมวลจะกลายเป็นโลหะดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว อันเป็นเหตุให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ ออโต้บอทต้องยับยั้งไม่ให้มนุษย์ใช้เมล็ดพันธุ์เด็ดขาด และมนุษย์ผู้กำลังจะครอบครองเมล็ดพันธุ์นั้นก็คือ โจชัว จ๊อยซ์ ซึ่งจ๊อยซ์กะที่จะไปจุดระเบิดในทะเลทรายมองโกลเลีย จ๊อยซ์จึงเดินทางไปที่ประเทศจีนกับ Su Yueming ซะก่อน (โดยเอากัลวาตรอนไปด้วย)

โจชัว จ๊อยซ์ และ ซู หยัวหมิง กำลังจะเดินทางไปจีน

 

แคดโทรไปเตือนจ๊อยซ์ในฐานะนักประดิษฐ์เหมือนกัน ว่าห้ามให้กัลวาตรอนเข้าใกล้เมล็ดพันธุ์เด็ดขาด เพราะจริงๆนั่นคือเมกาตรอนในร่างกัลวาตรอน และเรื่องทั้งหมดคือแผนของเมกาตรอน

ในวันส่งมอบเมล็ดพันธุ์ที่ฮ่องกงประเทศจีน ฮาโรลด์และเจมส์มาส่งเมล็ดพันธุ์ด้วยตนเอง แต่จ๊อยซ์เริ่มลังเลที่จะใช้เมล็ดพันธุ์ ทันใดนั้นกัลวาตรอนก็มีชีวิตขึ้นเองโดยไม่มีใครควบคุม จ๊อยซ์จึงรู้แล้วว่าที่แคดเตือนคือเรื่องจริง

จ๊อยซ์จึงนำเมล็ดพันธุ์หนีพวกฮาโรลด์ โดยมีหยัวหมิงช่วยพาหนี และในตอนนี้ล๊อคดาวน์รู้ตัวแล้วว่าออฟติมัสไพร์มนำยานสะสมอาวุธและนักโทษหนีออกไป ล๊อคดาวน์จึงสั่งให้ไนท์ชิปกลับโลกอีกครั้ง..

กัลวาตรอนแฮคให้เหล่าทรานฟอร์เมี่ยม50ตัวในโรงงานจีนเชื่อฟัง และไล่ล่านำเมล็ดพันธุ์มาให้จงได้ ด้านทางหยัวหมิงพาจ๊อยซ์หนีไปจนถึงดาดฟ้าของแมนชั่นกลางเมืองฮ่องกง เพื่อรอให้ฮ.มารับ และพวกของเจมส์ก็ตามมาปิดล้อมแมนชั่นพอดี

กัลวาตรอนและทรานฟอร์เมี่ยมก็มาปิดล้อมแมนชั่นกลางเมืองฮ่องกงด้วย แต่เหล่าออโต้บอทก็ขับยานสะสมอาวุธและนักโทษของล๊อคดาวน์มาถึงพอดีเช่นกัน ทรานฟอร์เมี่ยมและออโต้บอทจึงสู้กันครึกโครม โดยเชนกับแคดช่วยจ๊อยซ์หนีเจมส์ไปอีกทาง และแคดก็ผลักเจมส์ตกตึกตายไป

ออฟติมัสไพร์มกลับเข้าไปในยานสะสมอาวุธและนักโทษ และดึงดาบแห่งอัศวินออกมา พร้อมกับไปปลดปล่อยกริมล็อคและพี่น้องไดโนบอทของกริมล็อค เพื่อเชื้อเชิญให้เหล่านักรบโบราณเหล่านี้ช่วยออโต้บอท และออฟติมัสไพร์มก็จูงใจสำเร็จ เหล่าไดโนบอทช่วยเหลือออโต้บอทสู้กับพวกทรานฟอร์เมี่ยมเต็มที่

กริมล็อค ผู้นำ ไดโนบอท

 

เมื่อไดโนบอทมาช่วยออโตบอทสู้กับทรานฟอร์เมี่ยม และปราบทรานฟอร์เมี่ยมทุกตัว ล๊อคดาวน์ก็มาถึงโลกพอดี ออฟติมัสไพร์มสังหารฮาโรลด์ช่วยชีวิตแคด ซึ่งในที่สุดออฟติมัสไพร์มก็สังหารล๊อคดาวน์ลงไปจนได้

จุดจบของล๊อคดาวน์ โดนผ่าร่างหน้าแหก

 

เหล่าไดโนบอทเมื่อเสร็จศึก ต่างก็อำลาออโต้บอท และวิ่งเข้าไปในป่าเมืองจีน หลบซ่อนอยู่ในป่าตั้งแต่นั้นเรื่อยมา ออฟติมัสไพร์มจะนำเมล็ดพันธุ์ไปซ่อนไว้ในที่อื่นที่ไม่ใช่โลก และออฟติมัสไพร์มยังโดนผู้สร้างหมายหัวอยู่ จึงฝากฝังให้เหล่าออโต้บอทคุ้มครองครอบครัวเยเกอร์ จากนั้นออฟติมัสไพร์มก็บินออกจากโลกไป..

ออฟติมัสไพร์มฝากให้ออโต้บอทดูแลครอบครัวเยเกอร์

 

ออฟติมัสไพร์ม ออกเดินทางไปในอวกาศมาเนิ่นนาน จนกระทั่งลอยไปถึงดวงดาวไซเบอร์ตรอน และพบกับ Quintessa (ควินเทสซ่า) ซึ่งอ้างว่าตนคือชีวจักรกลระดับผู้สร้าง คือไพร์มผู้ให้กำเนิดชีวิตชีวจักรกล

 

บทที่ 5 ยูนิครอน มหาชีวจักรกลตื่นขึ้น

 

ควินเทสซ่าสะกดจิตให้ออฟติมัสไพรม์ยอมทำงานให้เธอ นั่นก็คือนำดวงดาวไซเบอร์ตรอนมุ่งหน้าไปยังโลกมนุษย์ เพื่อบุกยึดโลก ช่วงชิงไม้เท้าโบราณที่อัศวินไซเบอร์ตรอนทั้ง 12 ตนขโมยไปซ่อนที่โลก

ควินเทสซ่า

 

ควินเทสซ่ายังเผยความลับจักรวาลให้ออฟติมัสไพร์มฟังอีกด้วยว่า โลกนั้นไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด แกนกลางของโลกนั้นคือ ชีวจักรกลระดับพระเจ้าผู้สร้าง ที่กำเนิดพร้อมๆกับสรรพสิ่งในจักรวาล ผู้มีนามว่า Unicron (ยูนิครอน)

จากอำนาจสะกดจิตของควินเทสซ่า ออฟติมัสไพร์ม จึงกลายเป็น Nemesis Prime (เนเมซิสไพร์ม) และร่วมเดินทางไปกับควินเทสซ่า ด้วยการนำดาวไซเบอร์ตรอนมุ่งหน้ากลับไปที่โลกมนุษย์ เพื่อค้นหาไม้เท้า และนำไม้เท้าดูดพลังจากโลกมาสู่ดาวไซเบอร์ตรอนแทน

ออฟติมัสไพรม์ กลายเป็น เนเมซิสไพร์ม จึงมีตาสีม่วง

 

ที่โลกมนุษย์ ออโต้บอทส์และดีเซปติคอนมากมายนั้นเริ่มเดินทางมาที่โลกมนุษย์อย่างมีนัยยะ เหล่ามนุษย์ผู้หวาดกลัว จึงได้จัดตั้งกองกำลังไล่ล่าชีวจักรกลขึ้น หน่วยนี้มีชื่อว่า Transformers Reaction Force (ทรานฟอร์เมอร์ รีแอคชั่น ฟอร์ซ) หรือเรียกย่อๆว่า TRF (ทีอาร์เอฟ)

ซึ่งหน่วยทีอาร์เอฟไล่ล่าชีวจักรกลทุกฝ่าย ไม่สนว่าจะเป็นออโต้บอทส์ หรือ ดีเซปติคอน ทีอาร์เอฟมองว่าชีวจักรกลเหล่านี้คือเอเลี่ยนผู้รุกรานโลก บัมเบิ้ลบี รักษาการผู้นำออโต้บอทส์ และ เค้ด เยเกอร์ พันธมิตรของออโต้บอทส์ จึงทำการออกตามหาเหล่าออโต้บอทส์เพื่อช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด

จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่เยเกอร์ช่วยเหลือสาวน้อยอิซาเบลล่า และออโต้บอทส์ Sqweeks (สควีค) เยเกอร์ได้พบกับหนึ่งในอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนโดยบังเอิญ

อิสซาเบลล่า

 

อัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนมอบเครื่องรางแห่งอัศวินให้เยเกอร์ (ซึ่งมันก็คือดาบเอ๊กคาลิเบอร์) เพื่อสืบทอดเป็นอัศวินคนล่าสุด และสิ้นลมไป แม้เยเกอร์จะไม่รับเครื่องราง แต่เครื่องรางก็ตามเยเกอร์ไปด้วย และเข้าไปเกาะตัวเยเกอร์ (เครื่องรางคือดาบเอ๊กซ์คาลิเบอร์)

เยเกอร์เผชิญหน้ากับ Barricade (บาร์ริเค้ด) ดีเซปติคอนลูกน้องเมกกาตรอน ที่ออกตามหาเครื่องรางอัศวินตามคำสั่งเมกกาตรอน และแกะรอยอัศวินมาจนถึงที่นี่ แต่บาร์ริเค้ดก็ต้องถอยไปตั้งหลัก เมื่อเหล่าทีอาร์เอฟบุกมาจับตัวเยเกอร์ตัดหน้าไปซะก่อน ซึ่งจุดประสงค์จริงๆของเมกกาตรอนคือไม้เท้าของเมอร์ลิน

เค้ด เยเกอร์

 

บัมเบิ้ลบีออกมาช่วยเยเกอร์ไปได้ โดยผู้พันเลนนอกส์นั้นออกตัวห้ามปรามเหล่าทีอาร์เอฟให้ปล่อยทั้งสองไป มิเช่นนั้นได้นองเลือดแน่ ซึ่ตอนนี้ผู้พันเลนนอกส์แฝงตัวมาอยู่ในหน่วยทีอาร์เอฟ

แต่เมื่อทันทีที่เครื่องรางถูกส่งต่อให้อัศวินคนสุดท้าย และดาวไซเบอร์ตรอนกำลังมุ่งหน้ามาโลก ชีวจักรกลระดับพระเจ้าที่อยู่ในแกนกลางโลกนามว่า ยูนิครอน ก็เริ่มขยับตัว และแสดงนอเขาของตนออกมา 6 จุดทั่วทั้งโลก สร้างความวิตกให้ผู้คนทั่วไป เพราะไม่มีใครรู้ว่านั่นคือนออะไร ยกเว้นเหล่าชีวจักรกลด้วยกันที่รู้

หนึ่งในนอของยูนิครอนกลางทะเลทราย

 

ผู้นำภาคีแห่งวิตวิคแคนคนล่าสุดก็คือ Sir Edmund Burton (เซอร์เอ็ดมันด์ เบอร์ตัน) ไปดูหนึ่งในนอแห่งยูนิครอนด้วยตนเอง ซึ่งนี่คือสิ่งที่เหล่าอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนได้เคยเตือนเอาไว้มานานแล้ว  ว่านี่คือสัญญาณเตือนว่า ดาวไซเบอร์ตรอนกำลังมาโลก

เซอร์เอ็ดมันด์ จึงเร่งตามตัวทายาทคนล่าสุดของสายเลือดตระกูลเมอร์ลิน เพราะคนผู้นั้นยังไม่รู้ตัวตนของตัวเอง ว่ามีความสำคัญกับโลกมนุษย์ขนาดไหน..

เซอร์เอ็ดมันด์ เบอร์ตัน

 

ด้านทางบาร์ริเค้ดกลับไปรายงานเมกกาตรอน ว่าไม่อาจนำเครื่องรางมาให้ได้ อัศวินผู้นั้นส่งเครื่องรางให้มนุษย์ผู้หนึ่งไปแล้ว ซึ่งเบาะแสเดียวที่จะพาไปสู่เครื่องรางก็คือหน่วยทีอาร์เอฟ เมกกาตรอนจับเอฟบีไอไปสองคน และติดต่อไปที่หน่วยทีอาร์เอฟเพื่อยื่นข้อเสนอแลกตัวเอฟบีไอทั้งสองแลกกับการปล่อยพรรคพวกดีเซปติคอนบางตัว

นายพลมอร์โชเวอร์ ผู้บัญชาการเหล่าทัพสหรัฐฯและอดีตผ.บ.หน่วยเนสท์ จึงสั่งให้ผู้พันเลนนอกส์ไปเจรจากับเมกาตรอนด้วยตนเอง และปล่อยตัวดีเซปติคอนไป 4 ตัวแลกกับเอฟบีไอ 2 คน นั่นคือ Onslaught (ออนสล้อจ) , Mohawk (โมฮอว์ค), Nitro Zeus (ไนโตรซุส), Dreadbot (เดร้ดบ้อท)

เทานั้นยังไม่พอ นายพลมอร์โชเวอร์างแผนจะตามหาเครื่องรางเช่นเดียวกับเมกกาตรอน เพื่อสืบหาไม้เท้าอีกที นายพลมอร์โชเวอร์จึงส่งพิกัดของเยเกอร์ให้เมกกาตรอนและหน่วยทีอาร์เอฟ แผนคือหน่วยทีอาร์เอฟจะตามรอยเมกกาตรอนไปจนถึงไม้เท้า และชิงมา หลังจากนั้นฆ่าพวกดีเซปติคอนให้หมด

ด้านทางอิสซาเบลล่าและสควีคก็แอบตามเยเกอร์กลับไปที่สุสานรถเก่า ซึ่งเป็นที่ซ่อนของเหล่าออโต้บอทส์ แม้เยเกอร์จะไล่อิสซาเบลล่ายังไงก็ไม่ยอมไป อิสซาเบลล่าจึงแสดงให้เห็นว่าเธอช่วยงานซ่อมแซมออโต้บอทส์ได้ เยเกอร์จึงยอมให้อยู่ด้วย

ระหว่างที่อิสซาเบลล่าและเยเกอร์ซ่อมกล่องเสียงให้บัมเบิ้ลบีได้สำเร็จ ดีเซปติคอนและหน่วยทีอาร์เอฟก็บุกมาถึงสุสานรถเก่านี้ เหล่าออโต้บอทส์หนีออกมาได้ทันการณ์ โดยมีไดโนบอทนามว่า กริมล็อค ชีวจักรกลดึกดำบรรพ์คอยถ่วงเวลาให้

กริมล็อค

ทำให้เยเกอร์หนีพวกดีเซปติคอนและหน่วยทีอาร์เอฟออกจากสุสานรถเก่า และหนีเข้าไปยังเมืองร้างเมืองหนึ่ง ระหว่างที่เยเกอร์ถูกดีเซปติคอนไล่ล่า ชีวจักรกลผู้รับใช้อัศวินนามว่า Cogman (ค๊อกแมน) ก็ปรากฏตัวขึ้น

ปัจจุบันค๊อกแมนคือข้ารับใช้เซอร์เอ็ดมันด์ มาที่นี่ก็เพื่อเชิญตัวเยเกอร์ไปที่ปราสาทของเซอร์เอ็ดมันด์ที่อังกฤษ โดยมีบัมเบิ้ลบีตามไปด้วย ออโต้บอทส์ที่เหลือและอิสซาเบลล่านั้นรออยู่ที่อเมริกา

ค๊อกแมน

 

ที่มหาลัยอ๊อกฟอร์ด อังกฤษ ระหว่างที่ค๊อกแมนพาเยเกอร์กับบัมเบิ้ลบีขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมาอังกฤษ เซอร์เอ็ดมันด์ก็ส่งให้ฮ็อทร้อดไปนำตัวศาสตราจารย์สาวสอนวิชาประวัติศาสตร์นามว่า Vivian Wembley (วิเวียน เวมบลีย์) กลับมาพบกับตนที่ปราสาทเช่นกัน

ที่ปราสาทของเซอร์เอ็ดมันด์ อังกฤษ วิเวียนจึงมาถึงปราสาทพร้อมๆกับเยเกอร์ ทั้งสองคนนี้มีความสำคัญกับไซเบอร์ตรอนทั้งคู่ เยเกอร์คือผู้ถูกเลือกให้เป็นอัศวินคนสุดท้าย

และวิเวียน คือสายเลือดคนล่าสุดของพ่อมดเมอร์ลิน ทั้งสองคนต้องช่วยกันสืบหาเบาะแสไปสู่ที่ซ่อนไม้เท้าพ่อมดเมอร์ลินให้จงได้ โดยเซอร์เอ็ดมันด์ส่งค๊อกแมนไปช่วยทั้งสองคนด้วย

วิเวียน เวมบลีย์

 

วิเวียนกลับไปที่ห้องทำงานพ่อในบ้าน และพบว่าเบาะแสว่า เรือดำน้ำโบราณในพิพิธภัณฑ์ทหารเรือคือเบาะแสที่นำไปสู่ไม้เท้าเมอร์ลิน วิเวียนกับเยเกอร์และค๊อกแมนเข้าไปในเรือดำน้ำ เมื่อวิเวียนจับแกนควบคุมเรือดำน้ำ มันก็กระโจนสู่มหาสมุทรทันที เพราะเรือดำน้ำนี้ก็คือชีวจักรกลเช่นกัน

ด้านทางเซอร์เอ็ดมันด์ได้เบาะแสจาก ซีมัวร์ ซิมม่อน อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยเซคเตอร์เซเว่น ว่านอทั้งหกนั้นคือตัวระบุตำแหน่งแกนกลางของบางสิ่ง (แกนกลางของยูนิครอน) และจุดศูนย์กลางนั้นอยู่ที่ สโตนเฮ้นจ์

นั่นหมายความว่า เป้าหมายของดาวไซเบอร์ตรอน คือสโตนเฮ้นจ์นั่นเอง เซอร์เอ็ดมันด์จึงเข้าพบนายกอังกฤษ เพื่อขอให้ส่งทหารไปสโตนเฮ้นจ์ และตัวเซอร์เอ็ดมันด์ก็รีบเดินทางไปที่สโตนเฮ้นจ์ด้วยตัวเองทันที

ช่วงที่เรือดำน้ำชีวจักรกลดำดิ่งลงไปในมหาสมุทร หน่วยทีอาร์เอฟก็ตามไปด้วย ดวงดาวไซเบอร์ตรอนก็มาถึงโลกมนุษย์พอดี สร้างความตื่นตระหนกให้ผู้คนทั้งโลก

ดาวโลกกำลังถูกดาวไซเบอร์ตรอนรุกราน

 

ณ ยานอวกาศดึกดำบรรพ์ของอัศวินไซเบอร์ตรอน เนเมซิสไพร์มรีบตามรอยของเรือดำน้ำลงไปเช่นกัน และเรือดำน้ำก็มาถึงยานอวกาศดึกดำบรรพ์ของอัศวินไซเบอร์ตรอน วิเวียนตามหาโลงศพของเมอร์ลินจนพบ แต่ในโลงกลับมีเพียงซากศพเมอร์ลิน กับไม้เท้าที่เป็นไม้ผุๆ

เยเกอร์หัวเสียมากที่ดั้นด้นมาไกลแต่กลับไม่พบอะไรเลย และหน่วยทีอาร์เอฟก็ตามมาล้อมจับทั้งคู่ แต่ทันทีที่วิเวียนจับไม้เท้า ดีเอ็นเอของวิเวียนก็ทำปฏิกิริยากับไม้เท้า และแสดงถึงรูปร่างที่แท้จริงของไม้เท้าซึ่งเป็นโลหะ

ทันทีที่ไม้เท้ากลับมาแสดงพลัง เหล่าอัศวินไซเบอร์ตรอนที่เหลือก็ตื่นจากการจำศีล และเริ่มโจมตีมนุษย์ที่บุกรุกสุสานแห่งนี้ ทันใดนั้นเนเมซิสไพร์มก็ปรากฎตัว และโจมตีเหล่าอัศวินไซเบอร์ตรอนจนกระเจิง ก่อนที่จะขอไม้เท้าจากวิเวียน เยเกอร์ต้องบอกให้วิเวียนส่งไม้เท้าให้โดยดี เพราะบัดนี้ไพร์มมีท่าทางแปลกๆ

ยานอวกาศของอัศวินไซเบอร์ตรอนเริ่มลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ บัมเบิ้ลบีตามเนเมซิสไพร์มขึ้นไปบนผิวน้ำ และพยายามเข้าต่อสู้กับเนเมซิสไพร์มบนดาดฟ้ายานเพื่อแย่งชิงไม้เท้ามาคืน แต่บัมเบิ้ลบีก็สู้เนเมซิสไพร์มไม่ได้เลย จนเกือบจะโดนสังหาร

บัมเบิ้ลบีพยายามเรียกสติของเนเมซิสไพร์มในนาทีเป็นนาทีตาย ทันทีที่เนเมซิสไพร์มได้ยินเสียงบัมเบิ้ลบีในรอบหลายพันปี สติจึงกลับมา หลุดจากอำนาจสะกดจิตของควินเทสซ่า และกลับไปเป็นออฟติมัสไพร์มดังเดิม

แต่ออฟติมัสไพร์มก็โดนเหล่าดีเซปติคอนนำโดยเมกกาตรอนบุกมาชิงไม้เท้าไปอีกที และหนีไป เหล่าอัศวินไซเบอร์ตรอนที่เหลือกำลังจะสังหารออฟติมัสไพร์มที่ไปอยู่ข้างควินเทสซ่า

ออฟติมัสไพรม์โดนอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนโจมตี

 

แต่เยเกอร์ซึ่งเป็นอัศวินคนสุดท้ายมาห้ามไว้ด้วยดาบเอ๊กซ์คาลิเบอร์ในมือ และบอกว่ามีเพียงเหล่าออโต้บอทส์เท่านั้นที่ช่วยโลกได้ เหล่าอัศวินแห่งไซเบอร์ตรอนจึงไม่สังหารออฟติมัสไพร์ม และร่วมเดินทางไปยับยั้งควินเทสซ่าด้วยกัน

 

ที่สโตนเฮ้นจ์ อังกฤษ เมกกาตรอนรีบนำไม้เท้าไปที่สโตนเฮ้นจ์ แต่เซอร์เอ็ดมันด์ก็เปิดฉากโจมตีเมกกาตรอน จากนั้นเหล่าทหารที่นายกอังกฤษส่งมาก็เริ่มยิงพวกดีเซปติคอนเช่นกัน เหล่าออโต้บอทส์คือ Hound (ฮาวด์), Drift (ดริฟท์), Crosshairs (ครอสแฮร์), และ Wheelie (วีลลี่) รวมถึงอิสซาเบลล่ากับสควีค ก็ขึ้นยานของล็อคดาวน์เดินทางมุ่งหน้าไปที่สโตนเฮ้นจ์เพื่อร่วมต่อสู้ด้วย

 

เซอร์เอ็ดมันด์โดนเมกกาตรอนยิงตายไปในเหตุการณ์นี้ พวกดีเซปติคอนเหาะขึ้นไปยังดาวไซเบอร์ตรอน และลอร์ดเมกกาตรอนก็มอบไม้เท้าให้ควินเทสซ่าตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ (คาดว่าเมกกาตรอนกลับไปดาวไซเบอร์ตรอนก่อนหน้าออฟติมัสไพร์ม)

เหล่าออโต้บอทส์และอัศวินไซเบอร์ตรอนที่เหลือจึงรีบตามเมกกาตรอนขึ้นไปบนดาวไซเบอร์ตรอน โดยต้องพาวิเวียนกับเยเกอร์ไปด้วย เพราะมีเพียงวิเวียนที่มีอำนาจบังคับไม้เท้าได้

 

ในที่สุด ลอร์ดเมกกาตรอนก็โดนโจมตีหนักหล่นลงไป (ไม่น่าตาย) ควินเทสซ่าก็โดนออฟติมัสไพร์มกับบัมเบิ้ลบีเล่นงานหนักร่วงลงไปอีกคน (ซึ่งไม่น่าตายเช่นกัน) วิเวียนชิงไม้เท้ามาได้ และโลกก็หยุดการโดนสูบพลังไปสู่ดาวไซเบอร์ตรอน

หลายวันต่อมา.. ควินเทสซ่าซึ่งจำแลงร่างเป็นมนุษย์ ก็เดินไปหยุดมองหนึ่งในนอทั้ง 6 ของยูนิครอน ควินเทสซ่าต้องหาแนวทางและแผนใหม่ โดยยังไม่รู้ว่าควินเทสซ่าวางแผนจะทำอะไรกับยูนิครอนต่อไปจากนี้.. 

ควินเทสซ่าในร่างเป็นมนุษย์

 

จบ สวัสดีครับ _/\_

ผู้เขียน หลวงจีนหอไตร

Hello! Every one. จุดเริ่มต้นงานเขียนของผมก็คือ ผมเป็นนักอ่านก่อนครับ และที่ผ่านมาผมก็หาอ่านงานเขียนแนวสรุปภาพยนตร์ยากเย็นเหลือเกิน ผมจึงเริ่มเขียนบทความเองและสร้างเว็บไซต์เองซะเลย

ดูโพสท์ทั้งหมด

Tags: