spoiler Alert !! ในบทความนี้ ผมจะตัดเนื้อหาของ X-MEN 1, 2, 3 ออกไปนะครับ เพราะเหตุการณ์ใน Day of Future Past นั้นสร้างเส้นเรื่องราวใหม่ไปอีกเส้นแล้ว แต่ยังคงเนื้อหาหนังเดี่ยวของ Wolverine ทั้งสองเรื่องเอาไว้บางส่วน (หนังเดี่ยวโลแกนและหนังเดี่ยวเด้ดพูลผมก็ตัดออกไปเช่นกัน) โดยจุดแยกเส้นเวลาคือปี 1973 ผมพยายามจะเรียงเป็นไทม์ไลน์ เพื่อจะได้เห็นภาพรวมง่ายขึ้นครับ
8,000 ปี ก่อนคริสตกาล.. en sabah nur มนุษย์กลายพันธุ์ตนแรกของโลกได้ถือกำเนิดขึ้น ณ ดินแดนไอยคุปต์ (อียิปต์ปัจจุบัน) พร้อมด้วยพลังกลายพันธุ์ในการย้ายจิตไปสู่ร่างอื่นได้
เอ็น เซบาร์ นอร์ (X-MEN: Day of Future Past)
ซึ่งเมื่อ เอ็น เซบาร์ นอร์ ย้ายร่างไปสู่ร่างมนุษย์กลายพันธุ์ผู้อื่น ก็จะได้รับพลังความสามารถของร่างใหม่เพิ่มไปได้เรื่อยๆด้วย เอ็น เซบาร์ นอร์ นั้นมีร่างกายเป็นสีเทาอมม่วง เมื่อย้ายจิตไปร่างใหม่แล้ว ร่างนั้นก็จะมีสีเทาอมม่วงไปทุกร่าง พิธีย้ายจิตต้องทำเมื่อแสงแดดกระทบยอดปีรามิดแห่งการคืนชีพ และส่งพลังแห่งดวงอาทิตย์เป็นสายสีทองลงมาที่แท่นทำพิธีในปีรามิด
ปีรามิดแห่งการคืนชีพ (X-MEN: Apocalypse)
เอ็น เซบาร์ นอร์ จะย้ายร่างไปสู่ร่างมนุษย์กลายพันธุ์ผู้อื่นเรื่อยๆเมื่อร่างเดิมแก่ลง ผ่านยุคผ่านสมัยมาหลายพันปี เอ็น เซบาร์ นอร์จึงมีพลังกลายพันธุ์ที่หลากหลายสะสมกับจิตดั้งเดิมมาโดยตลอด โดยที่ เอ็น เซบาร์ นอร์ นั้นจะนำมนุษย์กลายพันธุ์สี่คนมารับใช้ข้างกายเสมอ มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งสี่ถูกเรียกขานว่า โฟร์ฮอสแมน หรือ จตุรอาชา
เอ็น เซบาร์ นอร์ ได้เถลิงตนเองเป็นพระเจ้าพร้อมกับจตุรอาชาเทวทูตทั้งสี่ ปกครองโลกมาเนิ่นนานหลายพันปีผ่านร่างใหม่มาเรื่อยๆ โดยมีศูนย์กลางอารยธรรมอยู่ที่ดินแดนไอยคุปต์ เอ็น เซบาร์ นอร์ ถูกเรียกขานเป็นพระเจ้าในหลากหลายศาสนาและหลากหลายอารยธรรมทั่วโลก โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป
3,600ปีก่อนคริสตกาล.. จนบัดนี้ร่างกายเอ็น เซบาร์ นอร์ก็ชราลงอีกครั้ง.. เอ็น เซบาร์ นอร์ จึงต้องการหาร่างใหม่ จตุรอาชา จึงจับตัวมนุษย์กลายพันธุ์ผู้มีพลังฮีลลิ่งเฟคเตอร์มาให้เจ้านาย ซึ่งถ้าการย้ายจิตนี้สำเร็จ เอ็น เซบาร์ นอร์ จะไม่วันแก่ลงอีกเลย
จตุรอาชาทั้งสี่ โรคระบาด,ความตาย,ความอดอยาก,สงคราม (X-MEN: Apocalypse)
แต่.. ชาวไอยคุปต์ที่ทนกับการปกครองอย่างกดขี่นี้ไม่ได้อีกต่อไป จึงวางแผนโค่นล้มพระเจ้าจอมปลอมเหล่านี้ และทำการก่อกบฏหวังที่จะทำลายพิธีย้ายจิต โดยการถล่มปีรามิดแห่งการคืนชีพ และหวังที่จะฝังพระเจ้าจอมปลอมกับเทพจอมปลอมทั้งสี่ให้อยู่ในกองซากพีรามิด
ท่ามกลางปีรามิดแห่งการคืนชีพที่กำลังถล่มทับห้องพิธี จตุรอาชาสามคนได้แก่ โรคระบาด,ความอดอยาก,และ สงคราม สู้กับกบฏจนตัวตายไปสามคน พร้อมๆกับพิธีย้ายจิตใกล้จะเสร็จสมบูรณ์
มนุษย์กลายพันธุ์ผู้มีฮีลลิ่งเฟคเตอร์ ร่างใหม่ของ เอ็น เซบาร์ นอร์ (X-MEN: Apocalypse)
ความตาย จตุรอาชาที่เหลือเพียงคนเดียว เธอคือสาวพลังจิต ก็ทำการสร้างบาเรียพลังจิตปกป้องร่างใหม่ของเจ้านายจนลมหายใจสุดท้าย บาเรียพลังจิตได้ป้องกันเศษซากพีรามิดไม่ให้ทับร่างใหม่ของเอ็น เซบาร์ นอร์
และเมื่อบาเรียพลังจิตของความตายหมดพลังลง ก็เกิดเป็นโพรงขึ้นล้อมร่างใหม่อันหลับไหลของเอ็น เซบาร์ นอร์ ในภาวะจำศีล ซึ่งพิธียังไม่เสร็จสมบูรณ์ เอ็น เซบาร์ นอร์ ต้องอาบพลังแห่งดวงอาทิตย์อีกรอบ จึงจะตื่นขึ้นอีกครา..
ความตาย (เดธ) สละชีวิตปกป้องร่างใหม่เจ้านาย (X-MEN: Apocalypse)
หลายพันปีผ่านไป..
ปี 1832 ที่บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศแคนาดา ชายที่ชื่อ Thomas Logan และ Elizabeth ก็ให้กำเนิดเด็กชายที่ชื่อว่า James เจมส์มีพี่ชายคนนึงคือ Victor ครั้งเมื่อตอนที่เจมส์ยังอยู่ในท้องอลิซาเบธยังไม่ได้คลอด อลิซาเบธก็หย่าขาดกับโทมัสสามีของเธอ และแต่งงานใหม่กับ John Howlett เศรษฐีหนุ่มผู้มั่งคั่งในแถบนั้น เพราะโทมัสนั้นเป็นคนขี้เมาและมักโมโหร้าย
จอห์น ฮาวเล็ตต์ สามีใหม่ของอลิซาเบธ ก็ยินดีรับลูกในท้องของอลิซาเบธไว้เป็นลูกตนเอง เจมส์จึงเติบโตขึ้นมาโดยที่คิดว่าจอห์นคือพ่อของตนเอง วิคเตอร์ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเจมส์คือน้องที่เกิดมาโดยมีพ่อ,แม่คนเดียวกัน ทั้งคู่นึกว่าเป็นพี่น้องต่างบิดากัน
เจมส์ โลแกน นอนป่วยตั้งแต่เด็กจนโต (X-MEN Origins: Wolverine)
วิคเตอร์นั้นต้องอยู่กับโทมัสผู้พ่อที่โมโหร้ายและทุบตีวิคเตอร์บ่อยๆ แตกต่างกับเจมส์ที่เติบโตขึ้นมาโดยได้รับความรักความอบอุ่นจากจอห์นพ่อเลี้ยงของเจมส์ตลอดมา แต่วิคเตอร์ก็มักไปมาหาสู่เจมส์บ่อยๆ เพราะถึงยังไงทั้งคู่ก็เป็นพี่น้องกัน โดยที่ตอนนั้นพี่น้องสองคนก็ยังไม่รู้ว่าทั้งคู่มีพลังกลายพันธุ์ (Mutant) อยู่ในสายเลือด
วิคเตอร์นั้นรู้ความจริงประมาณช่วงอายุ 14-15 ปี ว่าตนเองมีพลังมิวเทน โดยพลังของวิคเตอร์นั้นคล้ายสัตว์ป่าทุกอย่าง ร่างกายก็เริ่มทนทานคล้ายสัตว์ป่าด้วย แต่วิคเตอร์ก็เก็บงำพลังของตนเองไว้อย่างดีตลอดมา และไม่เคยมีใครล่วงรู้แม้แต่พ่อของวิคเตอร์
ปี 1845 เจมส์อายุ 13 ปี เจมส์นั้นเติบโตขึ้นมาโดยร่างกายไม่แข็งแรงและเจ็บป่วยบ่อยๆ แต่วิคเตอร์ก็มักมานั่งเฝ้าน้องเวลาป่วยเสมอ ในคืนหนึ่งขณะทีวิคเตอร์นั่งเฝ้าไข้น้องตามปกติที่ทำบ่อยๆ โทมัสก็บุกเข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ของจอห์นพ่อเลี้ยงเจมส์ ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้โทมัสรู้ความจริงที่ว่า เจมส์นั้นก็คือลูกแท้ๆของตนเอง โทมัสและจอห์นจึงทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนกระทั่งโทมัสพลั้งมือยิงปืนลูกซองฆ่าจอห์นตายลงไป เจมส์นั้นระเบิดอารมณ์ออกมาทันที เพราะคิดว่าโทมัสฆ่าพ่อของตนเอง พลังมิวเทนในตัวเจมส์ก็แสดงออกมาทันทีเช่นกัน และเริ่มมีกรงเล็บแหลมสามอันยื่นออกมาจากกำปั้นทั้งสองข้าง และเจมส์ก็ใช้กรงเล็บนั้นเสียบหน้าอกโทมัสทันที
เจมส์ระเบิดพลังมิวเทนต์ครั้งแรก (X-MEN Origins: Wolverine)
ขณะที่โทมัสกำลังจะตาย เขาก็บอกเจมส์ว่า เขาคือพ่อแท้ๆของเจมส์เอง เหตุการณ์มันรวดเร็วมาก อลิซาเบธแม่ของเจมส์ก็มองลูกชายคนเล็กอย่างตัวประหลาด วิคเตอร์เห็นว่าน้องของเค้าคงจะรับสิ่งที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วนี้ไม่ทัน วิคเตอร์จึงพาเจมส์หนีออกไปจากแคนาดาทันที โดยมีชาวบ้านแถวนั้นตามไล่ล่าสองพี่น้องมาตลอดทาง จนกระทั่งทั้งคู่หนีจนมาถึงชายแดนอเมริกาได้สำเร็จ หลังจากวันนั้น เจมส์ก็ไม่ป่วยอีกเลย และเจมส์ก็เปลี่ยนนามสกุลไปใช้ของพ่อแท้ๆของตนที่ตนเองฆ่า ซึ่งก็คือ โลแกน เจมส์จึงมีชื่อใหม่ว่า James Logan
ปี 1861 โลแกนอายุ 29 ปี วิคเตอร์และโลแกนก็เข้าร่วมรบในสงครามของอเมริกา หรือ Civil War ซึ่งระหว่างการร่วมรบสงครามกลางเมืองในครั้งนี้ ทำให้สองพี่น้องรู้แล้วว่าทั้งคู่มีพลังฟื้นฟูร่างกายได้จากอาการบาดเจ็บ (Healing Factor) จวบจนในปี 1865 หลังจากร่วมรบมาสี่ปี สงครามนี้ก็จบลง
โลแกนร่วมสงครามกลางเมืองอเมริกัน (X-MEN Origins: Wolverine)
ปี 1917 โลแกนอายุ 85 ปี สงครามโลกครั้งที่ 1 (World War I) ก็ปะทุขึ้น ทั้งสองพี่น้องก็เข้าร่วมรบในสังกัดกองทัพอเมริกันเช่นเคย ซึ่งวิคเตอร์และโลแกนก็ได้รับรู้ความลับอันยิ่งใหญของตนว่า นอกจากร่างกายที่ฟื้นฟูได้จากอาการบาดเจ็บแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่แก่ลงอีกเลยนับตั้งแต่สงครามพลเรือนครั้งนั้น สองพี่น้องจึงหากินด้วยการเป็นทหารร่วมรบในสงครามมาโดยตลอด เพราะว่าทำอย่างไรก็ไม่มีวันตายนั่นเอง เรียกว่าเกือบจะเป็นอมตะเลยทีเดียว (Semi-Immortality)
โลแกนในสงครามโลกครั้งที่ 1 (X-MEN Origins: Wolverine)
ปี 1930 ที่เมือง Düsseldorf ประเทศเยอรมันนี สามีภรรยาชาวยิวเชื้อสายโปแลนด์ผู้ยากจนที่ชื่อ Jacob Lehnsherr และ Edie Lehnsherr ก็ให้กำเนิดบุตรชายที่ชื่อว่า Erik Lehnsherr ขึ้นมา โดยที่อีดี้และจาคอปต้องเลี้ยงอีริคมาอย่างแร้นแค้น และในช่วงเวลาที่อีริคกำเนิดนั้น นายทหารและนายกรัฐมนตรีของเยอรมันนามว่า อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ ก็เริ่มนำพาลัทธินาซีเถลิงสู่ความยิ่งใหญ่ขึ้นภายในประเทศเยอรมัน และมีข่าวว่าฮิตเลอร์นั้นเกลียดชาวยิวเป็นยิ่งนัก ทำให้จาคอปและอีดี้ต้องเลี้ยงอีริคลูกชายของตนเองอย่างหวาดระแวงเรื่อยมา อีริคเติบโตขึ้นมาโดยรักและเคารพอีดี้แม่ของตนเองเป็นอย่างมาก
ปี 1932 ที่เมือง New York ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ คฤหาสน์ตระกูล Xavier คุณนายเซเวียร์ก็ให้กำเนิดบุตรชายที่ชื่อว่า Charles Xavier โดยที่คุณนายเซเวียร์นั้นเลี้ยงดูชาร์ลให้เติบโตขึ้นมาโดยเป็นผู้ใหญ่เกินตัว และชาร์ลนั้นอัจฉริยะฉลาดเป็นกรดตั้งแต่เด็กๆเลยทีเดียว ซึ่งพลังมิวเทนต์ของชาร์ลด้านพลังจิตนั้นเริ่มเกิดตั้งแต่ชาร์ลอายุยังไม่ถึง 10 ปี และความสามารถแรกเริ่มคือชาร์ลเริ่มรับรู้ความคิดคนอื่นรอบๆตัวได้ และรับรู้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ไกลขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาร์ลนั้นทรมานมาก
ชาร์ล เซเวียร์ (X-MEN: First Class)
แต่ด้วยความที่ชาร์ลเป็นเด็กฉลาดและโตเกินวัยบวกกับใจเย็น ทำให้ชาร์ลควบคุมพลังมิวเทนต์ของตนเองได้อย่างรวดเร็ว และพัฒนาพลังจิตของตนเองขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นบังคับควบคุมจิตใจผู้อื่นได้อย่างครอบคลุมเสร็จสรรพ และชาร์ลก็เริ่มค้นคว้าข้อมูลของการวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดดของตนเอง ซึ่งเกิดจากยีนส์X ชาร์ลจึงคิดได้ว่า อาจจะมีคนอื่นๆเหมือนตน แต่ชาร์ลก็ยังไม่เคยเจอมิวเทนต์คนอื่นๆ และด้วยความฉลาดของชาร์ล เค้าจึงรู้ว่า เค้าต้องเก็บงำพลังพิเศษของตนไม่ให้มนุษย์ทั่วไปรับรู้ เพราะนั่นอาจจะนำภัยมาสู่ตนเองได้
ปี 1934 ณ ที่ใดที่หนึ่งในประเทศอเมริกา Raven Darkholme ก็ถือกำเนิดขึ้น โดยเรเว่นนั้นแสดงพลังกลายพันธุ์มาตั้งแต่กำเนิด คือมีดวงตาสัตว์ป่าสีเหลือง ร่างกายเป็นเกร็ดสีฟ้า และผมสีแดง ทำให้พ่อแม่เรเว่นนั้นรังเกียจลูกสาวคนนี้มาก ในวัยเด็กนั้นเรเว่นมักถูกแกล้งและแสดงท่าทางรังเกียจเป็นประจำ จึงทำให้เรเว่นนั้นฝังใจเกลียดมนุษย์ปกติตั้งแต่เด็ก
เรเว่น ดาร์คโฮม (X-MEN: First Class)
และฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง เมื่อพ่อแม่แท้ๆของเรเว่นพยายามจะฆ่าเธอเพราะความอับอาย เรเว่นจึงหนีออกจากบ้านนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งเรเว่นก็ค้นพบพรสวรรค์ในการเปลี่ยนรูปร่างและน้ำเสียงมาตั้งแต่เด็กเช่นกัน จึงทำให้เธอเอาชีวิตรอดมาได้โดยตลอดด้วยพลังนี้ แต่ก็ต้องอยู่อย่างอดๆอยากๆลักเล็กขโมยน้อยหากินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย
ปี 1944 เรเว่นอายุได้ 10 ปี ณ คฤหาสน์ตระกูลเซเวียร์ เรเว่นก็ซัดเซพเนจรมาขโมยของกินในตู้เย็นห้องครัวของคฤหาสน์เซเวียร์ ชาร์ลในวัย 12 ปี ซึ่งนอนหลับอยู่ชั้นสองได้ยินเสียงกุกกักในห้องครัวชั้นล่างจึงเดินลงมาดู และพบว่าคุณนายเซเวียร์แม่ของตนกำลังหาของกินในตู้เย็น แต่ชาร์ลมีพลังจิต ชาร์ลจึงรู้ว่านั่นไม่ใช่แม่ของเขา ชาร์ลจึงส่งโทรจิตบอกให้คนผู้นั้นแสดงร่างที่แท้จริงออกมา เรเว่นจึงคืนร่างเดิมในร่างกายสีฟ้าที่มีเกล็ด
ชาร์ลและเรเว่นพบกันครั้งแรก (X-MEN: First Class)
แต่เรเว่นก็แปลกใจมากที่ชาร์ลนั้นไม่กลัวเธอ กลับดีใจที่เห็นเธอด้วยซ้ำ เพราะนี่คือมิวเทนต์คนแรกที่ชาร์ลพบ ชาร์ลจึงชวนให้เรเว่นอยู่ที่คฤหาสน์เซเวียร์ และรับเลี้ยงดูเรเว่นในฐานะน้องสาวของตนเองนับตั้งแต่นั้น (เข้าใจว่าคุณนายเซเวียร์ก็คงไม่ห้ามลูกชายและเชื่อในการตัดสินใจของชาร์ลในการรับเลี้ยงดูเรเว่น) เรเว่นและชาร์ลจึงเติบโตขึ้นมาด้วยกันอย่างสนิทสนม และชาร์ลก็สั่งห้ามเรเว่นคืนร่างเดิมเป็นอันขาด ซึ่งสิ่งนี้ก็ทำให้เรเว่นเคืองใจชาร์ลมาโดยตลอด
ปี 1944 โลแกนอายุ 112 ปี ขณะที่เรเว่นกับชาร์ลพบกันนั้น วิคเตอร์และโลแกนก็เข้าร่วมรบให้กองทัพอเมริกันในสงครามโลกครั้งที่ 2 (World War II) ซึ่งในวันยกพลขึ้นบกที่หาดนอร์มังดีประเทศฝรั่งเศส (D-Day) โลแกนก็พบว่าวิคเตอร์นั้นเริ่มโหดเหี้ยมและดุร้ายเกินไป โลแกนไม่อยากเห็นสภาพพี่ชายตนเองเป็นอย่างนี้ โลแกนจึงขอย้ายไปอยู่ในแนวหน้ากับกองทัพเรือราชนาวีบริเวณน่านน้ำมหาสมุทรเอเชียเปซิฟิกแทน และโลแกนก็โดนทหารญี่ปุ่นจับตัวไปขังไว้ที่นางาซากิ (เข้าใจว่าโลแกนคงเบื่อโลกเบื่อพี่ชายบ้าพลัง จึงยอมให้ทหารญี่ปุ่นจับไปขังง่ายๆเพื่อแก้เซ็ง)
โลแกนในสงครามโลกครั้งที่ 2 (X-MEN Origins: Wolverine)
ปี 1945 โลแกนอายุ 113 ปี ที่นางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ฝ่ายอักษะพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ฮิตเลอร์ผู้นำเยอรมันและผู้นำฝ่ายอักษะก็ยิงตัวตายที่เบอร์ลิน ญี่ปุ่นซี่งร่วมรบในฐานะฝ่ายอักษะ และญี่ปุ่นก็ยังได้ทำให้อเมริกาย่อยยับไปมิใช่น้อย อเมริกาจึงทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลงสองจังหวัดใหญ่ของญี่ปุ่นเป็นการลงโทษ ซึ่งสองจังหวัดนั้นก็คือฮิโรชิม่าและนางาซากิ โลแกนซึ่งถูกขังไว้ที่นางาซากิในคุกพิเศษซึ่งเป็นบ่อน้ำเก่า ก็ได้ช่วยเหลือนายทหารญี่ปุ่นคนนึงไว้ในเหตุการนิวเคลียร์ถล่มนางาซากิครั้งนี้ และนายทหารผู้นั้นก็เห็นโลแกนโดนไฟคลอกทั้งตัว แต่ภายในไม่กี่นาที เนื้อหนังที่ไหม้เกรียมก็กลับฟื้นฟูได้เองอย่างรวดเร็ว ทำให้นายทหารญี่ปุ่นคนนั้นฝังใจกับความพิเศษของโลแกนตลอดมานับตั้งแต่นั้น นายทหารญี่ปุ่นคนนั้นก็คือ อิชิโร่ ยาชิดะ
โลแกนในวันที่นางาซากิโดนนิวเคลียร์ (X-MEN: The Wolverine)
ยาชิดะและโลแกนหลบอยู่ในบ่อน้ำนั้นหลายวัน จนฝุ่นควันกันตมันตภาพรังสีนิวเคลียร์เจือจางลง ทั้งคู่จึงขึ้นมายังผิวพื้นดิน และโลแกนก็เดินทางกลับอเมริกา หากแต่ยาชิดะนั้นเริ่มค้นหาถึงพลังมิวเทนของโลแกนว่าเป็นอย่างไรมาอย่างไร ยาชิดะจึงล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของมนุษย์กลายพันธุ์มากมายบนโลกใบนี้ และยาชิดะก็ตั้งบริษัทในเครือยาชิดะ ซึ่งต่อมา บริษัทในเครือของยาชิดะก็ขยายอิทธิพลครอบคลุมญี่ปุ่นไปทั่วทั้งประเทศ
ปี 1945 อีริค อายุ 15 ปี ในขณะที่โลแกนเพิ่งออกจากญี่ปุ่นกลับอเมริกา แต่ในอีกซีกโลกนึง ที่ค่ายกักกันชาวยิว Auschwitz ของเยอรมัน ครอบครัวของอีริคก็โดนจับมาทั้งสามคนพ่อแม่ลูก และถูกตีตราทั้งสามคนเพื่อเตรียมรมแก็สพิษสังหารหมู่ ทหารเยอรมันจับอีริคแยกกับพ่อแม่ของตน เพื่อจะรมแก็สพิษจาคอบและอีดี้พ่อแม่ของอีริคก่อน ซึ่งอีริคนั้นพยายามวิ่งไปหาพ่อแม่ แต่ก็โดนทหารเยอรมันจับตัวไว้ พลังมิวเทนต์ในตัวอีริคจึงถูกปลดปล่อยในนาทีนั้นเอง และอีริคก็มีพลังดึงดูดโลหะได้ จนทำให้รั้วกักกันค่ายเกือบจะพัง
พวกทหารเยอรมันรุมจับอีริคไว้แทบจะไม่อยู่ ทหารเยอรมันคนนึงจึงใช้ด้ามปืนกระทุ้งท้ายทอยอีริค ทำให้พลังอีริคสงบลง แต่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็อยู่ในสายตาของมิวเทนต์รุ่นใหญ่คนนึง ซึ่งมิวเทนต์คนนี้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และนายทหารเยอรมันนามว่า Dr. Klaus Schmidt
ดร.เคล้าส์ ชมิดท์ (X-MEN: First Class)
ดร.ชมิตจับอีดี้แม่ของอีริคมา และให้อีริคบังคับเหรียญให้เคลื่อนไหว แต่อีริคทำไม่ได้ ดร.ชมิตจึงจะยิงปืนใส่แม่อีริคแทน โดยบอกให้อีริคหยุดกระสุนให้ได้ แต่ขณะนั้นอีริคยังควบคุมพลังดึงดูดโลหะไม่เป็น แม่ของเขาจึงถูกดร.ชมิตยิงตายต่อหน้าต่อตา และอีริคก็ระเบิดความโกรธออกมา ทำให้โลหะทั้งห้องพังยับเยิน ดร.ชมิตพอใจพลังอีริคมาก และอีริคก็เก็บเหรียญอันนั้นไว้กับตัวตลอดมานับตั้งแต่นั้น พร้อมกับความแค้นที่สุมอก
อีริคแสดงพลังแม็กนีโต้ของตนครั้งแรก (X-MEN: First Class)
ปี ค.ศ. 1959 พันเอกวิลเลี่ยม สไตรเกอร์ ก็เริ่มทำงานค้นหาไล่ล่ามนุษย์กลายพันธุ์ ด้วยว่าสไตรเกอร์เห็นช่องทางของพลังอันมากมายหลากหลายของมนุษย์กลายพันธุ์ สไตรเกอร์จึงต้องการสร้างอาวุธจากคนเหล่านี้นั่นเอง
เวลาที่ผ่านมา โลแกนใช้ชีวิตแฝงตัวอยู่ในสังคมปกติ และอยู่ปะปนกับผู้คนทั่วไปอย่างเงียบๆมาโดยตลอด ชาร์ลก็ได้รับปริญญาเอกจากการศึกษาที่มหาลัยอ็อกฟอร์ด และชาร์ลยังได้เป็นศาสตราจารย์ที่มหาลัยอ็อกฟอร์ดอีกด้วย เรเว่นและชาร์ลก็ยังสนิทสนทกันเหมือนเดิม แม้จะโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้ว และชาร์ลก็ขอร้องเรเว่นว่า อย่าเปิดเผยตัวว่าเธอเป็นมิสทีคต่อหน้าคนอื่นๆ
ชาร์ลและเรเว่น (X-MEN: First Class)
นักวิทยาศาสตร์หนุ่มผู้ปราดเรื่อง โบลิเวีย ทราส ซึ่งเริ่มสนใจการกลายพันธุ์มาตั้งแต่วัยเยาว์ พอโตขึ้นมาทราสรับรู้ว่ามีมนุษย์กลายพันธุ์ปะปนอยู่กับมนุษย์ปกติ โดยที่คนทั่วไปคิดว่าการกลายพันธุ์เป็นแค่เวทมนต์ แต่ทราสรู้ว่านี่คือวิวัฒนาการ ด้วยที่ทราสเป็นคนแคระ จึงทำให้ฝังใจไม่ชอบมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ด้วย ทราสนั้นมองว่ามันเป็นการก้าวกระโดดของวิวัฒนาการที่เร็วเกินไป อาจจะนำมาซึ่งการสูญพันธุ์ของมนุษย์ธรรมดาในอนาคตอันใกล้ ทราสจึงต้องการกำจัดและกักขังเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ให้หมด
โบลิเวีย ทราส (X-MEN: Days of Future Past)
ปี 1962 โลแกนอายุ 130 ปี เรเว่นอายุ 28 ปี ชาร์ลอายุ 30 ปี อีริคอายุ 32 ปี ทางด้านอีริคก็เริ่มต้นไล่ล่าดร.ชมิต โดยเริ่มสืบหานายทหารนาซีในค่ายกักกันยิวที่โปแลนด์ก่อน ทหารเหล่านี้เปลี่ยนชื่อแซ่กันหมด เพราะต้องหนีข้อหาอาชญากรสงครามล้างเผ่าพันธุ์ยิวนั่นเอง อีริคได้เดินทางไปที่สวิสเซอแลนด์เป็นที่แรก และเข้าพบกับนายธนาคารซึ่งเป็นอดีตทหารนาซี เพื่อเค้นข้อมูลของดร.ชมิต และตอนนี้อีริครู้แล้วว่า ดร.ชมิตเปลี่ยนชื่อเป็น Sebastian Shaw ซึ่งชอร์ไปเปิดบ่อนคาสิโนในลาสเวกัสที่ชื่อ Hellfire Club โดยมีมิวเทนลูกสมุนชอว์สามคนคือ จานอส อาเซเซล และ เอมม่า ฟรอสท์
อีริค แลนเชอร์ (X-MEN: First Class)
เจ้าหน้าที่ C.I.A. หญิง Moira MacTaggert ระแคะระคายว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลในเฮลไฟร์คลับ เธอจึงซุ่มดูอยู่หน้าคลับตลอด และเธอก็ได้เห็นนายพลเฮนรี่ ผู้บังคับการของนาโต้เข้าไปในเฮลไฟร์คลับ รวมทั้งนักการเมืองและมาเฟียอิตาลี นักสืบแม็คทัคเกิร์ทจึงแฝงตัวเป็นนางโชว์เข้าไปในคลับด้วย และเธอก็แอบพบเห็นการกลายพันธุ์ของเหล่าสมาชิกของเฮลไฟร์คลับ
แม็คทัคเกิร์ทปลอมตัวเข้าเฮลไฟร์คลับ (X-MEN: First Class)
นักสืบแม็คทัคเกิร์ทจึงค้นหาข้อมูลของมนุษย์กลายพันธุ์ และพบว่าศาสตราจารย์หนุ่มชื่อชาร์ล เซเวียร์ เคยมีการทำการวิจัยเรื่องราวเหล่านี้ได้ลึกซึ้ง เธอจึงไปพบกับชาร์ล และชาร์ลไม่ต้องรอให้เธอบอก ชาร์ลอ่านความคิดนักสืบแม็คทัคเกิร์ท และล่วงรู้ว่ามีมนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆกำลังทำสิ่งเลวร้าย นักสืบแม็คแม็คทัคเกิร์ทขอให้ชาร์ลไปที่ทำการซีไอเอ และบอกพวกซีไอเอว่า ในโลกนี้มีมนุษย์กลายพันธุ์ และต้องการให้ซีไอเอตามล่าชอว์ ชาร์ลจึงไปกับเรเวน ซีไอเอไม่เชื่อชาร์ล เรเว่นจึงแปลงกายให้ซีไอเอดูซะเลย
ชายชุดดำใส่สูท เจ้าหน้าที่ซีไอเอ (X-MEN: First Class)
เจ้าหน้าที่ลับในชุดดำจึงพาทั้งหมดไปตามจับชอว์ที่เรือดำน้ำ เพราะชาร์ลใช้จิตหาจนเจอ แต่ชาร์ลใช้จิตเข้าไปควบคุมสมองชอว์ไม่ได้ เพราะเอ็มม่าลูกน้องชอว์ใช้พลังจิตสกัดกั้นไว้เช่นกัน และชาร์ลก็ได้พบกับอีริคที่นี่ ชาร์ลเข้าไปบอกให้อีริคปล่อยเรือดำน้ำของชอว์ไปซะ ไม่งั้นอีริคจะใช้พลังดึงเรือดำน้ำจนอาจตายได้ แล้วชาร์ลจะช่วยอีริคตามล่าชอว์ อีริคจึงยอมปล่อยเรือดำน้ำไป
สมาชิกเฮลไฟร์คลับทั้งสี่ (X-MEN: First Class)
เมื่อชอว์หนีไปได้และรู้แล้วว่า มีผู้ใช้พลังจิตคนอื่นๆอีกนอกจากเอ็มม่า ชอว์จึงต้องนำ Helmet พิเศษมาใส่ เพื่อป้องกันผู้มีพลังจิตมาบังคับ (รัสเซียผลิตเฮลเม็ทป้องกันพลังจิตให้ชอว์) เจ้าหน้าที่ลับในชุดดำจึงพาเรเวนและชาร์ลรวมถึงอีริคไปที่ตั้งศูนย์วิจัยลับแห่งนึงของซีไอเอ
ที่นั่นทั้งหมดก็ได้พบกับนักวิทยาศาสตร์หนุ่มไอคิวสูงเข้าขั้นอัจฉริยะ Dr. Hank McCoy ซึ่งก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์เช่นเดียวกัน โดยที่ตอนนี้แฮงค์แค่มีเท้าสามง่ามที่แข็งแรงเท่านั้น แต่แฮงค์กำลังวิจัยเซรุ่มที่ทำให้การกลายพันธุ์หายไป โดยที่ไม่รู้เลยว่า เซรุ่มนี้มันจะไปขยายความสามารถกลายพันธุ์แทน
ดร.แฮงค์ แมคคอย (X-MEN: First Class)
หลังจากนั้นแฮงค์ก็แนะนำต้นแบบครื่องเซเรโบรให้กับชาร์ลและอีริครู้จัก ซึ่งเซเรโบรมีหน้าที่ขยายพลังจิตได้ ชาร์ลจึงใช้เซเรโบรต้นแบบค้นหามนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆ แล้วอีริคกับชาร์ลและแฮงค์ก็ช่วยกันอัพเกรดเซเรโบรให้ดีขึ้น ทั้งอีริคและชาร์ลจึงรู้วิธีสร้างเซเรโบร และร่วมกันคัดเลือกกระบวนการสรรหา ก่อนที่ทั้งอีริคและชาร์ลจะออกตามหามนุษย์กลายพันธุ์ที่เป็นเป้าหมาย
ชาร์ล และอีริคเดินทางมาชักชวนหญิงสาวมนุษย์กลายพันธุ์คนนี้เข้าทีม นั่นคือ Angel Salvadore เธอทำงานอยู่ในผับเปลื้องผ้าแห่งนึง
ชาร์ล และอีริคเดินทางมาชักชวนชายหนุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ผู้ขับแท๊กซี่ เค้าคนนี่ชื่อ Armando Muñoz
ชาร์ล และอีริคเดินทางมาชักชวนชายหนุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ผู้ถูกคุมขังในเรือนจำชื่อ Alexander Summers และเค้าคนนี้ก็อยากจะติดคุกขังเดี่ยว ด้วยเหตุผลบางอย่าง
ชาร์ลและอีริคเดินทางมาชักชวนเด็กหนุ่มไฮสคูลมนุษย์กลายพันธุ์ ซึ่งเค้าคนนี้กำลังจีบสาวในพิพิธพัณฑ์สัตว์น้ำ ดูท่าทางจะแห้วซะด้วย เด็กหนุ่มคนนี้คือ Sean Cassidy หรือ เบนชี
ทีมมนุษย์กลายพันธุ์รุ่นเยาว์ (X-MEN: First Class)
ในบาร์ที่โลแกนกำลังซดเหล้า อีริคและชาร์ลก็จะเข้าไปพูดคุยกับโลแกนด้วย แต่ทั้งสองยังไม่ทันพูดอะไร โลแกนนั้นก็พูดสวนกลับกับอีริคและชาร์ลว่า.. “ไปตายซะ..”
ProfessorX และ Magneto พบกับ Wolverine ครั้งแรก (X-MEN: First Class)
กลับไปที่เฮลไฟร์คลับ ชอว์สั่งให้เอมม่าไปรัสเซียเพื่อเกลี้ยกล่อมสะกดจิตนายทหารรัสเซีย ชาร์ลและอีริคบุกไปที่รัสเซียและจับเอมม่าได้ เอมม่ารีบแปลงร่างเป็นเพชรป้องกันชาร์ลอ่านความคิด อีริคบังคับให้เอมม่าบอกที่ซ่อนของชอว์ด้วยการควบคุมเสาเตียงเหล็กรัดคอ เอมม่าจึงยอมคืนร่างมนุษย์ และชาร์ลก็เข้าไปอ่านความคิดเอมม่า จึงเห็นที่ซ่อนชอว์ และแผนการที่ชอว์จะให้รัสเซียและอเมริกายิงนิวเคลียร์ใส่กัน ชาร์ลจึงจับตัวเอมม่ากำลังจะเดินทางกลับอเมริกาเพื่อจะนำไปคุมขังไว้ที่ฐานลับของซีไอเอ
เอ็มม่า ฟรอสท์ (X-MEN: First Class)
ในเวลาเดียวกันที่ชาร์ลและอีริคกำลังเดินทางกลับอเมริกา ที่ฐานลับซีไอเอ ชอว์,อาเซเซล,และจานอสก็บุกมาที่นี่ และฆ่าดาร์วินรวมถึงจนท.ซีไอเอทั้งหมดที่อยู่ในฐานนั้น ก่อนที่ชอว์จะถามความสมัครใจว่า มีมิวเทนต์คนใดต้องการเข้าร่วมเฮลไฟร์คลับของตนหรือไม่ และแองเจิ้ลซัลวาทอเรยินดีไปกับพวกชอว์
เมื่อชาร์ลและอีริคกลับมาจากรัสเซีย และฐานซีไอเอโดนทำลายหมด เหลือเพียงเด็กๆมนุษย์กลายพันธุ์ที่เริ่มถอดใจ ชาร์ลจึงพาทุกคนไปที่คฤหาสน์ตระกูลเซเวีย และเริ่มการฝึกสอนทักษะให้ทุกๆคนที่นี่รวมถึงอีริคด้วย และแฮงค์ ,ชาร์ล, อีริค ก็เริ่มช่วยกันสร้างเซเรโบรอันใหม่ที่คฤหาสน์แห่งนี้
เมื่ออีริคฟังแถลงการณ์ของประธานาธิปดีเคนาดี้ ว่ามีความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและอเมริกาที่น่านน้ำคิวบา อีริคก็รู้ทันทีว่าชอว์จะลงมือที่น่านน้ำคิวบานั้นแน่นอน ทุกคนในทีมจึงเตรียมตัวกันไปที่น่านน้ำนั้น โดยเครื่องบินพิเศษที่แฮงค์ออกแบบ(X-JET) และทุกคนในทีมก็ใส่ชุดพิเศษที่แฮงค์ออกแบบเช่นกัน และทุกคนก็รอว่า แฮงค์หายไปไหน ทำไมไม่มาซักที?
ทีม X-MEN ยุค ’60 (X-MEN: First Class)
แฮงค์นำเซรุ่มต่อต้านการกลายพันธุ์ฉีดเข้าตัวเอง แต่ผลกลับตรงกันข้าม ทำให้แฮงค์กลายเป็นบีสท์โดยสมบูรณ์ แต่เรเวนก็บอกแฮงค์ว่า แฮงค์เป็นอย่างนี้ดีที่สุดแล้ว และทุกคนก็มุ่งหน้าไปที่น่านน้ำคิวบา ซึ่งทัพเรือรัสเซียและทัพเรืออเมริกากำลังตึงเครียดถึงที่สุด
อีริคใช้พลังดึงดูดโลหะของตนค้นหาเรือดำน้ำของชอว์ และพบว่าชอร์แอบอยู่ในเรือดำน้ำใต้ทะเล โดนที่รัสเซียและอเมริกาไม่รู้ อีริคจึงดึงดูดเรือขึ้นมาจากใต้ทะเลเปิดโปงให้ทุกคนเห็น และผลักเรือขึ้นไปบนเกาะ
อีริคใช้พลังแม่เหล็กของตนควบคุมเรือดำน้ำ (X-MEN: First Class)
ทีมของชาร์ลกับทีมของชอว์ก็ปะทะกัน ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทัพรัสเซียและทัพอเมริกา ถึงการได้รู้ว่ามีพวกพลังเหนือมนุษย์เหล่านี้อยู่ มนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหมดขึ้นไปสู้บนเกาะ รวมทั้งนักสืบแม็คทัคเกิร์ทด้วย และในที่สุด อีริคก็สังหารชอว์โดยการเอาเหรียญที่ชอว์เคยให้ในยุค’40เจาะเข้าไปในสมองชอว์
ชาร์ลเสียใจมากที่มีส่วนช่วยให้อีริคฆ่าชอว์ และอีริคก็นำหมวกเฮลเม็ทใส่ ปิดกั้นพลังจิตของชาร์ล อีริคกลายเป็นแม็กนีโต้โดยสมบูรณ์ อีริคชักชวนให้ทุกคนเข้าร่วม Brotherhood of Mutants หรือ พี่น้องมนุษย์กลายพันธุ์ เพื่อต่อต้านกับมนุษย์ เพราะมนุษย์ต้องการจะกำจัดพวกเรา และไม่ทันขาดคำ ทัพรัสเซียและทัพอเมริกา ก็ยิงจรวดใส่เกาะ หวังถล่มพวกกลายพันธุ์ให้สิ้นซาก ตามคำอนุมัติของรัฐบาลประเทศตนเอง
แต่อีริคหยุดลูกจรวดทั้งหมดเอาไว้ และเปลี่ยนวิถีจรวดมุ่งไปที่ทัพเรือของทั้งสองประเทศนั้นแทน ชาร์ลพยายามห้ามอีริคก็ไม่ได้ นักสืบแม็คทัคเกิร์ทจึงยิงปืนใส่อีริคเพื่อหวังจะหยุดอีริค
อีริคหยุดจรวดทุกลูก (X-MEN: First Class)
อีริคใช้พลังปัดกระสุนปืนของนักสืบแม็คทัคเกิร์ทจึงเสียสมาธิในการควบคุมจรวด ทำให้จรวดทุกลูกตกลงทะเล และกระสุนที่อีริคปัดก็เปลี่ยนทิศทางไปที่ชาร์ลพุ่งเข้าบริเวณกระดูกสันหลังชาร์ลพอดี ชาร์ลจึงเดินไม่ได้อีกเลยนับตั้งแต่นั้น
และ Brotherhood of Mutants ก็กำเนิดขึ้นโดยการก่อตั้งของอีริค ซึ่งเรเว่นก็ตัดสินใจทิ้งชาร์ลและเข้าร่วมบราเธอร์ฮู้ดออฟมิวเทนต์หรือพี่น้องมนุษย์กลายพันธุ์ของอีริคด้วย รวมถึงสมาชิกเฮลไฟร์คลับลูกน้องชอว์ก็เข้าร่วมในบราเธอร์ฮู้ดออฟมิวเทนต์ของอีริคกันทุกคนตั้งแต่นั้น และอาเซเซลก็พาพวกบราเธอร์ฮู้ดออฟมิวเทนต์เทเลพอร์ทไปจากเกาะ
ชาร์ลเป็นอัมพาตเพราะลูกหลงกระสุน (X-MEN: First Class)
ต่อมาที่คฤหาสน์เซเวีย ชาร์ลก็ลบความจำของนักสืบแม็คทัคเก็ตจนหมด ลบความจำตั้งแต่กลับมาจากรัสเซียและพบฐานลับซีไอเอถล่มจนนถึงเหตุการณ์บนเกาะ เธอจำอะไรไม่ได้เลย เมื่อหัวหน้าซีไอเอถามถึงพวกกลายพันธุ์ว่าไปไหนหมด เธอจึงตอบไม่ได้ และแม็กนีโต้ ก็มาช่วยเอมม่า ฟรอส ออกไปจากที่คุมขังในฐานลับซีไอเอ
ปี ค.ศ. 1963 Edwin Partridge ผู้นำกลุ่ม WideAwake ที่ต่อต้านมนุษย์กลายพันธุ์ถูกลอบสังหาร ทำให้มีการตื่นตัวในกลุ่มไวด์อเวค และจ้องที่จะไล่ล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่สังหารเอ็ดวิน ซึ่งก็คือกลุ่ม Brotherhood of Mutants นั่นเอง และ อาซาเซล กับ แองเจิ้ล ซัลวาทอเร ก็ถูกสังหารโดยกลุ่ม WideAwake
9 สิงหาคม ลี ฮาร์วีย์ ออสวอล สมาชิกกลุ่มไวด์อเวคมาสมัครเป็นลูกจ้างในโรงเรียนที่เท็กซัส ในแผนกรับฝากหนังสือในห้องสมุด และอิริค แลนเชอร์ หรือ แม็กนีโต ก็เริ่มรู้แล้วว่า ประธานาธิปดีเคนาดี้ก็คือหนึ่งในมนุษย์กลายพันธุ์
22 พฤศจิกายน ประธานาธิปดีเคนาดี้ มีแผนการที่จะไปที่เท็กซัสเพื่อระดมทุน อิริครู้สึกว่าอาจจะมีเหตุร้ายกับประธานาธิปดีจึงตามไปที่เท็กซัสเพื่อเฝ้าระวัง และ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอล ก็ลอบยิงประธานาธิปดีเคนาดี้ อีริคพยายามปัดกระสุน แต่ก็ปัดไม่ทัน ประธานาธิปดีถูกสังหารที่เท็กซัส ก่อนที่ออสวอล จะถูกตามจับในภายหลัง
อีริคในเหตุการณ์ลอบสังหารเคนนาดี้ (X MEN: 25 MOMENT)
11 ธันวาคม จากเหตุการณ์อบสังหารประธานาธิปดี รัฐสภาจึงจัดตั้งหน่วยงาน the Federal Council on Mutant Activities หรือ สภาแห่งชาติควบคุมการกลายพันธุ์ (FCMA)
ปี ค.ศ. 1964 อิริคก็ถูกประกาศจับในข้อหาสมรู้ร่วมคิดฆ่าประธานาธิปดี จากหลักฐานภาพถ่ายบนเนินหญ้าวันนั้น โดยที่ยังไม่มีใครรู้ว่า ประธานาธิปดีเคนาดี้ก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ต่อมาอิริคจึงเดินเข้าไปมอบตัวกับตำรวจในสถานีตำรวจที่นิวยอร์คเองซะเลย เหตุผลนั้นไม่มีใครทราบว่าทำไมอิริคถึงตัดสินใจทำอย่างนั้น อาจจะต้องการปกป้องเหล่า Brotherhood of Mutants จากการโดนกลุ่มไวด์อเวคไล่ล่า อีริคจึงสละตัวเอง
รัฐบาลสหรัฐฯมีมติให้ขังลืมอีริคตลอดชีวิตโดยไม่รอลงอาญา และนำไปขังไว้ในคุกที่มีระบบป้องกันการหลบหนีสูงที่สุดอยูชั้นใต้ดินเพนตากอนนั่นเอง และคุกนี้สร้างโดยไม่มีโลหะเลย
ปี ค.ศ. 1965 ศาสตราจารย์ ชาร์ล เซเวียร์ ก็เปิด Xavier School เพื่อสอนบรรดาเด็กๆมนุษย์กลายพันธุ์ โดยนำคฤหาสน์ตนเองมาดัดแปลงเป็นสถาบันเซเวียร์ ซึ่งต่อมาเด็กๆในโรงเรียนก็ถูกเกณฑ์ไปรบที่เวียตนามหมด เพื่อนรักอย่างอีริคก็กลายเป็นผู้ต้องหาสังหารประธานาธิปดี น้องสาวคนเดียวคือมิสทีคก็เข้าโหมดดาร์ค ดูแลกลุ่มบราเธอร์ฮู้ดออฟมิวเทนต์ ชาร์ลจึงหมดกำลังใจจะเปิดสถาบันเซเวียร์อีกต่อไป มีเพียงแฮงค์เท่านั้นที่คอยอยู่เป็นเพื่อนชาร์ล
ปี ค.ศ. 1966 โบลิเวีย ทราส ก่อตั้งบริษัท Trask Industries. และริเริ่มโครงการ Sentinels (เซนทินัล)
ปี ค.ศ. 1967 ครอบครัวเกรย์ให้กำเนิด Jean Gray (จีน เกรย์) เด็กผู้หญิงที่กำเนิดมามีพลังจิตอันแรงกล้า
ปี 1972 โลแกนอายุ 140 ปี วิคเตอร์และโลแกนก็กลับมาร่วมรบด้วยกันอีกครั้งในสงครามเวียตนาม และวิคเตอร์ยังคงซึ่งสันดานดิบเถื่อนเช่นเคย วิคเตอร์กำลังจับเด็กสาวชาวเวียตนามไปข่มขืน แต่เพื่อนทหารอเมริกันด้วยกันจะเข้าห้าม วิคเตอร์กลับฆ่าเพื่อนทหารด้วยกัน ทำให้ทหารทั้งกองร้อยรุมจะจับตัววิคเตอร์ แต่โลแกนทนเห็นพี่ชายโดนรุมทำร้ายไม่ได้ จึงเข้ามาช่วยวิคเตอร์ เพราะยังไงเลือดก็ต้องเข้มกว่าน้ำ ผลคือทำให้ทั้งคู่โดนจับไปยิงเป้า แต่ยิงเท่าไหร่ทั้งคู่ก็ไม่ตาย กองทัพหมดปัญญาจะทำอะไรกับพี่น้องคู่นี้ จึงจับไปขังไว้
สองพี่น้องผู้มีพลังฮีลลิ่งเฟคเตอร์ (X-MEN Origins: Wolverine)
และเรื่องนี้ก็ไปถึงหูของพันเอก William Stryker พันเอกสไตรเกอร์จึงเสนอให้สองพี่น้องรอดพ้นจากการถูกจองจำ แต่ต้องเข้าร่วมปฎิบัติภารกิจลับให้กับตน ซึ่งทั้งคู่ต้องเข้าสังกัดทีมXของสไตรเกอร์นั่นเอง ซึ่งทีมXประกอบไปด้วยมิวเทนผู้มากความสามารถทั้งสิ้น หนึ่งในทีมXเพื่อนร่วมทีมโลแกนก็คือทหารรับจ้างที่ชื่อ Wade Wilson มิวเทนผู้มีพลังตอบสนองได้ขั้นสูงที่สุดของเหล่ามิวเทนทั้งมวล
ซึ่งจุดมุ่งหมายของทีมXของสไตรเกอร์ก็คือ ตามล่าหาแร่โลหะที่พบได้ยากที่สุดในโลก แร่โลหะนี้มีชื่อว่า Adamantium และอดาเมนเทียมนั้นมิใช่โลหะของโลกมนุษย์ หากแต่เป็นแร่ที่มาพร้อมกับอุกกาบาตที่ตกมายังโลกหลายร้อยหลายพันปีมาแล้ว สไตรเกอร์จึงดั้นด้นค้นหาอดาเมนเทียมไปทั่วโลก ซึ่งในที่สุดสไตรเกอร์ก็พบเบาะแสแร่อดาเมนเทียมที่ประเทศไนจีเรีย
ทีมX (X-MEN Origins: Wolverine)
ทีมXบุกประเทศไนจีเรีย และเพื่อตามหาอดาเมนเทียม สไตรเกอร์ก็สั่งให้วิคเตอร์ฆ่าคนในหมู่บ้านเพื่อเค้นข้อมูล ก่อนที่ทั้งทีมXจะเริ่มฆ่าชาวบ้านในหมู่บ้านที่ขัดขืน โลแกนทนเห็นภาพเหล่านี้ไม่ได้อีกต่อไป โลแกนจึงหันหลังให้วิคเตอร์และทีมXนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ปี 1973 โลแกนอายุ 141 ปี โลแกนทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้มาเฟียในอเมริกา คิตตี้ในอนาคตก็นำจิตโลแกนจากปี 2023 ย้อนอดีตมาใส่ร่างของโลแกนในปี 1973 โลแกนในอนาคตจึงตื่นมาโดยอยู่บนเตียงกับเด็กสาวลูกมาเฟีย โดยที่กรงเล็บโลแกนก็ยังเป็นกระดูกอยู่
โลแกนกับกรงเล็บกระดูก (X-MEN: Day of Future Past)
ชาร์ลอายุ 41 ปี ที่สถาบันเซเวียร์ โลแกนที่มีจิตจากอนาคตปี 2023 มุ่งไปที่สถาบันเซเวียร์ทันที และพบว่าบัดนี้มันว่างเปล่าและรกร้าง โลแกนเข้าไปเคาะประตู และแฮงค์ก็มาเปิดประตูให้ ซึ่งชาร์ลกลับมาเดินได้เพราะเซรุ่มพิเศษของแฮงค์ แต่ต้องแลกกับพรสวรรค์พลังจิตที่หายไป
โลแกนเล่าทุกอย่างให้ชาร์ลฟัง ว่าตนเองมาจากอนาคต เพื่อมาหยุดมีสทีคไม่ให้ฆ่าทราสท์ เพราะนั่นคือชนวนเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มิวเทนต์ด้วยหุ่นเซนทินัลโครงการของทราส ตอนแรกชาร์ลไม่เชื่อโลแกน แต่พอโลแกนเล่าให้ชาร์ลฟังถึงความลับที่ชาร์ลไม่เคยบอกใคร ชาร์ลจึงเชื่อ
โลแกนพบชาร์ลอีกครั้ง (X-MEN: Day of Future Past)
ชาร์ลถามว่าแล้วจะทำยังไงต่อไป โลแกนจึงบอกว่า ต้องไปช่วยอีริคออกจากคุกที่เพนตากอนก่อน เมื่อชาร์ลถามว่า แล้วจะช่วยอย่างไร โลแกนจึงบอกว่า มีเด็กหนุ่มคนนึงที่ช่วยเราได้ โลแกนเคยรู้จักคนๆนี้ในอนาคต นั่นก็คือ ปีเตอร์ แม็กซีมอฟ หรือ ควิกซิลเวอร์.. แฮงค์ /โลแกน /และชาร์ล จึงไปหาควิกซิลเวอร์ ให้ช่วยพาอีริคแหกคุกเพนตากอน
ควิกซิลเวอร์ (X-MEN: Day of Future Past)
มิสทีคอายุ 39 ปี ที่เวียตนาม มิสทีคปลอมตัวเป็นนายทหารและเข้าไปช่วยเพื่อนๆมิวเทนต์ เพราะมิสทีครู้ว่าพวกพ้องกำลังจะถูกนำตัวไปทดลองในโครงการลับบางอย่างของทหาร ผู้พันสไตรเกอร์เข้ามาพอดี พวกมิสทีคจึงต่อสู้กับทหารของสไตรเกอร์ ก่อนที่มิสทีคจะพาทุกคนหลบหนีไปขึ้นเครื่องบิน และหนึ่งในมิวเทนต์ที่มิสทีคช่วยไว้ ก็คือ อเล็กซ์ ซัมเมอร์ หรือ ฮาวอค เพื่อนเก่าเมื่อ10ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้สไตรเกอร์ร่วมมือกับทราสเป็นการชั่วคราว
มิสทีค (X-MEN: Day of Future Past)
อีริคอายุ 43 ปี ที่เพนตากอน ควิกซิลเวอร์ใช้ความสามารถที่รวดเร็วของเค้าเข้าไปช่วยอีริคออกมาจนได้ และอีริค/ แฮงค์/ ชาร์ล/ และโลแกน ก็มุ่งหน้าไปที่ปารีสทันที ซึ่งขณะนั้นกำลังจะมีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีสกัน และที่นั่นคือที่ที่มิสทีคจะสังหารทราสนั่นเอง
อีริคหลุดพ้นจากการถูกคุมขัง (X-MEN: Day of Future Past)
ที่บาร์ในเมืองปารีส มิสทีคล่อลวงนายทหารเวียตนาม และปลอมตัวเป็นนายทหารคนนั้นเข้าไปในการประชุม ทราสมีเครื่องตรวจจับมนุษย์กลายพันธุ์ จึงรู้ว่ามีมิวเทนต์แฝงตัวเข้ามา และในที่สุดมิสทีคก็ต้องเผยตัว ชาร์ลและโลแกนพร้อมด้วยอีริคเข้ามาพอดี ทราสจึงรอดชีวิต (และโลแกนก็จิตหลุดเมื่อเห็นหน้าสไตรเกอร์)
อิริคคิดจะฆ่ามิสทีคซะเลย จะได้หมดปัญหา มิสทีคกระโดดหนีลงหน้าต่างชั้นสองลงไป อีริคควบคุมกระสุนปืนโค้งตามมิสทีค แต่กระสุนก็พุ่งไปโดนแค่ที่ขามิสทีคแทน ทำให้เลือดเธอนองพื้นถนน ก่อนที่มิสทีคจะหลบไปได้
ชาร์ลห้ามมิสทีคไม่ให้ฆ่าทราส (X-MEN: Day of Future Past)
ด้านทราสและสไตรเกอร์ก็เก็บเลือดมิสทีคจากถนนไปทำการวิจัยสร้างหุ่นเซนทินัล ซึ่งถ้าโลแกนไม่ย้อนอดีตมา นักวิทยาศาสตร์ในบริษัททราสอินดรัสทรีส์ ก็ได้เลือดมิสทีคมาวิจัยให้หุ่นเซนทินัลอยู่ดี จึงถือว่าโลแกนมาครั้งนี้ก็เพียงช่วยชีวิตทราสเท่านั้น อนาคตก็มีเซนทินัลเหมือนเดิม
ทราสและสไตรเกอร์ร่วมมือกัน (X-MEN: Day of Future Past)
ตอนนี้ความเห็นแตกเป็นสามทางแล้ว
-มิสทีคต้องการฆ่าทราสให้ได้
-โลแกนและชาร์ลก็ต้องการยับยั้งมิสทีค ชาร์ลเสียสละยอมเดินไม่ได้อีกครั้ง เพื่อแลกกับพลังจิตที่กลับมา
-และอีริคต้องการให้พี่น้องมนุษย์กลายพันธุ์ทั่วอเมริกาลุกฮือต่อต้านมนุษย์
อีริคแอบสืบความเป็นไปของบริษัททราสอินดัสทรี และลอบขึ้นไปบนรถไฟขนหุ่นยนตร์จักรกลเซนทินัลของทราส ก่อนที่อีริคจะบังคับโลหะสอดเข้าไปในโครงสร้างของหุ่นเซนทินัล เพื่อที่อิริคจะได้ควบคุมหุ่นทุกตัวได้
ชาร์ลพยายามห้ามมิสทีคด้วยการใช้เซเรโบรสื่อสารกับเธอ มิสทีคจึงทำทีว่ากลับเข้ามาที่คฤหาสน์เซเวียร์เพื่อมาหาแฮงค์ แต่แท้จริงแล้วมิสทีคจะเข้ามาทำลายเซเรโบร เพื่อที่ชาร์ลจะได้ตามหาเธอไม่พบอีกต่อไป
แฮงค์ในร่างบีสท์ และ เรเว่นในร่างมิสทีค (X-MEN: Day of Future Past)
ที่งานเปิดตัวหุ่นเซนทินัลที่ทำเนียบขาว มิสทีคก็ปลอมตัวเป็นตำรวจลับหน่วยคุ้นกันประธานาธิปดีอยู่ในงานด้วย โลแกน ชาร์ล และแฮงค์ก็หามิสทีคไม่เจอ แต่ในที่สุดชาร์ลค้นหามิสทีคเจอจากพลังจิต โลแกนกำลังจะเข้าไปจับตัวมิสทีค ก็ถึงขั้นตอนการโชว์หุ่นเซนทินัลพอดี และอีริคก็ควบคุมหุ่นทุกตัวยิงใส่ฝูงชนเพื่อให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องหนีไป และอีริคนำสนามฟุตบอลมาครอบปิดทำเนียบขาวไว้ไม่ให้ใครเข้าออกได้ โลแกนจะเข้ามาขวางอีริค จึงโดนอีริคบังคับเหล็กข้ออ้อยจิ้มเข้าไปตามตัว และเหวี่ยงโลแกนถ่วงลงไปในแม่น้ำ
อีริคควบคุมหุ่นเซนทินัลด้วยพลังแม็กนีโต้ (X-MEN: Day of Future Past)
ประธานาธิปดีนิกสันกับตำรวจลับ จึงหลบเข้าไปในห้องหลบภัยของทำเนียบพร้อมกับทราส ซึ่งมิสทีคก็แอบแปลงร่างเข้าไปด้วย แต่ห้องหลบภัยเป็นเหล็ก อีริคจึงควบคุมดึงออกมาได้ทั้งห้อง และพังประตูได้ มิสทีคปลอมเป็นประธานาธิปดีนิกสันออกมาเผชิญหน้ากับอีริคแทน
อีริคพลั้งพลาดไม่ทันระวังทำให้โดนมิสทีคยิง (ปืนและกระสุนพลาสติก) ซึ่งก็โดนที่คอถากๆเท่านั้น แต่ก็ทำให้อีริคทรุดลงกองกับพื้น ก่อนที่มิสทีคจะเข้ามาเตะปากอีริคซ้ำจนสลบไป และมิสทีคก็หันปืนไปทางประธานาธิปดีและทราส ชาร์ลพยายามกล่อมไม่ให้มิสทีคยิง
มิสทีคกับปืนพลาสติกที่แม็กนีโต้ควบคุมไม่ได้ (X-MEN: Day of Future Past)
มิสทีคจึงไม่ยิง และถอดเฮลเม็ทของอีริค เพื่อให้ชาร์ลควบคุมสมองเอริคได้ แต่ชาร์ลก็ตัดสินใจปล่อยให้อีริคหนีไป และมิสทีคก็เดินจากไปอีกคน ตอนนี้ทั้งสามคนจึงแยกย้ายกัน
หลังจากนั้น มิสทีคก็แปลงร่างเป็นสไตรเกอร์ และไปช่วยโลแกนขึ้นมาจากน้ำ ซึ่งตอนนี้จิตโลแกนกลับไปในปี 2023 แล้ว โลแกนคนนี้ที่ฟื้นขึ้นมาจากการจมน้ำในปี 1973 จึงเป็นโลแกนคนที่ยังไม่รู้จักชาร์ล ไม่รู้จักอีริค ไม่รู้จักมิสทีค เป็นเพียงโลแกนที่มีกรงเล็บเป็นกระดูกและเพิ่งหันหลังให้ทีม X
ปี 1975 จีน เกรย์ สาวน้อยมนุษย์กลายพันธุ์อายุ 8 ขวบผู้มีพลังจิตแกร่งกล้า ขณะที่จีนกำลังนั่งรถมากับพ่อแม่ ได้บังเอิญใช้พลังจนทำให้รถที่ครอบครัวนั่งมาคว่ำ ผลทำให้แม่จีนตายทันที แต่จีนใช้พลังจิตโดยไม่ได้ตั้งใจปกป้องตนเองไว้ ทำให้จีนไม่บาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว สร้างความประหลาดใจให้กับหมอมาก
จีน เกรย์ สาวน้อยพลังจิตขั้นสูง (X-MEN: Dark Phoenix 2019)
พ่อของจีนหวาดกลัวลูกสาว จึงติดต่อไปหาศ.ชาร์ล เซเวียร์ ให้มารับจีนไปที่สถาบันเซเวียร์ จีนอยู่ในอารมณ์บอบช้ำที่คิดว่าพ่อแม่ตายทั้งคู่ ชาร์ลจึงสะกดความทรงจำอันปวดร้าวนี้เอาไว้ และฝึกสอนจีนควบคุมพลังนับตั้งแต่นั้น
ประวัติศาสตร์.. ได้บิดเบือนเรื่องราวของเอ็น เซบาร์ นอร์ มนุษย์กลายพันธุ์คนแรกของโลกไปมากมาย จวบจนกระทั่งช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ช็อคโลกเกิดมากมาย เมื่อมนุษย์รับรู้ว่าพวกเขามิได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวในโลกใบนี้ ยังมีมนุษย์กลายพันธุ์ปะปนอยู่กับมนุษย์ปกติ
ทั้งเหตุการณ์ที่กองทัพเรือรัสเซียและกองทัพเรือสหรัฐฯจะปะทะกันโดยมีมนุษย์กลายพันธุ์ขวางไว้ ทั้งเหตุการณ์แม็กนีโต้ตะฆ่าทราสท์แล้วมิสทีคมาขวาง จากเหตุการณ์ทั้ง 2 อย่างที่ว่ามา ทำให้ปลุกลัทธิ Akkaba ที่บูชา เอ็น เซบาร์ นอร์ พระเจ้าเก่าแก่ของโลกขึ้นมาอีกครั้งอย่างลับๆในอียิปต์
ลัทธิอัคคาบา (X-MEN: Apocalypse)
ด้วยลัทธิอัคคาบาเชื่อว่า สามารถคืนชีพพระเจ้าของเค้าได้ เพราะเค้าเชื่อว่าพระเจ้าของพวกเค้าก็คือมนุษย์กลายพันธุ์เช่นเดียวกับแม็กนีโต้ ที่ออกทีวีไปทั่วโลกครั้งปั่นป่วนงานเปิดตัวเซนทินัลที่ทำเนียบขาวเมื่อปี 1973
แต่การเคลื่อนไหวของลัทธิอัคคาบาทั้งหมดตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็อยู่ในสายตาซีไอเอหญิง มัวร่า แมคทัคเกิร์ท แฟนสาวของศ.เซเวียร์ที่โดนลบความทรงจำไปเมื่อปี 1962
มัวร่า แมคทัคเกิร์ท (X-MEN: Apocalypse)
ปี 1983 อีริค แลนเชอร์ หรือ แม็กนีโต้ เปลี่ยนชื่อเป็นเฮนดริก และไปทำงานซ่อนตัวอยู่ที่โรงเหล็กในโปแลนด์มานานสิบปี โดยอีริคมีแมกด้าภรรยาและนีน่าลูกสาววัยเก้าขวบที่แสนน่ารัก อีริคบอกแมกด้าภรรยาตนเองตั้งแต่วันแรก ว่าเขาคือแม็กนีโต้ อาชญากรที่รัฐบาลทั้งโลกต้องการตัว
เรเว่น ดาร์คโฮม หรือ มิสทีค กลายเป็นฮีโร่ของมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งโลกมานานสิบปี เรื่องราวในวันที่มิสทีคช่วยประธานาธิปดีนิกสันวันนั้นกลายเป็นแรงบันดาลใจให้มนุษย์กลายพันธุ์หลายๆคนใฝ่ดีที่จะทำตาม แต่มิสทีคก็ไม่แสดงร่างเกล็ดสีฟ้าของเธอให้ใครเห็นอีกเลย
มิสทีคในร่างมนุษย์ปกติ (X-MEN: Apocalypse)
ศ.ชาร์ล เซเวียร์ และดร.เฮนรี่ “แฮงค์” แมคคอย ทั้งสองกลับไปเปิดโรงเรียนสอนเด็กๆผู้มีพรสวรรค์อีกครั้ง โดยชาร์ลไม่เคยคิดที่จะจะรื้อฟื้นทีมเอ็กซ์-เม็นขึ้นมาใหม่ คงทำเพียงสอนให้เด็กๆมนุษย์กลายพันธุ์ควบคุมพลังให้เป็น เพื่อใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์ปกติ
สก็อต ซัมเมอร์ หนุ่มนักเรียนไฮสคูลวัย 17 ปี ก็ได้ระเบิดพลังกลายพันธุ์ของตนเองครั้งแรกด้วยการปล่อยลำแสงออปติกบลาสต์ภายในโรงเรียน กำเนิดเป็น ไซคล้อป
ที่สถาบันเซเวียร์ อเล็กซ์ ซัมเมอร์ พี่ชายของสก็อตจึงพาสก็อตไปฝากไว้กับชาร์ลในสถาบันเซเวียร์ทันที เมื่อสก็อตได้แว่นตากรองรังสีออฟติกจากแฮงค์จึงลืมตาได้อีกครั้ง สก็อตก็ปิ๊ง จีน เกรย์ ในวัย 16 ปีตั้งแต่แรกเห็น
สก็อตและจีน (X-MEN: Apocalypse)
ที่ทะเลสาปอัลคาไลท์ แต่โลแกน ก็โดนผู้พันสไตรเกอร์จับไปทดลองในโปรเจค X เข้าจนได้ โดยโปรเจคนี้อยู่ในฐานลับที่ทะเลสาปอัลคาไลน์ โลแกนถูกลบความทรงจำหมดสิ้น ถูกเปลี่ยนกระดูกเป็นอดาเมนเทียม มีสัญชาติสัตว์ป่าสูงปรี้ด เกือบสูญสิ้นความเป็นมนุษย์
ที่เมืองเบอร์ลินประเทศเยอรมัน มิสทีคได้เข้าไปยังบาร์เถื่อนที่นี่ เพื่อช่วยเหลือ เคิร์ท ว้ากเนอร์ หรือ ไนท์คราวเออร์ เพราะไนท์คราวเออร์ถูกจับให้อยู่ในคณะละครสัตว์ตั้งแต่ยังเล็ก และล่าสุดไนท์คราวเออร์ก็ถูกจับมาสู้กับมนุษย์กลายพันที่ชื่อ แองเจิ้ล ภายในบาร์เถื่อนที่เบอร์ลินนี่เอง
แองเจิ้ลกำลังสู้กับไนท์คราวเออร์ (X-MEN: Apocalypse)
แองเจิ้ลบีบให้ไนท์คราวเออร์ต้องสู้ แองเจิ้ลจึงโดนไนท์คราวเออร์เทเลพอร์ทไปโดนกรงไฟฟ้าช็อตปีก ทำให้บินไม่คล่องแคล่วเหมือนเดิมอีกต่อไปเพราะปีกพิการ ด้านมิสทีคก็ไปทำให้กระแสไฟในกรงช็อตจนพัง แองเจิ้ลจึงหนีออกมา และไนท์คราวเออร์ก็พามิสทีคหนีออกมาเช่นกัน
ที่เมืองไคโรในอียิปต์ ในเวลาเดียวกัน ลัทธิอัคคาบาที่บูชา เอ็น เซบาร์ นอร์ ก็ได้ค้นพบปีรามิดแห่งการคืนชีพ ซึ่งถูกฝังลึกลงไปใจกลางหมู่บ้านย่านชุมชนแห่งนึงในไคโร สาวกลัทธิทำการขุดพื้นดินเป็นโพรงกว้าง และแมคทัคเกิร์ทก็ติดตามพวกสาวกลัทธินี้ลงไปในโพรงด้วย
ยอดพีรามิดแห่งการคืนชีพที่รับพลังแสงตะวันยังอยู่ (X-MEN: Apocalypse)
แมคทัคเกิร์ทพยายามถ่ายรูปยอดปีรามิดให้มากที่สุด ท่ามกลางเสียงสวดของเหล่าสาวกเป็นภาษาอียิปต์โบราณ เอ็น เซบาร์ นอร์ จึงตื่นจากการหลับไหลมานานหลายพันปี แต่ยังไม่แข็งแรงสมบูรณ์ เอ็น เซบาร์ นอร์ จึงใช้พลังที่ฟื้นขึ้นมาระเบิดโพรงซากปีรามิดที่ทับร่างตนเองออกมาซะก่อน ผลทำให้โลกทั้งโลกสั่นสะเทือน
ซึ่งจากที่แมคทัคเกิร์ทเปิดโพรงมุดตามลงไป ทำให้แสงดวงอาทิตย์ฉายลงมากระทบยอดพีรามิดแห่งการคืนชีพ พิธีย้ายร่างจึงเสร็จสมบูรณ์100% เอ็น เซบา นอร์ กลับมาแข็งแกร่งแล้ว และแมคทัคเกิร์ทก็เกือบออกมาจากโพรงไม่ทัน โดนดินถล่มทับอยู่ปากโพรงพอดี
เอ็น เซบาร์ นอร์ กำลังคืนชีพ (X-MEN: Apocalypse)
ที่สถาบันเซเวียร์ในสหรัฐฯ จีน เกรย์ ก็นิมิตฝันถึงภัยพิบัติล้างโลก เห็นเปลวเพลิงแดงฉานลุกไหม้ไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จีนรู้สึกถึงการตายมากมาย เมื่อชาร์ลรับฟังจีนแล้วก็มาปรึกษากับแฮงค์ จึงได้ข้อมูลจากแฮงค์ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับแรงสั่นสะเทือนทั่วโลกก็เป็นได้..
จีน เกรย์ เล่าฝันร้ายให้ ศ.ชาร์ล เซเวียร์ ได้ฟัง (X-MEN: Apocalypse)
ที่ประเทศโปแลนด์ ผลจากแรงระเบิดของเอ็น เซบาร์ นอร์ ทำให้เครื่องจักรในโรงงานที่อีริคทำงานกำลังจะหล่นทับเพื่อนร่วมงาน อีริคเผลอใช้พลังแม็กนีโต้ของตนเองช่วยเพื่อน เพียงแว่บเดียวอีริคก็มีสติและเลิกใช้พลัง แต่ก็สายเกินไป เพื่อนร่วมงานหลายๆคนได้เห็นพลังของอีริคแล้ว..
อีริครีบกลับไปหาลูกเมียที่บ้านทันที เพราะรู้ดีว่าต้องหลบหนีไปจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็ช้าไป เมื่อนีน่าลูกสาวของอีริคไปเล่นกลางป่า และถูกตำรวจโปแลนด์กักตัวไว้ อีริคต้องการปกป้องครอบครัวจึงยอมมอบตัว แต่นีน่านั้นกลับระเบิดพลังกลายพันธุ์ออกมาครั้งแรกเพราะกลัวการสูญเสียพ่อไป ตำรวจโปแลนด์นั้นต่างตื่นตระหนกกับพลังกลายพันธุ์นีน่า จึงเผลอยิงธนูใส่นีน่าที่อยู่ในอ้อมกอดแมกด้าเมียอีริค ผลทำให้ตายทั้งแม่ทั้งลูก
อีริค แลนเชอร์ กอดร่างอันไร้วิญญาณของลูกและเมีย (X-MEN: Apocalypse)
อีริคจึงบังคับพลังใช้สร้อยคอโลหะนีน่า ฆ่าตำรวจโปแลนด์ซะเรียบ และกำลังจะไปคิดล้างแค้นกับเพื่อนร่วมงานในโรงงานด้วย ที่บอกเบาะแสของตนเอง จนทำให้ลูกเมมียตาย
กลับไปที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ แมคทัคเกิร์ทรีบออกมาจากโพรง และบินกลับสหรัฐฯทันที ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น ชาร์ลก็ใช้เซเรโบรดูเหตุการณ์ในไคโรว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะแฮงค์บอกว่าศูนย์กลางแผ่นดินไหวทั่วโลกอยู่ที่นั่น และชาร์ลก็พบกับแมคทัคเกิร์ทกำลังมุดออกมาจากโพรงพอดี ชาร์ลจึงตั้งใจจะไปหาแมคทัคเกิร์ทอีกครั้งในรอบสิบปี
ชาร์ลใช้ซีเรโบรเพ่งไปที่อียิปต์ (X-MEN: Apocalypse)
ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ด้านทางเอ็น เซบาร์ นอร์ หลังจากคืนชีพด้วยร่างใหม่ที่มีฮีลลิ่งเฟคเตอร์ เอ็น เซบาร์ นอร์ ก็เดินออกมากลางตลาดกลางเมืองไคโร และพบกับสาวน้อยกลายพันธุ์ชาวอาฟริกาใต้ที่ชื่อ ออโรโร่ มันโรว์ ผู้มีพลังควบคุมสภาพอากาศได้ ซึ่งออโรโร่นั้นใช้พลังของเธอเป็นเพียงหัวขโมยกิ๊กก็อก และกำลังถูกชาวบ้านล้อมจับ เอ็น เซบาร์ นอร์ จึงไปช่วยเหลือออโรโร่
ออโรโร่พาเอ็น เซบาร์ นอร์กลับมาที่บ้าน และบอกว่าเธอนั้นนับถือมิสทีคฮีโร่ของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์มากแค่ไหน (ออโรโร่มีรูปมิสทีคแปะฝาบ้านซะด้วย ติ่งมิสทีคนั่นเอง) เอ็น เซบาร์ นอร์นั้นเชิญชวนให้ออโรโร่เลิกทำตามกฏมนุษย์ เพราะมนุษย์กลายพันธุ์ต่างหากที่สมควรปกครองโลกและออกกฏ จากนั้นเอ็น เซบาร์ นอร์ก็ปลุกพลังแฝงยีนส์Xในตัวออโโร่ให้ตื่นขึ้น กำเนิดเป็น สตอร์ม ที่มีพลังขั้นสูงสุด และสตอร์มก็กลายเป็นจตุรอาชาคนแรก
ออโรโร่ มันโรว์ ผู้มีพลังควบคุมสภาพอากาศ (X-MEN: Apocalypse)
ที่ประเทศอังกฤษ มิสทีคพาไนท์คราวเออร์มาส่งให้คาลีบัน ซึ่งคาลีบันมีพลังค้นหามนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆได้ คาลีบันจึงใช้พลังนี้เป็นโบรกเกอร์หัวหน้าแคลนแห่งเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ เพื่อหาเงินกับความสามารถมนุษย์กลายพันธุ์นั่นเอง โดยมี อลิซาเบธ “เบตซี่” เบรดด็อค สาวนักพลังจิต(สร้างอาวุธพลังจิตได้ด้วย) ผู้มีฝีมือการต่อสู้ขั้นสูงเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของคาลีบัน
คาลีบัน มิวเทนต์ผู้มีเรดาร์ตรวจหามิวเทนต์คนอื่นได้ (X-MEN: Apocalypse)
และคาลีบันก็บอกมิสทีคถึงข่าวของอีริคที่ปรากฏตัวอีกครั้งในรอบสิบปี ซึ่งอีริคพิ่งเสียลูกเมียไปซะด้วย อีริคทำการฆ่าตำรวจโปแลนด์สาเหตุที่ทำให้ลูกเมียอีริคไปด้วยหลายคน มิสทีครู้ทันทีว่าอีริคกำลังมีปัญหาหนัก มิสทีคจึงเปลี่ยนใจ โดยการพาไนท์คราวเออร์ไปที่สถาบันเซเวียร์แทน
หลังจากมิสทีคจากไปได้ไม่นาน เอ็น เซบาร์ นอร์ก็พาสตอร์มเทเลพอร์ทมาหาคาลีบัน และชักชวนเบ๊ตซี่เข้าร่วมเป็นจตุรอาชา เอ็น เซบาร์ นอร์ปลุกพลังยีนส์Xให้เบ็ตซี่ถึงขั้นขีดสุด กำเนิดเป็น ไซล็อค จตุรอาชาคนที่สอง
อลิซาเบธ “เบตซี่ ” เบรดด็อค หรือ ไซล็อค ผู้ใช้พลังจิตมาเป็นอาวุธ (X-MEN: Apocalypse)
ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ไซล็อคแนะนำให้เอ็น เซบาร์ นอร์ไปชักชวนสุดยอดนักสู้ในโลกใต้ดินที่เธอรู้จัก นั่นก็คือแองเจิ้ล แต่บัดนี้แองเจิ้ลมีปีกพิการ ไซล็อคจึงคิดหันหลังกลับ แต่เอ็น เซบาร์ นอร์เห็นเลือดนักสู้ในตัวแองเจิ้ล จึงมอบปีกเหล็กให้แองเจิ้ลซึ่งสะบัดขนเหล็กโจมตีได้ กำเนิดเป็น อาร์คแองเจิ้ล จตุรอาชาคนที่สาม
วอร์เรน เวิร์ทธิงตันที่สาม หรือ อาร์คแองเจิ้ล ได้ปีกเหล็กใหม่ (X-MEN: Apocalypse)
ที่แลงลีย์ ฐานใหญ่ซีไอเอ ชาร์ลและอเล็กซ์มาพบกับแมคทัคเกิร์ทที่นี่ โดยที่แมคทัคเกิร์ทจำชาร์ลไม่ได้ แต่ก็นับถือชาร์ลเพราะได้ยินชื่อเสียงชาร์ลมานาน แมคทัคเกิร์ทเล่าให้ชาร์ลฟังถึงลัทธิบูชาเอ็น เซบาร์ นอร์ และจากบันทึกโบราณต่างๆนั้น สืบย้อนไปจนเชื่อได้ว่าเค้าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีอายุนับหมื่นปี ชาร์ลจึงคิดจะพาแมคทัคเกิร์ทเดินทางมาที่สถาบันเซเวียร์
ที่โปแลนด์ อีริคกำลังจะมาฆ่าเพื่อนๆร่วมงานที่โรงงานเหล็ก เพราะคนเหล่านี้เป็นสาเหตุให้ลูกเมียอีริคต้องตาย แต่เอ็น เซบาร์ นอร์และจตุรอาชาสามคนก็เทเลพอร์ทมาที่โรงงานนี้ และเอ็น เซบาร์ นอร์ก็ฆ่าคนทั้งโรงงาน เอ็น เซบาร์ นอร์กำลังชักชวนอีริคให้เข้าร่วมเป็นจตุรอาชา โดยกระตุ้นอีริคด้วยการพาอีริคเทเลพอร์ทไปที่ค่ายกักกันเอาท์ชวิต ที่ซึ่งพ่อแม่ของอีริคถูกฆ่า ทำให้อีริคระเบิดพลังแม็กนีโต้ขั้นสูงสุดออกมา กำเนิดเป็นจตุรอาชาคนที่สี่
แม็กนีโต้ปั่นป่วนคลื่นแม่เหล็กโลก (X-MEN: Apocalypse)
ที่สถาบันเซเวียร์ในสหรัฐฯ มิสทีคพาไนท์คราวเออร์มาเพื่อฝากให้เรียนที่นี่ และเพื่อจะแจ้งข่าวให้ชาร์ลรู้เรื่องเศร้าของอีริคด้วย ไนท์คราวเออร์นั้นเดินเล่นในโรงเรียนจนไปเจอกับจูปิลี่/จีน/และสก็อต ทั้งสี่คนจึงชวนกันออกไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า
หลังจากชาร์ลได้รู้ว่าอีริคสูญเสียลูกเมีย ชาร์ลจึงพาอเล็กซ์/มิสทีค/แมคทัคเกิร์ท/และแฮงค์ เข้าไปในเซเรโบรเพื่อค้นหาอีริค แต่ชาร์ลก็ต้องพบกับตอ เมื่อเอ็น เซบาร์ นอร์ใช้ช่องทางการสื่อสารของเซเรโบรนี้เชื่อมต่อกับมนุษย์ทุกคนบนโลก และสั่งให้กองทัพของทุกประเทศทั่วโลกที่มีระเบิดนิวเคลียร์ยิงขึ้นฟ้าให้หมดทุกลูก เพื่อตัดกำลังมนุษย์ธรรมดา จะได้ไม่มีอาวุธหนักมาฮึดสู้มนุษย์กลายพันธุ์
ขีปนาวุธทั่วโลกถูกสั่งให้ยิงขึ้นฟ้า และลอยอยู่นอกชั้นบรรยากาศเช่นนั้นทุกลูก (X-MEN: Apocalypse)
ในเวลาเดียวกันที่บ้านแม็กซีมอฟ ปีเตอร์ แม็กซีมอฟ หรือ ควิกซิลเวอร์ ก็ดูข่าวทีวีเกี่ยวกับการปรากฏตัวอีกครั้งของแม็กนีโต้ ควิกซิลเวอร์จึงรีบเดินทางไปหาชาร์ล เพราะหวังให้ชาร์ลตามหาแม็กนีโต้ให้นั่นเอง
กลับไปที่สถาบันเซเวียร์ในห้องเซเรโบร แฮงค์พยายามช่วยชาร์ล แต่ก็ทำไม่ได้ ชาร์ลจึงสั่งให้อเล็กซ์ยิงออปติกบลาสต์ทำลายห้องเซเรโบรทิ้งซะเลย อเล็กซ์จึงใช้พลังฮาว็อกของตนปล่อยใส่ทั้งห้องเซเรโบรจนพังยับ และชาร์ลก็หมดสติไป
ฮาว็อกทำลายเซเรโบรตามคำสั่งชาร์ล แสงสีม่วงคือพลังของเอ็น เซบาร์ นอร์ (X-MEN: Apocalypse)
เมื่อเอ็น เซบาร์ นอร์รู้ที่อยู่ของชาร์ลแล้ว เอ็น เซบาร์ นอร์จึงเทเลพอร์ทพาจตุรอาชามาที่หน้าห้องเซเรโบร และแม็กนีโต้ก็ดูดรถเข็นชาร์ลเข้าไปหาพวกตน ก่อนที่เอ็น เซบาร์ นอร์จะเทเลพอร์ทพาชาร์ลและจตุรอาชาของตนไปที่เมืองไคโร
อเล็กซ์หรือฮาว็อกซึ่งใจร้อนจะยิงลำแสงออปติกบลาสต์ใส่พวกเอ็น เซบาร์ นอร์โดยที่แฮงค์ห้ามไม่ทัน ทันใดนั้นประตูเทเลพอร์ทก็ปิด ทำให้พลังของฮาว็อกนั้นพุ่งไประเบิดสถาบันเซเวียร์จนวอดวาย
อโพคาลิปส์และจตุรอาชาของตน (X-MEN: Apocalypse)
ควิกซิลเวอร์ซึ่งมาถึงสถาบันเซเวียร์พอดี จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทุกคนในสถาบันเซเวียร์หลายสิบชีวิตจากแรงระเบิดได้ทันทั้งหมด ยกเว้นเพียงคนเดียวที่ควิกซิลเวอร์ช่วยไม่ได้ นั่นก็คือ อเล็กซ์ ซัมเมอร์ หรือ ฮาว็อก พี่ชายชองสก็อต
เด็กๆทั้งสี่ที่ไปเดินเล่นห้างกำลังกลับพอดี (จูปิลี/ไนท์คราวเออร์/จีน เกรย์/และ สก็อต) สก็อตรีบวิ่งเข้าไปในซากปรักหักพังของสถาบันเซเวียร์เพื่อค้นหาพี่ชาย จีนและไนท์คราวเออร์วิ่งตามเข้าไปด้วย ทันใดนั้น พันเอกวิลเลี่ยม สไตรเกอร์ นำพากองกำลังทหารรีบรุดมาที่สถาบันเซเวียร์ และยิงปืนช็อตสลบใส่ทุกคน ก่อนจะจับตัวมิสทีค / แมคทัคเกิร์ท / บีสท์ /และควิกซิลเวอร์ไปด้วย
พันเอก วิลเลี่ยม สไตรเกอร์ (X-MEN: Apocalypse)
สก็อต/จีน/ไนท์คราวเออร์ ทั้งสามจึงรอดจากปืนช็อต ทหารลูกน้องสไตรเกอร์จะมาค้นหาพวกที่ยังเหลือก็ไม่เห็น เพราะจีนใช้พลังจิตบงการสมองของคนอื่นๆไม่ให้เห็นได้
จีนบอกให้ไนท์คราวเออร์เทเลพอร์ทพาทั้งสามขึ้นไปบนฮ.ของพันเอกสไตรเกอร์เพื่อช่วยคนที่โดนจับ แต่หลังจากทั้งสามอยู่บนเครื่อง ทุกคนก็ใช้พลังกลายพันธุ์ไม่ได้ เพราะบนฮ.มีสนามพลังไฟฟ้าป้องกันพลังกลายพันธุ์ทุกชนิด ทั้งสามจึงต้องเลยตามเลยเดินทางไปบนฮ.จนกว่าจะถึงจุดหมาย
ที่ทะเลสาปอัลคาไล อเมริกาเหนือ สไตรเกอร์พาทุกคนมาขังที่ฐานลับโครงการอาวุธX ในห้องขังนั้น ควิกซิลเวอร์บอกกับมิสทีคว่า แม็กนีโต้คือพ่อของตนเอง (แม่เพิ่งบอกหลังจากไปช่วยแมกนีโต้แหกคุกเพนตากอน)
จีนพาเพื่อนๆเดินไปมาในฐานลับนี้ และได้พบกับตู้เหล็กที่ขัง เจมส์ โลแกน หรือ วูฟเวอรีน ซึ่งเพิ่งถูกเปลี่ยนกระดูกให้เป็นอดาเมนเทียมทั้งตัว จีนจึงใช้พลังจิตปลดล็อคตู้เหล็กที่ขังโลแกน เพื่อปล่อยตัวโลแกน
เจมส์ โลแกน หรือ วูล์ฟเวอรีน (X-MEN: Apocalypse)
ในเวลาเดียวกันที่เมืองไคโร ประเทศอียิปต์ เอ็น เซบาร์ นอร์พาชาร์ลมาที่นี่ เพื่อให้ชาร์ลส่งกระแสจิตบอกทุกคนบนโลก ว่าบัดนี้ถึงวันล้างโลก หรือ อพอคคาลิปส์ (ลำพังกระแสจิตชาร์ลไม่พอส่งไปให้คนทั้งโลก แต่ได้พลังของเอ็น เซบาร์ นอร์ช่วยเหลือ) โดยการล้างโลกครั้งนี้จะทำให้ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด ซึ่งชาร์ลส่งไปว่าผู้แข็งแกร่งต้องช่วยเหลือผู้อ่อนแอแทน และชาร์ลยังแอบส่งกระแสจิตลับบอกจีนด้วย ว่าตนเองอยู่ไคโร โดยที่เอ็น เซบาร์ นอร์นั้นไม่ได้ยิน
จีนกับชาร์ลสื่อสารกัน (X-MEN: Apocalypse)
เอ็น เซบาร์ นอร์ยังต้องการร่างของชาร์ลเป็นร่างใหม่ เพราะที่ผ่านมาเอ็น เซบาร์ นอร์ไม่เคยมีร่างของผู้มีพลังจิตสูงถึงขนาดเข้าถึงสมองทุกคนบนโลกเช่นนี้ เอ็น เซบาร์ นอร์จึงใช้พลังย่อยมวลสารของตนเองถล่มเมืองไคโร และใช้มวลสารนั้นขึ้นรูปใหม่เป็นปีรามิดแห่งการคืนชีพ เพื่อจะทำพิธีย้ายร่างอีกครา..
กลับไปที่ทะเลสาปอัลคาไล อเมริกาเหนือ โลแกนออกมาได้ก็ฟาดงวงฟาดงาไล่ฆ่าทหารลูกน้องสไตรเกอร์แหลก สไตรเกอร์จึงต้องหนีเอาตัวรอดออกไปคนเดียว ก่อนโลแกนจะหนีออกไป จีนก็คืนความทรงจำของความเป็นมนุษย์ ที่เหลือเพียงน้อยนิดให้โลแกน (คือภาษาพูด การสวมเสื้อผ้า การอาบน้ำ สิ่งพื้นฐานทั้งหลายที่มนุษย์ทำ) และโลแกนก็วิ่งหนีเข้าป่าไป (ถ้าไม่ได้จีน โลแกนคงอยู่แบบสัตว์ป่า พูดไม่เป็น และไม่มีสติเหมือนคน)
จีนคืนสติมนุษย์ให้โลแกน (X-MEN: Apocalypse)
สก็อตมายิงลำแสงออปติกบลาสต์ระเบิดประตูช่วยมิสทีค / แมคทัคเกิร์ท / บีสท์ /และควิกซิลเวอร์ ออกมาได้ทั้งหมด และจีนก็แจ้งว่า เธอรู้ที่อยู่ของชาร์ลว่าถูกจับไปไคโร มิสทีคจึงให้ทุกคนใส่เสื้อเกราะของกองกำลังสไตรเกอร์ และให้แฮงค์ขับเครื่องบินเจ็ทของสไตรเกอร์ในฐานลับนี้บุกไปช่วยชาร์ลที่ไคโร กำเนิดทีมเอ็กซ์-เม็นอีกครั้ง
ที่ปีรามิดแห่งการคืนชีพ เมืองไคโร ประเทศอียิปต์ แม็กนีโต้ได้รับคำสั่งให้ทำลายสนามพลังแม่เหล็กทั่วโลก สิ่งใดที่มีธาตุเหล็กอยู่ในพื้นโลกจะถูกดึงขึ้นมาหมด นั่นจะทำให้โลกพังพินาศแน่นอน แม็กนีโต้ยังมีม่านบาเรียสนามแม่เหล็กที่ไม่มีใครเข้าไปได้อีกด้วย
ปีรามิดแห่งการคืนชีพอันใหม่ (X-MEN: Apocalypse)
ทีมเอ็กซ์-เม็นบุกมาถึงไคโร ควิกซิลเวอร์พามิสทีคไปเกลี้ยกล่อมแม็กนีโต้ ว่าเค้ายังมีเพื่อน มีครอบครัว (โดยยังไม่บอกว่าควิกซิลเวอร์คือลูก) ซึ่งก็ทำได้เพียงแค่พูดเท่านั้น เพราะฝ่าเข้าสนามแม่เหล็กไม่ได้
ชาร์ลกำลังจะถูกย้ายร่าง แต่เอ็น เซบาร์ นอร์รับรู้ว่าพวกเอ็ก-เม็นจะบุกมาช่วยชาร์ล จึงให้จตุรอาชาที่เหลือสามคนออกไปขัดขวางระหว่างการทำพิธี ซึ่งในที่สุดไนท์คราวเออร์ก็เทเลพอร์ทพาชาร์ลและเพื่อนในทีมหนีออกไปขึ้นเครื่องบินเจ็ทได้หมดทุกคน และกำลังจะขับเจ็ทหนี
ชาร์ลหัวโล้นแล้วตอนนี้ เพราะกำลังโดนย้ายร่างนั่นเอง แต่พิธียังไม่สำเร็จ (X-MEN: Apocalypse)
อาร์คแองเจิ้ลพาไซล็อคบินตามขึ้นไปที่เครื่องเจ็ท และไซล็อคก็ใช้ดาบพลังจิตฟันหลังคาเครื่องเจ็ทขาด อาร์คแองเจิ้ลบุกเข้ามาในยาน จีนจึงให้ไนท์คราวเออร์เทเลพอร์ทพาทุกคนหนีออกมาทีเดียวหมด และจีนใช้พลังจิตบังคับให้เจ็ทดิ่งลงพื้นโลก ทำให้อาร์คแองเจิ้ลตายทันที แต่ไซล็อคกระโดดหนีออกไปได้ทัน
เอ็น เซบาร์ นอร์ตื่นขึ้นมาโดยรู้ว่าการย้ายร่างไม่สำเร็จ จึงออกไปสู้กับพวกเอ็กซ์-เม็นด้วยความโมโห ควิกซิลเวอร์ถูกเอ็น เซบาร์ นอร์หักขา สก็อตถูกดูดเข้าไปในปูน มิสทีคถูกบีบคอเกือบตาย ชาร์ลจึงเข้าไปในจิตของเอ็น เซบาร์ นอร์และสู้กันทางจิต แต่ชาร์ลเริ่มสู้ไม่ไหว จึงขอร้องให้จีนช่วย
แม็กนีโต้คิดได้ ว่าชาร์ลคือเพื่อนรักของเขา และเป็นครอบครัวเดียวที่เขาหลงเหลืออยู่ แม็กนีโต้จึงกลับใจไปช่วยทีมเอ็กซ์-เม็น และบังคับเหล็กเสียบร่างกายเอ็น เซบาร์ นอร์
แม็กนีโต้เปลี่ยนใจช่วยชาร์ลเพื่อนรัก (X-MEN: Apocalypse)
เช่นเดียวกับสตอร์มที่เห็นมิสทีคฮีโร่ของเธอกำลังถูกทำร้าย สตอร์มจึงเริ่มลังเลกับอุดมการณ์ว่า สิ่งที่เธอทำตามคำสั่งเอ็น เซบาร์ นอร์นั้นถูกต้องหรือไม่ ในที่สุดสตอร์มก็เลือกที่จะช่วยทีมเอ็กซ์-เม็นอีกคน
สตอร์มเริ่มตาสว่างเช่นกัน (X-MEN: Apocalypse)
หลังจากนั้น จีนจึงระเบิดพลังสูงสุดของตนเองออกมา เกิดเป็นเพลิงเผาผลาญเอ็น เซบาร์ นอร์ซึ่งสร้างบาเรียกั้นไว้ และเอ็น เซบาร์ นอร์ก็กำลังจะถอดจิตหนี ซึ่งบาเรียก็โดนสตอร์มใช้ฟ้าผ่าทำลายอีก สก็อตซึ่งหลุดออกมาก็ยิงลำแสงออปติกบลาสต์ใส่เข้าไปอีก เอ็น เซบาร์ นอร์จึงจบชีวิตนับหมื่นปีลงไป และชาร์ลก็ตัดสินใจคืนความทรงจำในอดีตให้แมคทัคเกิร์ท ส่วนไซล็อคก็เดินหนีไปดื้อๆ
จีน เกรย์ ปล่อยพลังขั้นสุด (X-MEN: Apocalypse)
ผ่านไปอีกหลายสัปดาห์ แม็คนีโต้ และ จีน เกรย์ ก็ช่วยกันใช้พลังสร้างสถาบันเซเวียร์ขึ้นใหม่ ชาร์ลตัดสินใจแล้วว่า ยังไงซะก็ต้องมีทีมเอ็กซ์-เม็น ชาร์ลจึงรื้อฟื้นการจัดตั้งทีมขึ้น โดยมีมิสทีคเป็นหัวหน้าทีมคอยฝึกเพื่อนๆและเด็กๆในทีม อันประกอบไปด้วย ไนท์คราวเออร์ / สตอร์ม / ไซคล้อป / จีน เกรย์ / ควิกซิลเวอร์ / โดยแฮงค์หรือบีสท์คอยช่วยมิสทีคฝึกเด็กๆ ส่วนชาร์ลก็เป็นโปรเฟสเซอร์Xโดยสมบูรณ์
ทีม X-MEN ยุค ’80 (X-MEN: Apocalypse)
ปี 1992 ผ่านมา 9 ปี นับตั้งแต่เอ็นเซบาร์นอร์ตายลงไป แม็กนีโต้นั้นปลีกวิเวกไปรวบรวมเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์หัวขบถเหมือนตนเอง แยกไปอยู่กันอย่างสงบห่างไกลผู้คน ส่วนเหล่าเอ็กซ์เมนนั้นช่วยเหลือรัฐบาลสหรัฐฯบ่อยๆ
ที่นอกบรรยากาศโลก คอสมิคบีอิ้งที่ถูกเรียกขานว่า Phoenix (ฟีนิกซ์) ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างและสรรสร้าง กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้โลก ฟีนิกซ์ตั้งใจมาหาจีนที่โลกโดยเฉพาะ ไม่ได้บังเอิญผ่านมา
ฟีนิกซ์ (X-MEN: Dark Phoenix 2019)
จังหวะที่องกรค์สำรวจอวกาศนาซ่าส่งยานขึ้นไปนอกโลกพอดี จึงเจอกับคลื่นฟีนิกซ์ ทำให้ยานอวกาศเสียการควบคุม และขาดการติดต่อกับฮูสตัน
ที่โลก ประธานาธิปดีสหรัฐฯ จึงขอร้องชาร์ลให้ส่งทีมเอ๊กซ์เมนขึ้นไปช่วยเหล่านักสำรวจอวกาศที่ติดอยู่ในยานโดยด่วน มีสทีคจึงนำทีมเด็กๆออกไปในภารกิจนี้ แม้มิสทีคจะไม่ค่อยเต็มใจที่จะพาเด็กๆไปเสี่ยง
ภารกิจช่วยเหลือนักสำรวจอวกาศ (X-MEN: Dark Phoenix 2019)
ที่นอกบรรยากาศโลก เมื่อยานเอ๊กซ์เจทออกสู่ชั้นบรรยากาศ พวกเอ๊กซ์เมนก็คิดว่า ยานอวกาศนาซ่านั้นเข้าใกล้รังสีสุริยะจนทำให้ยานเสียการควบคุม เอ๊กซ์เมนจึงทำการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในยานอวกาศออกมาได้ทั้งหมด ไนท์คราวเออร์วาร์ปไปรับส่ง ควิกซิลเวอร์วิ่งไปคว้าทุกคนให้ไนท์คราวเออร์ จีนใช้พลังจิตคอนโทรลยานให้นิ่ง
นักสำรวจอวกาศปลอดภัยทุกคน แต่จีนนั้นติดอยู่ในยานอวกาศนาซ่า ฟินิกซ์ที่เลือกจีน จึงพุ่งเข้าหาร่างจีนทันที จีนจึงกลายเป็นโฮสท์ของฟีนิกซ์ และลอยอยู่กลางอวกาศโดยหมดสติแต่ไม่ตาย
จีนมีพลังระดับจักรวาลแล้วตอนนี้ (X-MEN: Dark Phoenix 2019)
ไนท์คลอเลอร์รีบวาร์ปไปพาจีนกลับยานเอ๊กซ์เจท จีนฟื้นขึ้นมาโดยทุกคนไม่รู้ว่า จีนมีพลังมหาศาลระดับคอสมิคบีอิ้งทำลายกาแล๊กซี่ได้สบายๆ และฟีนิกซ์ ยังได้ทำลายกำแพงความคิดอันเจ็บปวดของจีนที่ชาร์ลปิดกั้นไว้ตั้งแต่ปี 1975 ไปแล้ว
ทุกคนในยานเอ๊กซ์เจทกำลังจะกลับโลก โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า มียานอวกาศเอเลี่ยนเผ่าพันธุ์ D’Bari (ดี บารี) สังเกตุการณ์อยู่ไกลๆ และเห็นเหตุการณ์ที่ฟินิกซ์ประทับร่างจีนตั้งแต่ต้นจนจบ
ที่โลก พวกมันก็ตามฟีนิกซ์ในร่างจีนมาที่โลกเช่นกัน พวกมันเข้ายึดร่างมนุษย์ เพื่อกลมกลืน และเริ่มออกตามหาฟีนิกซ์ โดยหัวหน้าเอเลี่ยนดีบารีก็คือ Vuk (วูค)
วูค หัวหน้าเอเลี่ยนดีบารี (X-MEN: Dark Phoenix 2019)
ที่สถาบันเซเวียร์ แฮงค์นำจีนไปตรวจ ก็พบว่าพลังกลายพันธุ์ของจีนพุ่งสูงเกินเครื่องวัด ในคืนนั้น เด็กๆจัดปาร์ตี้ฉลองกัน และความทรงจำในวัยเด็กช่วงรถคว่ำกลับมา จีนสัมผัสได้ว่าพ่อของตนเองยังไม่ตาย จีนจึงรีบไปตามหาพ่อ
ที่บ้านของ จอห์น เกรย์ เมื่อจีนพบจอห์นพ่อของตน จีนก็ใช้พลังจิตอ่านใจพ่อ จึงรู้ว่าพ่อไม่เคยคิดจะตามหาจีนและพากลับเลย พ่อรู้ทั้งรู้ว่าชาร์ลมารับจีนไปด้วยซ้ำ พ่อหวาดกลัวจีน ทำให้จีนเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก
พวกเพื่อนๆทีมเอ๊กซ์เมนตามจีนมา และเกิดการปะทะกัน จีนที่ควบคุมพลังจิตไม่ได้เพราะอารมณ์กำลังเหวี่ยง จึงพลั้งมือฆ่ามิสทีคตายไปในเหตุการณ์นี้ด้วย และจีนก็หนีไป
มีสทีคพยายามกล่อมจีนก่อนตนเองจะตาย (X-MEN: Dark Phoenix 2019)
ที่แคมป์ของแม็กนีโต้ จีนที่สับสนและจิตตก มุ่งหน้าไปหาแม็กนีโต้เพื่อถามว่า แม็กนีโต้มีวิธีจัดการกับความโกรธและอาฆาตในหัวใจอย่างไร ยังไม่ทันที่แม็กนีโต้จะอธิบายได้เคลียร์ กองกำลังทหารก็บุกมาจะจับกุมจีน แต่จีนก็หนีไปอีกครั้ง
แฮงค์ แมคคอย หรือ บีสท์ ตามมาที่แคมป์แม็กนีโต้ และบอกว่า จีนฆ่ามิสทีคไปแล้ว และพวกเราต้องหยุดจีน แม็กนีโต้พร้อมด้วยพรรคพวกมนุษย์กลายพันธุ์ จึงออกจากแคมป์ตามล่าจีน ก่อนที่จีนจะพลั้งมือฆ่าเพื่อนๆอีก
แม็กนีโต้ตั้งใจหยุดจีน (X-MEN: Dark Phoenix 2019)
ที่บาร์แห่งนึง จีนใช้พลังจิตพรางตาทุกคนในบาร์ ให้มองว่าตนคือชายสูงวัยธรรมดาที่นั่งซดเหล้าอยู่ แต่เอเลี่ยนวูคนั้นดูออกว่านั่นคือจีนที่พวกตนตามหา วูคพาจีนมาที่รังของเอเลี่ยนดีบารี่ที่อยู่ในแมนชั่นหรู
ที่แมนชั่นหรูของดีบารี วูคบอกจีนว่า ฟีนิกซ์ทำลายดาวดีบารีของพวกตนในพริบตา เหลือรอดเพียงไม่กี่ชีวิต และฟีนิกซ์ก็ดิ่งมาที่โลก เข้ามาประทับร่างจีน วูคต้องการฟีนิกซ์เพื่อใช้พลังของฟีนิกซ์ไปสร้างดวงดาวใหม่ วูคลองขอฟีนิกซ์จากจีนดีๆก่อน
วูคพยายามกล่อมจีน (X-MEN: Dark Phoenix 2019)
ด้านทีมแม็กนีโต้และทีมชาร์ลก็มาปะทะกันหน้าแมนชั่นของวูค ก่อนที่ทุกคนจะลุยเข้าไปในแมนชั่น เพื่อให้ถึงตัวจีนด้วยจุดประสงค์ต่างกัน แม็กนีโต้ต้องการฆ่าจีน แต่ชาร์ลต้องการช่วยจีน
วูคจึงใช้จังหวะนี้ ดูดฟีนิกซ์ออกจากร่างจีน แต่มีหรือฟีนิกซ์จะออกไปง่ายๆ
การต่อสู้ชุลมุน จนกระทั่งกองกำลังทหารบุกมาจับกุมตัวมนุษย์กลายพันธุ์ทุกคน เพราะพวกทหารมีเครื่องมือหยุดพลังกลายพันธุ์ โดยวูคและเอเลี่ยนลูกน้องเฝ้ามองดูห่างๆ
ในขบวนรถไฟขนย้ายนักโทษมนุษย์กลายพันธุ์ ชาร์ลพยายามอธิบายแม็กนีโต้ ว่าจีนไม่ได้ตั้งใจฆ่ามิสทีค และเราต้องช่วยจีน จังหวะเดียวกับที่เอเลี่ยนดีบารีบุกมาอีกรอบ เพราะยังไม่ได้ฟีนิกซ์ ทหารในขบวนรถไฟรู้ว่า พวกตนสู้เอเลี่ยนไม่ไหว จึงจำใจต้องปล่อยมนุษย์กลายพันธุ์ออกมา ทีมแม็กนีโต้และทีมชาร์ลต้องร่วมมือกันอีกครั้ง เพื่อสู้กับพวกดีบารี
มนุษย์กลายพันธุ์รวมพลังสู้เอเลี่ยน (X-MEN: Dark Phoenix 2019)
จีนที่เริ่มควมคุมฟีนิกซ์ได้ในระดับหนึ่ง ก็จัดการพวกเอเลี่ยนดีบารีได้ในพริบตา รวมถึงวูค ก็ไม่สามารถสู้จีนได้ และจีน ก็พาวูคลอยออกไปชั้นบรรยากาศโลก และระเบิดตนเองไปพร้อมกับวูค
เพื่อนๆในทีมเอ๊กซ์เมนคิดว่าจีนตายไปแล้ว แต่จีนที่มีฟีนิกซ์ประทับร่าง ย่อมมีพลังอย่างเช่นฟีนิกซ์ นั่นคือตายและเกิดใหม่ได้ตลอดไม่มีสิ้นสุด และฟีนิกซ์ ก็ยังคงลอยวนเวียนอยู่นอกบรรยากาศโลกอยู่อย่างนั้น
จีนกับฟีนิกซ์ในร่าง (X-MEN: Dark Phoenix 2019)
จบจักรวาล X-MEN ของ FOX
แต่เพียงเท่านี้
สวัสดีครับ _/\_
- Marvel Cinematic Universe บทที่ 9 (มิตรใหม่และศัตรูเก่า) - 02/06/2023
- Marvel Cinematic Universe บทที่ 8 (เวทย์มนตร์ และ พหุภพ) - 10/08/2022
- Black Widow 2021 - 02/10/2021
- Falcon - 23/07/2021
- Scarlet Witch - 17/07/2021
- สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 6 ปิดฉากทีมโคลสัน (อวสาน) - 26/08/2020
- สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 5 เส้นเวลาที่สับสน (Timeline Paradox) - 24/08/2020
- สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 4 ชิลด์กับเรื่องเหนือธรรมชาติ - 21/08/2020
- สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 3 เส้นทางของเดซี่ - 19/08/2020
- สรุปเนื้อเรื่อง Marvel’s Agents of S.H.I.E.L.D. บทที่ 2 กำเนิดทีมโคลสัน - 18/08/2020